วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

จับแม่ทัพไปไถนา- บทที่ 11 คอยมารดาข้ามาทวงถามเอง

                    ถูกต้อง!”  ดวงตาของฮูหยินเฉียวสว่างวาบเหมือนกับอารมณ์นาง   นางครางออกมาอย่างมีชัย   คล้ายกับว่าเจ้าแอบเอาข้าวเปลือกไปขายลับๆ  แล้วตั้งใจแสร้งทำตัวน่าสงสาร    จากนั้นก็มาบ้านเราเพื่อฉ้อโกง!   ฮึ่ม...พวกเจ้าพี่น้องช่างคิดคำนวณมาได้ดีนัก   ด้านหนึ่ง...ก็เก็บข้าวเปลือกไว้เพื่อหารายได้เข้ากระเป๋า   อีกด้านหนึ่ง...ก็มาเรียกร้องเอาข้าวเปลือกเพิ่มอีก  ช่างไร้ศีลธรรมจริงๆ”

                   “แม้บิดามารดาเจ้าไม่อยู่แล้ว    ในฐานะมนุษย์เจ้าควรมีมโนสำนึกบ้าง   อย่าได้ใช้เล่ห์กระเท่ห์ให้มันมากนัก!” เหลียนลี่ยังคงพูดต่อไป อันที่จริงแล้วพวกเจ้าเป็นหลานชายและหลานสาว   เราไม่ควรปล่อยพวกเจ้าลอยนวล    ทั้งต่อต้านการช่วยเหลือดูแลของเรา สามครั้งห้าครั้ง   พวกเจ้าก็ยังไม่เคยโดนลงโทษเลย   ทว่า..พวกเจ้ายังใช้เล่ห์กลโกงและวาจาข่มขู่พวกเรา   มาเรียกร้องเพิ่มอย่างยโสโอหัง!     ถึงกับขอข้าวเปลือกหนึ่งพันกระสอบ   ช่างระรานกันเกินไปแล้ว!”
                   “ท่าน ท่าน....” เหลียนเซ่อโกรธจนพูดไม่ออก   หอบหายใจไม่เป็นจังหวะ เขาตกตะลึง   และเต็มไปด้วยความผิดหวัง
                   เขาไม่คาดคิดเลยว่าลุงและป้าที่มีสายเลือดเดียวกันจะมีวาจาและการกระทำที่ร้ายกาจเช่นนี้   ความสัมพันธ์ของตระกูลอะไรกันเล่า  สายเลือดเดียวกันอะไรกันเล่า   ในสายตาของพวกเขาสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีค่าเลยแม้แต่เงินอีแปะเดียว!
                   ณ เวลานี้  ความโศกเศร้าสะเทือนใจมันมหาศาลกว่าความโกรธของเด็กหนุ่มนัก
                   เหลียนฟางโจวดึงแขนเสื้อเหลียนเซ่อเบาๆ   พลางตบไหล่เขาเพื่อปลอบประโลมและดูคล้ายว่าไม่อารมณ์เสียแม้แต่น้อย     เธอไม่มีท่าทางฉุนเฉียวแม้แต่นิดเดียว   พลางถามขึ้นนิ่งๆว่า สรุปว่าลุงและป้าตัดสินใจไม่ยอมรับเรื่องจะคืนข้าวเปลือกให้เราแล้วใช่หรือไม่?”
                   “ฝันไปเถอะ!”  ฮูหยินเฉียวแค่นเสียงตอบ
                   เหลียนลี่มีชั้นเชิงกว่าภรรยาผู้มีปัญญาทึบอย่างเห็นได้ชัด   เขากล่าวตอบทันควัน คืนอันใดเราไม่เป็นหนี้อะไรพวกเจ้าเสียหน่อย?   แล้วเราจะคืนอันใดได้อย่างไร?”
                   “ถูกต้อง!” ฮูหยินเฉียวรีบสำทับทันที
                   “ฮ่าฮ่า”  เหลียนฟางโจวหัวเราะเบาๆพลางกล่าว ถึงอย่างไร  ท่านแม่ข้าได้บอกข้าให้มา  เข่นนั้นข้าถึงได้มา   ถ้อยคำต่างๆที่มารดาบอกให้ข้าพูดข้าก็ได้กล่าวออกไปหมดแล้ว   ทว่าลุงและป้าไม่เต็มใจยอมรับ    เช่นนั้นแล้ว...คงไม่มีสิ่งใดที่ข้าสามารถทำได้อีก  โอว...ใช่แล้ว  ท่านแม่ข้าบอกข้าอีกด้วยว่า   หากพวกท่านไม่ยอมคืนของมาให้แล้ว   นางจะมาทวงถามพวกท่านด้วยตัวนางเอง  ครานี้เราสองพี่น้องคงต้องขอตัวก่อน!”
                   เหลียนลี่และฮูหยินเฉียวสายตาพลันว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่ง    ทั้งสองไม่รู้ว่าจะกล่าวคำใดออกมาดี     เด็กสาวคนนี้มีวาจาที่ครบกริบ   ทิ่มแทงจนไม่เหลือชิ้นดี    เมื่อใคร่ครวญถึงการแสดงออกและสถานการณ์ที่ขับเคี่ยวกัน   ไม่คาดคิดว่านางจะยุติเรื่องเอาดื้อๆเช่นนี้?
                   ถ้อยคำถอดใจที่เหลียนฟางโจวกล่าวออกมาแจ่มแจ้งนั้น    ทำให้เหลียนลี่มีความรู้สึกคล้ายกับไม่ใช่เรื่องจริงอย่างประหลาด
                   “พวกเจ้าจะกลับไป  แบบนั้นนี่นะ?”  เหลียนลี่อดถามออกมาไม่ได้
                   เหลียนฟางโจวส่งยิ้มบางพลางกล่าว ข้าจะไม่กลับไปแบบนั้น    ข้าเชื่อคำพูดของท่านแม่    พวกท่านจะคืนข้าวเปลือกให้เราอย่างแน่นอน!”
                   “เฮอะ!”  เหลียนลี่ยิ้มเยาะให้สวรรค์     จ้องเขม็งตามหลังขณะที่สองพี่น้องเดินออกไป
                   “ท่านพี่  นี่...ทำไมข้ารู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ!”  ฮูหยินเฉียวพูดเสียงตะกุกตะกัก    นางรู้สึกสงสัยขึ้นมาตะหงิดๆด้วย
                   เจ้าคิดเช่นนั้นรึ?”  เหลียนลี่หันหน้ามามองนางพลางเอ่ยถาม  “แล้วที่เจ้าพูดมาว่าแปลกๆ  มันเป็นอย่างไรเล่า?”
                   ฮูหยินเฉียวหยุดคิดสักครู่  พลันกล่าว  ท่านขอข้าให้พูด  ทว่าข้าไม่อาจกล่าวออกมาได้ว่าข้ารู้สึกว่ามันแปลกอย่างไร!   ท่านไม่เคยเห็นคราที่ฮูหยินเฒ่าสกุลหยางมายกเลิกการหมั้นหมาย   เจ้าเด็กแสบนั่นมันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย    พอมาครานี้ วันนี้ นางก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!”
                   “ฮึ่ม!”  เหลียนลี่แค่นเสียงพลางกล่าวช้าๆ  นางไม่ได้พูดหรอกรึว่ามารดาที่ตายเป็นผีแล้วของนางจะมาหาเรา ? เช่นนั้นแล้ว  เรามาคอยดูกันต่อไปดีกว่า!”
                   ฮูเหยินเฉียวเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาพลางรีบกล่าวละล่ำละลักว่า ทะ ทะ ทะ ท่านพี่  ท่านกล่าวอะไรเหลงไหลเช่นนี้    ในเมื่อทุกอย่างก็ออกราบรื่นดี    เหตุใดนางจะมาพบเรา!  เราไม่ได้ทำร้ายนางซักหน่อย!”
                   “เจ้าช่างขี้กลัวอะไรอย่างนี้!”  เหลียนลี่มองหน้านางนิ่งๆพลางเอ่ยออกมา   “ข้าไม่เชื่อหรอก!”
                   ใจของฮูหยินเฉียวตกไปที่ตาตุ่ม  รอยยิ้มนางแข็งค้าง  ทว่าก็ไม่ได้กล่าวอันใดออกมา
