วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 14 เจ้ายังอยากได้ผู้ชายสักคนไหม?

                   แม้ตัวเหลียนฟางโจวจะยิ้มพร้อมร้องเรียกเสียงดัง “ป้าใหญ่!”  ทว่าคำทักทายนั้นไม่ได้หลุดรอดผ่านหูของนางเลยแม้แต่น้อย
                   ฮูหยินเฉียวอดปรายตามองหลังคาที่ได้รับการซ่อมแซมจนใหม่เอี่ยมอ่องไม่ได้  ภายในใจนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา   ครั้นแล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ฟางโจว...ข้าได้เคยบอกเจ้าแล้วว่า   หลังคาบ้านของครอบครัวพวกเราต้องได้รับการซ่อมแซม    เห็นเจ้าหาซื้อกระเบื้องมาได้โดยง่าย   เช่นนั้น...เจ้าก็เอามาให้ข้ายืมใช้ก่อน   เมื่อลุงลี่ของเจ้ามีเวลาว่างแล้ว  คอยหาซื้อกลับคืนให้เจ้าภายหลัง   ดีหรือไม่?”

                   “ท่านอยากได้กระเบื้องของบ้านข้ารึ” เหลียนฟางโจวหัวเราะด้วยความขบขัน
                   ฮูหยินเฉียวมองหลานสาวด้วยสายตาเอ็นดู  ไม่มีท่าทีโกรธเคือง    พยักหน้าพลางพูดขึ้นว่า “ใช่   แค่ขอยืม  เมื่อถึงเวลาแล้วย่อมซื้อคืนกลับให้เจ้าแน่นอน!”
                   “ป้าต้องการเท่าไรเล่า?”  หญิงสาวเอ่ยถามขึ้น
                   ฮูหยินเฉียวรู้สึกพึงพอใจ   ครานี้หลานสาวนางดูอ่อนลงแล้ว   นางกรอกตาไปมา  ซื้อคืนรึ  มันก็แค่แผนการ   จึงรีบกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า  “ป้าไม่ได้ใช้มากมายเท่าใดหรอก  อืม  แค่ 800-900  ชิ้นก็น่าจะพอ  เอ... ไม่ถูกต้องนี่   ถ้าเป็นไปได้   ป้าอยากได้สักไม่ต่ำกว่า 1,000 ชิ้น  ก็น่าจะดี”
                     หญิงวัยกลางคนภูมิใจกับความคิดเอาเปรียบของตนนัก    คำว่า 1,000  มันหมายถึงจำนวนมากมาย  เมื่อไตร่ตรองดูสถานการณ์แล้ว   นางต้องเจรจาเอาให้ได้มากที่สุด   หลังคาบ้านนางยังไม่จำเป็นต้องซ่อมแซม  ทว่า..สามารถเอามาใช้ทำหลังคาเล้าหมู  คอกวัว...
                   เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว   เหลียนฟางโจวจึงถอนหายใจเบาๆ  กล่าวด้วยความรู้สึกผิดหวังว่า “ทว่า ป้าใหญ่  นี่อาจเป็นโชคไม่ดีแล้ว  อันที่จริงครอบครัวพวกเราได้ซ่อมหลังคาไปแล้วเมื่อวานนี้   ใช้กระเบื้องที่ซื้อมาไปเกือบหมดแล้วด้วย   มีเหลือเพียงไม่กี่โหลเท่านั้น    หากท่านคิดว่ายังเอามาใช้ประโยชน์อื่นๆได้   ท่านก็มาเอาไปได้ ไว้คอยพวกเราไปหาซื้องวดหน้าด้วยกัน     ส่วนท่านก็รีบมาแจ้งให้เร็วกว่านี้หน่อย!”
                   พลันฮูหยินเฉียวถึงกับตะลึงงัน   มองสำรวจไปรอบๆลานบ้าน   บนพื้นเตียนโล่งสะอาดเรียบร้อย    ไม่มีสิ่งใดนอกจากนี้   เช่นนั้นแล้วกระเบื้องที่ซื้อมามากมายหลายโหลหายไปอยู่เสียที่ไหนกัน?
                   นางจ้องเหลียนฟางโจวด้วยความฉุนเฉียวพลางกล่าวว่า  “มันน่าตายนัก   เจ้ากล้าหลอกลวงข้ารึ!”
                   “ป้าใหญ่   ท่านไม่สมควรพูดเช่นนี้!”  เหลียนฟางโจวยกยิ้มพลางกล่าว “นี้ไม่ใช่เป็นเพราะท่านถามข้ามา  ข้าก็ตอบท่านแล้ว  กลายเป็นว่าข้าไปหลอกท่านเล่นได้อย่างไร?”  สีหน้าหญิงสาวพลันมืดครึ้ม  สายตาเยียบเย็นจ้องเขม็ง  ดวงตาลุกวาว ไปที่ฮูหยินเฉียว  ทำให้ใครบางคนจำต้องสงบปากสงบคำลง   เด็กสาวเอ่ยต่อว่า “เมื่อปีที่แล้ว  ครอบครัวท่านเพิ่งสร้างบ้านหลังใหม่เอี่ยม   ทว่า..ท่านกลับวิ่งแจ้นมาหาข้าเพื่อเอากระเบื้องมากกว่า 1,000 ชิ้น  ข้าจึงคิดว่า  แท้จริงแล้วท่านน่าจะมาหลอกลวงเอาเปรียบข้าซะมากกว่า  ใช่หรือไม่?”
                   ฮูหยินเฉียวเงียบกริบทันใด   ได้แต่กระแอมไอ และเอื้อนเอ่ยแก้ต่างว่า   “ข้าต้องการอันใดกัน แค่ขอยืมเอง เอาเปรียบอันใดกันเจ้าต่างหากที่ไม่เต็มใจจะให้ยืม  จะเสียเวลาพูดพล่ามให้มากความไปใย!”
                   “…”  เหลียนฟางโจวระอากับท่าทีและวาจาที่พรั่งพรูยืดยาวออกมาของป้าสะไภ้ จึงยิ้มเหยียดออกมา   “ดั้งเดิมแล้ว  ป้าบอกมาขอยืม  ข้าชักไม่แน่ใจแล้วว่า  คำว่า ขอยืม’  ของท่านกับที่ข้าคิด   มีความหมายเดียวกันหรือไม่  ทว่าคำว่าขอยืมของท่าน  น่าจะเป็นคำว่า เอาแต่ได้ซะละมากกว่า!”
                   ฮูหยินโกรธจัดจนแทบจะพ่นควันออกทางปากและจมูก  ตั้งแต่นางคลอดออกมาจากท้องแม่  นางไม่เคยโกรธจัดจนแทบคลั่งเยี่ยงนี้มาก่อนเลย!
                   โดยเฉพาะเมื่อก่อน   เป็นนางที่เป็นเพียงฝ่ายรังแกสี่พี่น้องฟางนี้   ครานี้นางกลับถูกรังแกโดยเจ้าเด็กปีศาจนี่    ถูกมันเอาชนะทิ้งให้อยู่เบื้องหลังไม่เห็นฝุ่น  มีแต่จะเพลี่ยงพล้ำให้มันมากขึ้นเรื่อยๆ    คิดได้ดังนั้นแล้ว  ทำให้ความโกรธขึ้งของนางพุ่งขึ้นทบเท่าพันทวี
                   “เจ้าคงจะภูมิใจมากละสิ!”  ฮูหยินเฉียวแค่นเสียง  สินค้าที่เรียกว่า “ยกเลิกสัญญาหมั้น”  ให้สิ่งที่ทำให้เจ้าชอบใจมากทีเดียว!  แต่อย่าได้ลำพองใจไป  เพราะสิ่งที่ข้าเห็น  คือชีวิตนี้  เจ้าคงไม่มีปัญญาแต่งให้ใครได้อีก!”
                   “ป้าใหญ่  โปรดกลับไปซะเถิด!”  เหลียนเซ่อที่โกรธจัดตะโกนขึ้น  พร้อมกับพุ่งตัวออกมา
                   “ใจเย็นๆ” เหลียนฟางโจวยึดตัวน้องชายไว้   นางยิ้มบางให้ฮูหยินเฉียว  เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านพูดว่าข้าไม่ใส่ใจการที่ข้าจะได้แต่งงานหรือไม่ได้แต่งงานนั้น  มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน!   ท่านกลัวว่าข้าจะหาผู้ชายไม่ได้รึง่ายจะตายในใต้หล้านี้   หากบที่มีสองขา  ก็ใช่ว่าจะยาก  นับประสาอะไรกับ  หาบุรุษสองขาที่มีอยู่ถมถืดไป!”
                   “พวกเจ้า..”  ดวงตาของป้าแก่ๆจ้องเขม็งมาที่หญิงสาวด้วยสีหน้าถมึงทึง   พลันกระทืบเท้าและตะโกนเสียงดัง  “โอ เจ้านี่มันหน้าหนาจริงๆ!”
                   เหลียนฟางโจวไม่สนใจเหลียนเซ่อที่อึ้งตะลึงเป็นไบ้ไปด้วย   เด็กสาวมองผ่านเลยไปทางฮูหยินเฉียว  จ้องมองนางนิ่งพลางแย้มยิ้มด้วยสาตาสื่อความหมาย   พลันเอ่ยขึ้นว่า “ป้าใหญ่  ตั้งแต่ที่ท่านเกิดมาจนเป็นสาวใหญ่จนถึงทุกวันนี้   ท่านมีความละอายด้วยรึ?  หรือว่าตัวท่านเองก็คอยจ้องหาผู้ชายอยู่ตลอดเวลา?   ข้าขอแนะนำให้ท่านเพลาๆลงบ้างนะ   หากข้าเป็นเหมือนท่าน    พวกผู้ชายคงเต็มใจอยู่เป็นโสดกันหมด   เพราะคงไม่มีบุรุษใดต้องการหญิงแบบนี้หรอก !”
                   “เจ้า เจ้า!”  ฮูหยินเฉียวราวกับถูกต่อยจนสลบกลางอากาศ  สายตาว่างเปล่า เป็นนานจึงค่อยกลับคืนมาสู่ปัจจุบัน  เจ้าเด็กสามหาวตรงหน้า  ทำให้นางบ้าคลั่งจนเกือบเป็นลม  หัวใจกระตุกอย่างแรง  จนไม่รู้ว่าจะทำเช่นใดดี!
                   “ท่านอยากจะพูดสิ่งใด?”  เหลียนฟางโจวกระแอมขึ้น พลางพูดว่า “ข้าบอกท่านแล้ว  ว่าให้รีบคืนข้าวเปลือก 1,000 กระสอบมาเสีย  มิฉะนั้น  ฮึ่ม! มารดาข้าได้กล่าวว่า นางจะมาตามมาทวงกับท่านเองแน่นอน!”
                   “เจ้า ฝันไปเถอะ!”  ฮูหยินเฉียวสูดลมหายใจเฮือกใหญ่   พลางหันซ้ายหันขวา  มองพื้น  ที่ว่างเปล่าอย่างขมขื่น  ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำสลับขาวจนเป็นเขียว  รีบเผ่นแน่บออกไปทันที
                   เห็นท่าทางตลกเช่นนั้นของฮูหยินเฉียว  เหลียนฟางโจวเองอดหัวเราะจนตัวงอไม่ได้
                   “พี่ใหญ่”  หญิงสาวได้ยินเสียงแผ่วเบาดังเข้ามาในโสตประสาท   เป็นเสียงของเหลียนเซ่อนั่นเอง  “แย่แล้ว!”  นางพึ่งนึกได้ว่าน้องชายยืนอยู่ข้างๆนางด้วย
                   เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเขา  พบว่าใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างเด่นชัด  ทั้งเต็มไปด้วยความอับอาย  โกรธ และเศร้าใจ 
                   “พี่ใหญ่  ท่านพูดออกมาได้อย่างไร  ท่านพูด...”  เหลียนเซ่อเศร้าใจจนไม่รู้จะกล่าวคำใดออกมาดี
                   “เจ้าจะพูดว่า ท่านกล่าววาจาเหล่านี้ออกมาได้อย่างไร  ถูกต้องหรือไม่?”  เหลียนฟางโจวต่อคำพูดให้  เมื่อนางเห็นสายตาของเขาดูตกใจ   จึง ถอนหายใจออกมาเบาๆ  ลดเสียงให้นุ่มนวลลง  “ใจเย็นๆ  พี่ใหญ่กล่าวออกไปเพื่อขู่ให้ป้าใหญ่กลัวพี่เป็นคนเช่นใด  เจ้าไม่รู้หรอกรึพี่ใหญ่แค่พูดออกจากปาก   เมื่อเทียบกับคนอื่นทีเขาลงมือทำด้วย  พวกนั้นร้ายกาจกว่านัก!   เช่นนั้น..เจ้าจะดูแคลนพี่ใหญ่หรือไม่?”
                   “ไม่... ไม่เด็ดขาด!”  เหลียนเซ่อสั่นหัวรัวๆ  “ข้าจะดูถูกพี่สาวข้าได้เยี่ยงไร!”  ข้ารู้ดีว่าพี่ใหญ่ต้องการให้ป้าใหญ่หวาดกลัว    ทว่า หากป้าใหญ่เอาไปพูดในที่สาธารณะ  ชื่อเสียงพี่สาวจะเสียหายเอาได้นะ?”
                   เหลียนฟางโจว เหยียดยิ้ม พลางกล่าวว่า “เจ้าวางใจเถิด  คำกล่าวเหล่านี้นางกล้าพูดให้คนอื่นฟังได้รึ จะมีคนเชื่อว่าหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน  พูดคำเช่นนั้นได้รึพี่เจ้าเคยพูดคำเหล่านี้มาก่อนรึ? หากเป็นเรื่องขึ้นมาจริงๆ  นางพูดไปใครจะเชื่อ!”
                   นึกถึงใบหน้าที่อับอายของป้าเฉียว  เหลียนฟางโจวอดหัวเราะออกมาไม่ได้จริงๆ
                   “...”  เหลียนเซ่อพลันอับจนด้วยคำพูด
                   “เลิกกังวลได้แล้ว”  เหลียนฟางโจวตบไหล่น้องชายเบาๆ  ยิ้มบางพลางกล่าวด้วยน้ำสียงอ่อนโยน “พี่ใหญ่คนนี้สัญญากับเจ้า  ครั้งหน้าพี่จะไม่กล่าวคำเยี่ยงนี้อีก!”
                   “อืม!”  เหลียนเซ่อผงกหัว  สีหน้าเริ่มแช่มชื่นขึ้น
                   ฮูหยินเฉียวเผ่นหนีจากบ้านเหลียนฟางโจว  ด้วยอาการใจสั่นหน้าแดง เคลื่อนไหวเงอะงะงุ่มง่าม   จนกระทั่งเมื่อกลับถึงบ้านตนเอง   นางจึงเริ่มหายใจหายคอคล่องขึ้น  นางสูดหายใจยาวๆด้วยความโล่งอก    จนพละกำลังกลับคืนมา
                   “เจ้า เป็นอย่างไรบ้าง?” ลุงลี่ถามขึ้น  จ้องมองนางด้วยสายตาแปลกๆ
                   “ข้า...” ฮูหยินเฉียวสะดุ้ง  พยายามพูดแก้เก้อว่า “ไม่  ไม่มีอะไร  ไม่มีอะไรทั้งนั้น!”
                   แม้ว่าทั้งสองจะอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยามานานหลายสิบปี  ทว่า นางไม่เคยกล่าวคำเช่นนี้ออกมา   แสดงว่านาง  หน้าแตกกลับมา!
                   “ไม่มีอะไรรึ?  ให้ตายเถอะ  แล้วเจ้าใยเจ้าถึงทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกมาอย่างนั้นเล่า!”  เหลียนลี่จ้องมองนางอย่างไม่พอใจ
                   ไม่ใช่แค่ใบหน้า  ในใจของฮูหยินเฉียวก็รู้สึกหวาดกลัวด้วย! เ หลียนฟางโจวเด็กสาวคนนั้น ฉลาดเฉลียวเกินอายุ  หากเด็กสาวไม่ได้เจอวิญญาณจริงๆ  แสดงว่านางก็ต้องวิกลจริต  ไม่เช่นนี้เด็กอายุสิบกกว่าปี  จะกล่าวคำเยี่ยงนั้นออกมาอย่างไรได้
                   “เหลียนฟางโจวมันเก่งขึ้นแล้วจริงๆ  ฮึ่ม ข้าปดนาง  เพื่อเบียดบังเอากระเบื้องมาบางส่วน  ทว่า..นางเล่นงานข้ากลับโดยไม่คาดคิด!”  นางกระแอมไอเพื่อเปลี่ยนเรื่อง    ขุ่นเคืองกับวาจาที่เหลียนลี่พูดต่อหลังจากนั้น
                   เมื่อเหลียนลี่ฟังจนจบ   ให้รู้สึกโมโห “เป็นเรื่องเหลวไหลจริงๆเด็กสาวคนนี้ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์นางไม่เคยพูดจาตรงไปตรงมา  ทว่า..ครานี้ เป็นเจ้าเอง  หลังคาบ้านเราเพิ่งจะถูกเปลี่ยนมา  เจ้าดันไปพูดเช่นนี้  มันมิทำให้คนที่ได้ฟัง   มาล้อเลียนเราหรอกรึข้าบอกได้เลยว่า เจ้ามันพ่ายแพ้หมดรูป!  แถมยังทำสิ่งโง่งมด้วย?  ยังไม่รีบไปทำอาหารมาให้ข้ากินอีก! ”
                   ฮูหยินเฉียว คราง “ฮึ่ม คราวหน้า  เจ้าลองไปลับฝีปากกับนางดูเองบ้างสิ”  จากนั้นจึงเข้าครัว  เอาข้าวใส่หม้อ  ซาวข้าวและตั้งไฟ
                   ช่วงรอข้าวเดือด  ฮูหยินเฉียวไปที่ลานบ้านเพื่อให้อาหารบรรดาไก่ และลูกไก่
                   เมื่อมองเห็นไก่  พลันสร้างความประหลาดใจให้นางทันที  “กรี๊ด...ท่านพี่  มาเร็ว  มาเร็วเข้า!”
                   “ผีหลอก  ผีหลอก ผีหลอกเจ้ารึ!”   เหลียนลี่ร้องตะโกนออกมาจากในห้อง
            “ท่านเดินมาสิ  มาดูสิ!” ฮูหยินเฉียวครานี้ไม่สนใจแล้วว่าเขาจะบ่นว่าอะไร   ชี้ไปที่บรรดาไก่ที่อยู่ในลานบ้าน

18 ความคิดเห็น:

  1. อีสองคนผัวเมียคู่นี้จะเลวไปถึงไหน อยากรู้มากว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วจะเอาข้าวคืนได้ยังไง

    รอตอนต่อไปนะคะ ติดตามทุกวันเลย เข้ามาดู. 3 เวลา เผื่อจะอัพ

    ตอบลบ
  2. รอตอนต่อไปอิอิกำลังสนุก

    ตอบลบ
  3. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  4. เริ่มแผนผีหลอกอิอิ อยากเจอท่านแม่ทัพเร็วๆ

    ตอบลบ
  5. อยากรู้จริงๆ ว่านางจะเอาข้าวกลับมายังไง

    ตอบลบ
  6. ลุงกับป้านี้เลวมากจริง ปีรีบมากลอกเลยอิอิ

    ตอบลบ
  7. รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อค่ะ ขอบคุณนะคะที่แปลให้อ่าน

    ตอบลบ
  8. หลานเล็กๆขาดพ่อแม่ทำไมไม่สงสารอย่างนี้ต้องตบ

    ตอบลบ
  9. รอคอยท่านแม่ทัพ อย่างใจจดจ่อ อยากรู้ จะโคจรมาเจอกันได้ไง

    ตอบลบ
  10. เกิดอะไรขึ้น! ป้ากรี๊ดซะลั่นบ้านเลย

    ตอบลบ
  11. เริ่มแผนผีหลอกอิอิ อยากเจอท่านแม่ทัพเร็วๆ

    ตอบลบ
  12. ด่าซะป้า เถียงไม่ทันเชียว

    ตอบลบ
  13. โอ้ยน่าจะเจอให้หนักนะ2ผัวเมียนี้เกียนจริงๆๆ

    ตอบลบ
  14. ขอบคุณค่ะ
    โหย ยัยป้ามหาภัยนี่ เมื่อไหร่จะจมดินไปสักที

    ตอบลบ