วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ภรรยาข้าผู้ร้ายกาจเจ้าเล่ห์ -บทที่ 6 เผชิญหน้า

           ฉู่ฉางเกอก้มมองว่าที่ภรรยาเขาพลางแย้มยิ้ม ฮูหยิน หากเจ้ายังคงดื้อดึงเช่นนี้  ข้าจะยอมตามเหตุผลของเจ้าก็ได้
            มู่หรงหยุนชูรู้สึกคับข้องใจกับการเอาใจของฉู่ฉางเกอยิ่งนัก  “หากท่านไม่อยากยอมรับ  เช่นนั้น...ก็ยกเลิกการหมั้นครั้งนี้ไปเสียเถิด

            ฉู่ฉางเกอประหลาดใจเป็นครั้งแรก  ครั้นแล้วก็หัวเราะออกมา  “ข้าไม่ได้กล่าวว่าไม่เห็นด้วยกับฮูหยินเสียหน่อย”  บุรุษหนุ่มแสดงออกถึงความไม่สบายใจราวกับสัตว์เลี้ยงที่กำลังจมน้ำ
            ท่านอย่าได้ฝืนใจตัวเองเลย
            เช่นนั้นเอาเป็นว่า ข้าฝืนใจตัวเองยอมตามฮูหยินข้าก็ได้
            นี่..ท่านไม่เข้าใจความหมายของคำว่าเหตุผลรึ?!”  มู่หรงหยุนชูรู้สึกเสียใจที่ตนเองหลุดกิริยาออกไป  ท่านนำคนของท่านกลับไปเถิด
            ฉู่ฉางเกอเลิกคิ้วขึ้นพลางพูดเสียงเบา  พวกเขาเป็นของหมั้นที่ข้ามอบให้ฮูหยินไงเล่า
            “ข้าได้ลั่นวาจาไปแล้วว่าข้าไม่อาจแต่งงานได้จนกว่าจะครบสามปี
            “ของหมั้นนั้น  สามารถให้เป็นของที่ระลึกแต่งงานก่อนพิธีแต่งงานได้ “  ฉู่ฉางเกอยังไม่ยอมจำนน
            แต่นี่มันขัดต่อธรรมเนียมนะ มู่หรงหยุนชูเริ่มเอือมระอา
            ข้าทราบดี
            “เช่นนั้นแล้ว..ท่านก็จงทำสิ่งที่ถูกต้องซะ
            ข้ามีชื่อเสียงในด้านชอบขัดธรรมเนียม
            มู่หรงหยุนชูกรอกตามองฟ้า  ใบหน้าแดงก่ำด้วยความขุ่นเคืองใจ  ฉู่ฉางเกอเย้าแหย่นางเล่นต่อหน้าธารกำนัลได้อย่างไรทันใดนั้นเขาก็ฉกรีมฝีปากวูบลงมาจุมพิตแก้มนางโดยนางไม่ทันตั้งตัว   ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง  ริมฝีปากสั่นเป็นนานกว่าจะมีเสียงพูดออกมา
            ท่าน...ทำอะไรน่ะ!” 
            ก็ขัดธรรมเนียมไง”  ฉู่ฉางเกอคลี่ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
            ท่าน!....”  มู่หรงหยุนชูไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้
            ฮูหยิน  ต่อไปเจ้าควรทำตัวให้ชินไว้นะ”  ฉู่ฉางเกอกล่าวพลางหันไปมองฮั่วหลิงเทียน ส่งสายตาเตือนว่าให้อยู่ห่างจากว่าที่ภรรยาของเขา
            หยุนซู พี่กลับวังก่อนนะฮั่วเหลียงเทียนกล่าวเสียงรอดไรฟันขณะส่งสายตาอาฆาตกลับไปให้ฉู่ฉางเกอ หากมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น  ส่งจดหมายมาบอกพี่ด้วย
            มู่หรงหยุนชูพยักหน้าให้ฮั่วหลิงเทียน  นางเริ่มมึนงงว่าเหตุใดเขาถึงรีบร้อนกลับวังกะทันหันนัก
            ฮูหยิน ข้าก็คงต้องไปก่อน ฉู่ฉางเกอจ้องตานางพลางยิ้ม อย่าลืมหมั่นคิดถึงสามีของเจ้าด้วยนะ
            มู่หรงหยุนชูยังไม่ได้ทันได้โต้ตอบสิ่งใดฉู่ฉางเกอก็ทะยานออกไปในพริบตา  ราวกับหัวมังกรที่แยกออกจากหาง แล้วจากไปทันที  นางไม่รู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกผิดหวังที่เห็นเขาจากไปเร็วนัก
            ฮูหยินฉู่  แล้วเราจะทำอันใดกับชายกลุ่มนี้ดีขอรับ?” หัวหน้าทิศบูรพาพูดขึ้นอย่างลังเล
            ปล่อยพวกเขากลับไปยังที่ๆเขาจากมา
            มู่หรงหยุนชูไม่ได้ตั้งใจจะรับของหมั้นประหลาดเช่นนี้อยู่แล้ว
            ทว่า..ท่านประมุขกล่าวว่าครั้งนี้เราไม่อาจเอาของหมั้นของฮูหยินชูกลับได้ขอรับ
            “ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนอกเมืองจิงเหลียน  มีสุสานขนาดใหญ่อยู่แถวปาลี่  ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย  โปรดช่วยตัวเองเถิด
            มู่หรงหยุนชูทิ้งกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใบ้กินไว้เบื้องหลัง  พลางมุ่งหน้ากลับเรือนพักของนาง
            ข้าเสียใจด้วย”  พ่อบ้านประจำจวนเห็นใจกลุ่มคนเหล่านี้  จวนมู่หรงไม่อาจรับพวกเขาไว้ที่นี่ได้  จงฟังที่คุณหนูพูดเถิด  ปล่อยพวกเขากลับไปยังที่ๆพวกเขาจากมา
            “พี่ชายผู้คุมกฎทิศบูรพา เราอาจมีปัญหาได้นะหัวหน้าทิศพายัพขัดขึ้น
            หัวหน้าทิศบูรพาพยักหน้าแรงๆ  ข้าไม่คาดว่าท่านประมุขเราจะกลับมาที่นี่วันนี้หรอก
            “นายท่านไม่ต้องการเข้าร่วมงานแข่งขันประลองยุทธ์ของยุทธภพที่จะมีขึ้นวันที่15เดือน8 ณ วัดเส้าหลินหรอกรึเหตุใดนายท่านถึงได้เดินทางอ้อมมายังเมืองจิงเหลียนเล่า?”
            “’งานแข่งขันประลองยุทธ์จะสำคัญกว่าฮูหยินของนายท่านได้อย่างไร?”  หัวหน้าทิศประจิมออกความเห็น
            อืม หากนายท่านไม่มาที่นี่ในวันนี้  ใครจะรู้ว่าเพื่อนสมัยเด็กของฮูหยินจะก่อปัญหาอันใดขึ้นบ้าง?” หัวหน้าทิศทักษิณกล่าวเสริม
            อีกไม่นาน เราน่าจะเปลี่ยนบุรุษคนนั้นให้เป็นขันทีนะจะได้มีความรู้สึกเข้าอกเข้าใจภรรยาของเขาหัวหน้าทิศบูรพารำพึง
            ใช่ เปลี่ยนบุรุษคนนั้นให้เป็นขันทีเลย กลุ่มชายฉกรรจ์ต่างเห็นด้วย
            **
            ฉู่ฉางเกอยกนิ้วมือไล้ริมฝีปากตนเอง  ดวงตาเหม่อลอย  ริมฝีปากคลี่ยิ้ม  เมื่อนึกไปถึงสัมผัสอันอ่อนนุ่มและกลิ่นอันหอมหวานที่ได้รับจากการจุมพิตแก้มนาง  เขาไม่ได้ตั้งใจจะปรากฏตัวต่อหน้าว่าที่ภรรยาจนกว่าจะถึงคืนแต่งงาน    ทว่า..เมื่อได้ยินว่าฮั่วหลิงเทียนคนนั้นเรียกว่าที่ภรรยาเขาว่าเพื่อนสมัยเด็กที่สนิมสนมพลันทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์  เลยเผลอจูบนางต่อหน้าทุกคน  เพื่อสั่งสอนฮั่วหลิงเทียน
            ทันใดนั้น มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
            เข้ามาฉู่ฉางเกอพูดเสียงเบาพร้อมกับหยุดยิ้มทันที
            มีอะไร?”
            “ฮั่วเหลียงเทียนคือญาติผู้พี่ของฮูหยินนายท่านขอรับ หัวหน้าทิศบูรพารายงาน  เขาเป็นโอรสนอกสมรสของฮ่องเต้  เมื่อสี่ปีก่อน เขาได้ถูกนำตัวเข้าวัง  และองค์ฮ่องเต้ยอมรับเขาและแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาท   บุรุษผู้นี้ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาที่จวนมู่หรงพร้อมกับฮูหยินของนายท่านขอรับ  พวกเขาทั้งสองจึงมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกัน  หลังจากบิดาบุญธรรมของฮั่วหลิงเทียนได้ถึงแก่กรรม  เขาจึงนับว่าเป็นญาติใกล้ชิดเพียงคนเดียวของฮูหยินนายท่านขอรับ
            หลังจากฟังลูกน้องรายงานยาวเหยียด    ฉู่ฉางเกอที่มีสีหน้าเย็นชา  นิ่งเงียบไปสักครู่ก่อนเอ่ยว่า
            “เขานำสิ่งใดจากเมืองจิงเหลียงมากับเขาหรือไม่?”
            ไม่ขอรับ
            ดี!”  ฉู่ฉางเกอกล่าวพลางส่งยิ้มอันตราย  ส่งของขวัญจากจวนหัวเฟิงไปให้เขา  และบอกเขาว่าเป็นของที่ระลึกจากสามีของน้องสาวตัวน้อย
            หัวหน้าทิศทั้งสี่ต่างเข้าใจดีว่าของขวัญที่ส่งไปให้ฮั่วหลิงเทียนนั้นคืออะไร
            **
            มู่หรงหยุนชูขังตัวเองอยู่ในห้องนอน พลางจ้องมองเงาสะท้อนในคันฉ่อง นางยังคงรู้สึกถึงความอุ่นร้อนจากริมฝีปากฉู่ฉางเกอ  เขาจูบนางทำไมนั่นเพียงเพื่อพิสูจน์ว่าเขาชอบทำทุกอย่างขัดธรรมเนียมใช่หรือไม่หรือเพื่อจุดประกายความทรงจำคราเมื่อพบกับครั้งแรกในอดีตนางหลับตาลงและเริ่มย้อนระลึกถึงความทรงจำของนางที่มีต่อเขา
            เมื่อสามปีก่อน  ในป่าไผ่อันห่างไกล  บุรุษคนหนึ่งมีร่างโชกเลือดโผเผลเข้ามาในกระท่อมไม้ไผ่ของนาง  เขาล้มลงบนพื้นขณะที่ดวงตาเลื่อนลอย
            หากท่านอยากตาย”  มู่หรงหยุนชูกล่าวเสียงเย็น  ก็จงไปตายข้างนอก  อย่าได้ทำให้บ้านข้าเลอะเทอะ    นี่  ท่านได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่?”
            ฉู่ฉางเกอไม่ได้ปริปากใดๆ
            อย่าลืม”  มู่หรงหยุนชูกล่าวเสียงเนิบ  ข้าจะยกกระท่อมไม้ไผ่หลังนี้ให้แก่ท่าน  หากท่านรอดชีวิต  จงเข้าไปในครัว และกินอาหารในนั้นได้ทุกอย่าง
            ฉู่ฉางเกอนิ่งเงียบ
            ในห้องนอน  ใต้เตียงมีกล่องยาเล็กๆใบหนึ่ง  ลู่จีเก็บสมุนไพรหลายอย่างไว้ในนั้น  ท่านจงไปหาดู   และนำไปใช้รักษาตัวเท่าที่ท่านต้องการ  ทุกอย่างข้ายกให้ท่าน
            สุดท้าย มู่หรงหยุนชูไปเอากล่องยาส่งให้ฉู่ฉางเกอ  ข้าวางไว้ตรงนี้นะ ท่านโปรดดูซะ
            สามปีต่อมา  มู่หรงหยุนชูมิคาดว่าฉู่ฉางเกอจะเป็นบุคคลคนเดียวกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบถึงปากประตูนรกคนนั้น   ที่พาตัวโซชัดโซเซเข้ามาในกระท่อมไม้ไผ่นางเมื่อสามปีก่อน  ทว่า..เลือดที่เปียกชุ่มโชกนั้นไม่สามารถปิดบังความงดงามบนใบหน้าของเขาได้เลย  
            มู่หรงหยุนชูลุกขึ้นยืน   แล้วเดินไปหาพ่อบ้านประจำจวน
            คนจากพรรคโม่เจี่ยวกลับไปกันหมดหรือยัง?”
            “ไปแล้วขอรับ คุณหนู”    พ่อบ้านยืนรายงานมู่หรงหยุนชู
            มู่หรงหยุนชูรู้สึกผิดหวัง  หลุบตาต่ำลง สักครู่จึงเอ่ยถาม  จวนหัวเฟิงอยู่ใกลจากที่นี่มากไหม
            “คุณหนู  ท่านต้องการไปพบท่านเขยหรือขอรับ?”
             มู่หรงหยุนชูรู้สึกกวนใจนัก  อยากให้พ่อบ้านแก้ไขคำเรียกขานให้ถูก
            “อืม
            “คุณหนู  ข้าน้อยได้ยินมาว่านายท่านอยู่ระหว่างเดินทางไปวัดเส้าหลินเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันประลองยุทธ์ของชุมนุมชาวยุทธภพ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 เดือน 8 ขอรับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น