ฉู่ฉางเกอก้มมองว่าที่ภรรยาเขาพลางแย้มยิ้ม “ฮูหยิน
หากเจ้ายังคงดื้อดึงเช่นนี้ ข้าจะยอมตามเหตุผลของเจ้าก็ได้”
มู่หรงหยุนชูรู้สึกคับข้องใจกับการเอาใจของฉู่ฉางเกอยิ่งนัก
“หากท่านไม่อยากยอมรับ เช่นนั้น...ก็ยกเลิกการหมั้นครั้งนี้ไปเสียเถิด”
ฉู่ฉางเกอประหลาดใจเป็นครั้งแรก ครั้นแล้วก็หัวเราะออกมา “ข้าไม่ได้กล่าวว่าไม่เห็นด้วยกับฮูหยินเสียหน่อย” บุรุษหนุ่มแสดงออกถึงความไม่สบายใจราวกับสัตว์เลี้ยงที่กำลังจมน้ำ
“ท่านอย่าได้ฝืนใจตัวเองเลย”
“เช่นนั้นเอาเป็นว่า ข้าฝืนใจตัวเองยอมตามฮูหยินข้าก็ได้”
“นี่..ท่านไม่เข้าใจความหมายของคำว่าเหตุผลรึ?!” มู่หรงหยุนชูรู้สึกเสียใจที่ตนเองหลุดกิริยาออกไป
“ท่านนำคนของท่านกลับไปเถิด”
ฉู่ฉางเกอเลิกคิ้วขึ้นพลางพูดเสียงเบา “พวกเขาเป็นของหมั้นที่ข้ามอบให้ฮูหยินไงเล่า”
“ข้าได้ลั่นวาจาไปแล้วว่าข้าไม่อาจแต่งงานได้จนกว่าจะครบสามปี”
“ของหมั้นนั้น สามารถให้เป็นของที่ระลึกแต่งงานก่อนพิธีแต่งงานได้
“ ฉู่ฉางเกอยังไม่ยอมจำนน
“แต่นี่มันขัดต่อธรรมเนียมนะ”
มู่หรงหยุนชูเริ่มเอือมระอา
“ข้าทราบดี”
“เช่นนั้นแล้ว..ท่านก็จงทำสิ่งที่ถูกต้องซะ”
“ข้ามีชื่อเสียงในด้านชอบขัดธรรมเนียม”
มู่หรงหยุนชูกรอกตามองฟ้า ใบหน้าแดงก่ำด้วยความขุ่นเคืองใจ
ฉู่ฉางเกอเย้าแหย่นางเล่นต่อหน้าธารกำนัลได้อย่างไร? ทันใดนั้นเขาก็ฉกรีมฝีปากวูบลงมาจุมพิตแก้มนางโดยนางไม่ทันตั้งตัว ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง ริมฝีปากสั่นเป็นนานกว่าจะมีเสียงพูดออกมา
“ท่าน...ทำอะไรน่ะ!”
“ก็ขัดธรรมเนียมไง” ฉู่ฉางเกอคลี่ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
“ท่าน!....” มู่หรงหยุนชูไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้
“ฮูหยิน ต่อไปเจ้าควรทำตัวให้ชินไว้นะ” ฉู่ฉางเกอกล่าวพลางหันไปมองฮั่วหลิงเทียน
ส่งสายตาเตือนว่าให้อยู่ห่างจากว่าที่ภรรยาของเขา
“หยุนซู พี่กลับวังก่อนนะ” ฮั่วเหลียงเทียนกล่าวเสียงรอดไรฟันขณะส่งสายตาอาฆาตกลับไปให้ฉู่ฉางเกอ “หากมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น
ส่งจดหมายมาบอกพี่ด้วย”
มู่หรงหยุนชูพยักหน้าให้ฮั่วหลิงเทียน นางเริ่มมึนงงว่าเหตุใดเขาถึงรีบร้อนกลับวังกะทันหันนัก
“ฮูหยิน ข้าก็คงต้องไปก่อน”
ฉู่ฉางเกอจ้องตานางพลางยิ้ม
“อย่าลืมหมั่นคิดถึงสามีของเจ้าด้วยนะ”
มู่หรงหยุนชูยังไม่ได้ทันได้โต้ตอบสิ่งใดฉู่ฉางเกอก็ทะยานออกไปในพริบตา ราวกับหัวมังกรที่แยกออกจากหาง
แล้วจากไปทันที นางไม่รู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกผิดหวังที่เห็นเขาจากไปเร็วนัก
“ฮูหยินฉู่ แล้วเราจะทำอันใดกับชายกลุ่มนี้ดีขอรับ?” หัวหน้าทิศบูรพาพูดขึ้นอย่างลังเล
“ปล่อยพวกเขากลับไปยังที่ๆเขาจากมา”
มู่หรงหยุนชูไม่ได้ตั้งใจจะรับของหมั้นประหลาดเช่นนี้อยู่แล้ว
“ทว่า..ท่านประมุขกล่าวว่าครั้งนี้เราไม่อาจเอาของหมั้นของฮูหยินชูกลับได้ขอรับ”
“ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนอกเมืองจิงเหลียน มีสุสานขนาดใหญ่อยู่แถวปาลี่ ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย โปรดช่วยตัวเองเถิด”
มู่หรงหยุนชูทิ้งกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใบ้กินไว้เบื้องหลัง
พลางมุ่งหน้ากลับเรือนพักของนาง
“ข้าเสียใจด้วย” พ่อบ้านประจำจวนเห็นใจกลุ่มคนเหล่านี้
“จวนมู่หรงไม่อาจรับพวกเขาไว้ที่นี่ได้ จงฟังที่คุณหนูพูดเถิด ปล่อยพวกเขากลับไปยังที่ๆพวกเขาจากมา”
“พี่ชายผู้คุมกฎทิศบูรพา
เราอาจมีปัญหาได้นะ” หัวหน้าทิศพายัพขัดขึ้น
หัวหน้าทิศบูรพาพยักหน้าแรงๆ
“ข้าไม่คาดว่าท่านประมุขเราจะกลับมาที่นี่วันนี้หรอก”
“นายท่านไม่ต้องการเข้าร่วมงานแข่งขันประลองยุทธ์ของยุทธภพที่จะมีขึ้นวันที่15เดือน8
ณ วัดเส้าหลินหรอกรึ? เหตุใดนายท่านถึงได้เดินทางอ้อมมายังเมืองจิงเหลียนเล่า?”
“’งานแข่งขันประลองยุทธ์จะสำคัญกว่าฮูหยินของนายท่านได้อย่างไร?” หัวหน้าทิศประจิมออกความเห็น
“อืม
หากนายท่านไม่มาที่นี่ในวันนี้
ใครจะรู้ว่าเพื่อนสมัยเด็กของฮูหยินจะก่อปัญหาอันใดขึ้นบ้าง?” หัวหน้าทิศทักษิณกล่าวเสริม
“อีกไม่นาน
เราน่าจะเปลี่ยนบุรุษคนนั้นให้เป็นขันทีนะจะได้มีความรู้สึกเข้าอกเข้าใจภรรยาของเขา”
หัวหน้าทิศบูรพารำพึง
“ใช่
เปลี่ยนบุรุษคนนั้นให้เป็นขันทีเลย” กลุ่มชายฉกรรจ์ต่างเห็นด้วย
**
ฉู่ฉางเกอยกนิ้วมือไล้ริมฝีปากตนเอง ดวงตาเหม่อลอย
ริมฝีปากคลี่ยิ้ม เมื่อนึกไปถึงสัมผัสอันอ่อนนุ่มและกลิ่นอันหอมหวานที่ได้รับจากการจุมพิตแก้มนาง เขาไม่ได้ตั้งใจจะปรากฏตัวต่อหน้าว่าที่ภรรยาจนกว่าจะถึงคืนแต่งงาน ทว่า..เมื่อได้ยินว่าฮั่วหลิงเทียนคนนั้นเรียกว่าที่ภรรยาเขาว่าเพื่อนสมัยเด็กที่สนิมสนมพลันทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ เลยเผลอจูบนางต่อหน้าทุกคน เพื่อสั่งสอนฮั่วหลิงเทียน
ทันใดนั้น
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา” ฉู่ฉางเกอพูดเสียงเบาพร้อมกับหยุดยิ้มทันที
“มีอะไร?”
“ฮั่วเหลียงเทียนคือญาติผู้พี่ของฮูหยินนายท่านขอรับ
“ หัวหน้าทิศบูรพารายงาน
“เขาเป็นโอรสนอกสมรสของฮ่องเต้ เมื่อสี่ปีก่อน เขาได้ถูกนำตัวเข้าวัง และองค์ฮ่องเต้ยอมรับเขาและแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาท
บุรุษผู้นี้ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาที่จวนมู่หรงพร้อมกับฮูหยินของนายท่านขอรับ พวกเขาทั้งสองจึงมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกัน หลังจากบิดาบุญธรรมของฮั่วหลิงเทียนได้ถึงแก่กรรม เขาจึงนับว่าเป็นญาติใกล้ชิดเพียงคนเดียวของฮูหยินนายท่านขอรับ”
หลังจากฟังลูกน้องรายงานยาวเหยียด ฉู่ฉางเกอที่มีสีหน้าเย็นชา นิ่งเงียบไปสักครู่ก่อนเอ่ยว่า
“เขานำสิ่งใดจากเมืองจิงเหลียงมากับเขาหรือไม่?”
“ไม่ขอรับ”
“ดี!” ฉู่ฉางเกอกล่าวพลางส่งยิ้มอันตราย “ส่งของขวัญจากจวนหัวเฟิงไปให้เขา
และบอกเขาว่าเป็นของที่ระลึกจากสามีของน้องสาวตัวน้อย”
หัวหน้าทิศทั้งสี่ต่างเข้าใจดีว่าของขวัญที่ส่งไปให้ฮั่วหลิงเทียนนั้นคืออะไร
**
มู่หรงหยุนชูขังตัวเองอยู่ในห้องนอน
พลางจ้องมองเงาสะท้อนในคันฉ่อง
นางยังคงรู้สึกถึงความอุ่นร้อนจากริมฝีปากฉู่ฉางเกอ เขาจูบนางทำไม? นั่นเพียงเพื่อพิสูจน์ว่าเขาชอบทำทุกอย่างขัดธรรมเนียมใช่หรือไม่? หรือเพื่อจุดประกายความทรงจำคราเมื่อพบกับครั้งแรกในอดีต? นางหลับตาลงและเริ่มย้อนระลึกถึงความทรงจำของนางที่มีต่อเขา
เมื่อสามปีก่อน ในป่าไผ่อันห่างไกล
บุรุษคนหนึ่งมีร่างโชกเลือดโผเผลเข้ามาในกระท่อมไม้ไผ่ของนาง เขาล้มลงบนพื้นขณะที่ดวงตาเลื่อนลอย
“หากท่านอยากตาย” มู่หรงหยุนชูกล่าวเสียงเย็น “ก็จงไปตายข้างนอก อย่าได้ทำให้บ้านข้าเลอะเทอะ นี่
ท่านได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่?”
ฉู่ฉางเกอไม่ได้ปริปากใดๆ
“อย่าลืม” มู่หรงหยุนชูกล่าวเสียงเนิบ “ข้าจะยกกระท่อมไม้ไผ่หลังนี้ให้แก่ท่าน หากท่านรอดชีวิต จงเข้าไปในครัว และกินอาหารในนั้นได้ทุกอย่าง”
ฉู่ฉางเกอนิ่งเงียบ
“ในห้องนอน ใต้เตียงมีกล่องยาเล็กๆใบหนึ่ง ลู่จีเก็บสมุนไพรหลายอย่างไว้ในนั้น ท่านจงไปหาดู
และนำไปใช้รักษาตัวเท่าที่ท่านต้องการ
ทุกอย่างข้ายกให้ท่าน”
สุดท้าย
มู่หรงหยุนชูไปเอากล่องยาส่งให้ฉู่ฉางเกอ “ข้าวางไว้ตรงนี้นะ ท่านโปรดดูซะ”
สามปีต่อมา มู่หรงหยุนชูมิคาดว่าฉู่ฉางเกอจะเป็นบุคคลคนเดียวกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบถึงปากประตูนรกคนนั้น ที่พาตัวโซชัดโซเซเข้ามาในกระท่อมไม้ไผ่นางเมื่อสามปีก่อน ทว่า..เลือดที่เปียกชุ่มโชกนั้นไม่สามารถปิดบังความงดงามบนใบหน้าของเขาได้เลย
มู่หรงหยุนชูลุกขึ้นยืน
แล้วเดินไปหาพ่อบ้านประจำจวน
“คนจากพรรคโม่เจี่ยวกลับไปกันหมดหรือยัง?”
“ไปแล้วขอรับ
คุณหนู” พ่อบ้านยืนรายงานมู่หรงหยุนชู
มู่หรงหยุนชูรู้สึกผิดหวัง หลุบตาต่ำลง สักครู่จึงเอ่ยถาม “จวนหัวเฟิงอยู่ใกลจากที่นี่มากไหม”
“คุณหนู ท่านต้องการไปพบท่านเขยหรือขอรับ?”
มู่หรงหยุนชูรู้สึกกวนใจนัก อยากให้พ่อบ้านแก้ไขคำเรียกขานให้ถูก
“อืม”
“คุณหนู
ข้าน้อยได้ยินมาว่านายท่านอยู่ระหว่างเดินทางไปวัดเส้าหลินเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันประลองยุทธ์ของชุมนุมชาวยุทธภพ
ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 เดือน 8 ขอรับ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น