วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ภรรยาข้าผู้ร้ายกาจเจ้าเล่ห์ -บทที่ 7 ชะตากรรมของสำนักแลกเงิน

            มู่หรงหยุนชูไม่ได้เตรียมการออกเดินทางไปวัดเส้าหลินเป็นจุดหมายแรก  เวลานี้คือเดือน 3 ยังมีเวลาอีก 5เดือนจึงจะถึงเดือน 8  บุรุษเช่นฉู่ฉางเกอย่อมไม่แสดงตัวในงานแช่งขันประลองยุทธ์เร็วเกินไปหรือช้าเกินไป  ระยะทางจากเมืองจิงเหลียงไปถึงวัดเส้าหลินใช้เวลาเดินทาง 2เดือน  ในส่วนของนางเอง   ต้องเผื่อเวลาไว้ถึง 3เดือนเพื่อตามล้างตามเช็ดเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นหน้าประตูจวนมู่หรงด้วย

            ตั้งแต่มู่หรงเฉิงได้ถึงแก่กรรม  สำนักแลกเงินและธุรกรรมกำหนดราคาแร่เงินของตระกูล  ขาดทุนเป็นประจำ  กิจการใกล้จะล้มละลายเต็มทีแล้ว   เมื่อเห็นตระกูลใกล้จะทรุด   นางก็ได้แต่กลุ้มใจ   หุ้นส่วนทั้งหลายดูเหมือนไม่ช่วยอะไรเลย    นางจึงใช้ชีวิตในแต่ละวัน เพื่อกิน  นอน  อ่านหนังสือ  เดินหมากกระดาน และเล่นดนตรี  แสนจะสบายยิ่งนัก
            คุณหนู...ท่านไม่สามารถทำตัวให้เหมือนคนปกติทั่วไปได้เลยหรือเจ้าคะ?” ลู่จีเอ่ยถามด้วยความกังวล
            มู่หรงหยุนชูนั่งอาบแดดบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน  ลู่จี หากเจ้ายังคงส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจอยู่อย่างนี้   ระวังเจ้าจะกลายเป็นนกกระจอกเอานะ
            “คุณหนู  ขณะนี้ผู้คนกำลังร่ำลือว่าตระกูลมู่หรงร่วมมือกับพรรคโม่เจี่ยวทำร้ายใต้หล้า  ทางราชสำนักกำลังหวังว่าตระกูลมู่หรงจะเสื่อมถอยไปเรื่อยๆ   และต่างพนันกันว่าเมื่อไรตระกูลมู่หรงจะล่มสลายนะเจ้าคะ” 
            “ก็ปล่อยให้พวกเขาคอยเฝ้าดูกันไป” 
            คุณหนู  ท่านได้วางแผนแก้ไขอันใดบ้างหรือยังเจ้าคะ?
            มี...ไม่ร่วมมือกับพรรคโม่เจี่ยวเพื่อทำร้ายใต้หล้า
            ลิ้นของลู่จีแข็งค้าง
            เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่าง  มู่หรงหยุนชูได้รอคอยการมาถึงของใครบางคน
            ท่านเฉียนซ่งก่วน  ท่านหยินซ่งก่วน   นี่คือสมุดบันทึกที่ข้าได้ตรวจสอบเมื่อสิบวันที่แล้วมู่หรงหยุนชูกล่าวพลางส่งสมุดให้กับทั้งสองคน    สำนักแลกเงินให้ปิดทำการสิบวัน  ส่วนธุรกรรมกำหนดราคาแร่เงินยังคงดำเนินงานต่อไป
            ผู้ตรวจสอบทั้งสองต่างตกตะลึง  กิจการกำหนดราคาแร่เงินขาดทุนมากขอรับ  อยู่ได้เพราะได้เงินช่วยเหลือจากสำนักแลกเงิน   และคงไม่สามารถอยู่รอดได้เกินสองสามวันนี้   หากจะเลิกกิจการไปตัวหนึ่ง  ควรจะปิดกิจการกำหนดราคาแร่เงินนะขอรับ 
            ท่านทั้งสองไม่คิดว่ามีบางสิ่งส่งกลิ่นตุๆรึ?”
            ทำไมรึขอรับ?” ผู้ตรวจสอบกิจการแลกเงินเอ่ยถาม
            เมื่อตอนที่พ่อข้ายังมีชีวิตอยู่  กิจการสำนักแลกเงินเฟื่องฟูมาก  ทว่า..ท่านพ่อถ่ายเทเงินจากสำนักแลกเงินไปให้กิจการกำหนดราคาแร่เงินบ่อยครั้ง  แล้วเงินมันก็หายไป  ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งให้ท่านถึงแก่กรรม  หลังจากนั้นสำนักแลกเงินก็ใกล้ล้มละลาย  อย่างไรก็ตาม ท่านพ่อเป็นคนฉลาด  เหตุใดท่านจะทำลายสำนักแลกเงินของตนเองเล่า?”
            “เกี่ยวกับเรื่องนี้...  หยินซ่งก่วน  ผู้ตรวจสอบกิจการกำหนดราคาแร่เงินงุนงง  สับสน  ส่งสายตาไปหา เฉียนซ่งก่วน ผู้ตรวจสอบสำนักแลกเงิน
            ความเจ็บปวดปรากฏบนดวงตาของเฉียนซ่งก่วน “นายท่านพูดแต่เพียงว่าท่านจำเป็นต้องทำ  ท่านไม่เคยอธิบายเหตุผลเลยขอรับ”
            มู่หรงหยุนชูพยักหน้าเบาๆ และยื่นจดหมายให้เฉียนซ่งก่วน  นี่คือข่าวที่ส่งมาจากเมืองหลวง 
            เมื่อชายผู้มีอาวุโสอ่านจดหมายแล้วพลันปากคอสั่น เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?  เหตุใดราชสำนักถึงไปบังคับยืมเงินจากสำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนล่ะ?  
            “ราชสำนักต้องการมีส่วนร่วมในการปฏิรูป  เตรียมพร้อมจะออกตั๋วเงินอย่างเป็นทางการ   ทว่าต้องได้รับการสนับสนุนจากสำนักแลกเงินที่ทรงอำนาจ   สำนักแลกเงินฮั่วเฟิงเป็นสำนักแลกเงินใหญ่โตเพียงแห่งเดียวของราชสำนัก  ทันทีที่ราชสำนักลงมือ  การปฏิรูปก็สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว”
            เฉียนซ่งก่วน  ผู้ตรวจสอบสำนักแลกเงินเข้าใจในฉับพลัน  ว่าเหตุใดนายท่านถึงกระหายจะยักย้ายเงินออกไปนัก   ถึงแม้จะให้ราชสำนักกู้  แต่ก็คงไม่ได้คืนและคงกลายเป็นหนี้สูญ  
            “คุณหนู  ท่านคิดจะส่งคนไปสอบถามข่าวคราวที่เมืองหลวงหรือไม่?”  หยินซ่งก่วน ผู้ตรวจสอบกิจการกำหนดราคาแร่เงินยังสงสัย
            “การที่ญาติผู้พี่มาเยี่ยมเยียนอย่างกะทันหัน  ทำให้ข้านึกออก   คราแรกข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านพ่อถึงอยากถ่ายเทเงินเกือบทั้งหมดออกจากสำนักแลกเงินนัก  จนกระทั่งญาติผู้พี่มาเมืองจิงหลิงเมื่อสองสามวันก่อน   และข้าเริ่มตระหนักว่านั่นคงเกี่ยวข้องกับราชสำนักเป็นแน่   เขาคงถูกส่งให้มาสืบข่าว”
            ฮั่วหลิงเทียนไปอยู่เมืองหลวงได้สี่ปีแล้ว  เขาไม่เคยกลับเมืองจิงเหลียงอีกเลย   ทั้งๆที่ครอบครัวนางและเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมายาวนาน  แม้แต่ตอนที่บิดาของนางตาย  ฮั่วหลิงเทียนเพียงแค่ส่งจดหมายปลอบใจมาเท่านั้น  เนื่องจากไทเฮาไม่อนุญาตให้ชายหนุ่มออกนอกวัง  ทว่า...เมื่อสองสามวันก่อน  ทางฮั่วหลิงเทียนกลับมาเมืองจิงเหลียนกะทันหัน  สาเหตุต้องมาจากไทเฮาแน่  และคงเกี่ยวกับตระกูลมู่หรง
            ชัดเจนแล้ว  ฮั่วหลิงเทียนมาเมืองจิงหลิงเพื่อมาสืบข่าวอย่างแยบยล  และเพื่อมาสู่ขอนางแต่งงาน  หวังว่าด้วยการแต่งงาน   นางจะยกสำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนให้เขา   ทว่าตัวนางเองได้ปฏิเสธเขาไป
            หลังจากใคร่ครวญเรื่องนี้   มันทำให้นางเห็นว่าราชสำนักโหดเหี้ยมเพียงไร    แค่เวลาเพียงสี่ปีฮั่วหลิงเทียนยอมละทิ้งความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องเพื่อใช้นางเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง
            “คุณหนู...เราควรทำอย่างไรดีขอรับ?” หยินซ่งก่วนเอ่ยถามด้วยความหนักใจ  เราจะเป็นเป้าให้เขาโจมตีเช่นนี้ต่อไปหรือขอรับ   เราจะรอจนสำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนถูกราชสำนักยึดไปหรือขอรับ  อีกไม่นานตระกูลมู่หรงก็จะตามไปเป็นรายต่อไปเป็นแน่
            ไม่มีใครสามารถเอาสิ่งใดไปจากตระกูลมู่หรงได้หรอก   หากข้ายังอยู่มู่หรงหยุนชูกล่าวเสียงเย็น
            ทว่า...เราไม่สามารถต่อกรกับอำนาจของราชสำนักได้นะขอรับ”  เฉียนซ่งก่วนหนักใจ   แม้แต่นายท่านที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวยังต้องยอมรับชะตากรรม  แล้วใครหนอจะช่วยสำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนได้
            แต่มีคนผู้หนึ่งทำได้
            ใครกันขอรับ?”
            พระพุทธองค์
            ผู้ตรวสอบทั้งสองไม่เข้าใจว่ามู่หรงหยุนชูจะมาตลกอะไรในช่วงเวลาที่วิกฤตินี้
            **
            หลังจากส่งผู้ตรวจสอบทั้งสองกลับไปแล้ว  มู่หรงหยุนซูกลับเข้าไปในสวนกลางแจ้ง  เวลานี้คงต้องงดหนังสือคำกลอนไปก่อน
            คุณหนู...น้ำชาท่านพร้อมแล้วเจ้าค่ะลู่จียกถ้วยน้ำชาส่งให้มู่หรงหยุนชู  ดวงหน้าสาวใช้เศร้ามาก  คุณหนูของนางยุ่งมาก  ยุ่งเกินไป ยุ่งจนทำให้ผู้คนเจ็บแค้น
            “อา..”  ทันใดนั้นนายสาวผลุดลุกจากเก้าอี้หิน  กระโดดไปสองก้าว  ทำให้ถ้วยกระเบื้องที่มีน้ำชาตกลงไปบนหนังสือ  เคราะห์ดีลู่จีคว้าถ้วยไว้ได้ทันก่อนมันจะกลิ้งตกลงไปบนพื้น
             ลู่จี...เจ้าอยากฆ่าคุณหนูของเจ้าใช่หรือไม่?”  มู่หรงหยุนชูบ้วนน้ำชาที่ลวกลิ้นลงบนพื้น
            “คุณหนู บ่าวไม่รู้ว่าคุณหนูจะรีบดื่มชาเร็วขนาดนี้ลู่จีก็บ้วนน้ำชาด้วย  พลางหัวเราะตัวงอ  อาในที่สุดนางก็ทำให้คุณหนูมาดนิ่ง  กระโดดได้สำเร็จ  สวรรค์ทรงโปรดแล้ว  อา...
            แล้วเจ้ารู้อะไรกับเขาบ้างเล่า?”
            คุณหนูอย่าไล่ข้าออกเลยนะเจ้าคะลู่จีวิงวอน บ่าวสัญญา ว่าในภายหน้า บ่าวจะคิดให้เหมือนกับพยาธิในท้องคุณหนูเลยเจ้าค่ะ
            “เจ้ากำลังสาปแช่งให้พยาธิมาโตในท้องข้ารึ?”
            คุณหนู...สวรรค์รู้ว่าบ่าวน่าจะสาปแช่งตัวเองมากกว่าสาปแช่งคุณหนูนะเจ้าคะ เวลานี้ลู่จีอยากไปผูกคอตายให้รู้แล้วรู้รอดนัก
            มู่หรงหยุนซูเลิกคิ้ว  เริ่มเชื่อคำอ้างของลู่จี   จึงหยิบหนังสือที่เปียกขึ้นมาเพื่อสะบัดน้ำชาออกไปเบาๆ  จากนั้นเอาหนังสือไปผึ่งแดดบนโต๊ะหิน  ก่อนจะหันไปรินชาที่เย็นลงบ้างแล้ว
            คุณหนู! “ ลู่จีร้องออกมา และชี้ไปที่หนังสือคำกลอน   มีตัวอักษรปรากฏอยู่บนหนังสือด้วยเจ้าค่ะ
            “หากไม่มีตัวอักษรบนหนังสือ แล้วยังจะเรียกว่าหนังสือไหม มู่หรงหยุนชูกล่าวอย่างฉุนเฉียว  ยังคงเดินออกไปโดยไม่หันกลับไปดู
            ลู่จีหยิบหนังสือที่เปียกน้ำมาให้มู่หรงหยุนชูดู คุณหนู ลองดูใกล้ๆสิเจ้าคะ”   ลู่จีชี้ไปที่ตัวอักษรสีเทา “ท่านเห็นไหม”
            “ดาบมู่หรงหยุนชูอ่านออกมาคำหนึ่งด้วยควมประหลาดใจ  หนังสือที่เปียกน้ำชา  ปรากฏคำออกมาคำหนึ่งซึ่งดูคล้ายกับคำว่า ดาบ  
ลู่จีไปเอาน้ำมาให้ข้าที่นี่กะละมังหนึ่งสิ
            “เจ้าค่ะ คุณหนู
            เมื่อได้กะละมังใส่น้ำแล้ว  มู่หรงหยุนชูจุ่มหน้าหนึ่งของหนังสือเล่มนั้นลงในกะละมังใส่น้ำ  แล้วจุ่มต่อไปทีละหน้า  สองสามหน้าแรก และสองสามหน้าสุดท้ายไม่มีถ้อยคำปรากฏ  ยกเว้นหน้ากลางๆของหนังสือ  เมื่อนำคำที่ปรากฏขึ้นหลายคำมารวมกัน   ทำให้เห็นเป็นข้อความดังนี้   เงินห้าสิบล้านตำลึงเงินเก็บไว้ที่สำนักดาบหมิงเจี้ยน
            ห้าสิบล้านตำลึง!

            คือจำนวนเงินที่หายไปจากตระกูลมู่หรงพอดีไม่ขาดไม่เกิน    มู่หรงหยุนชูเข้าใจแล้วว่าเหตุใดตระกูลมู่หรงถึงหาเงินที่หายไปไม่พบ  บิดาของนางได้ซ่อนไว้ที่สำนักดาบหมิงเจี้ยนนี่เอง และจึงเป็นเหตุผลที่ฟางหงเฟยถึงกับรีบยกเลิกการหมั้นหมาย  ทว่า... สิ่งที่นางไม่เข้าใจคือตอนที่บิดายังมีชีวิตอยู่   เหตุใดท่านถึงไม่บอกกับนางจากปากโดยตรง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น