วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ภรรยาข้าผู้ร้ายกาจเจ้าเล่ห์-บทที่ 9 แก้แค้นให้ฮูหยิน

            “มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นรึ?” มู่หรงหยุนชูถามขึ้น
            คุณหนู...มีคนพยายามพังประตูสำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียน   เนื่องจากสำนักแลกเงินหยุดกิจการจากปัญหารุมเร้า   ไม่มีใครยอมรับตั๋วแลกเงินของสำนักแลกเงินเราอีกต่อไป  ผู้คนต่างโกรธแค้นมาก   ข้าเกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องบานปลายแล้วขอรับ”  เฉียนซ่งก่วน ผู้ตรวจสอบสำนักแลกเงินรายงาน

            มู่หรงหยุนชูขมวดคิ้วเล็กน้อย   ครุ่นคิดอยู่เป็นนานก่อนจะเอ่ยปาก   จงไปถ่ายทอดข้อความข้า   ตระกูลมู่หรงมีพรรคมารเป็นพันธมิตร   ใครก็ตามที่กล้าก่อความเดือดร้อนให้ตระกูลมู่หรงถือเป็นศัตรูกับพรรคโม่เจี่ยวด้วย
            “คุณหนู...นี่จะไม่เป็นการไปยั่วยุสาธารณชนหรอกรึ?”
            อย่าได้วิตกไป   พวกเขาไม่กล้าพอไปล้ำเส้นพรรคโม่เจี่ยวหรอก
            “แต่นั่นหมายถึงชื่ออันเสียงดีงามของตระกูลมู่หรงได้ถึงจุดจบแล้วนะขอรับเฉียนซ่งก่วนหนักใจ
            มู่หรงหยุนชูเลิกคิ้ว    “ชื่อเสียงดีงามจะไปมีค่าอะไรเล่า   หากเราต้องล้มละลายขึ้นมา?”  
            ได้ขอรับ คุณหนู
            เฉียนซ่งก่วนไม่เข้าใจว่ามู่หรงหยุนชูคิดวางแผนสิ่งใดอยู่ในใจ   ทว่า..เขาก็ออกไปปฏิบัติตามคำสั่งของนาง
            คุณหนู...นี่เท่ากับท่านกำลังต่อสู้แบบสุนัขจนตรอกเลยนะเจ้าคะ”  ลู่จีกล่าวขึ้นด้วยความวิตกกังวล
            ข้าจะยืมสุนัขตัวนี้ช่วยข้าโจมตีฝ่ายตรงข้าม” 
            คุณหนู...ท่านกำลังแช่งนายท่านฉู่เป็นสุนัขนะเจ้าค่ะ” 
            ก็ยังดีกว่าแช่งตัวข้าเอง
            จะมีคนยอมแต่งให้เขาด้วยเหตุผลอื่นใดอีกรึ?”  มู่หรงหยุนชูถามลู่จีต่อ
            คุณหนู...นั่นคือเหตุผลที่ท่านอยากแต่งให้นายท่านฉู่หรือเจ้าคะ?” 
            “ไม่ใช่
            ลู่จีเบาใจขึ้นว่ามู่หรงหยุนชูอาจจะมีใจให้ฉู่ฉางเกอบ้าง
            “ข้าชอบที่เขาสะสมเงินทองสมบัติมีค่าไว้มากกว่า”  มู่หรงหยุนชูเฉลย
            คุณหนู...ท่านช่างเกินไปแล้ว
            อืม..หรือข้าควรจะละโมบมากกว่านี้นะ”  มู่หรงหยุนชูรำพึง
            ข่าวลือเรื่องฟางหงเฟยนำคนไปข่มขู่ตระกูลมู่หรงแพร่สะพัดไปทั่วโลกยุทธภพอย่างรวดเร็ว  จนรู้ไปถึงหูฉู่ฉางเกอ
            ประมุขฉู่  ,เพียงท่านบอกมาคำเดียว  ข้าจะไปทำลายสำนักดาบหมิงเจี้ยนให้ย่อยยับ”  หัวหน้าทิศบูรพากล่าวอาสาเป็นคนแรก
            ข้าจะฆ่าล้างตระกูลเขาให้หมดเลย”  หัวหน้าทิศทักษิณอาสาร่วมด้วย
            ข้าจะไปขุดหลุมศพบรรพบุรุษเขาขึ้นมา”  หัวหน้าโม่ทิศประจิมเสนออย่างมาดมั่น
            แล้วข้าควรทำอันใดดี?” หัวหน้าทิศพายัพลังเล  นอนกับผู้หญิงของเขาดีหรือไม่?”
            “ทำไมเจ้าถึงต้องการนอนกับผู้หญิงของเขา?” หัวหน้าทิศประจิมสงสัย
            ผู้หญิงของประมุขฉู่ดีกว่าผู้หญิงของฟางหงเฟยเป็นสิบเท่า...คือ..ข้าหมายถึง...
            “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!”  ฉู่ฉางเกอถามใบหน้ามืดครึ้มลงหลายส่วน  เจ้าพูดว่าเจ้าต้องการนอนกับข้า   หรือนอนกับผู้หญิงของข้า?”
            “ข้า...”  หัวหน้าทิศประจิมกล่าวตะกุกตะกัก   พลางส่งสายตาขอร้องหัวหน้าทิศที่เหลือทั้งสามให้ช่วยชีวิตเขาด้วย
            เหตุใดน้องหัวหน้าทิศประจิมถึงอยากนอนกับผู้ชายเล่า?” หัวหน้าทิศทักษิณถามขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้
            อาจเป็นเพราะเขาอยากนอนกับประมุขฉู่และฮูหยินฉู่พร้อมๆกันก็เป็นได้หัวหน้าทิศพายัพช่วยอธิบายด้วยความหวังดี
            หัวหน้าทิศประจิมถูกพี่น้องร่วมสาบานทรยศเสียแล้ว   เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มพี่น้องที่เคยช่วยเหลือซึ่งกันและกันตั้งแต่เข้ามาร่วมงานกับพรรคโม่เจี่ยว ตายล่ะ...ท่านประมุขดูท่าทางพร้อมที่จะถลกหนังเขาอยู่รอมร่อแล้ว
            หมู่นี้...ข้าไม่ใคร่รีบ”  ฉู่ฉางเกอกล่าวพลางส่งยิ้มชั่วร้าย เอาไว้ขากลับ   ข้าจะเปลี่ยนมาใช้เกี้ยวแทนม้าเวลาเดินทาง
            “ท่านประมุฉู่  ข้าจะช่วยหาเกี้ยวที่โอ่อ่าหรูหราระดับราชวงศ์ใช้มาให้ท่านขอรับ”  หัวหน้าทิศประจิมรีบกล่าวประจบประแจงเพื่อสวัสดิภาพของตนเอง
            เจ้าทำได้แน่นอน  ข้าเลือกใช้เพียงสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น  ฉู่ฉางเกอกล่าวเสียงเย็นเยียบ  และเพื่อเป็นการประหยัดเงินทอง  พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องจ้างคนหามเกี้ยวมาเพิ่ม
            หัวหน้าทิศทั้งสี่เริ่มสังหรณ์ใจแล้วว่าฉู่ฉางเกออยากให้พวกเขาเป็นคนหามเกี้ยวเป็นแน่ 
            เจ้าทั้งสี่คนจะได้เป็นคนหามเกี้ยวของข้าฉู่ฉางเกอกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ 
            นั่นไงเขาคาดไว้มิผิด  แม่นยิ่งกว่าดูหมอนัก 
            ประมุขฉู่  เวลานี้ค่าจ้างคนหามเกี้ยวถือว่าถูกยิ่งนัก”  หัวหน้าทิศบูรพารีบโน้มน้าวท่านประมุข
            ท่านประมุขฉู่   แม้แต่ค่าจ้างคนหามเกี้ยวเราก็สามารถจ่ายแทนท่านได้หัวหน้าทิศทักษิณช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง
            แม้แต่เกี้ยวที่ดีที่สุดเราก็หาซื้อให้ท่านได้”  หัวหน้าทิศประจิมพูดอย่างแข็งขัน
            ใช่ขอรับ  แม้แต่เกี่ยวที่ดีที่สุดเราก็เป็นให้ท่านได้”  หัวหน้าทิศพายัพกล่าวรวดเร็วโดยไม่ทันคิด
            “น้องหัวหน้าทิศพายัพ!”  หัวหน้าทิศที่เหลือทั้งสามร้องขึ้นพร้อมกัน
            ทะ..ท่านประมุขฉู่  ข้ากล่าวอันใดผิดรึขอรับ”  หัวหน้าทิศพายัพกล่าว
             ฉู่ฉางเกอตบหลังหัวหน้าทิศพายัพดังป้าบ  หัวหน้าทิศพายัพรู้วิธีสร้างความสุขให้ข้า  เจ้าทั้งสามคนคนควรเรียนรู้จากหัวหน้าทิศพายัพไว้เป็นตัวอย่างนะ
            ครานี้...ถึงคราวหัวหน้าโม่ทิศพายัพที่รู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่ส่งจากพี่น้องร่วมสาบานเขา
            ท่านประมุขฉู่    เช่นนั้น...พวกเราจะทำลายสำนักดาบหมิงเจี้ยนก่อนแล้วค่อยกลับมาเป็นเกี้ยวให้ท่านนะขอรับ”  หัวหน้าทิศบูรพากล่าวขึ้น
            จงให้เหตุผลข้ามาสิว่าทำไม” 
            ฟางหงเฟยได้ระดมคนมาเล่นงานฮูหยินฉู่ขอรับ
            เขาทำสำเร็จหรือไม่” 
            ฉู่ฉางเกอไม่เชื่อว่าว่าที่ภรรยาเขาจะถูกรุมกินโต๊ะง่ายๆ
            ไม่ขอรับ  ทว่า..เขามีเจตนาที่
            “มีเจตนาอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ”  ฉู่ฉางเกอกล่าว  “เหตุผลที่พรรคเรายึดมั่นคือสังหารคนชั่ว  เพื่อทรงไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรี   หากพวกเจ้ากระทำการบุ่มบ่ามจะทำให้ชื่อเสียงของพรรคเรามัวหมองได้
            แค่นี้ชื่อเสียงของพรรคยังมัวหมองไม่พออีกรึหัวหน้าทิศทั้งสี่ต่างคิดในใจเหมือนกัน
            **
            เช้าวันต่อมา มีข่าวแพร่สะพัดออกไปทั่วยุทธภพว่าชายทั้งหมดของสำนักดาบหมิงเจี้ยนโกนหัวตนเองและเขียนด้วยหมึกดำที่หัวว่า “ฉู่มาที่นี่เพื่อสั่งสอน
            “ท่านพ่อ  ฉู่ฉางเกอมันหยามสำนักดาบหมิงเจี้ยนเรานัก”  ฟางหงเฟยกล่าวขึ้นด้วยความแค้น ทำไมเราไม่ขอให้คนในโลกยุทธภพช่วยเราทำลายพรรคโม่เจี่ยวเล่า?”
            “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?”  ฟางฉิงเฉิงตะคอกใส่  เหตุใดเจ้าถึงกล้าไปกำหนดให้คนอื่นทำงานสกปรกด้วย?”
            “ท่านพ่อ  พวกพรรคโม่เจี่ยวป็นพวกที่ทำแต่สิ่งชั่วร้าย  ทุกคนอยากทำลายพวกมันนัก
            ฉู่ฉางเกอเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง   อย่าได้ประเมินความแข็งแกร่งของพรรคโม่เจี่ยวต่ำไป
            ฟางหงเฟยใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ  ถามอย่างไม่พอใจ  ท่านพ่อ  เราไม่สามารถอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้ผู้คนหัวเราะเยาะเรานะ
            หากเจ้าเอาแต่ยุ่งกับเรื่องหยุมหยิม   จะเสียงานใหญ่เอาได้
            “แต่ทว่า...”  ฟางหงเฟยยังตื๊อต่อไป
            เหตุใดเจ้าถึงดื้อดึงเช่นนี้?”  ฟางเฉิงเฉิงเริ่มรำคาญ
            “ข้า..”  ฟางหงเฟิงกำมือแน่น   สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรง   ซักวันหนึ่ง ข้าจะทำให้ฉู่ฉางเกอมาร้องขอความเมตตาภายใต้คมดาบข้าให้ได้ “  ฟางหงเฟยกล่าวพลางเดินจากไปอย่างฉุนเฉียว
            ท่านพี่...ลูกเฟย...ฮูหยินฟาง มารดาของฟางหงเฟยเดินเข้ามาหาสามีด้วยสีหน้ากังวลใจ
            ปล่อยเขาไปก่อน”  ฟางเฉิงเฉิงกล่าวพลางถอนหายใจ
            ฟางเฉิงเฉิงเสียใจนักที่ปล่อยให้ฟางหงเฟยถอนหมั้นกับคุณหนูตระกูลมู่หรง   เขาได้วางอนาคตของสำนักดาบหมิงเจี้ยนไว้กับฟางหงเฟย   ทว่า..การฟูมฟักเมล็ดพันธ์ย่อมต้องรอคอยผลตอบแทนของมันในอนาคต
            **
            ในสวนที่มีแต่ดอกไม้ส่งกลิ่นหอมของตระกูลมู่หรง   ลู่จีกำลังเล่าเรื่องข่าวลืออย่างออกรสออกชาติเกี่ยวกับการที่ฉู่ฉางเกอแก้แค้นให้มู่หรงหยุนชู  ขณะที่มู่หรงหยุนชูกำลังวาดภาพอย่างมีสมาธิ
            คุณหนู...นายท่านฉู่ช่างน่าทึ่งจริงๆเจ้าค่ะ”  ลู่จียกย่องชื่นชมดวงตาเพ้อฝัน
            อืม”  มู่หรงหยุนชูส่งเสียงไม่ยินดียินร้าย
            เป็นการแสดงให้เห็นว่านายท่านฉู่ใส่ใจคุณหนูนะเจ้าคะ” 
            มู่หรงหยุนชูทำหน้าแขยงเมื่อคิดถึงวิธีที่ฉู่ฉางเกอแสดงความใส่ใจ  “ลืมเรื่องนี้ซะ
            “ทุกๆคนต้องอิจฉาคุณหนูแน่เลยเจ้าค่ะ  ที่จะได้แต่งงานกับสุภาพบุรุษที่ดีเช่นนี้
            อิจฉางั้นหรือ  ไม่มีทาง  ใครอยากจะเกี่ยวข้องกับพรรคมารกัน  มู่หรงหยุนชูยิ้ม “แต่งงานรึ?”
            “คล้ายๆอย่างนั้นเจ้าค่ะ”  ทันใดนั้นลู่จีมองภาพด้วยสีหน้าแปลกๆพลางถามขึ้น
            คุณหนู...เหตุใดถึงมีภาพคนบนหลังม้าที่ท่านกำลังวาดล่ะเจ้าคะลู่จีถามพลางจ้องภาพที่มู่หรงหยุนชูวาดตาไม่กระพริบ
            ไม่เห็นมีใครนี่  ลู่เอ๋อร์เจ้าคงไม่เข้าใจคำว่าศิลปะสินะ  การจะให้ม้าเดินไปริมหน้าผา  ควรจะมีคนชี่พาไป    มันไม่ได้เป็นข้อบังคับนี่”
            ลู่จีหันกลับไปมองเจ้านายสาวอีกครั้ง  และพบว่าใบหน้าหญิงสาวมีสีแดงขึ้นอย่างน่าสงสัย  นางเริ่มเข้าใจเหตุผลทันใด
            คุณหนู..แท้จริงแล้วท่านอยากวาดภาพนายท่านฉู่นั่นเอง..อา” 
            ใครอยากจะวาดภาพเขากัน?   อย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลนะ”   ใบหน้าของมู่หรงหยุนชูแดงขึ้นจนถึงใบหูแล้ว
            ลู่จีหัวเราะ  บ่าวไม่ได้พูดอะไรเลยเจ้าค่ะ”  คุณหนูของนางอายเป็นด้วย  ถ้าโลกภายนอกรู้คงเป็นเรื่องราวโด่งดังแน่
            ไปเอากระบอกมาเก็บภาพวาดนี้
            “บ่าวจะไปหากระบอกที่ดีที่สุดมาให้เจ้าค่ะ”  ลู่จีทำหน้ายิ้มมีลับลมคมใน  แล้ววิ่งออกไป
            มู่หรงหยุนชูเอามือพัดใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตนเอง  หญิงสาวหยิบพู่กันขึ้นมาวาดต่อ  ขณะที่นางลากพู่กันวาดใบหน้าเขามันช่างลื่นไหลอย่างเป็นธรรมชาติ  นางรู้สึกตกใจที่ใบหน้าเขาสลักไว้ในความทรงจำของนางอย่างล้ำลึก
            แปลกจริง....”  มู่หรงหยุนชูรำพึงออกมา
            คุณหนู...แปลกมากที่ท่านวาดภาพนายท่านฉู่   ดูบุคคลิกคล้ายคนธรรมดามากขึ้น”  ลู่จีโพล่งขึ้นมาจากทางด้านหลัง  มู่หรงหยุนชูที่กำลังครุ่นคิดถึงภาพตรงหน้า  พลันเกือบสะดุ้งโหยง  หลังจากนั้นสักพักจึงสงบใจได้
            เจ้าไม่คิดว่าเขามีลักษณะของเทพเซียนรึ?” 
            ไม่   ท่านวาดเขาดูเป็นคนธรรมดามากกว่าเจ้าค่ะ
            มู่หรงหยุนชูไม่ได้กล่าวออกมาว่าลู่จีมองไม่เห็นเนื้อแท้ของฉู่ฉางเกอ  ลู่จีเจ้าเคยบอกว่าราชสำนักต้องการจับตัวฉู่ฉางเกอใช่หรือไม่?”
            “เจ้าค่ะ คุณหนู”  ลู่จีมองซ้ายมองขวาพลางคลี่กระดาษประกาศจับที่ยับยู่ยี่ออกมา  มองดูอยู่ครู่หนึ่งพลางพึมพำเบาๆ  บ่าวได้แอบไปเอาภาพวาดใบหน้านายท่านฉู่ที่ติดประกาศจับไว้กลับมาบ้าน  นายท่านฉู่มีค่าหัวตามจับสูงมากเลยเจ้าค่ะ  ถึง 32,000 ตำลึง
            “ลู่จี  เอาภาพวาดนี้ไปที่กรมอาญาแล้วไปรับรางวัล   เจ้าจะได้มีเงินซื้อของที่เจ้าอยากซื้อมู่หรงหยุนชูส่งม้วนภาพให้สาวใข้ลู่จี
            ห้ะ....คุณหนู...ท่านต้องการให้บ่าวเอาภาพวาดนี้ไปให้กรมอาญารึเจ้าคะ”  ลู่จีแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง
            อืม  ภาพวาดที่ติดประกาศจับอันนี้ดูน่าเกลียดเกินไป   ไม่เห็นดูเหมือนเขาเลย
            “คุณหนู...จมูกและปากได้สัดส่วนลงตัวอย่างไม่มีที่ติ”  ลู่จีเพิ่งเพ่งพิศภาพวาดของนายสาวพลางกล่าว  ทว่า..ชายในรูปภาพดูยังไงก็เหมือนนายท่านฉู่เปี๊ยบ  ท่านขอให้บ่าวส่งภาพวาดนายท่านฉู่ให้ศัตรูของเขาหรือเจ้าคะ?   แล้วที่คุณหนูว่าจะสนับสนุนสามีจนกว่าชีวิตจะหาไม่ล่ะเจ้าคะ?”
            “อืม  เจ้าพูดจามีเหตุผลไม่เบา”  มู่หรงหยุนชูพยักหน้าเบาๆ  และหยิบภาพวาดประกาศจับมาพิจารณาอย่างถ้วนถี่   ทว่า...ฉู่ฉางเกอคงไม่มีทางพึงพอใจกับภาพวาดประกาศจับอันนี้ของเขานักหรอก

            ลู่จีเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ในใจให้นึกสงสารอนาคตข้างหน้าของฉู่ฉางเกอกับมู่หรงหยุนชูยิ่งนัก

1 ความคิดเห็น: