“คุณหนู!...ท่านทราบหรือไม่ว่าเวลานี้องค์รัชทายาทล้มป่วยด้วยโรคประหลาดเจ้าค่ะ?” ลู่จีวิ่งเข้ามาในห้องหนังสือหน้าตาตื่น
“อา...” มู่หรงหยุนใช้มือซ้ายหยิบหมากสีขาววางบนกระดาน
“ครานี้มีประกาศจากทางราชสำนักติดไปทั่วถนนทุกสาย เพื่อหาหมอมารักษาโดยมีรางวัลให้สองพันเหรียญทองเจ้าค่ะ”
“งั้นหรือ”
“คุณหนู ท่านยังไม่ทราบเรื่องนี้หรือเจ้าคะ”
“ไม่ทราบมาตั้งแต่แรกหรอก แต่ทราบข่าวเมื่อสามวันก่อน” มู่หรงหยุนชูได้รับข่าวที่มาจากราชสำนักเรื่องความพยายามยึดสำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนและเรื่องการล้มป่วยของฮั่วหลิงเทียนพร้อมกัน
นี่นะ
เรียกว่าไม่ทราบมาตั้งแต่แรก ลู่จีเบะปาก
“คุณหนู...องค์รัชทายาทคือพี่ชายของคุณหนูนะเจ้าคะ เหตุใดคุณหนูถึงดูไม่วิตกเลย?”
“ก็เขายังไม่ตายนี่”
มู่หรงหยุนชูกล่าวพลางเดินหมากไปอีก1
ครั้ง “เช่นนั้นแล้ว.. จะมีเรื่องอะไรให้ข้าต้องกังวลด้วยเล่า?
และข้ารู้ด้วยว่ามีคนวางยาพิษเขา”
“อา...มีคนวางยาพิษองค์ชายรัชทายาทจริงๆหรือเจ้าคะ?”
ลู่จีตกใจพลางยกมือทาบอก
“ใช่”
“คุณหนู...บ่าวหวังว่าคงไม่ใช่นายท่านฉู่ทำนะเจ้าคะ”
“เป็นเขานั่นแหละ” มู่หรงหยุนชูหยิบหมากขึ้นในมือพลางจ้องมองกระดานหมากไม่วางตา
“นายท่านฉู่...เขาบ้าไปแล้วหรือเจ้าคะ? นายท่านไปวางยาพิษองค์รัชทายาทได้อย่างไร?”
“เขาใช้ยาพิษเว่ยจี้ของจวนหัวเฟิ่ง เพราะเขากลัวใครๆไม่รู้ว่าเขาทำเรื่องดีๆ”
“คุณหนู...เหตุใดท่านลำดับความสำคัญของเรื่องผิดที่ผิดทางเช่นนี้
การวางยาพิษองค์รัชทายาทนี่โทษหนักถึงประหารชีวิตนะเจ้าคะ” ลู่จีกรอกตาอย่างฉุนเฉียว
“เจ้าจะกังวลไปไย?”
มู่หรงหยุนชูเงยหน้าขึ้นจากกระดานหมาก ท่าทีสบายๆ
“ไม่มีใครจะมาประหารชีวิตคนในจวนเราเพราะข้อหาวางยาพิษองค์รัชทายาทหรอกน่า”
“…” ลู่จีไม่อยากจะเชื่อประโยคที่ได้ยินนัก
“ข้ากับฉู่ฉางเกอยังไม่ได้แต่งงานกัน เป็นฝ่ายจวนเขาโน่นที่จะถูกประหาร” ใบหน้ากระจ่างใสซีกหนึ่งของหญิงสาวคลอเคลียกับสายลม นางวางหมากลงไปอีก 1 ตัว
ลู่จีอยากร้องให้ออกมา คุณหนูคิดว่านางรักตัวกลัวตายอย่างนั้นหรือ
“คุณหนู..แม้ว่าท่านอาจไม่ได้รักนายท่านฉู่ ทว่า...องค์รัชทายาทมีศักดิ์เป็นพี่ชายของคุณหนู
แล้วคุณหนูไม่ห่วงสุขภาพของพระองค์หรอกหรือเจ้าคะ?”
มู่หรงหยุนชูทำเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงเดินหมากตัวต่อไป
“คุณหนู...จริงๆแล้วคุณหนูห่วงใยองค์รัชทายาทใช่หรือไม่เจ้าคะ?” ลู่จีหน้าตาวิตกกังวลมาก “คุณหนู! ท่านฟังบ่าวอยู่หรือเปล่าเจ้าคะ?”
“ลู่จี เจ้าไม่เคยได้ยินรึ เมื่อหญิงแต่งให้กับชายผู้ใด นางจะเป็นกำลังให้สามีไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่?
“
“ว่าที่สามีข้าวางยาพิษองค์รัชทายาท หากข้าไม่ลงเรือลำเดียวกับว่าที่สามีในอนาคต เช่นนั้น...ข้าคงจะทำร้ายตนเองแล้ว”
“คุณหนู...ท่านลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูที่นายท่านฉู่หมายหัวคือพี่ชายของท่านนะเจ้าคะ?”
ลู่จีพยายามเน้นย้ำ
“ลู่จี...เอากระดานหมากไปเก็บที แต่ห้ามเคลื่อนหมากบนกระดานเด็ดขาดนะ “ มู่หรงหยุนชูกล่าวพลางยืนขึ้น
“คุณหนู..แล้วเราจะทำอย่างไรกับองค์รัชทายาทดีละเจ้าคะ
?” ลู่จียังไม่หายข้องใจ
“เจ้าควรเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นสมองกลวงได้แล้ว”
มู่หลงหยุนซูกล่าวน่านิ่ง
ลู่จีปิดปากเงียบทันใด
นางคิดว่าบุคลิกอย่างคุณหนูของนางควรเปลี่ยนชื่อเป็น
จอมเผด็จการน่าจะดีกว่า จากนั้นนางจึงเอากระดานหมากไปเก็บ
มู่หรงหยุนชูเดินตรงไปยังห้องหนังสือ เมื่อถึงหน้าห้อง นางมองเห็นกองหนังสือตั้งสูงบนโต๊ะทำงาน หญิงสาวถอนหายใจพลางพึมพำออกมาเบาๆ “ท่านพ่อ.. ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร? ท่านรู้จักข้าดีว่า ข้าเป็นพวกชอบตามล้างตามเช็ด ท่านเอาเงินของจวนเราไปซ่อนในที่สกปรกเช่นนั้นได้อย่างไร?
แล้วข้าจะเช็ดล้างสิ่งสกปรกออกจากเงินห้าสิบล้านตำลึงนี้อย่างไรดี?”
มู่หรงหยุนชูนั่งพิงเก้าอี้ไม้สีแดง ถอนหายใจพลางคลึงขมับตัวเอง พลันใบหน้าอันเย่อหยิ่งของฉู่ฉางเกอก็ผุดขึ้นมาในหัว หญิงสาวท้าวคางบนโต๊ะ ในสมองเห็นภาพฉู่ฉางเกอถูกราชสำนักจับกุมด้วยความผิด
3 ข้อหา
และถูกศาลพิจารณาคดีให้ได้รับโทษทรมาน
9,991 อย่าง
เพื่อบังคับให้เขายอมรับสารภาพ
ทว่าเขากับสารภาพด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน
ใช่ เขาเป็นผู้วางยาพิษ ตามความประสงค์ของมู่หรงหยุนชู ทำให้ทุกคนในห้องพิจารณาถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด
“คุณหนู ท่านกำลังยิ้มอันใดหรือเจ้าคะ?”
ลู่จีร้องถาม
มู่หรงหยุนชูตกใจ รีบซ่อนรอยยิ้มด้วยความรู้สึกผิดทันที พลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมก่อนเอ่ยถาม “มีอะไรรึ?”
“ท่านพ่อบ้านมารายงานว่าฟางหงเฟยพาคนมาหาเรื่องเราที่จวนเจ้าค่ะ”
ณ เรือนรับรอง
มู่หรงหยุนชูเห็นภาพ
อดีตคู่หมั้นงี่เง่ามาข่มขู่นาง
โดยพาคนของกรมอาญามาลงโทษนาง
หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ที่ชายผู้ไร้ศักดิ์ศรีกำลังหลอกให้คนอื่นเชื่อว่าเขาเป็นผู้ถูกต้องชอบธรรม ช่างน่าหัวเราะเยาะนัก
“คุณชายฟาง หูข้าไม่ใคร่ดีนัก ” มู่หรงหยุนชูกล่าว
“เมื่อครู่นี้ ท่านได้กล่าวอันใดรึ?”
“ข้ากล่าวว่า ตระกูลมู่หรง และพรรคโม่เจี่ยวเป็นพวกเดียวกันและร่วมมือกันวางยาพิษองค์รัชทายาทอย่างไรเล่า” ฟางหงเฟยทวนคำพูดให้ฟังอีกครั้ง “วันนี้ข้าได้นำบุคคลผู้นี้มาที่นี่เพื่อกำจัดพวกคนชั่วปีศาจร้ายเช่นพวกเจ้าให้สิ้นซาก”
มู่หรงหยุนชูไม่อยากเชื่อเลยว่าฟางหงเฟยจะบิดเบือนสถานการณ์เพื่อซ่อนเร้นเรื่องจริงไว้เบื้องหลัง
“ฮ่าๆๆๆๆ” มู่หรงหยุนชูคิดได้เช่นนั้นพลันหัวเราะออกมา
“เจ้าหัวเราะอะไร?” ฟางหงเฟยถามสีหน้ามืดครึ้มลงหลายส่วน
“หัวเราะ ตัวตลก”
“เจ้ากล้าเรียกข้าว่าตัวตลกเรอะ?!”
“อาชญากรรมหรือความผิดที่ท่านได้กระทำมาแล้วล้วนเป็นเรื่องของท่าน อย่าได้ยักย้ายข้อกล่าวหาเหล่านั้นมาให้ข้า”
มู่หรงหยุนชูมองฟางหงเฟยและผู้ที่ติดตามเขามาด้วยสายตามเต็มไปด้วยคำถาม
“นั่นคงจะเป็นท่านประมุขของสำนักหวู่ถัง
ผู้อาวุโสโม่ห์ผู้เที่ยงธรรม ตระกูลมู่หรงเป็นเพียงตระกูลพ่อค้าเล็กๆ แต่นับว่าเป็นเกียรติยิ่งนักที่สำนักหวู่ถังที่อยู่ห่างไกลเป็นพันลี้ อุตส่าห์มาเยือนในวันนี้ เด็กๆ...จัดที่นั่งให้แขกเราด้วย
“ขอรับ คุณหนู” คนรับใช้น้อมรับคำสั่ง
ชายอาวุโสลูบเคราสีเทา นั่งลงด้วยท่วงท่าสบายๆ คลี่ยิ้มออกมาพลางกล่าว “แม่นาง มู่หรง ข้าต้องขออภัยด้วยที่มาที่นี่และมาทำความไม่สะดวกใจให้แก่ท่าน หากไม่เป็นการรบกวนมากเกินไป ข้าขอแค่น้ำชาสักถ้วยก็พอ”
“ผู้อาวุโสโม่
ท่านมาได้ถูกที่ถูกเวลาแล้ว” มู่หรงหยุนชูยิ้มแย้มพลางเดินกลับไปนั่งที่ส่วนของเจ้าบ้าน
ไม่นานนัก หญิงรับใช้ที่อยู่ด้านข้างรินน้ำชาให้ชายผู้มีอาวุโส
“น้ำชาที่ตระกูลมู่หรงนี่ รสชาติดีมาก” ผู้อาวุโสจิบชาพลางยิ้มชื่นชม
“ผู้อาวุโสโม่ห์ ท่านอยู่ระหว่างเดินทางไปวัดเส้าหลินเพื่อเข้าร่วมงานแข่งขันประลองยุทธ์ของยุทธภพมิใช่รึ?”
มู่หรงหยุนชูเอ่ยถามอย่างไม่จริงจังนัก
“เป็นเช่นนั้น” ผู้อาวุโสโม่พยักหน้ารับหนึ่งครั้ง
“เช่นนั้นแล้ว เหตุใดท่านถึงได้มาเยือนที่นี่พร้อมคุณชายฟางเล่า?”
“เกี่ยวกับเรื่องนี้ ....” ผู้อาวุโสโม่กล่าวพลางครุ่นคิด
“ผู้อาวุโสโม่ ท่านกล่าวออกมาเถอะ ข้ามองเพียงปัจจุบันเท่านั้น คุณชายฟางและข้าไม่ถูกกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง ท่านสามารถตำหนิเขาได้เต็มที่ตามที่ท่านต้องการ ไม่ต้องเกรงใจข้า”
ใบหน้าฟางหงเฟยพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียว
ประมุขสำนักหวู่ถังหัวเราะออกมาพลางกล่าว “แม่นาง มู่หรง...ท่านไม่เห็นเหมือนกับที่เขาลือกันเลยสักนิด
“
“ผู้อาวุโสโม่ห์...ท่านย่อมรู้ว่าข่าวลือเป็นสิ่งที่เชื่อถือมิได้”
ชายชราไม่ได้หลงเชื่อข่าวลือง่ายๆอยู่แล้ว ทั้งยังเข้าใจความนัยที่มู่หรงหยุนชูต้องการสื่ออีกด้วย
“ข้าเองก็ไม่เห็นว่ามีเหตุอันใดที่ทำให้ตัวข้าเชื่อเรื่องพวกนี้ได้”
มู่หรงหยุนชูผงกหัวน้อมรับคำกล่าว “ขอบคุณ
ท่านผู้อาวุโสที่เข้าใจ”
ผู้อาวุโสลูบเคราตนเอง รู้สึกชื่นชอบคนอายุน้อย เช่นมู่หรงหยุนชูที่มีปัญญารู้จักเอาตัวรอดได้ดี
“ประมุขโม่ห์...เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อดื่มน้ำชากันนะ”
ฟางหงเฟยเริ่มทนฟังไม่ไหว
“แต่ก็ไม่มีใครให้น้ำชาท่านดื่มสักหน่อยนี่
“ ลู่จีส่งเสียงลอยๆขึ้นมา
“เจ้า!” ฟางหงเฟยโมโหมาก ใช้ลู่จีเป็นข้ออ้างที่ทำให้เสียหน้าจึงกล่าวโจมตีมู่หรงหยุนชูอีกครั้ง
“มู่หรงหยุนชู... เจ้ายอมรับมาเถิดว่าเจ้าและพรรคโม่เจี่ยวรวมหัวกันวางแผนก่อความเดือดร้อนให้ใต้หล้าและยุทธภพ ยังไม่สำนึกผิดอีกรึ!?”
.”ข้ากระทำความผิดอันใดรึ?” มู่หรงหยุนชูถามกลับ “ข้าไม่ได้เป็นคนของยุทธภพเสียหน่อย
บุคคลเดียวที่ข้าจะยอมตอบคำถามคือฮ่องเต้เท่านั้น
ต่อให้ฮ่องเต้ตัดสินว่าข้ากระทำผิดจริง มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของท่าน”
“เจ้าคือคู่หมั้นฉู่ฉางเกอ!”
ฟางหงเฟยพยายามหาเหตุผลข้างๆคู “การที่เจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับเขาถือเป็นเรื่องสำคัญของยุทธภพ”
“เป็นอย่างนั้นจริงรึ?”
มู่หรงหยุนชูเหยียดยิ้มเต็มที่ “ตอนเริ่มต้น ก็ไม่ใช่เป็นเพราะท่านรึ ที่ไปถอนหมั้นกับข้าก่อน? เช่นนั้นแล้ว...หรือจะเป็นท่านที่ตั้งใจวางแผน เพื่อให้ข้าได้รับหมั้นกับประมุขพรรคมาร ”
“เจ้า...” ฟางหงเฟยได้ยินเช่นนั้น จึงตระหนักว่าชีวิตตนเองตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว เขารีบหลบไปอยู่ด้านหลังลูกน้อง ขณะที่ลูกน้องที่มีความกล้าหาญมากกว่าก็เริ่มมีสีหน้าหวาดกลัว
มู่หรงหยุนชูเหยียดยิ้มอย่างดูถูก ลุกขึ้นเดินมาข้างหน้าช้าๆ ตรงมาข้างหน้าทีละก้าว ขณะที่พวกฟางหงเฟยก้าวถอยหลังไปทีละก้าว จนกระทั่งถึงหน้าประตู หญิงสาวเปิดปากพูดขึ้นช้าๆ “ในภายภาคหน้า หากใครจากยุทธภพมีปัญหากับการที่ข้าแต่งงานกับฉู่ฉางเกอ ก็ให้พวกเขาไปที่จวนหัวเฟิ่งเพื่อหารือเรื่องสังหารท่านแทนก็แล้วกัน” นางหยุดไปพักหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ ทว่า...น่าจะเป็นการดีกว่านะที่ท่านจะเก็บความคิดเองเออเองเรื่องการแต่งงานในอนาคตของข้าไว้กับตัวท่านเอง ดีกว่าจะเอาชีวิตของตัวท่านเองมาทิ้งซะเปล่าๆนะ”
หลังจากพูดจบ
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้อง
ได้ยินเพียงเสียงหายใจ
และเสียงใบไม้เสียดสีตรงหน้าประตูเท่านั้น
“แม่นางมู่หรงกล่าวได้ถูกต้องแล้ว”
ผู้อาวุโสโม่ลูบเคราพลางคลี่ยิ้ม
“ความเป็นศัตรูเกิดขึ้นระหว่างยุทธภพและพรรคโม่เจี่ยวเท่านั้น เราไม่ควรไปใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์อื่นๆ”
“มู่หรงหยุนชู...วันนี้พวกเราคงต้องขอตัวก่อน”
ฟางหงเฟยกล่าวด้วยสีหน้าถมึงทึง “แต่จงตั้งใจฟังให้ดี ถึงอย่างไร...เจ้าตอนนี้ก็เป็นศัตรูกับยุทธภพแล้ว”
“ท่านคิดว่าทุกคนในยุทธภพตาบอดเหมือนท่านกันหมดรึไง?”
มู่หรงหยุนชูสวนกลับ “ท่านมีสิทธิ์อันใดมาตัดสินว่าข้าเป็นศัตรูกับยุทธภพ?”
ผู้อาวุโสโม่ห์เข้าใจเจตนาของหญิงสาว ดวงตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ จึงพูดเพิ่มความมั่นใจให้กับมู่หรงหยุนชู “แม่นางมู่หรง โปรดฟังคำข้า
หากใครจากโลกยุทธภพไม่รู้จักไตร่ตรองเหตุผลให้ดีก่อนและมาก่อความเดือดร้อนให้ท่าน
เช่นนั้นแล้ว...พวกเขาจำต้องข้ามศพคนของสำนักหวู่ถังไปก่อน”
ฟางหงเฟยไม่คาดคิดว่าผู้อาวุโสโม่ห์จะเลือกอยู่ข้างมู่หรงหยุนชู เขาอำลาผู้อาวุโสโม่ห์อย่างเสียไม่ได้
และจากไปด้วยความขุ่นเคืองใจพร้อมกับคนของเขา
“ขอบคุณท่าน ผู้อาวุโสโม่ห์ที่เลือกอยู่ฝ่ายผู้ชอบธรรม
“มู่หรงหยุนชูหันมากล่าวด้วยความตื้นตันใจ
“แม่นางมู่หรง....การเลือกอยู่ฝ่ายที่ชอบธรรมนับเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว” ผู้อาวุโสโม่ห์กล่าวพลางยิ้มอย่างจริงใจ “ทว่า....ได้โปรดทบทวนเรื่องการแต่งงานกับชูจางเคอะด้วย เพราะคนดีและมารไม่ควรอยู่ร่วมกัน”
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสโม่ห์” มู่หรงหยุนชูกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าจะทบทวนเรื่องนี้ดูอีกครั้ง”
หลังจากส่งผู้อาวุโสโม่แล้ว มู่หรงหยุนชูหายใจเข้าลึกๆ และประหลาดใจที่พบว่า เฉียนซ่งก่วน ผู้ตรวจสอบสำนักแลกเงินได้รุดเข้ามาในห้องรับรอง โดยพกพาสีหน้ากังวลเต็มเปี่ยมมาด้วย
รำคาญสาวใช้ลู่จีมากและก็อิอดีตคู่หมั้น ไม่รีบๆตายไปซะนะ
ตอบลบ