“แล้วพี่เล่า? พี่ควรทำสิ่งใดเล่า?” เหลียนฟางโจวอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
พลันเหลียนเจ๋อตัวแข็งค้าง
พร้อมเหลียนเช่อ และเหลียนฟางฉิง
เหลียนฟางโจงรู้สึกอับอาย
เธอช่างเอาเปรียบผู้อื่นเสมอ....
เหลียนฟางโจวคนนี้ช่างไร้เหตุผลเกินไป เพราะการหมั้นหมายที่ไม่มีใครต้องการนั้น
ทำให้นางจมจ่อมอยูกับความสงสารตัวเองจนกระทั่งกลับกลายเป็นเช่นนี้
“เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ พี่จะไปเก็บผักเอง! ฉิงเอ๋อร์ เจ้าไปกับพี่นะ ดีหรือไม่?”
เหลียนฟางโจวรู้สึกอึดอัดกับสายตาสามคู่ที่จ้องมา
“ดี ดี
ข้าจะไปกับพี่สาวเอง!”
เหลียนฟางฉิงตกลงอย่างแข็งขัน
ดวงตางดงามเจือรอยขบขันจนเคิ้วเธอเลิกขึ้น
เหลียนเช่อรีบกล่าวอย่างเร็ว “พี่ชาย..ช้าจะไปดูแม่ไก่ให้เดี๋ยวนี้เลย”
เหลียนเจ๋ออยังคงตกใจอยู่บ้าง
พลางกล่าวตอบว่า “ดะ..ได้สิ” เด็กหนุ่มสายตางุนงงขณะมองดูสองดรุณีพี่น้องฉวยตะกร้าออกไป
“พี่ชาย
พี่ไม่รู้สึกรึว่าพี่สาวของเราไม่เหมือนเดิม?” เหลียนเช่อยื่นหน้าไปหาพี่ชายตนเอง
“อืม” เหลียนเจ๋ออพยักหน้า เขาลูบศีรษะและแย้มยิ้มพลันถามว่า “แล้วเจ้าไม่คิดหรือว่าพี่สาวเราตอนนี้ช่างยอดเยี่ยม?”
เหลียนเช่อคิดสักครู่ พลางพยักหน้า “ยอดเยี่ยมจริงด้วย”
“ช่างดีจริง!” เหลียนเจ๋อหัวเราะ
แปลงผักสกุลเหลียนอยู่ไม่ไกลจากกำแพงบ้านทางตะวันออก มีผักอยู่ 6 หรือ 7 แถว ดูไม่น่ามองเท่าใดนัก
เป็นช่วงปลายเดือนเก้า เป็นช่วงของปีที่ผักขาดแคลนอย่างที่สุด
เมื่อถึงฤดูนี้ ผืนดินแทบจะหาผลิตผลที่พอจะเก็บเกี่ยวไม่ได้ ถั่ว พริกไทยและแตงกวาล้วนโรยรา เถาและลำต้นทั้งหมดล้วนแห้งและเหลืองแทบไม่เห็นสีเขียว มีใบเหลือน้อยและผลเหี่ยวลีบ ไม่มีอะไรให้เก็บกินได้เลยจริงๆ
ใต้ต้นผักทั้งหมดนั้น มีแถวสีแดงที่แทบมองไม่เห็นส่วนหนึ่ง มันคือมันเทศ
ที่มีใบเขียวไม่สมบูรณ์
สิ่งนี้ยังความเศร้าใจมาสู่จั่วเหมยผู้ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านการเกษตรยิ่งนัก
ถึงอย่างนั้น เหลียนฟางฉิงดูนิ่งมากและเอ่ยว่า “พี่สาว เราจะขุดมันเทศกันนะ! เช้านี้พี่รองพูดว่าคืนนี้จะทำโจ๊กมันเทศให้เรากิน!”
ทั้งสวนนั้นมีเพียงสิ่งนี้ที่พอกินดี เหลียนฟางโจวถอนหายใจพลางพยักหน้า “ดีจ้ะ!”
มันเทศเหล่านี้มีหัวเล็กจริงๆ แค่มองแวบเดียว เหลียนฟางโจงสามารถทำนายผลผลิตของการเพาะปลูกได้เลยจากมันเทศทั้งกองนี้ ไม่เหมือนกับวิธีการสมัยใหม่ที่ใช้การปักชำลำต้นหรือราก
เกษตรกรรมแนวนี้ไม่เพียงสิ้นเปลืองเมล็ดพันธุ์แล้วยังให้ผลผลิตต่ำอีกด้วย ทว่าในเวลาเดียวกัน เธอไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะรู้วิธีการตอนกิ่ง หรือ
ปักชำหรือไม่…
เธอครุ่นคิดในใจขณะขุด
สองดรุณีพี่น้องเก็บเกี่ยวหัวมันเทศได้ได้
5 ถึง 6 หัว
เหลียนฟางโจวเก็บถั่วเหี่ยวๆได้หยิบมือหนึ่งและพริกอีกเล็กน้อย จากนั้นจึงพากันกลับ
เถาถั่วแห้งตายและรอถอนออกเท่านั้น ส่วนพริก หากได้พรวนดินรอบๆและใส่ปุ๋ยแล้ว
พวกมันอาจฟื้นตัวได้ กลับมาเขียวและออกดอกออกผลได้อีกครั้ง
เธอวางแผนจะกลับมาที่นี่ในวันพรุ่งนี้เพื่อจัดการให้เข้าที่เข้าทางสักหน่อย
อย่างที่ป้าชางกล่าว ถึงอยู่ในร่างนี้ เธอก็ยังคงต้องดำเนินชีวิตต่อไป
ไม่จริงเช่นนั้นหรือ ครานี้เธออยู่ในโลกยุคอดีตนี้แล้ว เธอทำได้เพียงตั้งตารอคอยวันคืนข้างหน้าเท่านั้น
ในตอนขากลับ
เหลียนฟางโจวถามเหลียนฟางฉิงเกี่ยวกับสภาพผืนดินโดยคร่าวๆ
เหลียนฟางฉิงยังเล็กนัก คำตอบบางส่วนก็ชัดเจนและบางส่วนก็ไม่กระจ่าง เหลียนฟางโจวจึงถอดใจเลิกถาม ค่อยๆเอากลับไปถามเหลียนเจ๋อน่าจะดีกว่า เด็กคนนั้นเพิ่งเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่และควรต้องรู้อะไรมากกว่า
“เหลียนฟางโจว
ฉิงเอ๋อร์ พวกเจ้ากลับมาแล้ว! แม่บอกข้าให้ส่งถั่วมาให้2ตะกร้าและฟักเขียวลูกหนึ่งด้วย
ข้ามอบให้เหลียนเจ๋อแล้ว!”
ทั้งสองมาถึงทางเข้าลานบ้านแล้วและเห็นหญิงสาวใบหน้ากลมอายุรุ่นราวคราวเดียวออกมาจากบ้าน
เหลียนฟางโจวยิ้มให้ขณะขอบคุณนางขณะที่เหลียนฟางฉิงร้องออกมาพร้อมกับหัวเราะเสียงใส
“พี่จวน!”
เหลียนฟางโจวพลันเข้าใจว่าหญิงสาวนางนี้คงจะเป็นลูกสาวของป้าชาง
ชื่อหลี่จวน
“ท่านป้าช่างเอื้อเฟื้อยิ่งนัก!”. เหลียนฟางโจวแย้มยิ้ม
“อย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย ครอบครัวเราทั้งสองสนิทสนมกันอยู่แล้ว
ข้าขอตัวกลับก่อนนะ!” หลี่จวนยิ้มขณะเดินจากไป
“อา..ค่อยๆเดินนะ!”
เหลียนฟางโจวยิ้มแย้มขณะเฝ้ามองนางเดินออกไปจากนั้นเธอกับน้องสาวจึงเข้าไปในบ้าน
โจ๊กใกล้จะปรุงเสร็จแล้วและส่งกลิ่นจางๆออกมาจากกระทะเหล็กสีดำ แม้จะมีฝาไม้ปิดไว้ก็ยังรู้สึกถึงกลิ่น เหลียนฟางโจวเริ่มหิวขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว
พี่น้องเธอล้างมันเทศจนสะอาด
หั่นเป็นชิ้นๆและใส่ลงในกระทะ
จากนั้นเหลียนเจ๋อไปผ่าฟืนเพิ่ม ส่วนเหลียนเช่อคอยดูไฟในเตา เหลียนฟางฉิงล่อแม่ไก่2ตัวซึ่งคุ้ยเขี่ยหากินอยู่รอบๆลานบ้าน ให้กลับเข้าเล้าไป
เหลียนฟางโจวมองไปรอบๆ
จับไม้กวาดและเริ่มทำความสะอาดห้อง
“เจ้ามาเพื่ออันใด? บ้านนี้ไม่ต้อนรับเจ้า ออกไปเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นเสียงเหลียนเจ๋อดังออกมาจากในลานบ้าน น้ำเสียงเย็นชาและไม่เป็นมิตร
เหลียนฟางโจวตัวแข็งค้างขณะที่เธอได้ยินเหลียนฟางฉิงตะโกนอย่างเด็กเอาแต่ใจว่า
“ห้ามเจ้ามารังแกพี่สาวข้าอีก!”
จั่วเหมยรีบโยนไม้กวาดทิ้งไปข้างๆและเดินออกไปถามว่า
“อาเซ่อ ฉิงเอ๋อ ใครมาหรือ?”
“พี่สาว!” เหลียนเจ๋อเริ่มตื่นตระหนก เขาอยากยับยั้งนางไม่ให้เจอผู้มาเยือนยิ่งนัก ทว่า..เขาไม่มีแรงพอ
++++++++++++++++++++++++++++
“พี่สาว!” เหลียนเจ๋อเริ่มตื่นตระหนก
เขาอยากยับยั้งนางไม่ให้เจอผู้มาเยือนยิ่งนัก ทว่า..เขาไม่มีแรงพอ
ขณะที่เธอเดินมาถึง
ชายหนุ่มในชุดเสื้อคลุมสีเขียวใบไผ่ค่อนข้างเก่าคนหนึ่งตะโกนเรียกชื่อเธอพลางมองด้วยความประหลาดใจปนดีใจ
“เจ้าจะทำอะไร! ไม่ได้ยินที่ข้าบอกให้เจ้าออกไปรึ?” เหลียนเจ๋อพะวักพะวงยิ่ง
เขาวิ่งไปขวางชายหนุ่มขณะจ้องตอบด้วยสายตาเย็นชา
“อา เจ๋อ!” คิ้วของเหลียนฟางโจวขมวดเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่สาว เหตุใดท่านยังอยากเจอเขา? สกุลหยางไม่มีใครดีเลยซักคน เหตุใดท่านยังอยากเจอเขาอีก? ท่านลืมสิ่งที่ท่านเพิ่งพูดไปวันนี้แล้วหรือ?” เหลียนเจ๋อกังวลปนหงุดหงิดใจ ความโกรธแค้นพุ่งขึ้นสูงสุด
“ฟางโจวไม่ต้องวิตกไป เรื่องยกเลิกการหมั้นหมายเป็นความคิดของบิดามารดาข้า ข้าไม่เคยเห็นด้วยเลย
ข้าเพิ่งกลับจากช่วยธุระที่งานแข่งม้าและได้รับรู้เรื่องราวเข้า ข้าตั้งใจมาเพื่อบอกเจ้าโดยเฉพาะ ข้าจะแต่งกับเจ้าแน่นอน!”
ชายหนุ่มกล่าวจริงจังพลางจ้องมองเหลียนฟางโจว
เหลียนฟางโจวชะงัก นี่คงเป็นคู่หมั้นที่งดงามปานเทพเซียน หยางหวายชานใช่หรือไม่? รูปลักษณ์เขาช่างเจริญตาทีเดียว
ด้วยผิวที่คล้ำกว่าคนทั่วไป และใบหน้าที่ค่อนข้างหล่อเหลา เขาดูเป็นคนจิตใจดีและดูนิ่งๆ
และเขาปฏิบัติต่อเธอไม่เลวนัก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหลียนฟางโจวคนก่อนจึงไม่ยอมปล่อยการหมั้นหมายหลุดมือไป
ช่างน่าสงสารที่เธอไม่ใช่เหลียนฟางโจวคนก่อน อีกทั้งการแต่งงานนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้ว
“ไม่จำเป็น!” เหลียนฟางโจวกล่าวเรียบๆด้วยใบหน้าจริงจังว่า “เรื่องการแต่งงานได้ถูกตกลงโดยฝ่ายบิดามารดา
บิดามารดาท่านได้จับคู่ท่านกับผู้อื่นแล้ว..ท่านควรเชื่อฟังความประสงค์ของพวกเขาจะดีกว่า!”
“ฟางโจว...ข้า...”
“ให้ข้าพูดจบก่อน!” เหลียนฟางโจวกล่าวต่อเบาๆ “ครานี้บิดามารดาข้าได้จากไปแล้ว
ก่อนพี่น้องข้าเติบใหญ่
ข้าจะไม่แต่งให้ใครแน่นอน อีกทั้งเนื่องจากบิดามารดาท่านไม่ชมชอบข้า ข้าจึงไม่ต้องการแต่งเข้าบ้านท่านและเผชิญกับการดูหมิ่นเหยียดหยามทั้งวันทั้งคืน
เช่นนั้น..เป็นการดีที่เราลืมการหมั้นหมายนี้ซะ อย่างไรก็ดี
นับว่าดีที่ท่านมาวันนี้! ข้าจะขอบอกท่านเรื่องนี้
การสิ้นสุดการหมั้นเกิดจากครอบครัวท่านเป็นฝ่ายเริ่มต้น ดังนั้น...ถ้าท่านต้องการสัญญาแต่งงาน โปรดนำเงิน10 ตำลึงมาแลกเปลี่ยน ข้าหวังว่าข้อเสนอข้าคงจะไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก”
หยางหวายชานสับสนและตกตะลึงยิ่งนัก เขามองดูเหลียนฟางโจวราวกับนางเป็นคนแปลกหน้า
เหลียนเจ๋อเองก็อึ้งไปด้วย ดูเหมือนว่าเขาอยากขยับริมฝีปากเพื่อกล่าวบางสิ่ง ทว่า...กลับพูดไม่ออก น้องชายคนโตกระเถิบไปยืนชิดเหลียนฟางโจวมากขึ้น พลางพยุงพี่สาวเขาอย่างเงียบๆ
“ฮ่า..ฮ่า” ใบหน้าหยางหวายชานซีดเผือดพลางกล่าวอย่างชิงชัง
“10 ตำลึงรึ? แค่นั้นรึ? เหตุใดเจ้าไม่เรียกร้องให้มากกว่านี้ล่ะ เช่นนั้น...ในใจเจ้า เห็นว่าการหมั้นของเรามีค่าเพียงเงินเท่านี้รึ?”
เหลียนฟางโจวจ้องมองเขาพลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “จริงๆแล้วข้าเอวก็อยากได้เงินมากกว่านี้! เพียงกลัวว่าบิดามารดาท่านจะพูดว่าข้าเป็นสิงโตดุร้ายแสนตะกละตระกราม
อีกทั้งข้าเองไม่อยากให้เกิดการบาดหมางกันไปมากกว่านี้ มันไม่คุ้มค่าหรอก!”
“เจ้า!” หยางหวายชานโกรธจนพูดไม่ออก ใจเขาเจ็บปวดรวดร้าวด้วยความผิดหวัง
ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เขาจ้องมองนางด้วยความหวัง พลางกล่าวว่า “ฟางโจว นี่คงไม่ใช่สิ่งที่เจ้าคิดจริงๆใช่หรือไม่?
นี่คงเป็นถ้อยคำที่กล่าวออกมาเพราะเจ้าโกรธใช่หรือไม่? หรือเป็นเพราะว่าเจ้าถูกบังคับ? อย่าได้กังวลไปเลย ข้าจะกลับมา
เรื่องของข้าข้าจะเป็นคนตัดสินใจเอง
ข้าจะไปเจรจากับบิดามารดาข้า!”
เหลียนฟางโจวถอนหายใจในใจ เธอส่ายหัวพลางสบสายตาเขา เธอกล่าว “ท่านอย่าได้พยายามเลย
พยายามหาความเห็นใจซึ่งมันไม่มีที่นั่น! ข้าสาบานได้ว่าทุกถ้อยคำล้วนกล่าวออกมาจากใจ เช่นนั้น...คงไม่มีคำพูดอื่นอีก ล่วงเลยเวลามาก็มากแล้ว เช่นนั้นเล้ว...ท่านควรรีบกลับไปได้แล้ว อีกประการหนึ่ง การที่ชายหนุ่มมาอยู่ในบ้านเวลานี้ มันเป็นสิ่งไม่สมควร! จงเชื่อฟังบิดามารดาท่านและจงมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี อ้อ..อย่าลืมนำเงินมาแลกกับสัญญาแต่งงานด้วยเล่า!.
แขนทั้งสองข้างของหยางหวายชานตกลงข้างตัว แล้วเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
จิตใจของเขาเศร้าโศกอย่างสุดซึ้งและโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด ชั่วขณะหนึ่ง
ที่เขาไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้เลย
ดียิ่งนัก
ตอบลบตระกูลเหลียนสู้ๆ
ตอบลบปล.ช่วงต้นๆมีคำผิดสองคำค่า
คือลูกชายเป็นคนดี?ถ้างั้นแอบน่าสงสารนิดๆนะเนี่ยย
ตอบลบสงสาร😥😥
ตอบลบซานซานน่าสงสาร พ่อแม่รังแกฉันจริง ๆ เลย
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบหนุ่มหยางคู่หมั้นรักจริงหวังแต่งนี่หว่า สงสารเลยแฮะ
ตอบลบ