วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2560

จัพแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 23 ปรับปรุงผืนดินต้องลงแรง

          “ฮ่า..ฮ่า เด็กสาวผู้นี้นับวันจะพูดเก่งขึ้นๆนะ! ขอบใจ  ขอบใจ  ทว่าก็ขอให้เจ้านึกถึงตัวเองให้มาก  เอาล่ะแยกย้ายกลับกันได้แล้ว!” ป้าจางหัวเราะเบาๆพลางเอ่ย “ในภายภาคหน้า พวกเจ้าอย่าได้หักโหมจนเกินกำลังไปนัก  หากมีงานที่ต้องใช้แรงกายอย่างหนัก  ก็จงแจ้งพวกเรามา  ข้าจะให้ลุงลี่และพวกข้าสามคนรวมทั้งลูกชายคนโตข้ามาช่วยพวกเจ้าสี่พี่น้องเจ้าเป็นพี่คนโตของครอบครัวจะแข็งแกร่งพอหรือไร?  น้องชายคนรองเจ้าก็ยังเล็ก  กระดูกคงยังอ่อนอยู่มาก  อย่าได้หักโหมเกินไปนัก!  เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่มีผลไปทั้งชีวิต!”

          “อา ป้าจางโปรดวางใจเถอะ  ข้าจะดูแลเหลียนเซ่ออย่างดี!”  เหลียนฟางโจวยิ้มพยักหน้ารับคำด้วยจิตใจที่อบอุ่น
          ป้าจางเห็นความตั้งใจมุ่งมั่นของนางจึงไม่เอ่ยประโยคที่เหลือ  ทว่านางก็อดถอนหายใจเบาๆไม่ได้  ยามนี้ยังไม่เหมาะที่จะพูดสิ่งใด  จึงกล่าวต่อไปอีกเพียงสองสามคำ ครั้นแล้วจึงจากไป
          “ไปกันได้แล้ว! เรากลับบ้านไปพักผ่อนกัน! พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า!” เหลียนฟางโจวยิ้ม มือหนึ่งจับเหลียนฟางฉิงอีกมือฉุดเหลียนเช่อ
          “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ พวกเราชนะแล้วใช่หรือไม่ส่วนฮูหยินหลิวจอมวายร้ายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เหลียนฟางฉิงเบิกตากลมโตกว้างพลางเงยหน้าขึ้นถาม
          “...” เหลียนฟางโจวไม่รู้ว่าจะร้องให้หรือหัวเราะดีกับสาวน้อยตัวเล็กคนนี้  ความภาคภูมิใจและความตื่นเต้นฉายชัดบนใบหน้าเล็กๆนี้  ที่ไหนนางจะรู้ถึงความน่ากลัวของเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น  หากเธอเป็นฝ่ายเพรี่ยงพล้ำขึ้นมา  ผู้ที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากเสียงซุบซิบนินทาของผู้คนมากมายคงเป็นตัวเธอ  คงจะตกเป็นฝ่ายได้รับคำดูถูกเหยียดหยามจากทุกคนในหมู่บ้านแทน
        “สาวน้อยคนดี  กลับไปนอนได้แล้วที่รักอย่าได้พูดถึงเรื่องนี้อีก  ภายหลังเจอคนสกุลหัวก็ให้เลี่ยงๆไปซะ  รู้ไหม?”  เหลียนฟางโจวหัวเราะขณะพูด
          เหลียนฟางฉิงได้แต่ทำตาปริบๆอย่างเชื่อฟัง  พลางกระซิบเสียงเบา “ภายหน้าข้าจะไม่ปะทะกับพวกนาง...กับคนพาลเยี่ยงนั้น...