                   พี่ใหญ่”  เมื่อออกมาจากบ้านเหลียนลี่  เหลียนเซ่อให้หัวเสียนักขณะที่เขาเดินตามหลังเหลียนฟางโจว    เขาเอ่ยเสียงขึ้น ข้าไม่เคยคิดเลยว่าลุงกับป้าจะทำกับเราเยี่ยงนี้!  ตอนที่ท่านพ่อและท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่   เขามาที่บ้านเราบ่อยๆ เพื่อมาเอานั่นเอานี่ไปเฉยๆ   พวกเขากล่าวคำเหล่านั้นออกมาได้อย่างไร  พวกเขาเป็นลุงและป้าของเราแท้ๆรึไม่?”
                   เหลียนฟางโจวหัวเราะเล็กน้อยพลางกล่าว เจ้ายังไม่เห็นอีกรึ? ต่อไปนี้  ไม่จำเป็นต้องอารมณ์เสียเพราะพวกเขาอีกแล้ว   เพราะมันช่างไร้สาระนิ่งนัก!”
                   “ข้าไม่ได้...”  ตัวเหลียนเซ่อเองก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกเขาออกมาอย่างใรในชั่วขณะนี้อีกด้วย   เขาได้แต่เปิดปากและหุบปากลงไปใหม่พลางก้มหัวลง
                   พี่ใหญ่  ท่านแม่เราไม่ได้มาเข้าฝันพี่จริงๆใช่ไหม?”  เหลียนเซ่ออดถามออกมาไม่ได้  เขาถอนใจ “ถึงแม้เป็นเรื่องจริง แล้วอย่างไร  ข้าได้บอกไปตั้งแต่ต้นแล้ว  ว่าลุงและป้าไม่มีทางคืนข้าวเปลือกให้แก่เราหรอก ทว่าพี่สาวไปไม่ต้องวิตกไป   เราจะไม่อดตายแน่   เราแค่อยู่รอดให้ผ่านช่วงหน้าหนาวนี้ก็พอ   คอยจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวปีหน้า   ข้าจะคอยเฝ้ามองอย่างเข้มงวดไม่ปล่อยให้พวกเขาช่วยเราอีก
                   “ครานี้เป็นเวลาใด  ยังเหลืออีกหนึ่งปีกว่าจะถึงฤดูเก็บเกี่ยว!”  เหลียนฟางโจวกรอกตาไปมา   ทว่าเมื่อมองใบหน้าเศร้าหมองของน้องชาย  หัวใจพลันอ่อนยวบ  นางกล่าวเสียงนุ่มว่า เอาล่ะ ครานี้ เจ้าก็ทำใจให้สบายเถิด  ข้าวเปลือกหนึ่งพันกระสอบนี้  เราจะได้กลับคืนแน่นอน! ทว่าก่อนหน้านั้น  เจ้าจำเป็นต้องตั้งใจฟังแผนการของข้าก่อน!”
                   เหลียนเซ่อมองหน้านางอย่างุนงง  เหลียนฟางโจวหัวเราะเบาๆ   นางนึกแผนการดีๆออกแล้ว
                   เช้าตรู่วันที่สอง  หลี่ต้ามู่ได้จัดเตรียมเกวียนเทียมวัวแล้วไปเรียกเหลียนเซ่อ   เขาต้องการร่วมเดินทางไปเหมืองหินกับเด็กหนุ่มเพื่อไปซื้อกระเบื้องและอิฐ  
                   เหลียนฟางโจวประสงค์จะไปกับทั้งสองด้วย   ช่วงนี้ชื่อเสียงของเธอย่ำแย่   เธอควรใช้โอกาสนี้ไปเปิดหูเปิดตา   การไปชมเยี่ยมชมวิวทิวทัศน์ของขุนเขา   ลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่เพาะปลูกและสภาพของพืชผลการเกษตรถือเป็นความคิดที่ดี
                   หลี่ต้ามู่คิดสักครู่  พลันพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
                   เหลียนฟางฉิงเห็นเช่นนี้ก็รบเร้าขอไปด้วยเพื่อไปเที่ยวเล่นบ้าง   ทว่า  เหลียนฟางโจวไม่อนุญาติ   เธอบอกเหลียนเช่อและนางให้อยู่เฝ้าบ้าน   เหลียนฟางฉิงทำง้ำท่าทางขัดใจชัดเจน
                   เหลียนฟางโจวเห็นใบหน้าที่เศร้าสร้อยน่าสงสารแทบจะทนมองไม่ได้   ดังนั้นนางจึงก้มตัวลงและดึงน้องน้อยเข้ามาใกล้ๆพลางกระซิบว่า เชื่อฟังและอยู่บ้านกับพี่สามนะ  รอจนพวกพี่กลับมาตอนเย็นก่อน แล้วพี่จะทอดไข่ให้พวกเจ้ากิน  ดีไหมเอ่ย?
                   สีหน้าของเลียนฟางฉิงพลันสดใสขึ้นทันใด พลางแลบลิ้นเลียลิ้มฝีปากด้วยความอยากกิน โดยไม่รู้ตัว   สักครู่นางสั่นหัวพลางกล่าวว่า ไม่ได้   ไข่ต้องเก็บเอาไว้ขาย  เช่นนั้นแล้วเราถึงจะซื้ออาหารได้”
                   หัวใจเหลียนฟางโจวพลันเหมือนมีหนามทิ่มแทงทั้งรู้สึกเศร้าสลด   นางกล่าวอย่างอ่อนโยน เงินที่ไว้ซื้ออาหาร  พี่สาวจะหาเอง  ไม่จำเป็นต้องขายไข่ไก่  จากนี้ไปไข่ไก่ของเรามีไว้ให้เจ้าและเหลียนเช่อกินเท่านั้น”
                   “จริงๆรึ?!”   เหลียนฟางฉิงโพล่งออกมาด้วยความดีใจ   รีบพยักหน้ารัวๆ  นางกล่าวด้วยว่า “พี่ใหญ่และพี่รองก็กินด้วยนะ”
                    “ได้จ้ะ  เราจะกินด้วยกัน”  เหลียนฟางโจวยิ้ม
                   เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อนั่งบนเกวียนที่ลี่ต้ามู่ขับพาทั้งสามไปที่เหมืองหินช้าๆ
                   ทันทีที่พ้นหมู่บ้านต้าฟาง  เหลียนฟางโจวได้สังเกตทัศนียภาพสองข้างทาง   เธอเห็นว่าทั้งสองฟากถนนเป็นเนินเขาสลับซับซ้อน   หรือไม่ก็ที่ราบที่โผล่กลางเนินเขา  มีต้นไม้เขียวชอุ่มปกคลุม  นางมองคร่าวๆและเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นต้นสนเฉว[1]  สนซ้ง[2]   สนชง[3]  ต้นเฟิง(เมเปิ้ล)[4]  ต้นจาง(การบูร)[5]
                   มีเนินที่ราบมากมาย  หลายๆที่ได้รับการฟื้นฟูจากความแห้งแล้งด้วยการปลูกพืชผลตามฤดูกาล   พื้นดินแห้งแตกระแหงและมองเห็นเป็นสีเหลือง   สีเหลืองที่เห็นนั่นคือต้นอ่อนของมันเทศ[6]และเผือก[7]   และที่เห็นเป็นชิ้นๆ ซี่ๆจำนวนหนึ่ง  คือชั้นตากเต้าหู้ที่มีสภาพแตกหัก[8]
                   บริเวณที่มีแหล่งน้ำ ถูกขุดเป็นร่องยาวให้เชื่อมทะลุสู่ทุ่งนา  เวลานี้ใครได้มีโอกาสไป  จะเห็นภาพท้องทุ่งทั้งหมดเต็มไปด้วยตอข้าว  ที่ตอนนี้ทั้งแห้งและเหลืองไปทั้งสิ้น

                   เหลียนฟางโจวไม่จำเป็นต้องไปซักถามผู้ใด    เธอย่อมเข้าใจได้ด้วยตนเอง

7 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับ รอติดตามสนุกมากครับ

    ตอบลบ
  2. อยากอ่านต่อค่าาา เมื่อไหร่ท่านแม่ทัพจะมาเนี้ยยย

    ตอบลบ
  3. เป็นลุงป้าที่น่า...มาก

    ตอบลบ
  4. รอสองลุงป้าเจอเรื่องสนุกจากหลานสาวคนโต หึหึ

    ตอบลบ
  5. ญาติแบบนี้หน้าตบ

    ตอบลบ
  6. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  7. เกลียดความโง่ เซ่อ ซื่อบื่อ โลกสวยผิดสถานการณ์ของเหลียนเซ่อ มีพรรคพวกโง่ ๆ ทึ่ม ๆ แบบนี้ เป็นภัย เป็นตัวถ่วง สร้างความเสียหายมากกว่า การต่อกรกับคนเลว คนเอาเปรียบแบบลุง ป้าคู่นี้ หรือพวกบ้านคู่หมั้นเก่าเสียอีก

    ตอบลบ