วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

ภรรยาข้าผู้ร้ายกาจเจ้าเล่ห์ -บทที่ 18 ไม่มีสิ่งใดต้องกลัว

           มู่หรงหยุนชูไม่ได้ประหลาดใจกับคำขอของฮ่องเต้เลย การอภิเษกสมรสมักเป็นไปเพื่อเหตุผลทางการเมืองเสมอ  และญาติผู้พี่ของนางก็ได้เคยเอ่ยขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง  ทว่านางไม่อยากเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย 
            “ฝ่าบาท หม่อมฉันเกรงว่าคงต้องทำให้ฝ่าบาทระคายเคืองพระทัยแล้วเพคะ” นางตัดสินใจปฏิเสธโดยไม่มีความลังเล

            ฮ่องเต้ทรงไม่คาดว่า นางจะปฏิเสธ  เนื่องจากเงื่อนไขนี้ชอบด้วยเหตุด้วยผล  มันเหมือนกับของขวัญล้ำค่ามากกว่า  ทว่านางได้ปฏิเสธไปแล้วจริงๆ   ซึ่งทำให้ฮ่องเต้ค่อนข้างขุ่นเคืองพระทัยนัก
            องค์ฮ่องเต้ทรงขมวดพระขนง  ด้วยความไม่พอพระทัย จึงตรัสขึ้น “เช่นนั้น เราคงไม่อาจตกลงกับเงื่อนไขของเจ้าได้”  เมื่อได้ยินคำตรัสนั้น มู่หรงหยุนชูถอนหายใจในใจเงียบๆ  สีหน้าหนักใจ  เงียบไปเป็นนานก่อนจะเอ่ยปากขึ้น “ฝ่าบาท หม่อมฉันวันนี้ไม่ได้มาเพื่อเจรจาเรื่องเงื่อนไข  พระองค์จะทรงเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ไม่ว่าระบบการเงิน จะดำเนินไปโดยสำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนหรือไม่  ผู้อื่นก็ไม่อาจเข้ามาแทรกแซงกิจการได้  แม้แต่พระองค์
            ฮ่องเต้ทรงกริ้ว “เจ้าไม่เชื่อฟังเรา ไม่กลัวว่าเราจะกำจัด คนในตระกูลของเจ้าให้หมดสิ้นรึ!”
            มู่หรงหยุนชูยังคงไม่สะทกสะท้าน  ราวกับไม่อาลัยในชีวิต  กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบราบเรียบ  “องค์รัชทายาทคือญาติเพียงคนเดียวของหม่อมฉัน  หากหม่อมฉันต้องตาย  ย่อมตายด้วยเกียรติอันยิ่งใหญ่
            แม้ว่านางยังคงกังวลถึงความกดดันจากองค์ไทเฮา ตัวคนในราชวงศ์เองก็หาได้ยอมรับตระกูลมู่หรงนัก  อีกทั้งตระกูลมู่หรงเองไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องปีนขึ้นหลังมังกร  ดังนั้นสี่ปีมาแล้วที่ตระกูลมู่หรงฝักไผ่ทำแต่การค้า  ไม่ย่อมข้องเกี่ยวกับเรื่องทางการเมือง  ซ้ำตระกูลมู่หรงยังถือเป็นครอบครัวทางฝั่งพระมารดาขององค์รัชทายาท  การกำจัดตระกูลมู่หรงก็เท่ากับเด็ดปีกสนับสนุนองค์รัชทายาท  และนี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ฮ่องเต้ทรงมีพระประสงค์เป็นแน่  อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอนนี้
            ตระกูลเดิมขององค์ไทเฮาแผ่อิทธิพลกว้างขวางและหยั่งรากลึกในแว่นแคว้นนี้  หากนางไม่ต้องการฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแล้ว  นางย่อมต้องให้องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์แทน  ด้วยสองมือที่มองไม่เห็นนี้  เช่นนั้นนางจึงจำเป็นต้องรักษาตระกูลมู่หรงเอาไว้  ในช่วงที่องค์รัชทายาทยังมีอำนาจไม่เต็มที่
            มู่หรงหยุนชูตระหนักถึงความจริงข้อนี้  ดังนั้นนางจึงไม่มีสิ่งใดต้องกลัว  “หม่อมฉันมิบังอาจต่อต้านเบื้องสูง  ทว่าเนื่องจากตัวหม่อมฉันเองได้หมั้นหมายไปแล้ว  จึงยากที่จะทำตามพระประสงค์เพคะ”  ถึงแม้ว่านางยังมีไพ่ตายไว้ในมือ  เมื่อถึงคราวต้องปลีกตัวออกห่าง  ย่อมถอนตัวออกได้ง่าย  การปลีกตัวออกห่างนับเป็นกุศโลบายที่ดีที่สุด
            “หากฝ่าบาททรงไม่ไว้ใจหม่อมฉัน  พระองค์สามารถส่งเจ้าหน้าที่ราชสำนักที่ทรงวางพระทัยมาร่วมรับผิดชอบกับหม่อมฉันในเรื่องนี้ได้”  ที่ฮ่องเต้อยากให้นางแต่งกับองค์รัชทายาท  เพราะปริวิตกว่า หากนางยังเป็นคนนอกอยู่  อาจทำการกระด้างเดื่องในภายหน้าได้
            ฮ่องเต้เมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น ย่อมต้องส่งผู้แทนพระองค์ มาคอยเป็นผู้สอดส่องตรวจตรานางเป็นแน่   สีหน้าพระพักตร์ของพระองค์คลายลงมากขึ้น  ในที่สุดทรงยอมถอยให้หนึ่งก้าว “ดี!  บัดนี้ เรามีบัญชาให้เจ้ามีหน้าที่รับผิดชอบการปฏิรูปเงินตราร่วมกับเจ้าหน้าที่นี่ฉิง”  ฮ่องเต้ทรงตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงเปี่ยมด้วยอำนาจ
            **
            ที่ห้องทรงพระอักษร  นี่ฉิงมีสีหน้าราวกับมารดาได้จากไป  รอให้บางคนอารมณ์เย็นลงเสียก่อน จึงกล่าวอย่างเย็นชา  “ราชสำนักจะไม่ปล่อยให้การควบคุมเงินตราของสำนักแลกเงิน อยู่ในมือของคนๆเดียว  ในไม่ช้าสำหนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนจะต้องถูกยึด”
            มู่หรงหยุนชูยกมือขึ้นป้องหน้าจากความร้อนแผดเผาราวกับไฟของดวงอาทิตย์  ก้าวเดินไปพลางพูดขึ้น “ข้ารู้  เหตุใดท่านถึงทำตัวดีดดิ้นอย่างไร้เหตุผลนักตอนนี้ฝ่าบาททรงยอมรับตระกูลมู่หรงอย่างจำยอม  ทั้งๆที่ขัดพระเนตรของพระองค์  และจะทรงกำจัดตระกูลข้าในไม่ช้า”
            “คุณชายนี่”  มู่หรงหยุนชูหยุดเดินทันใด  ชำเลืองมองเขา  ถามขึ้นอย่างแปลกใจ “ท่านเพิ่งจะมาเป็นเดือดเป็นร้อนเอาตอนที่ข้าเข้ามาร่วมวงได้อย่างไร?”
            ใบหน้าของนี่ฉิงพลันแดงขึ้นอย่างเก้อเขิน  หันหน้ากลับมาพูดว่า “ท่านคิดมากเกินไปแล้ว”
            “จริงหรือ?” ครั้นแล้วมู่หรงหยุนชูหันไปชะโงกหน้า  ชื่นชมดอกไม้ใบหญ้าตลอดทางที่เดินผ่าน  ปากพลางเอ่ยขึ้น “เมื่อมีโอกาสคัดค้าน  แล้วไม่คัดค้าน  หลายร้อยปีจากนี้ไป  ข้าจะมีความชอบธรรมไปสู้หน้าผู้คนที่ยกย่องเคารพบรรพบุรุษของตระกูลมู่หรงได้รึ?”
            นี่ฉิงกระแอมออกมา “ข้ามองว่าท่านไม่เต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆมากกว่า!”
            “แล้วตัวท่านเอง ต้องการอย่างนั้นรึ”  ครั้นแล้ว มู่หรงหยุนชูรีบเร่งฝีเท้าไปยังประตูพระราชวัง พระราชวังแห่งนี้ยิ่งรีบจากไป  ยิ่งดีเท่านั้น  นึกถึงฮ่องเต้ที่เอาแน่เอานอนมิได้ นางอดโมโห  ที่พระองค์ส่งคนมาจับตัวนางเพื่อประทุษร้ายมิได้  แม้นนางคิดว่าคราแรกต้องตายแล้วแน่ๆ  ทว่าตายอย่างสงบ  ย่อมแตกต่างจากตายอย่างทารุณโหดร้ายเป็นอันมาก  
                        ***
            เพียงสองสามวันต่อมา  ราชสำนักมีราชโองการ  อนุญาติให้สำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียน มีสิทธิ์ออกตั๋วแลกเงิน กำหนดราคาเงินเหรียญ  และให้ประทับตราตระกูลมู่หรงเพื่อเป็นเกียรติ   อีกทั้งมีพระบัญชาให้มู่หรงหยุนชู เป็น เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาการเงิน ‘  ตั้งใจปฏิบัติงานอย่างแข็งขันสืบไป  พระบรมราชโองการฉบับนี้  ก่อให้เกิดความโกรธแค้นขึ้นในฉับพลัน  แม้แต่คนเดินผ่านไปผ่านมาบนถนนยังเต็มไปด้วยความโกรธแค้น  ถึงกับตรงเข้าขย้ำคอหอยพ่อค้าเร่ที่ผ่านมาหลายคน
            ด้วยความสนับสนุนจากราชสำนัก  สำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนได้รับชื่อเสียงเกียรติยศและความน่าเชื่อถือกลับคืนมาอีกครั้ง  ตั๋วแลกเงินที่ประทับตราคำว่า ไฮ่เฟิ่งเฉียน ‘  ผุดขึ้นในตลาดราวกับดอกเห็ดหน้าฝน  ร้านสาขาของไฮ่เฟิ่งเฉียนเปิดร้านทำการค้าอีกครั้ง  ไม่มีการประทับตราบนเงินเหรียญเงิน เพราะฉะนั้นร้านแลกเงินสาขาจะใช้รูปแบบการค้าแต่เดิมที่มีมา  แค่ชั่วข้ามคืน ทุกสิ่งทุกอย่างฟื้นกลับสู่สภาพเดิมเหมือนเคย   ตระกูลมู่หรงฟู่กลับมาร่ำรวยอู้ฟู่  และทรงอิทธิพลเหมือนที่เคยเป็นมาแต่ก่อน  ตระกูลมู่หรงได้กลับมาโด่งดังในเมืองจินหลิงอีกครั้งหนึ่งแล้ว
            อย่างไรก็ดี มู่หรงหยุนชูรู้ดีว่า  นี่เป็นเพียงแค่การเดินหมากทางการเมืองของฮ่องเต้  หากนางไม่ต้องการให้ตระกูลมู่หรงลดเกียรติไปเป็นเพียง หมากตัวหนึ่งในการแย่งชิงบัลลังค์ของคนในราชวงศ์ นางต้องไม่เป็นศัตรูกับใคร และทุกย่างก้าวต้องระวังไม่เอาตัวเข้าไปพัวพันกับการเมือง
            มู่หรงหยุนชูเอนตัวลงนอนในท่าที่สบายที่สุดบนเก้าอี้ไม้ไผ่สานสีเหลือง  ปิดหนังหนังสือเล่มเก่าที่กระดาษเหลืองกรอบแล้ว  พลางถอนหายใจในใจเบาๆ  อำนาจของราชสำนักช่างน่าสะพรึงกลัวเสียจริงๆ  พลิกฟ้า ห้ามฝนเพียงฝ่ามือเดียว  ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ย่อมมีคนบางกลุ่มไม่ลังเลที่จะลงมืออย่างชั่วร้าย  ทำลายล้างชีวิตและให้ร้ายผู้คนได้ โดยไม่รู้สึกรู้สาอันใด  ต้องเหยียบย่ำบนกองซากกระดูกมากมายสักเพียงใดเพื่อไต่ขึ้นบัลลังก์มังกรอันสูงสุด
            “คุณหนู ฮ่องเต้ให้ท่านดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาทางการเงิน  ตัวท่านดูกลัดกลุ้มได้อย่างไร?”  ลู่จีไม่ค่อยเข้าใจมากนัก  เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาการเงิน  ทั้งยังมีความยินดีในการปฏิบัติงาน และมีฐานะเท่าเทียมกับเสนาบดี  มีสิ่งใดทำให้คุณหนูยังไม่พึงพอใจอีกเล่า?”
            มู่หรงหยุนชูรู้ดีว่า  ไม่ว่านางจะพยายามอธิบายถึงรากเหง้าของเรื่องนั้นอย่างไร  บุคคลผู้เปรียบดังพยาธิในลำไส้ของนางเช่นลู่จี  ก็ไม่อาจเข้าใจได้  ดังนั้นจึงทำเป็นไม่ได้ยินเสีย  จึงปิดตาเพื่องีบนอนกลางวัน  ผ่านไปได้เพียงอึดใจเดียว  ทันใดนั้นนางก็ระลึกถึงเรื่องการก่อสร้างคลังเก็บเงิน  ปรือตาขึ้นจากความง่วงงุน พลางถามขึ้น “นี่ฉิงกลับมาหรือยัง?”
            “บ่าวได้ยินว่าท่านเจ้าหน้าที่เพิ่งกลับมา  ต้องการให้บ่าวตามหาเขาไหมเจ้าคะ?
            “อืม บอกเขาว่า อย่าเข้ามารบกวนข้าตอนนี้
            “…คุณหนูรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะกลับมาเวลานี้?”
            “เดาเอา” เมื่อวานนี้นางพูดถึงการก่อสร้างคลังเก็บเงินระหว่างเดินตากแดดมาด้วยกัน  เขาไม่เห็นด้วยกับนาง  เช้านี้เป็นอันแน่นอนว่า เข้าต้องเข้าวังเพื่อแจ้งข่าวแก่ฮ่องเต้อย่างไม่มีทางเลี่ยง  และฝ่าบาทคงจะทรงคัดค้านเป็นแน่  ดังนั้นคนผู้นี้คงกลับมา  เพื่อทำการเกลี้ยกล่อมนาง  แม้ว่ามู่หรงหยุนชูออกจะเป็นคนแนวเผด็จการ ในสายตาของคนทั่วไป  นางก็จะไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ไม่ว่าเขาจะพูดอีท่าไหน  ทว่ายามงีบในช่วงบ่ายแล้วต้องมาได้ยินเสียงพูดพล่ามผ่านโสตประสาทไม่หยุด  มันทำให้ไม่ค่อยสบายตัวนัก
            อย่างที่คาด  มู่หรงหยุนชูเพิ่งจะหลับไปไม่นาน  นี่ฉิงก็มาถึง  เขาสาวใช้ลู่จียืนขวางอยู่หน้าประตู
            สาวใช้เอ่ยตะกุกตะกัก “คุณชายนี่  คุณหนูเพิ่งจะหลับไปไม่นาน ท่านอย่าได้ทำลายฝันดีของคุณหนูเลยเจ้าค่ะ  ข้ากลัวนางจะโกรธเอาได้  ท่านรู้ไหม  การทำให้นางอารมณ์เสียมันน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน “  ลู่จีได้เล่าถึงประสบการณ์เคราะห์ร้ายในอดีตครั้งหนึ่ง  เวลานั้นนางแทบอยากขุดหลุมฝังตัวเองหนี  เพื่อหลีกหนีสายตาอันกรุ่นโกรธของนายสาวที่แทบอยากฉีกร่างตัวนางให้เป็นชิ้นๆ จนหาซากไม่เจอ
            นี่ฉิงตรึกตรองอย่างลึกซึ้งว่าการทำให้มู่หรงหยุนชูโกรธ ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาด  ผู้หญิงที่กล้าข่มขู่ฮ่องเต้   อาจทำการสังหารเจ้าหน้าที่ราชสำนักแปดในสิบส่วนได้โดยไม่กระพริบตา 
            เช่นนั้นเขาจึงนิ่งคิดไปสักครู่  แล้ว รีบเอ่ยตรงๆว่า “ข้าจะคอยจนกว่านางจะตื่นนอน”
------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามค่ะ  
ไรท์ดองเรื่องนี้เอาไว้นาน  มีผู้อ่านบางท่านถามเข้ามาด้วย ไรท์จึงต้องขออภัยรีดที่ติดตามด้วยนะคะ 
ต่อไปจะพยายาม อัพให้ถี่ขึ้นค่ะ
ตอนนี้ ไรท์เพิ่งทำ เฟซบุคแฟนเพจขึ้นมา ไว้เป็นช่องทางการแจ้งลงนิยาย และติดต่อกันค่ะ
สามารถเข้าไปได้ที่ ลิงค์นี้นะคะ  เมนต์ที่เฟซบุค

1 ความคิดเห็น: