วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 17 ในที่สุดก็ได้กินข้าวสวยสักที

           ครั้นแล้วเหลียนฟางโจวเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “มีเรื่องอะไรที่พี่สาวกับน้องชายคุยกันไม่ได้เล่า เจ้ามีอันใดก็พูดมาเถิด!
          ใบหน้าเหลียนเซ่อหม่นหมอง  เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงต่ำ  “ท่านพ่ อท่านแม่ตอนยังมีชีวิตอยู่เคยกล่าวไว้ว่า ต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเมื่อไร  จะต้องให้เหลียนเช่อเข้าเรียนในโรงเรียนประจำหมู่บ้าน...”

          เมื่อเห็นเหลียนฟางโจวตกใจ  เหลียนเซ่อจึงกล่าวว่า “กินให้อิ่มเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงรึพี่ใหญ่ ข้าคงกินได้เพียงเล็กน้อยเราควรส่งเสริมให้เช่อเอ๋อร์เรียนดีกว่า ?”
          “ดีงั้นรึ!”  เหลียนฟางโจวเอานิ้วดีดหน้าผากน้องชายพลางเอ่ยว่า “แท้จริงแล้วเจ้ากำลังเตือนความจำข้า  เช่อเอ๋อร์ยังเล็กนัก  ยามนี้ควรให้เขาเรียนหนังสือย่อมดีกว่าอยู่แล้ว  ข้าจะทำให้เขาได้เรียนแน่เจ้าพูดออกมาตรงๆ  ด้วยเรื่องแค่นี้เท่านั้นรึ  ไฉนจึงต้องพูดด้วยท่าทางเช่นนี้ด้วยเล่าเพื่อจะเตือนให้พวกเรากินให้น้อยๆใช่หรือไม่?!”
          “เจ้ากำลังมองพี่สาวร่วมสายเลือดของเจ้าเป็นเพียงแค่คนนอกใช่หรือไม่แล้วเช่อเอ๋อร์ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวของข้ารึ ?   ส่วนตัวข้าไม่ได้หวังให้เขาเติบโตเป็นคนดีหรอกรึ?”
          เหลียนฟางโจวแค่นเสียงเบาๆ  แท้จริงแล้วในหัวใจของเธอรู้สึกอ้างว้างด้วยความโศกเศร้า  เธอทุ่มเทเพื่อครอบครัวนี้ไปมากมาย  พยายามอย่างหนักเพื่อให้ครอบครัวดำรงอยู่   ทว่าในท้ายที่สุด  กลับไม่มีใครเห็นคุณค่า!
          พวกเขาไม่ถือว่าเธอเป็นคนในครอบครัว
          “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่!”  เหลียนเซ่อมองออกว่านางกำลังโกรธ  อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยความรู้สึกผิด “ ข้าขอโทษ  พี่ใหญ่  ข้าทำผิดไปแล้ว  ข้าทำผิดจริงๆข้า ข้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร- ถึงอย่างไร  ข้าก็ไม่อาจพี่ใหญ่อย่าได้โกรธไปเลย  ให้อภัยข้านะต่อไปข้าจะไม่ทำอีกแล้ว...”
          เหลียนเซ่อกลัดกลุ้มและละอายใจ  พยายามอธิบาย ขอโทษขอโพย  พูดจาไม่ปะติดปะต่อ   และพบว่าตนเองไม่อาจพูดอธิบายออกมาได้!
          เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นใคร  ทว่าจิตใต้สำนึกบอกว่านางไม่ใช่พี่สาวเขา  คล้ายกับว่าหญิงสาวตรงหน้าเขานี้อาจเป็นคนอื่น  แต่ก็ไม่อาจหาเหตุผลเพียงพอมาอธิบายได้?
          เขามันโง่งมจริงๆมีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร?   การคิดว่าพี่สาวเป็นคนอื่น  ไม่ใช่พี่สาวเขา  แถมยังหาต้นสายปลายเหตุไม่ได้?
        หากเป็นคนอื่นจริง  เหตุใดจึงดีต่อพวกเขามากเช่นนี้เหตุใดจึงจัดการชีวิตของพวกเขาให้เข้าที่เข้าทางได้ดีเช่นนี้?
          แม้ว่าพี่สาวเปลี่ยนไป  แตกต่างจากเมื่อครั้งในอดีต  แต่นั่นก็เพื่อให้พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงตนเองด้วย!
          “เอาล่ะ”  เหลียนฟางโจวถอนหายใจเบาๆ  กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าต้องจำไว้  ข้าเป็นพี่สาวของเจ้า  เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันตลอดไป รู้หรือไม่?”
          ความคิดอ่านเบื้องลึกในจิตใจของเหลียนฟางโจว  ไม่ต้องสงสัยเลยว่า  เขาไม่รู้สึกว่าเหมือนดังเก่าก่อนเลย  ความเปลี่ยนแปลงในครอบครัวหลายวันที่ผ่านมา  หากให้เหลียนฟางโจวคนเดิมเป็นผู้ทำ ออกจะดูยากลำบากเกินความสามารถไปมาก  ตัวเขาเองนั้นยังยากที่จะยอมรับได้ในทันที  สัญชาติญาณตอบโต้ของเขา  จึงเกิดขึ้นมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
          “อืม! “  เหลียนเซ่อพยักหน้าด้วยความละอายใจครั้งแล้วครั้งเล่า  เด็กหนุ่มได้ปฏิญาณในใจอย่างจริงจัง  แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะจดจำ และจำไว้ต่อจากนี้ไปข้าจะไม่สงสัยในตัวพี่สาวอีกต่อไป  ไม่อีกแน่นอนไม่ว่าพี่สาวข้าจะเปลี่ยนไปอย่างไร  ท่านก็ยังเป็นพี่สาวของเรา  เสมอ!”
          “นี่...ถูกต้องนัก!”  เหลียนฟางโจวเลิกคิ้วพลางยิ้ม  นางกล่าวด้วยน้ำเสียงมีชีวิตชีวา “ดีแล้ว  ไปกันเถิด  ลงไปข้างล่างกันคืนนี้เราจะหุงข้าวอร่อยๆกินกัน  ข้าจะทอดไข่กินกับเจ้าด้วย!”
          “อืม”  เหลียนเซ่อยิ้มเก้อเขิน  นี่คงเป็นครั้งเดียวที่เขาไม่ต้องคอยบอกใครๆว่า  เขาไม่กิน
         
มื้อเย็น  เหลียนฟางโจวได้หุงข้าวสวยของจริงสักที  นางหั่นต้นกุยช่ายใส่ลงไปด้วย  จากนั้นจึงตีไข่สามฟอง   โรยดอกกุยช่ายสับลงไปด้วย  
          เหลียนฟางโจวคนใข่กับดอกกุยช่ายให้เข้ากันดี แล้วเทลงไปในกระทะร้อน  ไข่ก็ฟูฟ่องเต็มกระทะในทันที  ส่งเสียงฉี่ฉ่า  กลิ่นหอมอันเข้มข้นลอยตลบอบอวลไปทั่วบ้าน
          เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อได้กลิ่นหอม อดกลืนน้ำลายไม่ได้  จ้องมองกระทะไม่วางตาด้วยความหิว  พวกเขาพยายามสูดกลิ่นหอม  พลางร้องตะโกนด้วยความดีใจ  “หอมจังหอมจริงๆเลย!”
          “ต้องอร่อยแน่นอน!”  และก็มีอีกหลายคำที่เอ่ยตามออกมา  ครัวเล็กๆ  เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยอย่างมีความสุข   รวมทั้งเสียงหัวเราะเฮฮาด้วย
      
    เตาร้อนแดงมีควันพวยพุ่งออกมาจากห้องครัวที่อบอุ่น   เมื่อเฝ้ามองน้องเล็กสองคนที่อยู่ในห้องถัดไป  กำลังหัวเราะและเล่นกันอยู่   เหลียนฟางโจวพลอยรู้สึกอบอุ่นใจตามไปด้วย  เธอตกลงใจอย่างแน่วแน่ว่า  เธอจะต้องพาครอบครัวให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้ได้ไม่ใช่เพื่อแสวงหาความร่ำรวย   ทว่าเพียงเพื่อไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเครื่องนุ่งห่มอีกต่อไป
          มื้ออาหารเย็นนี้  สี่พี่น้องต่างกินอาหารร่วมกันอย่างมีความสุขยิ่งนัก  ไข่เจียวดอกกุยช่ายสับ  ฟักยัดไส้มันเทศทอดหนึ่งชาม  น้ำแกงกุยช่ายหนึ่งชาม  ซึ่งต้นกุยช่ายนี้ครอบครัวป้าจางได้ให้มา 
          อาหารจานผักที่ปรุงอย่างง่ายๆไม่กี่จาน  ทำให้ผู้คนอิ่มท้องจนไปถึงอิ่มเอมในหัวใจ
          วันต่อมา  เหลียนฟางโจววางแผนล้อมรั้วแปลงผัก  เป็นการเตรียมการก่อนจะหว่านเมล็ดผักเป็นลำดับถัดไป
          เธอ พร้อมทั้งเหลียนเซ่อ  เหลียนฟางฉิง และเหลียนเช่อ ต่างขึ้นเขาไปด้วยกัน  เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อช่วยเก็บกิ่งไม้ในป่า  พวกเขาตัดต้นไม้หนาๆด้วยขวานด้ามเล็กๆ  รวมทั้งหากิ่งหวาย  จากนั้นจึงค่อยกลับไปเพื่อก่อสร้างรั้วล้อมแปลงผัก  ลูกไก่ทั้งหลาย  แม้เพิ่งจะฟักออกจากไข่ ก็คงถอดใจที่จะเข้ามาในอาณาบริเวณนี้อีกครั้งเป็นแน่
          เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อทั้งคู่ออกนอกบ้านตลอดทั้งวัน  โดยเฉพาะเหลียนฟางฉิงที่ทำตัวเหมือนกระต่ายน้อยที่รื่นเริง  เที่ยววิ่งเล่นไปมาจากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง  พูดคุยจ๊อกแจกจอแจพร้อมรอยยิ้มไม่หยุด  เหลียนฟางโจวต้องคอยปรามบ่อยๆว่า ห้ามวิ่ง  ห้ามส่งเสียงดัง’!  ครั้นแล้วเหลียนเช่อสวนกลับมาว่า “พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวลไป  แค่บอกว่าแลกกับอาหารมื้ออร่อย  ฉิงเอ๋อร์ย่อมไม่กล้าดื้อดึงแน่!”
          ภายในป่ายามนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นทันใด
          บรรดากิ่งไม้ที่มีขนาดหนาเท่านิ้วชี้  ถูกเก็บรวบรวมโดยเหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อ  มัดรวมเป็นกองอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  เพื่อให้พี่สาวและพี่ชายสามารถแบกขึ้นบ่ากลับบ้านได้โดยสะดวก
          ในป่า  ยามนี้มีกิ่งไม้และใบไม้แห้งมากมาย  ครั้นพวกน้องน้อยเก็บมาได้ก็รวบรวมมัดรวมกันได้สองมัดใหญ่    ดูท่าทั้งสองยังคงเก็บกันต่อไปไม่หยุด
          เหลียนฟางโจวสงสารเด็กน้อยทั้งสอง  อยากบอกให้พวกเขาหยุด  ก็เกรงว่าพวกนั้นจะไปวิ่งเล่นกันต่อแทน  หากเกิดบาดเจ็บขึ้นมา  ก็สู้ให้พวกเขาทำงานต่อไปดีกว่า  เช่นนั้นแล้วจึงไม่ห้ามน้องทั้งสองคน
          กิ่งไม้ที่เก็บจากต้นไม้ในป่าเพื่อเตรียมทำเป็นรั้ว  หากอันไหนไม่ได้ขนาด  ก็ยังสามารถเอาไปใช้เป็นฟืนแทนได้
          “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ที่นี่มีเห็ดด้วย  ที่นี่มีเห็ดด้วยเหลียนฟางฉิงพลันค้นพบสถานที่ใหม่พลางร้องตะโกนอย่างตื่นเต้น  พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม  เร็วรีบวิ่งมาดูเร็วเข้า!”
          “อย่าไปถอนขึ้นมาซี้ซั๊วนะ!”  เหลียนเซ่อรีบตะโกนห้ามเสียงดัง  ทำให้คนทั้งหมดสะดุ้งตกใจ “อย่าไปจับมั่วซั่วนะ   ระวังพิษมันด้วย!
          “ไม่มีพิษหรอก!”  เหลียนฟางฉิงทำปากยื่นอย่างไม่สบอารมณ์  ทว่าก็ยังเชื่อฟังโดยถอยมือที่จะไปหยิบออก  ทำหน้ายู่  ดวงตาสีดำส่องประกายของเด็กน้อยมองเหลียนฟางโจวอย่างคาดหวัง “พี่ใหญ่สามารถกินได้หรือไม่?”
          เหลียนฟางโจวมองตรงไปยังพุ่มหญ้าหนาๆซึ่งมีเห็ดประมาณสิบดอกขึ้นอยู่  เห็ดขนาดใหญ่มีขนาดเท่าไข่ไก่ ขนาดเล็กมีขนาดเท่าเหรียญทองแดง  หรือขนาดที่เล็กกว่านั้น  เป็นรูปวงรี มีผิวชั้นนอกบางๆเป็นสีน้ำตาล 
      