          วันต่อมาหลังอาหารมื้อเช้า  เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อไปล้อมรั้วแปลงผักด้วยกันสองคน  เธอและเหลียนเซ่อ ตัดแต่งกิ่งไม้ให้เป็นแท่งตรง  ริดแขนงกิ่งก้านทางด้านข้างออก แล้วนำท่อนไม้สามท่อนผูกมัดติดกันให้แน่น  เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อคอยยื่นส่ง ท่อนกิ่งไม้เหล่านั้นให้  ทั้งเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อนำท่อนไม้ดังกล่าวปักลงไปบนดิน  เพื่อทำเป็นรั้วล้อมแปลงผักให้รอบ
          ป้าจางและฮูหยินจ้าวลูกสะใภ้อาสาเข้ามาช่วยเหลือในการนี้  ทว่าเหลียนฟางโจวกลับยืนกรานอย่างเดียวว่านี้คืองานเบาๆ  ไม่จำเป็นต้องใช้แรงงานเพิ่ม  ป้าจางจึงจำต้องหยุดช่วยไป
          ส่วนในใจของฮูหยินจ้าวก็ไม่ได้ยินดีเข้าช่วยเหลือแต่แรก  เมื่อเหตุการณ์เป็นดังนี้  ทำให้นางโล่งใจยิ่งนัก  พลางส่งยิ้มขอบคุณให้เหลียนฟางโจว
          ทั้งสี่พี่น้องใช้เวลาช่วงเช้าล้อมรั้วแปลงผักจนเสร็จ  เมื่อถึงตอนเที่ยงจึงได้หยุดพักกันอีกครั้ง  ช่วงบ่ายเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ  ช่วยกันพรวนดินในแปลงผัก  ทำให้ปรากฏเนินดินเป็นแถวตรงอย่างเป็นระเบียบสวยงาม  จากนั้นทั้งสองพี่น้องได้ขนขี้เถ้าในเตาไฟมาบางส่วน  รวมทั้งขอมูลไก่มาจากเล้าไก่ของเพื่อนบ้าน  นำมาคลุกเคล้าเข้าด้วยกันให้ทั่ว  ผสมกับดินที่พรวนไว้  รดน้ำให้ชุ่ม  เป็นการเตรียมพื้นที่รอไว้พรุ่งนี้  จึงจะทำการหว่านเมล็ดพันธุ์เป็นลำดับถัดไป         
          ในตอนเย็น  เหลียนฟางโจวนำสิ่งของที่มารดาที่ตายไปแล้วเก็บไว้ออกมา  พบจานที่มีห่อกระดาษสีเหลืองซึ่งบรรจุเมล็ดพันธุ์ผักไว้
          ในครอบครัวนี้โดยปกติไม่มีคนที่สามารถอ่านออกเขียนได้  บนห่อกระดาษมีสัญลักษณ์เครื่องหมายที่ขีดเขียนด้วยถ่านไม้  คิดว่าท่านแม่ที่ตายไปแล้วคงทำเอาไว้ใช้แยกความแตกต่างของห่อเมล็ดพันธุ์
          ในมือของเหลียนฟางโจวครานี้ถือห่อกระดาษสีเหลืองอยู่  เมื่อคิดถึงคนที่จากไป  อดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้
          แม้เธอไม่รู้ว่าเครื่องหมายที่ปรากฏบนห่อกระดาษสีเหลืองนั้นหมายถึงอะไร  ทว่าเธอผู้ซึ่งในชาติภพที่แล้วเกิดมาในครอบครัวที่เชี่ยวชาญทางด้านเกษตรกรรม   รอบรู้เรื่องเมล็ดพันธุ์ผักทุกชนิดเป็นอย่างดี  แค่ให้เธอมองและจับดูก็กระจ่างแก่ใจแล้ว
          ในบรรดาเมล็ดพันธุ์เหล่านี้มีเมล็ดผักกาด  

ผักชี 

กะหล่ำปลี 

ผักกาดก้านขาว 

กะหล่ำดอก

 และพืชผักใบเขียวอื่นๆ

          เธอเปิดดูเมล็ดพันธุ์ผักทีละห่อ เมล็ดกลมๆขนาดเหรียญเงินกลิ้งไปมาเบาๆ  เปลือกของเมล็ดบางและบางเมล็ดปริแยกออกเล็กน้อย 
          หลังจากนั้น เธอไปหาจานก้นตื้นมาสามใบ ใส่เมล็ดพันธุ์ลงไปทั้งหมด  เมล็ดผักกาด และผักชีใส่แยกไว้ในจานใบหนึ่ง  เมล็ดพันธุ์อื่นที่เหลือ  เธอใส่รวมกันไว้ในจานใบเล็กๆ  และเติมน้ำลงไปตามลำดับ  เพื่อแช่เมล็ดพันธุ์ให้ปริ่มน้ำทิ้งไว้
          เมล็ดพันธุ์ที่แช่ทิ้งไว้ในช่วงเย็น   รอให้ถึงเช้าวันรุ่งขึ้นเมล็ดเหล่านี้ก็จะเปิดปากแทงยอดอ่อนออกมา ไม่เพียงแต่แทงยอดอ่อนไวขึ้นเท่านั้น  อัตราการแตกยอดอ่อนก็สูงมากขึ้นอีกด้วย
          ยามที่เหลียนฟางโจวจัดการเรื่องเหล่านี้  เหลียนฟางฉิงก็นั่งดูอยู่ไม่ห่าง  นางเอามือท้าวคาง ดวงตางดงามเบิกกว้าง  จ้องมองด้วยความสนใจใคร่รู้
          เหลียนฟางโจส่งยิ้มให้นางเป็นระยะๆ   ระหว่างตระเตรียมเมล็ดพันธุ์
        เธอวางจานทั้งสามใบบนโต๊ะ  เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง  เมล็ดทั้งหลายได้ปริแยกออก  อีกทั้งยอดอ่อนต้นเล็กๆขาวๆยื่นออกมา 
          เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว  เธอและเหลียนฟางฉิงไปที่แปลงผักด้วยกัน  ทั้งสองหว่านเมล็ดพันธุ์ผักจนเสร็จ  จึงรดน้ำให้ชุ่ม 
          เพียงไม่เกินสองสามวัน  จะได้กินยอดอ่อนกะหล่ำปลีสดใหม่ 
          ส่วนผักอื่นๆต่างก็เจริญเติบโตสูงขึ้นประมาณสองนิ้วมือ  พวกเขาคัดเลือกแต่ต้นกล้าที่แข็งแรง และสุขภาพดี  เพื่อเตรียมย้ายไปปลูกอีกครั้ง
          เมื่อสองสามวันก่อนเหลียนฟางโจวใส่ปุ๋ยในแปลงผัก  อีกทั้งตัดแต่งต้นพริกไทยเล็กน้อยเมื่อกลับมาดูอีกที  พบว่าต้นพริกไทยเขียวขึ้น  ออกดอกสีขาวเล็กๆ  อีกทั้งยังออกผลเล็กๆตามมามากมาย  จิตใจของเธอพลันเบิกบานยิ่งนัก
          แม้แต่เหลียนฟางฉิงยังเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม  “พี่สาวช่างเก่งกาจจริงๆต้นพริกไทยพวกนี้โตสูงขึ้นมากเลย!”
          เมื่อเห็นเช่นนั้นเหลียนฟางโจวจึงยิ้มพลางเอ่ยว่า หากต้นพริกไทยเติบโตเต็มที่แล้ว  พี่ใหญ่จะเก็บผลเอาไปทำใข่เจียวอร่อยๆให้กิน  ดีหรือไม่?”
          “โห! พริกไทยอ่อนที่ไม่เผ็ดมาก  ข้าชอบกินมากที่สุดเลย!”  เหลียนฟางฉิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มพลางพูดขึ้น “พี่ใหญ่และพี่รองต้องกินด้วยกันนะ!”
          ยามนี้เหลียนฟางโจวต้องต้มใข่วันละหนึ่งถึงสองฟองให้น้องสาวและเหลียนเช่อกินทุกวัน  ส่วนเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อไม่กิน   ด้วยเหตุนี้เหลียนฟางฉิงจึงพูดออกมาเช่นนี้
          ใจของเหลียนฟางโจวพลันรู้สึกอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว  เปล่งเสียงอุทานพร้อมรอยยิ้ม “ดีจัง!”
          เด็กๆพวกนี้ชอบทำให้เธออ่อนไหวได้เรื่อยๆเลย
          สองดรุณีพี่น้องปิดประตูรั้วแปลงผักและตรงกลับบ้าน  ส่วนเหลียนเซ่อและเหลียนเช่อคงออกไปขุดมันเทศกันแล้ว  น่ากลัวว่าพวกเขาอาจกลับมาก่อนเที่ยง
          หลังจากพักสักครู่  เหลียนฟางโจวไม่รู้สึกวางใจนัก  เธอจึงให้เหลียนฟางฉิงนำทางไปหาน้องชายทั้งสอง
         
แปลงปลูกมันเทศอยู่แถวเนินท่าสินค้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของหมู่บ้าน  ห่างไปประมาณ 5-6 ลี้  ใกล้ๆกันมีถนนอันคดเคี้ยวทอดยาวไปจนถึงตีนเขาด้วย
          พื้นที่ประมาณ 2-3 ไร่ เป็นสถานที่ปลูกมันเทศ มีประมาณสามสี่แปลง  มีเผือกปลูกอยู่ด้วยสองสามแปลงซึ่งอีกหนึ่งเดือนจึงจะเก็บเกี่ยวได้
          ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะปลูก ถั่วฝักยาว 

 ถั่วเหลือง

  พริกไทยและพืชผลอื่นๆ  ยามนี้เข้าสู่ฤดูกาลใหม่แล้ว  พื้นดินครานี้เต็มไปด้วยเถาพืชแห้งเหี่ยวใบสีเหลือง ที่ดูยุ่งเหยิง
          ใกล้ๆกับเนินดิน  มีต้นลี่(แพร์)ที่มีพุ่มใบหนาปลูกไว้สองต้น  เหลียนฟางโจวคนก่อนเคยพูดไว้ว่า  ต้นลี่นี้ไม่มีประโยชน์อันใด  ให้โค่นทิ้งในปีหน้า!
          “ดอกลี่เมื่อบานแล้วงดงามมากเลย  หากพี่ใหญ่เก็บไว้ย่อมดีนัก!”  เหลียนฟางฉิงทำสีหน้ากระเง้ากระงอดเพราะไม่เห็นด้วยที่พี่สาวจะโค่นทิ้ง
          เหลียนเช่อเกาท้ายทอยพลางพูดว่า “ท่านแม่ของพวกเรา  ทุกๆปีจะหว่านเมล็ดฟักทอง และฟักเขียว และฮามี่กวา(แคนตาลูป)  ใต้ต้นลี่ แล้วปล่อยให้พวกมันเติบโตขึ้นมาเลื้อยเกาะ  เหตุใดพี่ใหญ่ถึงอยากโค่นต้นลี่ทิ้ง?”
          เหลียนฟางโจวพลันสังเกตเห็นด้วยว่ามีเถาต้นหวายที่กึ่งแห้งกึ่งเหลืองเกาะอยู่มากมายที่ต้นไม้นั้นด้วย  พลันบังเกิดแนวคิดใหม่  จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ต้นไม้นี้ให้คงไว้ตามเดิม ไม่ต้องโค่นแล้วล่ะ!”
          เธอเห็นด้วยว่าเถาหวายนั้นมีส่วนฐานอยู่หลายฐาน  ส่วนพืชจำพวกแตงเลื้อยบนดินเถาพันกันเองจนแน่น  เพราะว่าขาดฐานให้เลื้อยเกาะ
          เหลียนฟางโจวแอบสั่นหัวเงียบๆ  เหลียนฟางโจวคนก่อนที่ตายไปนี้  ใช้ชีวิตอย่างไม่ฉลาดตามประสาคนอายุสิบสี่สิบห้าปี  ไม่ค่อยสนใจหาทางปลูกพืชที่กินได้  นับประสาอะไรกับเรื่องแต่งงานกับสกุลหยาง!  ไม่รู้ว่าหยางหวายชานชอบนางคนก่อนที่จุดใด....
          เหลียนเซ่อขุดมันเทศมาได้มากมาย  ที่นี่ใช้วิธีการปลูกตามธรรมชาติ  ไม่ใช้วิธีการปัก ชำ ตอนกิ่งเหมือนยุคสมัยใหม่  การเพาะปลูกมันเทศโดยใช้เมล็ด  ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองมากมาย!
            เหลียนฟางโจวเดินไปข้างหน้าเพื่อรับจอบจากมือเหลียนเซ่อ  พลางเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “น้องรอง เจ้าพักก่อนเถิด  ปล่อยเป็นหน้าที่ข้า! วันนี้เราขุดเจ้าพวกนี้ให้เสร็จ  ในตอนเย็น  ข้าว่าจะไปเยี่ยมเยียนหลานชายตระกูลซุนดูซักหน่อย  จะได้สอบถามว่าเขาจะไปที่เขาเซียนเติ้งซางเมื่อใด!”
---------------
ลงเลขตอนตรั้งที่แล้วผิดไป  ขอโทษด้วยนะคะ
วันนี้อัพอีกตอน  ต้อนรับปีระกา  2560 ค่า  ขอให้ผู้อ่านมีความสุขทุกท่านค่ะ

10 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุมากค่ะ เมื่อไหร่จะได้เห็นท่านแม่ทัพ. พระเอกค่าตัวแพงจริงๆ. อิอิ หวังว่าจะไม่มีใครมาระรานนางเอกอีกนะ

    สวัสดีปีใหม่ค่ะ

    รออ่านตอนต่อไป

    ตอบลบ
  2. สวัสดีปีใหม่ค่ะไรท์ขอให้มีความสุขตลอดปี2017นะคะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณคะ เริ่มวันใหม่ขอให้เจอแต่สิ่งดีงามไปจนตลอดปีคะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณค่ะ สวัสดีปีมหม่ไรท์ด้วยนะคะ ขอให้สุขภาพแข็งแรง มีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือค่ะ ขอให้มีเวลาว่างเยอะๆ. จะได้มาอัพนิยายบ่อยๆ อยากเจอพระเอกแล้วค่ะ

    ตอบลบ
  5. สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้ไรต์สุขภาพแข็งแรง สุขกาย สุขใจตลอดไปนะคะ

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณค่า สวัสดีปีใหม่ด้วยนะคะ ขอให้มีความสุข ชีวิตสดใส ปราศจากโรคภัย คิดสิ่งใดสมปรารถนาค่ะ

    ตอบลบ
  7. สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่า ^^

    ตอบลบ
  8. กำลังเก็บเงินเพื่อจ่ายค่าจ้างพระเอกอยู่

    ตอบลบ
  9. สวัสดีปีใหม่ค่ะ..ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