มี่อ้าวแอบคิดสาระตะในใจเงียบๆ ข้าวหนึ่งตะกร้าอย่างน้อยมีค่ามากกว่าสี่จิน
ดีไม่ดีอาจมีค่าถึงห้าจิน เมื่อรวมกับพืชผัก มันเทศและสิ่งอื่นๆ น่าจะเพียงพอให้ทั้งคู่กินไปได้ราวครึ่งเดือนเลยทีเดียว
โอกาสได้ข้าวมาอย่างง่ายดาย เพียงแค่มือเอื้อมมาถึงแล้ว หากไม่มัวแต่ไว้ท่าแบบโง่ๆ ก็คงจะไม่อดอยากปากแห้งเป็นแน่
“เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” มี่อ้าวทำท่าคิดสักครู่ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ของเหล่านี้
ก็มอบให้ข้าและลุงตามใจเจ้า ส่วนวันพรุ่งนี้ข้าจะไปบ้านลุงพี่ชายของแม่เจ้ากับเจ้าด้วย
จะได้ไปบอกกล่าวขออนุญาตพวกเขา หลังจากเจรจาจบแล้ว พวกเจ้าก็ค่อยเดินทางไกลไปป่าที่เขาเซียนเติ้งซาน การแจ้งให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในครอบครัวรับรู้นับว่าสมเหตุสมผลดี”
เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อพลันหันมามองหน้ากัน
พวกเขาไม่คิดว่ามี่อ้าวจะกล่าวออกมาเช่นนี้
เจตนาของมี่อ้าวพวกเขาต่างรู้ดี เพราะการไปแจ้งผู้ใหญ่ของตระกูล เพื่อให้ผู้ใหญ่เห็นด้วย หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา ทางสกุลซุนจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบกับชะตากรรมของพี่น้องคู่นี้
มี่อ้าวรู้สึกกังวลว่าเหลียนฟางโจวจะไม่เข้าใจและยอมรับเงื่อนไขที่นางเสนอมา
ทว่า การไปเยี่ยมเยียนลุงและป้าใหญ่ผู้เรื่องมากนี้
เหลียนฟางโจวไม่รู้ว่าควรจะไปเจรจาอย่างไรดี ถึงจะไม่เกิดปัญหา
อย่างที่รู้กัน ถึงแม้ทั้งสองพี่น้องจะผจญเวรกรรมกับลุงลี่และป้าเฉียวที่มาข่มเหงรังแกพวกเขาอย่างน่าละอายมาหลายต่อหลายครั้ง คนภายนอกส่วนใหญ่มักไม่ค่อยรับรู้ ดังนั้นภาพพจน์ของญาติผู้ใหญ่ทั้งสองจึงยังดูน่าเชื่อถืออยู่
สองพี่น้องจึงภาวนาให้ลุงและป้าไม่นึกครึ้มอยากแสดงตนเป็นญาติผู้ใหญ่ของพวกเขาขึ้นมาจริงๆก็พอ
หากพวกเขามีญาติผู้ใหญ่ประเภทที่ ถึงแม้มีคนของสกุลหัวมาคอยข่มเหงรังแกถึงประตูบ้านหลานของตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็ไม่เคยมาช่วยเหลือปกป้อง หรือไม่เคยช่วยพูดเจรจาแม้แต่เพียงครึ่งคำเลย เช่นนี้ก็อย่ามีเสียดีกว่า
คนเช่นนี้นั่นหรือ? ในสายตาคนนอกกลับมองเป็นญาติผู้ใหญ่ของพวกเขาจริงๆ เหลียนฟางโจวคิดแล้วได้แต่ยิ้มเยาะในใจ
ฝ่ายเหลียนเซ่อนั้นรู้สึกร้อนรนขึ้นมา กำลังจะเอ่ยปากพูด ทว่าเหลียนฟางโจวกลับดึงรั้งน้องชายที่กำลังวุ่นวายใจเบาๆ
เธอพยักหน้าให้มี่อ้าวพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ตกลง เช่นนั้นวันพรุ่งนี้ ท่านป้าซุนได้โปรดไปเรียกข้า แล้วเราค่อยไปบ้านป้าใหญ่เพื่อแจ้งเรื่องเดินทางด้วยกัน”
เหลียนฟางโจวยิ้มแย้มแจ่มใส ดูหน้าตาสดชื่นมาก
“ตกลง เช่นนั้นเอาตามที่เจ้าว่า!” มี่อ้าวโล่งใจขึ้นเล็กน้อย พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มอย่างชื่นมื่น
ครั้นแล้ว ซุนชางซิงก็คลี่ยิ้มพลางกล่าว “เจ้ามาได้จังหวะดีจริงๆ หากมะรืนนี้อากาศดี ข้าก็วางแผนจะไปอยู่แล้ว!”
“จริงๆรึ? ช่างดีจริงๆ! พวกเราโชคดีจริงๆ!” ดวงตาเหลียนฟางโจวเป็นประกาย พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่า ” ซุนชางซิงอดหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้
เมื่อเห็นทุกฝ่ายบรรลุข้อตกลงกันได้ เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อจึงกล่าวคำอำลา
เหลียนฟางโจวจำต้องทิ้งข้าวให้สองสามีภรรยานี้ไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แรกๆมี่อ้าวก็ดีอกดีใจ แต่ต่อมาชักมีลังเลเล็กน้อยจึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“นี่..อาจไม่ถูกต้องนัก เจ้ายังไม่รู้เลยว่าป้าใหญ่ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ที่พวกเจ้าจะไป....”
“ไม่เห็นด้วยได้อย่างไร!”
เหลียนฟางโจวยิ้มแย้มพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลเบาสบาย
“ท่านลุงซุนไม่ใช่คนที่ไว้ใจไม่ได้รึ? อีกทั้งเราพี่น้องมีความละเอียดรอบคอบเช่นนี้ ไหนเลยป้าใหญ่จะไม่เห็นด้วยกับเราเล่า!”
โดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำใดต่อไป เด็กสาวบรรจงวางแตงโมอย่างระวังบนโต๊ะ
เอ่ยพร้อมยิ้ม “เช่นนั้น ขอวางของไว้ที่นี่นะ!”
“ฮ่า ฮ่า นั่น..ฮ่าฮ่า!”
มี่อ้าวถูมือไปมา เก็บถ้อยคำปฏิเสธกลืนลงคอไปทันที
เหลียนฟางโจวไม่ปล่อยให้มี่อ้าวมีโอกาสเอ่ยถ้อยคำใดต่อ เธอกล่าวคำอำลาด้วยท่าทียิ้มแย้ม พลางดึงเหลียนเซ่อออกเดินไปทันที
“พี่ใหญ่” ระหว่างทาง เหลียนเซ่อผู้เต็มไปด้วยความกังวลกล่าวว่า
“ป้าใหญ่จะเห็นดีด้วยจริงหรือ? ทว่า เรา-”
ทางฝ่ายเหลียนฟางโจวกลับรู้สึกมั่นใจ
จึงเหยียดยิ้มพูดเสียงเบาว่า “เรื่องนี้รึ นางย่อมเห็นด้วยแน่นอน อะแฮ่ม บางที ดีไม่ดีนางอาจตั้งตารอดูเรา
ได้ประสบหายนะข้างหน้าก็เป็นได้!”
ในใจของเหลียนเซ่อพลันบีบรัด ใบหน้าพลันเปลี่ยนสีไปด้วย เมื่อเห็นความรู้สึกฉายชัดในดวงตาของเหลียนฟางโจว หากการเดินทางครั้งนี้เกิดปัญหาขึ้น
“ทำใจให้สบาย” เหลียนฟางโจวยิ้มให้เขาบางๆ
พลางกล่าว “เราจะกลับมาโดยสวัสดิภาพแน่นอน!”
ไฉนจะไม่รู้เล่า เมื่อเหลียนเซ่อได้เห็น สีหน้ามั่นอกมั่นใจ และไม่ทุกข์ร้อนของนาง ใจเขาก็พลันมั่นคงทันใด
“ข้าเชื่อในตัวพี่ใหญ่” เด็กหนุ่มเอ่ยเบาๆ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ไมได้เป็นดังที่เหลียนฟางโจวคาดเอาไว้ เมื่อวันถัดมาเธอไปเคาะประตูรั้วบ้านของลุงลี่และป้าใหญ่พร้อมมี่อ้าว เธอยิ้มและกล่าวทักทายฮูหยินเฉียว พร้อมทั้งสอบถามสารทุกข์สุขดิบ ฮูหยินเฉียวจ้องมองนางอย่างประหลาดใจ
แล้วกระแอมเบาๆตามลำดับ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เจ้าจะไปไหนย่อมเป็นเรื่องของเจ้า
ดูแลตัวเองได้นับว่าดี ร่างกายพวกเจ้าก็แข็งแรงดี แล้วจะให้เราทำอันใด?”
มี่อ้าวอยากพูดอะไรด้วยสักหน่อย เหลียนฟางโจวรีบพูดรวบรัดว่า “ป้าใหญ่พูดมาเช่นนี้แล้วพวกเราก็รู้สึกโล่งอก! ป้าซุน พวกเราไปกันเถิด!”
มี่อ้าวนิ่งงัน พลันคิดถึงข่าวลือที่ได้ยินมาโดยบังเอิญ ยิ่งเมื่อคืนเพิ่งรับข้าวเปลือกอย่างยินดีปรีดาไป จึงทำให้นางนอนไม่หลับ ผลก็คือนางเริ่มลังเลกับสิ่งที่เหลียนฟางโจวได้พยายามโน้มน้าวมา
เพราะจริงๆแล้ว นางยังไม่ได้แจ้งญาติผู้ใหญ่ของพวกเด็กสกุลเหลียนเลยสักแอะ
มี่อ้าวคิดในใจ
เพราะว่าต้องเดินทางไกลขึ้นเขาในวันรุ่งขึ้น วันนี้เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อจึงไม่ออกไปไหน ทั้งสองพักผ่อนอยู่กับบ้าน เหลียนฟางโจวต้องบอกความจริงและแจกงานบ้านให้เหลียนเช่อและเหลียนฟางฉิงรับผิดชอบ ในช่วงที่พี่ทั้งสองไม่อยู่
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้ายังมืดอยู่ เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อรีบลุกจากที่นอน
เมื่อเปิดประตูออกมา อากาศหนาวเย็นในยามเช้ามืดพรั่งพรูเข้ามา แทรกซึมถึงกระดูก พวกเขาก่อไฟทำอาหารง่ายๆกินอย่างเร่งรีบ พร้อมทั้งขนกระสอบป่านที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวานไปด้วย
เหลียนฟางโจวได้ถามซุนชางซินเมื่อวานนี้ ว่าต้องนำสิ่งอื่นใดติดตัวไปด้วย เช่นพวกของแห้ง
น้ำดื่ม หรือไม่?
พรานป่าซุนชางซิงพลันโบกมือ
เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องใช้! ในภูเขามีตาน้ำที่ใสสะอาดที่สุด ในฤดูกาลนี้ ในป่าจะมีผลไม้ป่ามากมาย ทั้งฮ่วยซัว(สาคูจีน)ก็มีไม่ขาด ยังจะนำของแห้งไปด้วยอีกหรือ?”
มันอาจจะเป็นอย่างที่เขาว่า ทว่าเหลียนฟางโจวกลับคิดว่า นี่เป็นการเดินทางไกลครั้งแรกของสองพี่น้อง พวกเขาไม่คุ้นชินเหมือนซุนชางซิง เกรงว่าหากไม่เตรียมเสบียงมาบ้าง หากหิวจัดขึ้นมา จะเกิดความขลุกขลักเอาได้
อีกทั้งพวกเขาไม่คุ้นเคยกับเขาเซียนเติ้งซาน ต้องพึ่งพิงแต่ซุนชางซิง เช่นนี้อาจก่อความรำคาญให้คนนำทางได้ จึงคิดว่าควรจะเตรียมอันใดเผื่อเป็นสินน้ำใจให้เขาดีหรือไม่?
ด้วยเหตุนี้ ครั้นแล้วเธอจึงกัดฟัน ต้มไข่ 5 ฟอง ห่อข้าวด้วยใบไผ่ไป
3 ห่อ เก็บไข่สองฟองให้เลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อ
อีกสามฟองห่อด้วยผ้าสะอาดอย่างบรรจง
พร้อมกับห่อข้าวปั้น 3 ห่อ หิ้วไปด้วยอย่างระมัดระวัง
ก่อนออกจากบ้าน
เหลียนฟางโจวปลุกเหลียนเช่อและเหลียนฟางฉิงเบาๆ
ว่าจะออกเดินทางไปกับเหลียนเซ่อ
น้องเล็กทั้งสองคนเป็นเด็กฉลาด หรี่ตาปรืออย่างง่วงงุนรับรู้พลางกล่าวว่า “พี่ใหญ่และพี่รองกลับมาเร็วๆนะ”
ยามนี้ตรงขอบฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับดวงดาวที่สุกสกาวสว่างกระจ่างชัด มองคล้ายกับละอองน้ำแข็งบนฟากฟ้า
ที่ขอบฟ้าข้างหน้า มีดาวเคราะห์ที่ดูเหมือนสว่างเจิดจ้าเป็นพิเศษ นั่นคือดาวประกายพรึก(ดาวศุกร์)
สองพี่น้องหญิงชายเดินตรงไปยังหมู่บ้านของหลานชายล่งซิงเจีย อาศัยแสงดาวนั้นนำทาง เดินมาไม่นาน
ครั้นแล้วจึงเห็นกระท่อมเรืองแสงสีเหลืองซืดๆอยู่ไม่ไกล
“ท่านลุงซุน!” เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม
“อ้าว มากันแล้ว!” ซุนชางซิงหัวเราะเบาๆ พยักหน้าให้พวกเขา พลางกล่าว “กำลังพูดถึงพวกเจ้าอยู่พอดีเลย! ไป...พวกเราออกเดินทางกันเถิด!”
-----------------
พอดีช่วงนี้ออกมาเที่ยว ตจวค่ะ เลยมาอัพช้าไปหลายวัน
และขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ ^-^
พอดีช่วงนี้ออกมาเที่ยว ตจวค่ะ เลยมาอัพช้าไปหลายวัน
และขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ ^-^
อยากรู้ว่านางเอกจะเจออะไรที่ภูเขาบ้างมาอัพต่อไวๆนะไรท์
ตอบลบนางเอกต้องเจอของดีแน่ๆ
ตอบลบขอบคุณคะ...คราวนี้จะมีเรื่องราวอะไรน้าหรือจะเจอพระเอก
ตอบลบขอบคุณค่า
ตอบลบอยากให้มีตอนพิเศษในวันหยุด 555 ฝากเที่ยวเผื่อด้วยค่ะ
ตอบลบนังป้าจะไปห้ามทำไมสงสัยจะแช่งตามหลังละมากกว่า
ตอบลบนางเอกจะได้เจอของป่าชื่อท่านแม่ทัพมั้ยน๊าาา
ตอบลบจะเจอเห็ดหรือเจอเรื่องร้ายน้า
ตอบลบขอบคุณที่แปลให้อ่านค่ะ สนุกมาก
ตอบลบขอบคุค่ะ เที่ยวสนุกไหมคะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ จะรอตอนต่อไป
ตอบลบพระเอกค่าตัวแพงจริงไรจริง 25 ตอนไปแล้ว ยังไม่ได้กล้าวถึงแม้แต่เงา - -"
ตอบลบออกผจญภัยกันแล้ว สองพี่น้องจะเจออะไรกันบ้างน้า ขอบคุณค่ะ...สนุกมากรอตอนต่อไปนะค่ะ
ตอบลบหายไปหลายสันเลย มารอทุกวัน อย่าหายอีกนะค่ะ. พลีส
ตอบลบรอตอนต่อไปค่ะ พระเอกเมื่อไหร่จะมาเนี่ย
รอรีดรอไรท์อยู่มาเร็วนะไรท์รีดอยากรู้นางเอกจะได้อะไรจากบนเขา
ตอบลบจะเจอกับอรัญบ้างนะ ลุ้นๆ
ตอบลบรอคุณพระเอกอยู่นะคะ ค่าตัวแพงจริงๆ5555
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบ