วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ภรรยาข้าผู้ร้ายกาจเจ้าเล่ห์-บทที่ 8 ความชอบธรรมที่น่าหัวเราะ

             “คุณหนู!...ท่านทราบหรือไม่ว่าเวลานี้องค์รัชทายาทล้มป่วยด้วยโรคประหลาดเจ้าค่ะ?”  ลู่จีวิ่งเข้ามาในห้องหนังสือหน้าตาตื่น
            “อา...”  มู่หรงหยุนใช้มือซ้ายหยิบหมากสีขาววางบนกระดาน
            “ครานี้มีประกาศจากทางราชสำนักติดไปทั่วถนนทุกสาย  เพื่อหาหมอมารักษาโดยมีรางวัลให้สองพันเหรียญทองเจ้าค่ะ

            “งั้นหรือ” 
            “คุณหนู   ท่านยังไม่ทราบเรื่องนี้หรือเจ้าคะ”
            ไม่ทราบมาตั้งแต่แรกหรอก   แต่ทราบข่าวเมื่อสามวันก่อน”  มู่หรงหยุนชูได้รับข่าวที่มาจากราชสำนักเรื่องความพยายามยึดสำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนและเรื่องการล้มป่วยของฮั่วหลิงเทียนพร้อมกัน
            นี่นะ เรียกว่าไม่ทราบมาตั้งแต่แรก  ลู่จีเบะปาก
            คุณหนู...องค์รัชทายาทคือพี่ชายของคุณหนูนะเจ้าคะ   เหตุใดคุณหนูถึงดูไม่วิตกเลย?”
            “ก็เขายังไม่ตายนี่  มู่หรงหยุนชูกล่าวพลางเดินหมากไปอีก1 ครั้ง เช่นนั้นแล้ว.. จะมีเรื่องอะไรให้ข้าต้องกังวลด้วยเล่า?   และข้ารู้ด้วยว่ามีคนวางยาพิษเขา
            “อา...มีคนวางยาพิษองค์ชายรัชทายาทจริงๆหรือเจ้าคะ?”  ลู่จีตกใจพลางยกมือทาบอก
            ใช่
            คุณหนู...บ่าวหวังว่าคงไม่ใช่นายท่านฉู่ทำนะเจ้าคะ
            เป็นเขานั่นแหละ”  มู่หรงหยุนชูหยิบหมากขึ้นในมือพลางจ้องมองกระดานหมากไม่วางตา
            นายท่านฉู่...เขาบ้าไปแล้วหรือเจ้าคะ?   นายท่านไปวางยาพิษองค์รัชทายาทได้อย่างไร?”
            “เขาใช้ยาพิษเว่ยจี้ของจวนหัวเฟิ่ง  เพราะเขากลัวใครๆไม่รู้ว่าเขาทำเรื่องดี
            คุณหนู...เหตุใดท่านลำดับความสำคัญของเรื่องผิดที่ผิดทางเช่นนี้   การวางยาพิษองค์รัชทายาทนี่โทษหนักถึงประหารชีวิตนะเจ้าคะ”  ลู่จีกรอกตาอย่างฉุนเฉียว
            “เจ้าจะกังวลไปไย?” มู่หรงหยุนชูเงยหน้าขึ้นจากกระดานหมาก  ท่าทีสบายๆ   ไม่มีใครจะมาประหารชีวิตคนในจวนเราเพราะข้อหาวางยาพิษองค์รัชทายาทหรอกน่า
            “…” ลู่จีไม่อยากจะเชื่อประโยคที่ได้ยินนัก
            ข้ากับฉู่ฉางเกอยังไม่ได้แต่งงานกัน    เป็นฝ่ายจวนเขาโน่นที่จะถูกประหาร”  ใบหน้ากระจ่างใสซีกหนึ่งของหญิงสาวคลอเคลียกับสายลม  นางวางหมากลงไปอีก 1 ตัว
            ลู่จีอยากร้องให้ออกมา  คุณหนูคิดว่านางรักตัวกลัวตายอย่างนั้นหรือ
            “คุณหนู..แม้ว่าท่านอาจไม่ได้รักนายท่านฉู่    ทว่า...องค์รัชทายาทมีศักดิ์เป็นพี่ชายของคุณหนู แล้วคุณหนูไม่ห่วงสุขภาพของพระองค์หรอกหรือเจ้าคะ?” 
            มู่หรงหยุนชูทำเหมือนไม่ได้ยิน   ยังคงเดินหมากตัวต่อไป
            คุณหนู...จริงๆแล้วคุณหนูห่วงใยองค์รัชทายาทใช่หรือไม่เจ้าคะ?”   ลู่จีหน้าตาวิตกกังวลมาก   คุณหนู!   ท่านฟังบ่าวอยู่หรือเปล่าเจ้าคะ?”
            “ลู่จี  เจ้าไม่เคยได้ยินรึ  เมื่อหญิงแต่งให้กับชายผู้ใด   นางจะเป็นกำลังให้สามีไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่? “  
            ว่าที่สามีข้าวางยาพิษองค์รัชทายาท   หากข้าไม่ลงเรือลำเดียวกับว่าที่สามีในอนาคต  เช่นนั้น...ข้าคงจะทำร้ายตนเองแล้ว
            “คุณหนู...ท่านลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูที่นายท่านฉู่หมายหัวคือพี่ชายของท่านนะเจ้าคะ?” ลู่จีพยายามเน้นย้ำ
            ลู่จี...เอากระดานหมากไปเก็บที  แต่ห้ามเคลื่อนหมากบนกระดานเด็ดขาดนะ มู่หรงหยุนชูกล่าวพลางยืนขึ้น
            คุณหนู..แล้วเราจะทำอย่างไรกับองค์รัชทายาทดีละเจ้าคะ ?” ลู่จียังไม่หายข้องใจ
            เจ้าควรเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นสมองกลวงได้แล้วมู่หลงหยุนซูกล่าวน่านิ่ง
            ลู่จีปิดปากเงียบทันใด  นางคิดว่าบุคลิกอย่างคุณหนูของนางควรเปลี่ยนชื่อเป็น จอมเผด็จการน่าจะดีกว่า  จากนั้นนางจึงเอากระดานหมากไปเก็บ
            มู่หรงหยุนชูเดินตรงไปยังห้องหนังสือ   เมื่อถึงหน้าห้อง  นางมองเห็นกองหนังสือตั้งสูงบนโต๊ะทำงาน    หญิงสาวถอนหายใจพลางพึมพำออกมาเบาๆ  ท่านพ่อ.. ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไรท่านรู้จักข้าดีว่า  ข้าเป็นพวกชอบตามล้างตามเช็ด   ท่านเอาเงินของจวนเราไปซ่อนในที่สกปรกเช่นนั้นได้อย่างไร?  แล้วข้าจะเช็ดล้างสิ่งสกปรกออกจากเงินห้าสิบล้านตำลึงนี้อย่างไรดี?”
            มู่หรงหยุนชูนั่งพิงเก้าอี้ไม้สีแดง  ถอนหายใจพลางคลึงขมับตัวเอง   พลันใบหน้าอันเย่อหยิ่งของฉู่ฉางเกอก็ผุดขึ้นมาในหัว  หญิงสาวท้าวคางบนโต๊ะ  ในสมองเห็นภาพฉู่ฉางเกอถูกราชสำนักจับกุมด้วยความผิด 3 ข้อหา  และถูกศาลพิจารณาคดีให้ได้รับโทษทรมาน  9,991 อย่าง  เพื่อบังคับให้เขายอมรับสารภาพ   ทว่าเขากับสารภาพด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน   ใช่   เขาเป็นผู้วางยาพิษ  ตามความประสงค์ของมู่หรงหยุนชู    ทำให้ทุกคนในห้องพิจารณาถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด
            คุณหนู ท่านกำลังยิ้มอันใดหรือเจ้าคะ?” ลู่จีร้องถาม
            มู่หรงหยุนชูตกใจ   รีบซ่อนรอยยิ้มด้วยความรู้สึกผิดทันที  พลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมก่อนเอ่ยถาม   มีอะไรรึ?”      
ท่านพ่อบ้านมารายงานว่าฟางหงเฟยพาคนมาหาเรื่องเราที่จวนเจ้าค่ะ
ณ เรือนรับรอง  มู่หรงหยุนชูเห็นภาพ  อดีตคู่หมั้นงี่เง่ามาข่มขู่นาง   โดยพาคนของกรมอาญามาลงโทษนาง  หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ที่ชายผู้ไร้ศักดิ์ศรีกำลังหลอกให้คนอื่นเชื่อว่าเขาเป็นผู้ถูกต้องชอบธรรม  ช่างน่าหัวเราะเยาะนัก
 คุณชายฟาง   หูข้าไม่ใคร่ดีนัก มู่หรงหยุนชูกล่าว เมื่อครู่นี้  ท่านได้กล่าวอันใดรึ?”
            “ข้ากล่าวว่า  ตระกูลมู่หรง และพรรคโม่เจี่ยวเป็นพวกเดียวกันและร่วมมือกันวางยาพิษองค์รัชทายาทอย่างไรเล่า”  ฟางหงเฟยทวนคำพูดให้ฟังอีกครั้ง  วันนี้ข้าได้นำบุคคลผู้นี้มาที่นี่เพื่อกำจัดพวกคนชั่วปีศาจร้ายเช่นพวกเจ้าให้สิ้นซาก
            มู่หรงหยุนชูไม่อยากเชื่อเลยว่าฟางหงเฟยจะบิดเบือนสถานการณ์เพื่อซ่อนเร้นเรื่องจริงไว้เบื้องหลัง
            “ฮ่าๆๆๆๆ”   มู่หรงหยุนชูคิดได้เช่นนั้นพลันหัวเราะออกมา
            เจ้าหัวเราะอะไร?”   ฟางหงเฟยถามสีหน้ามืดครึ้มลงหลายส่วน
            หัวเราะ  ตัวตลก” 
            เจ้ากล้าเรียกข้าว่าตัวตลกเรอะ?!”
            อาชญากรรมหรือความผิดที่ท่านได้กระทำมาแล้วล้วนเป็นเรื่องของท่าน   อย่าได้ยักย้ายข้อกล่าวหาเหล่านั้นมาให้ข้า
            มู่หรงหยุนชูมองฟางหงเฟยและผู้ที่ติดตามเขามาด้วยสายตามเต็มไปด้วยคำถาม  นั่นคงจะเป็นท่านประมุขของสำนักหวู่ถัง  ผู้อาวุโสโม่ห์ผู้เที่ยงธรรม   ตระกูลมู่หรงเป็นเพียงตระกูลพ่อค้าเล็กๆ   แต่นับว่าเป็นเกียรติยิ่งนักที่สำนักหวู่ถังที่อยู่ห่างไกลเป็นพันลี้   อุตส่าห์มาเยือนในวันนี้  เด็กๆ...จัดที่นั่งให้แขกเราด้วย
            ขอรับ คุณหนูคนรับใช้น้อมรับคำสั่ง
            ชายอาวุโสลูบเคราสีเทา  นั่งลงด้วยท่วงท่าสบายๆ  คลี่ยิ้มออกมาพลางกล่าว  แม่นาง มู่หรง  ข้าต้องขออภัยด้วยที่มาที่นี่และมาทำความไม่สะดวกใจให้แก่ท่าน    หากไม่เป็นการรบกวนมากเกินไป   ข้าขอแค่น้ำชาสักถ้วยก็พอ
            “ผู้อาวุโสโม่ ท่านมาได้ถูกที่ถูกเวลาแล้วมู่หรงหยุนชูยิ้มแย้มพลางเดินกลับไปนั่งที่ส่วนของเจ้าบ้าน
            ไม่นานนัก  หญิงรับใช้ที่อยู่ด้านข้างรินน้ำชาให้ชายผู้มีอาวุโส
            น้ำชาที่ตระกูลมู่หรงนี่  รสชาติดีมากผู้อาวุโสจิบชาพลางยิ้มชื่นชม
            ผู้อาวุโสโม่ห์  ท่านอยู่ระหว่างเดินทางไปวัดเส้าหลินเพื่อเข้าร่วมงานแข่งขันประลองยุทธ์ของยุทธภพมิใช่รึ?” มู่หรงหยุนชูเอ่ยถามอย่างไม่จริงจังนัก
            เป็นเช่นนั้นผู้อาวุโสโม่พยักหน้ารับหนึ่งครั้ง
            เช่นนั้นแล้ว เหตุใดท่านถึงได้มาเยือนที่นี่พร้อมคุณชายฟางเล่า?”
            เกี่ยวกับเรื่องนี้ ....ผู้อาวุโสโม่กล่าวพลางครุ่นคิด
            ผู้อาวุโสโม่   ท่านกล่าวออกมาเถอะ   ข้ามองเพียงปัจจุบันเท่านั้น  คุณชายฟางและข้าไม่ถูกกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง    ท่านสามารถตำหนิเขาได้เต็มที่ตามที่ท่านต้องการ  ไม่ต้องเกรงใจข้า
            ใบหน้าฟางหงเฟยพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียว
            ประมุขสำนักหวู่ถังหัวเราะออกมาพลางกล่าว  แม่นาง มู่หรง...ท่านไม่เห็นเหมือนกับที่เขาลือกันเลยสักนิด
            ผู้อาวุโสโม่ห์...ท่านย่อมรู้ว่าข่าวลือเป็นสิ่งที่เชื่อถือมิได้
            ชายชราไม่ได้หลงเชื่อข่าวลือง่ายๆอยู่แล้ว  ทั้งยังเข้าใจความนัยที่มู่หรงหยุนชูต้องการสื่ออีกด้วย
            ข้าเองก็ไม่เห็นว่ามีเหตุอันใดที่ทำให้ตัวข้าเชื่อเรื่องพวกนี้ได้
            มู่หรงหยุนชูผงกหัวน้อมรับคำกล่าว  “ขอบคุณ  ท่านผู้อาวุโสที่เข้าใจ”
            ผู้อาวุโสลูบเคราตนเอง   รู้สึกชื่นชอบคนอายุน้อย  เช่นมู่หรงหยุนชูที่มีปัญญารู้จักเอาตัวรอดได้ดี
            ประมุขโม่ห์...เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อดื่มน้ำชากันนะฟางหงเฟยเริ่มทนฟังไม่ไหว
            แต่ก็ไม่มีใครให้น้ำชาท่านดื่มสักหน่อยนี่ ลู่จีส่งเสียงลอยๆขึ้นมา
            “เจ้า!”   ฟางหงเฟยโมโหมาก   ใช้ลู่จีเป็นข้ออ้างที่ทำให้เสียหน้าจึงกล่าวโจมตีมู่หรงหยุนชูอีกครั้ง มู่หรงหยุนชู... เจ้ายอมรับมาเถิดว่าเจ้าและพรรคโม่เจี่ยวรวมหัวกันวางแผนก่อความเดือดร้อนให้ใต้หล้าและยุทธภพ   ยังไม่สำนึกผิดอีกรึ!?”
            .ข้ากระทำความผิดอันใดรึ?”   มู่หรงหยุนชูถามกลับ  ข้าไม่ได้เป็นคนของยุทธภพเสียหน่อย บุคคลเดียวที่ข้าจะยอมตอบคำถามคือฮ่องเต้เท่านั้น   ต่อให้ฮ่องเต้ตัดสินว่าข้ากระทำผิดจริง  มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของท่าน
            “เจ้าคือคู่หมั้นฉู่ฉางเกอ!” ฟางหงเฟยพยายามหาเหตุผลข้างๆคู การที่เจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับเขาถือเป็นเรื่องสำคัญของยุทธภพ
            “เป็นอย่างนั้นจริงรึ?” มู่หรงหยุนชูเหยียดยิ้มเต็มที่  ตอนเริ่มต้น  ก็ไม่ใช่เป็นเพราะท่านรึ  ที่ไปถอนหมั้นกับข้าก่อน?   เช่นนั้นแล้ว...หรือจะเป็นท่านที่ตั้งใจวางแผน   เพื่อให้ข้าได้รับหมั้นกับประมุขพรรคมาร
            “เจ้า...”   ฟางหงเฟยได้ยินเช่นนั้น  จึงตระหนักว่าชีวิตตนเองตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว  เขารีบหลบไปอยู่ด้านหลังลูกน้อง   ขณะที่ลูกน้องที่มีความกล้าหาญมากกว่าก็เริ่มมีสีหน้าหวาดกลัว
            มู่หรงหยุนชูเหยียดยิ้มอย่างดูถูก   ลุกขึ้นเดินมาข้างหน้าช้าๆ    ตรงมาข้างหน้าทีละก้าว  ขณะที่พวกฟางหงเฟยก้าวถอยหลังไปทีละก้าว   จนกระทั่งถึงหน้าประตู   หญิงสาวเปิดปากพูดขึ้นช้าๆ   ในภายภาคหน้า หากใครจากยุทธภพมีปัญหากับการที่ข้าแต่งงานกับฉู่ฉางเกอ    ก็ให้พวกเขาไปที่จวนหัวเฟิ่งเพื่อหารือเรื่องสังหารท่านแทนก็แล้วกัน”  นางหยุดไปพักหนึ่ง  สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน    “ ทว่า...น่าจะเป็นการดีกว่านะที่ท่านจะเก็บความคิดเองเออเองเรื่องการแต่งงานในอนาคตของข้าไว้กับตัวท่านเอง   ดีกว่าจะเอาชีวิตของตัวท่านเองมาทิ้งซะเปล่าๆนะ
            หลังจากพูดจบ   เกิดความเงียบขึ้นภายในห้อง  ได้ยินเพียงเสียงหายใจ   และเสียงใบไม้เสียดสีตรงหน้าประตูเท่านั้น
            “แม่นางมู่หรงกล่าวได้ถูกต้องแล้วผู้อาวุโสโม่ลูบเคราพลางคลี่ยิ้ม   ความเป็นศัตรูเกิดขึ้นระหว่างยุทธภพและพรรคโม่เจี่ยวเท่านั้น   เราไม่ควรไปใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์อื่นๆ
            “มู่หรงหยุนชู...วันนี้พวกเราคงต้องขอตัวก่อน ฟางหงเฟยกล่าวด้วยสีหน้าถมึงทึง   แต่จงตั้งใจฟังให้ดี  ถึงอย่างไร...เจ้าตอนนี้ก็เป็นศัตรูกับยุทธภพแล้ว
            “ท่านคิดว่าทุกคนในยุทธภพตาบอดเหมือนท่านกันหมดรึไง?” มู่หรงหยุนชูสวนกลับ  ท่านมีสิทธิ์อันใดมาตัดสินว่าข้าเป็นศัตรูกับยุทธภพ?”
            ผู้อาวุโสโม่ห์เข้าใจเจตนาของหญิงสาว  ดวงตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ  จึงพูดเพิ่มความมั่นใจให้กับมู่หรงหยุนชู  แม่นางมู่หรง   โปรดฟังคำข้า   หากใครจากโลกยุทธภพไม่รู้จักไตร่ตรองเหตุผลให้ดีก่อนและมาก่อความเดือดร้อนให้ท่าน     เช่นนั้นแล้ว...พวกเขาจำต้องข้ามศพคนของสำนักหวู่ถังไปก่อน
            ฟางหงเฟยไม่คาดคิดว่าผู้อาวุโสโม่ห์จะเลือกอยู่ข้างมู่หรงหยุนชู   เขาอำลาผู้อาวุโสโม่ห์อย่างเสียไม่ได้ และจากไปด้วยความขุ่นเคืองใจพร้อมกับคนของเขา
            ขอบคุณท่าน ผู้อาวุโสโม่ห์ที่เลือกอยู่ฝ่ายผู้ชอบธรรม มู่หรงหยุนชูหันมากล่าวด้วยความตื้นตันใจ
            แม่นางมู่หรง....การเลือกอยู่ฝ่ายที่ชอบธรรมนับเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว   ผู้อาวุโสโม่ห์กล่าวพลางยิ้มอย่างจริงใจ   ทว่า....ได้โปรดทบทวนเรื่องการแต่งงานกับชูจางเคอะด้วย   เพราะคนดีและมารไม่ควรอยู่ร่วมกัน
            “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสโม่ห์มู่หรงหยุนชูกล่าวอย่างเคร่งขรึม   ข้าจะทบทวนเรื่องนี้ดูอีกครั้ง
            หลังจากส่งผู้อาวุโสโม่แล้ว  มู่หรงหยุนชูหายใจเข้าลึกๆ  และประหลาดใจที่พบว่า  เฉียนซ่งก่วน ผู้ตรวจสอบสำนักแลกเงินได้รุดเข้ามาในห้องรับรอง  โดยพกพาสีหน้ากังวลเต็มเปี่ยมมาด้วย

1 ความคิดเห็น:

  1. รำคาญสาวใช้ลู่จีมากและก็อิอดีตคู่หมั้น ไม่รีบๆตายไปซะนะ

    ตอบลบ