    เห็นเช่นนั้นแล้วเหลียนฟางโจวจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เห็ดพวกนี้เรียกว่าเห็ดเผาะ สามารถกินได้  ฉิงเอ๋อร์เก่งมากจริงๆ!”
          “เย็นนี้มากินเห็ดกัน! เย็นนี้กินเห็ดกันเถิด!”  เหลียนฟางฉิงลูบเห็ดอย่างร่าเริง  ชวนเหลียนเช่อเข้ามาเก็บทันที
          “ตรงนี้มีเห็ดสีเทา...สามารถกินได้หรือไม่?”  เหลียนเซ่อที่ยังไม่รู้สึกเบาใจยังคงพูดต่อ “พี่ใหญ่ ระวังด้วย  จะทำอย่างไรหากพวกเด็กๆเผลอกินเข้าไป?  ปีที่แล้วหมู่บ้านซิงเจียงมีครอบครัวหนึ่งโลภมากกินเห็ดมีพิษเข้าไปตายหมดยกครัวเลย  ในหมู่บ้านเราก็มีบางคน กินเห็ดป่าพวกนี้แล้วก็อาเจียนออกมาจนตาย....
          เหลียนฟางฉิงได้ยินวาจาของพี่สาว  มือน้อยๆถอนเห็ดอย่างรวดเร็ว  ปากเล็กๆเอ่ยว่า “พี่ใหญ่บอกว่าสามารถกินได้แน่นอน!   พี่ชายช่างเป็นคนขี้กลัวจังเลย!”
          เช่นนั้นแล้วเหลียนฟางโจวจึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย เจ้าสบายใจได้เลย เห็ดนี้สามารถกินได้จริงๆ  อย่าได้สงสัย  ข้าไม่พูดพล่อยๆหรอก!  ฉิงเอ๋อร์  ในโลกนี้มีเห็ดมากกว่า หนึ่งพันชนิดที่กินได้  เห็ดรสชาติอร่อย ก็มีอยู่หลายสิบชนิด!  หากต่อไปพวกเจ้าพบเห็ดอีก ให้มาถามพี่ใหญ่ก่อน อย่าได้เก็บมาโดยพลการรู้ไหม?”
          ยามเช้านี้เหลียนฟางโจวได้ใช้องค์ความรู้ในตัวที่มีอยู่  สอนน้องๆให้รู้จักว่าอะไรเป็นอะไร  เหลียนฟางฉิงพลันเอ่ยว่า “ทราบแล้วพี่ใหญ่  ข้าเชื่อพี่ใหญ่พี่ใหญ่เรามาหาเห็ดที่กินได้ด้วยกันดีหรือไม่?
          เหลียนฟางโจวมองหน้าน้องสาว พลันพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เจ้าไปดูตรงแถวนั้นกับเช่อเอ๋อร์ถึงอย่างไรต้องระมัดระวังด้วย  อย่าไปเหยียบรังมดเข้าอีกทั้งหญ้าพวกนี้มีใบแหลมคม บางชนิดก็มีหนามยาว  เจ้าต้องระวังด้วยนะ!”

          “ทราบแล้ว พี่ใหญ่!”  เหลียนฟางฉิงพยักหน้าอย่างร่าเริง   พลางชักขวนหลียนเช่อไปหาเห็ดด้วยกัน    

16 ความคิดเห็น:

  1. ดีต่อใจข้ายิ่งนัก ขอบคุณขอบคุณ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณคะ
    เด็กๆน่ารักทุกคนเลย

    ตอบลบ
  3. ต้มยำเห็ดอร่อยหึหึ

    ตอบลบ
  4. ต้มยำเห็ดอร่อยหึหึ

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณค่ะ หากได้กุ้งมาทำต้มยำกุ้งใส่เห้ดฟางเลย คงอร่อยมาก อิอิ

    ตอบลบ
  6. เด็กๆน่ารักจังเลยน๊าาาา

    น้องรองนี่ความรู้สึกเร็วจริงๆ 555+

    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  7. รออีกตอนแทบไม่ไหวแล้วค่ะ

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณคะ ....รอนะคะ

    ตอบลบ
  9. วันนี้ได้อ่าน 2 ตอนจุใจเลยค่ะ ในที่สุดก็ได้ข้าวคืนสักที

    ขอบคุณที่แปลค่ะ รอตอนต่อไปจ้าอย่าทิ้งหลายวันนะ ลุ้นท่านแม่ทัพอยู่ ไม่เจอกันสักที

    ตอบลบ
  10. เห็ดอร่อย!และมีประโยชน์!

    ตอบลบ
  11. เด็กๆน่ารักทุกคน🌸😊

    ตอบลบ
  12. เห็ดคั่วเกลือ ฉิงฉิงน่ารัก

    ตอบลบ