วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ภรรยาข้าผู้ร้ายกาจเจ้าเล่ห์ -บทที่ 5 ท่านประมุขมาเยือน

             “ก็ยังต้องขายพวกเขาทีละคนอยู่ดีเพคะ”  มู่หรงหยุนชูถามขึ้นด้วยความฉลาดหลักแหลม
            เสี่ยวเม่ย  เช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาขายตัวเองดีหรือไม่?”
            ฮั่วหลิงเทียนที่เอาใจมู่หรงหยุนชูทำให้เหล่าชายชุดแดงสะดุ้งเล็กๆ
            เช่นนั้นแล้วพวกเขาควรไปขายตัวและให้หัวหน้าพวกเขานำเงินมาส่งที่นี่ดีไหมเพคะมู่หรงหยุนชูพูดขึ้นด้วยความโล่งใจ

            ชายเหล่านี้ไม่อาจโกรธใส่ฮูหยินฉู่ของพวกเขาได้  ทั้งหมดล้วนได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติต่อคู่หมั้นของท่านประมุขประหนึ่งมารดาพวกเขาเอง  คนเหล่านี้เคยฆ่าคนมามาก  ทว่า...ยังไม่เคยฆ่ามารดาของตนเอง  แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีสิ่งใดมาห้ามไม่ให้ชายเหล่านี้ฆ่าฮั่วหลิงเทียนได้
            ฮั่วหลิงเทียนมีองค์รักษ์หลายนายคอยอารักขาเขาอยู่  เสียงดาบหลายเล่มที่เคลื่อนออกจากฝักไม่ได้ทำให้ฮั่วเหลียงเทียนหวาดกลัวแต่อย่างใด
            หัวหน้าทิศทั้งสี่มองดูฮั่วหลิงเทียนที่นิ่งสงบไร้ความหวาดกลัวบนใบหน้า  และรู้ว่าบุรุษผู้งามสง่าตรงหน้านี้มีฝีมือไม่ธรรมดา   ซึ่งพวกเขาไม่ควรประมาท
            ลู่จีกระตุกแขนเสื้อมู่หรงหยุนชูด้วยความหวาดหวั่น  คุณหนู  คิดหาทางหยุดพวกเขาไม่ให้สู้กันหรือยังเจ้าคะ
            มู่หรงพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแข็งขันพลางพูดขึ้นว่า   สถานที่เหมาะให้พวกท่านฟาดฟันกันให้ตายไปข้างหนึ่งอยู่บนเขาสุสาน   นอกเมืองไปทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ
            ลู่จีอยากจะร้องให้ออกมา  คุณหนูนะคุณหนู   ฝ่ายหนึ่งคือว่าที่สามีในอนาคตของนางขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งคือญาติผู้พี่   ไฉนมู่หรงหยุนชูถึงแสดงออกให้พวกเขาฆ่ากันเหมือนไม่ใช่เรื่องของตนเอง ใบหน้าของมู่หรงหยุนชูเอิบอาบไปด้วยแสงแห่งบุญบารมีประหนึ่งนางเป็นหญิงใจบุญที่บริจาคข้าวปลาอาหารให้แก่คนยากจนปีละสองสามครั้ง  เลยได้รับการขนามนามว่าแม่พระผู้ประเสริฐ
            ฮั่วหลิงเทียนหัวเราะออกมาทว่าดวงตาฉายแววขมขื่น    เขารู้สึกผิดหวังที่สายสัมพันธ์ของเขากับมู่หรงหยุนชูยังไม่แข็งกล้าพอจะมีผลกระทบกับความสงบเยือกเย็นของนางในระหว่างสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้
            เหล่าชายชุดแดงรู้สึกเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจยิ่งนักหากฮูหยินฉู่ผู้ไร้เมตตาไม่ได้แต่งงานกับท่านประมุขของพวกเขา
            หัวหน้าทิศบูรพาส่งยิ้มไม่น่าไว้วางใจขณะตั้งใจเดินตรงมาหาฮั่วหลิงเทียนเพื่อแก้ต่างให้นายหญิงในอนาคตของตน   คุณชายฮั่ว  ฮูหยินฉู่มีอารมณ์ไม่ใคร่ปกตินัก   โปรดอย่าได้คิดแย่ๆกับฮูหยินฉู่เด็ดขาด
            ฮั่วหลิงเทียนจับดาบมั่น และเตรียมตัวพร้อมรับการโจมตี หยุนซูและข้าเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่สนิทสนมกันมาก  ข้าเข้าใจอารมณ์ของนางดีกว่าคนนอกอย่างพวกเจ้า
            เหล่าชายฉกรรจ์รู้ว่าฮั่วหลิงเทียนกำลังตกเป็นเหยื่อของพวกเขา  และทำให้พวกเขารู้สึกคันไม้คันมืออยากฟาดฟันผู้ที่กล้าต่อกรกับคนของพรรคมาร  เอาให้เละเป็นโจ๊กไปเลย
            มู่หรงหยุนชูไม่สนใจมองภาพเหตุการณ์รุนแรงตรงหน้าเลย  นางหาวออกมา  หมุนตัวเตรียมจะจากไปยังเรือนพักของตน    หูพลันได้ยินเสียงเนือยๆที่แฝงความเย่อหยิ่งดังขึ้นภายนอกประตู
            “คุณชายฮั่ว  ท่านแน่ใจรึว่าท่านคือคนที่สนิทสนมกับฮูหยินฉู่ที่สุด?”
            มู่หรงหยุนชูมองไปทางเจ้าของเสียง  ผู้ชายที่สวมเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งปรากฏตัวขึ้นราวกับเทพเซียนผู้เหาะลงมายังแดนมนุษย์  ผมยาวสยายไม่ได้เกล้าขึ้นเหมือนคุณชายคนอื่นๆ  ปลิวไสวไปกับสายลม  ความหยิ่งผยองสูงส่งช่างเหมาะเจาะกับใบหน้าอันหล่อเหลางดงามของเขายิ่งนัก
            คารวะ...ท่านประมุขฉูชายทั้งกลุ่มกล่าวขึ้นพร้อมกันพลางคุกเข่าลง
            กลุ่มชายฉกรรจ์ดีใจนักเมื่อผู้ยิ่งใหญ่ปานขุนเขาปรากฏตัวขึ้นเพื่อจัดการกับฮั่วหลิงเทียนที่กล้าเป็นปฏิปักษ์กับพวกเขา
            พวกเขาเรียกฉู่ฉางเกอในฐานะท่านประมุข ทำให้มู่หรงหยุนชูมั่นใจในการคาดเดาของตนเอง  สายตานางจดจ้องไปที่ฉู่ฉางเกอโดยไม่รู้ตัว  บุรุษรูปงามปานล่มเมืองที่แฝงอันตรายคนนี้คือว่าที่สามีในอนาคตของนางหรือนี่  ทว่า...นางไม่รู้สึกประหลาดใจเลย  ครั้นเมื่อเห็นตัวจริงของเขาทำให้นางแน่ใจในสัญชาติญาณว่านางเคยพบเขามาก่อน ณ ที่ใดที่หนึ่งในอดีต
            ฉู่ฉางเกอโบกมือขึ้นราวกับฮ่องเต้  เป็นสัญญาณให้คนของเขายืนขึ้น  ครั้นแล้วเขาได้เดินเข้ามาหามู่หรงหยุนชูพลางพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองกับนาง  ฮูหยิน  ให้อภัยสามีเจ้าด้วยที่มาสาย และปล่อยให้เจ้าหวาดกลัว
            มู่หรงหยุนชูขยับตัวออกห่างฉู่ฉางเกอไป 1 ก้าว  เป็นการปรากฏตัวของเขาต่างหากที่ทำให้นางหวาดกลัว  ทว่า..เขายังคงก้าวเข้ามาใกล้นางขึ้นอีก 1 ก้าว ขณะที่นางเตรียมตัวจะเผ่นหนีแล้ว
            พวกเรายังไม่ได้แต่งงานกันมู่หรงหยุนชูกล่าวพลางก้าวถอยหลังไปอีก 1 ก้าว พวกเราควรทิ้งระยะให้ห่างกันดูจะเหมาะสมกว่า
            “ฮูหยิน เจ้ากลัวข้างั้นรึ?”  ชูจางเคอะส่งรอยยิ้มอันตรายพลางก้าวเข้ามาหาอีก 1 ก้าว
            คนปกติธรรมดาย่อมหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของพรรคโม่เจี่ยว มู่หรงหยุนชูเริ่มมองหาทางหนีทีไล่ แน่นอน คนปกติธรรมดาเช่นข้า จะไม่เกรงกลัวในการปรากฏตัวของท่านประมุขพรรคโม่เจี่ยวอย่างไรได้”    ลู่จีสาวใช้พยักหน้าเห็นด้วยอย่างอึดอัดอยู่ข้างๆ   ถึงแม้  ว่าที่ท่านเขยในอนาคตจะหล่อเหลาราวเทพบุตรแต่ก็ดูน่ากลัวยิ่งนัก
            “คนปกติธรรมดารึ?”  ฉู่ฉางเกอขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ  ฮูหยิน เจ้าเป็นคนของพรรคโม่เจี่ยวแล้ว รู้หรือไม่?”

            . คงมิใช่กระมังมู่หรงหยุนชูกล่าวพลางแหงนหน้าขึ้นมองฉู่ฉางเกอเพราะว่าเขาสูงกว่านางมากจริงๆ  หลังจากที่เราแต่งงานกัน  ท่านจะกลายเป็นคนของตระกูลมู่หรง  ไม่ใช่ข้าเป็นคนของพรรคโม่เจี่ยว

1 ความคิดเห็น: