เหลียนฟางโจวรู้สึกว่าตนเองเสียมารยาทเข้าแล้ว พลันเกิดละอายใจขึ้นมา
เธอกระแอมไอแล้วยิ้มออกมา ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางส่งยิ้มให้กับซุนชางซิง
“ท่านลุงซุน มีบางเรื่องที่ข้าอยากถามท่าน ขอท่านอย่าได้โกรธเคืองไปเลย!”
“เรื่องอันใดกัน!” ซุนชางซิงอึ้งงัน
เหลียนฟางกล่าวเสียงเบา “ไม่ทราบว่าเวลาท่านลุงซุนล่าสัตว์ในแต่ละครั้ง ท่านเคยเอาสัตว์ที่ล่าได้ มาฝากเพื่อนบ้านบ้างหรือไม่?”
ซุนชางซิงเงยหน้าสบตาเหลียนฟางโจว เบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ
“ฟางโจว ขอบใจเจ้ามากที่เตือนข้า!” ซุนชางซิงเช้าใจความนัยของเหลียนฟางโจวโดยพลัน เขายิ้มเจื่อนๆ แอบรู้สึกละอายใจอย่างเงียบๆ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆแท้ๆกลับมองทะลุความจริงที่ซ่อนอยู่ ช่างทำให้เขาวุ่นวายใจอะไรเช่นนี้!
เจ้าหน้าที่ราชการในหมู่บ้าน ถึงจะกินตำแหน่งเล็กๆ ทว่ากลับมีอำนาจล้นเหลือ การซื้อขายที่ดิน การเก็บภาษี
การจัดการข้อพิพาทระหว่างเพื่อนบ้าน
การขอเลขทะเบียนบ้าน การขอถนนเข้าบ้าน ย่อมต้องหาหลักฐานต่างๆมาแสดงตามที่เจ้าหน้าของทางการร้องขอ เพื่อให้พวกเขาออกเอกสารรับรอง ถึงจะกลายเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ถือครองทรัพย์สินต่างๆได้!
อย่างน้อยที่สุด เขาต้องผ่านการอนุมัติ์ในขั้นตอนแรกให้ได้ก่อน
คู่สามีภรรยาสกุลซุนอาศัยอยู่ข้างๆหมู่บ้าน โดยปกติพวกเขาไม่ชอบยุ่งเรื่องจุกจิกของชาวบ้าน อีกทั้งยังไม่ค่อยคบค้าสมาคมกับคนในหมู่บ้านนัก
เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งสองจึงค่อยๆลดบทบาทในสายตาของคนในหมู่บ้านลงไปเรื่อยๆ
นอกจากจะไม่เป็นที่รู้จักของคนในหมู่บ้านแล้ว เมื่อคราที่หมู่บ้านมีนโยบายหรือประกาศที่สำคัญจากทางการ หรือข่าวสารที่น่าสนใจใดๆ ก็ไม่มีผู้ใดคิดถึงสองสามีภรรยาคู่นี้เลย
อันที่จริงภายในหมู่บ้าน มีหลายครอบครัวที่บอกขายที่นา บางครั้งให้ราคาไม่แพงอีกด้วย หากชุนชางซิงเป็นผู้ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอันใด ราวกับเป็นเด็กไร้เดียงสา อย่างน้อยๆเขาย่อมสามารถหาซื้อที่ดินขนาดสองมู่โดยไม่ยาก
ช่างน่าเวทนาอะไรเช่นนี้ คราเมื่อสองสามีภรรยารู้ข่าวการขายที่นา ก็มีลูกบ้านอื่นๆชิงตัดหน้าซื้อที่นานั้นไปก่อนแล้ว
ซุนชางซิงจึงได้แต่แอบเสียใจเงียบๆ อดได้กรรมสิทธิ์ถือครองทรัพย์สิน ได้แต่อิจฉาในโชคดีของผู้อื่น
ได้แต่เพียงคอยโอกาสครั้งหน้า คำว่า “ครั้งหน้า” นี้จะกลายเป็น
“ครั้งหน้า” ไปตลอดการเอาจริงๆ
ทว่าหากรู้จักสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน สถานการณ์ย่อมเปลี่ยนไป อย่างน้อยที่สุดเมื่อมีข่าวสำคัญอันใดขึ้นมา
ก็ย่อมทำการสอบถามได้ด้วยตนเอง ซึ่งช่วยลดความล่าช้าลงได้มาก ท่าทีของผู้ให้ข่าวก็ให้ด้วยความเอื้อเฟื้อแบบญาติสนิทมิตรสหาย มากกว่าจะมองในเชิงผลประโยชน์
“โอ ท่านลุงซุนสิ่งที่ข้ากล่าวมานี้อาจไม่ถูกทั้งหมดก็เป็นได้!” เหลียนฟางโจวเม้มปากยิ้ม
หลังจากนั้น บรรยากาศรอบตัวคนทั้งสามก็หายตึงเครียดในฉับพลัน ช่วงขากลับซุนชางซิงเริ่มเปิดใจเล่าเรื่องราวมากมายของเขาเซียนเติ้งซานให้สองพี่น้องคู่นี้ฟังมากขึ้น
เมื่อเริ่มออกห่างภูเขาห่างไปทีละน้อย ทิวทัศน์สองข้างทางเริ่มปรากฏภาพเรือกสวนไร่นามากขึ้น และเริ่มเห็นรอยเท้าผู้คนบนถนนมากขึ้นด้วย
เมื่อใกล้ถึงบ้าน คนทั้งสามถอนหายใจด้วยความโล่งอกเบาๆ จิตใจยามนี้อ่อนระโหยโรยแรง
บ้านคือที่ที่ทุกคนโหยหา โดยเฉพาะหลังจากที่เหนื่อยล้าหมดแรงมาทั้งวัน
“ข้าต้องเข้าหมู่บ้านไปหาเจ้าของที่ดินเพื่อไปถามว่ามีอันใดขาดเหลือบ้างหรือไม่ แล้วยังมีเพื่อนบ้านอีกหลายคนที่ข้าต้องไปสอบถามด้วยอีก พวกเจ้าสองคนพี่น้องกลับไปก่อนเกิด!” เมื่อถึงทางแยกซุนชางซิงหยุดเดินพลางเอ่ยขึ้น
เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อไม่มีปัญหาอันใดอยู่แล้ว ทั้งสองพลันยิ้มพร้อมกล่าวคำอำลา
ครั้นแล้วซุนชางซิงปลดไก่ฟ้าขนสีเทาที่คล้องอยู่บนบ่าออกมา
2 ตัว จากทั้งหมด 8 ตัว ให้เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเก้อกระดาก “นี่..ให้พวกเจ้าเอาไปทำอาหารฉลองกัน! ใช่..วันนี้ข้าโชคไม่ดีนัก หากโชคดี
คงให้พวกเจ้ามากกว่านี้....”
แม้ว่าไก่ฟ้าตัวไม่ใหญ่นัก ทว่ารสชาติของเนื้อย่อมอร่อยโดดเด่นอย่างแน่นอน
เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อต่างดีใจยิ่งนัก กล่าวขอบคุณลุงซุนหลายต่อหลายครั้งพลางส่งยิ้มไม่หยุด
เหลียนเซ่อผูกไก่ฟ้าสองตัวกับคานที่อยู่บนบ่า ยิ่งมองดูพวกมัน เขายิ่งชอบใจนัก อดพูดกับเหลียนฟางโจวด้วยความอิจฉาไม่ได้ “อาชีพนายพรานนี่น่าสนใจนัก เราสามารถล่าสัตว์มาเป็นอาหารกินได้ไม่จบไม่สิ้น! หากข้าทำอาชีพนี้คงดีไม่น้อย! พี่ใหญ่..พี่คิดว่า
หากข้าขอให้ท่านลุงซุนรับข้าเป็นศิษย์สอนยิงธนู
เขาจะรับข้าหรือไม่?”
เหลียนฟางโจวเหลือบมองน้องชายพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว! แม้ว่าเขาจะออกไปล่าสัตว์ หากการล่าสัตว์เป็นกิจกรรมที่สำคัญเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
มันอาจไม่ดีอย่างที่เจ้าคิด
ไม่เช่นนั้น
เจ้าก็จงดูสภาพครอบครัวของลุงซุนสิว่าเป็นเช่นไร? หากเขามีผืนนาเป็นของตนเอง นั่นล่ะจึงจะถือว่าเขามีชีวิตที่มั่นคง เขาย่อมไม่อยากออกไปล่าสัตว์อีกแล้ว! เจ้าอยากให้ท่านลุงซุนรับเจ้าเป็นศิษย์รึ? เขาน่าจะไม่ยินยอม เพราะนี่คือทักษะในการอยู่รอด ไหนเลยเขาจะยอมสอนเจ้าง่ายๆ?”
เหลียนเซ่อรู้สึกเซ็งขึ้นมาทันใด ถอนหายใจหนักหน่วง “ว๊า
โชคร้ายจังเลย!”
เหลียนฟางโจวเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ในภูเขามีสัตว์ป่าออกหากินมากมาย อันตรายย่อมมีอยู่ทุกที่ ถึงเขาจะเต็มใจรับเจ้า ข้าก็ไม่วางใจหรอก! อย่าคิดว่าการดำรงชีวิตเยี่ยงนี้จะเหมาะสมกับเรานะ!”
เหลียนฟางโจวเชื่อมั่นว่าด้วยองค์ความรู้ของตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเกษตร ชีวิตของครอบครัวนี้จะต้องดีขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน เธอไม่อยากให้เหลียนเซ่อ
คิดจะยึดอาชีพนายพราน หากเป็นการไปล่าสัตว์เป็นบางครั้งนับว่าไม่เลว อย่าได้ทำเหมือนซุนชางซิง เพราะเป็นอาชีพที่พึ่งพาแรงกายมากเกินไป!
สองพี่น้องพูดคุยกันไปตลอดทาง รู้สึกว่ากำลังจะเข้าเขตบ้านแล้ว
ยามนี้เป็นเวลาพลบค่ำ แสงอาทิตย์อัศดงเรืองรองตรงขอบฟ้า ออกสีส้มแดง
ช่างงดงามน่ามองนัก
“พี่ใหญ่! พี่รอง!”
จากบริเวณที่ไกลๆในหมู่บ้าน มีร่าง 2 ร่างเล็กๆ ตะโกนลั่นด้วยความดีใจ วิ่งตรงมายังพวกเขาอย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าใคร
สี่พี่น้องต่างหัวเราะให้กันและกัน หัวใจพลันอบอุ่นขึ้นมา
เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อวิ่งไปหยุดตรงหน้าของพี่ใหญ่และพี่รอง หอบหายใจฮักๆ ดวงตาสดใสเป็นประกาย
“พี่ใหญ่ และพี่รอง พวกท่านต้องคำนวณเวลาพลาดแน่เลย พวกเราคอยพวกพี่ตั้งนานสองนาน!” เหลียนฟางฉิงดึงกระโปรงของพี่สาว
เงยหน้ามองด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“พี่ใหญ่วางใจได้เลย ประตูบ้านใส่กุญแจแล้ว! แม่ไก่แก่สองตัวก็กลับเช้าเล้าแล้ว!”
เหลียนเช่อเอ่ยขึ้นอีกคน
“ดี ดีนัก!” เหลียนฟางโจวกล่าวด้วยยิ้ม
“พวกเจ้าเป็นเด็กฉลาด เพียงแต่ครั้งหน้า น้องรักตัวเล็กของพี่ต้องคอยอยู่ที่บ้านนะ
อย่าได้ออกมาข้างนอกอีก อากาศตอนพลบค่ำค่อนข้างเย็นนัก!”
พี่น้องทั้งสี่คน คุยไปพลาง หัวเราะไปพลาง ด้วยพุทราสุกหวานลูกโต กุ้งน้ำจืดตัวใหญ่ รวมทั้ง ไก่ฟ้า เห็ดป่า และฮ่วยซัว ที่ขนกลับมา คืนนี้ล้วนมีแต่ของอร่อยทั้งนั้น!
เหลียนฟางฉิงรวมทั้งเหลียนเช่อมีความสุขยิ่งนัก ทั้งสี่พี่น้องพูดคุยและหัวเราะกันอย่างครื้นเครงไปตลอดทาง
หลังจากพักสักครู่ คนทั้งสี่ก็เริ่มยุ่งกับการจัดการของที่ขนมา
เห็ดป่าซึ่งเหลียนฟางโจวเก็บมาถูกล้างจนสะอาด
เพื่อให้เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อ คัดแยกเอาเห็ดที่เละๆออก เธอและเหลียนเซ่อเข้าครัวเพื่อเตรียมทำอาหารด้วยกัน
คืนนี้มีแต่อาหารชั้นดีทั้งนั้น หลังจากถอนขนไก่ฟ้าเสร็จแล้ว จากนั้นนำไปล้างให้สะอาด
สับแยกด้วยมีดเป็นสี่ส่วนตามลำดับ แล้วนำไปตุ๋นเป็นน้ำแกงกับเห็ดสด
จากนั้นนำกุ้งมาต้ม
ส่วนฮ่วยซัวหั่นเป็นชิ้น นำมาย่างไฟ
แต่เดิมเหลียนฟางโจวเตรียมนำกุ้งมาผัด
ทว่าเธอไม่อาจใช้น้ำมันสิ้นเปลืองได้ จึงเพียงต้มในน้ำ กุ้งมีปริมาณมากมาย เย็นนี้พวกเขากินกุ้งไปครึ่งหนึ่ง แล้ววางแผนเอากุ้งที่เหลือมาอบไฟเพื่อไล่น้ำให้แห้งลงช้าๆ
เก็บไว้ให้เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อกิน พรุ่งนี้พวกพี่ๆต้องไปเขาเซียนเติ้งซานอีก
สี่พี่น้องไม่เคยได้กินอาหารชั้นดีมานานมากแล้ว กลิ่นหอมชองไก่ฟ้าตุ๋นเห็ดโชยเข้ามา คนทั้งสี่อดไม่ได้หันไปยิ้มให้กันด้วยดวงตาเป็นประกาย
เหลียนฟางโจวหัวเราะในเวลาเดียวก็อดรู้สึกอดสูในใจเงียบๆไม่ได้ เธออายุเกือบ 30 ปีแล้ว ทว่ายังคงตะกละเหมือนเด็กๆ
ทุกคนรู้สึกอิ่มเอมใจหลังอาหารมื้อเย็น ทั้งกระดูกและเปลือกกุ้งที่เหลือ พรุ่งนี้จะนำไปให้ไก่ที่เลี้ยงไว้กิน แม่ไก่กินกุ้ง จะได้ออกไข่ได้มากขึ้น
“พี่ใหญ่ ข้าลืมไป พี่จวนมาหาข้า บอกว่าป้าจางกำลังหาตัวพี่อยู่!” ภายหลังมื้อเย็นทั้งสี่คนยังคงคัดแยกเห็ดต่อไป จู่ๆเหลียนเช่อก็โพล่งขึ้นทันใด
“ป้าจางหาตัวพี่อยู่หรือ? เดี๋ยวพี่ไปเลยแล้วกัน!” ครั้นแล้วเหลียนฟางโจวยืนขึ้น ล้างมือเตรียมไปบ้านป้าจาง
เธออยากให้เห็ดสดส่วนหนึ่งรวมทั้งฮ่วยซัวกับป้าจางด้วย แต่แล้วเปลี่ยนใจเมื่อคิดได้ว่า
ป้าจางต้องถามแน่เลยว่าไปไหนมา ? หากได้ยินว่าพวกเขาไปเขาเซียนเติ้งซานมา เธอคงจะโดนสวดแน่
เหลียนฟางโจวยังไม่เต็มใจที่จะปฏิเสธความปรารถนาดีของป้าจาง
และไม่เต็มใจที่จะยกเลิกการไปเขาเซียนเติ้งซาน ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ต้องการให้คนในหมู่บ้านรู้ว่าพวกเธอไปที่นั่น ด้วยเหตุนี้จึงคิดใคร่ครวญดูอีกครั้ง ได้ข้อสรุปในใจว่า ในครั้งแรกยังไม่เอาอะไรไปฝาก หลังจากเก็บเห็ดได้เพียงพอ แล้วขายเป็นเงินได้แล้ว ภายหลังเธอจึงค่อยหาซื้อของขวัญให้เพื่อเป็นการขอบคุณ หวังว่าคงจะไม่นานเกินรอ-----------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามค่ะ
เหลืออีก 6 ตอน พระเอกก็จะมีบทกับเขาแล้วนะคะ
หวังว่าผู้อ่าน คงอร่อยไปกับมื้อเย็น ของสี่พี่น้องนี้ค่ะ ^-^
ขอบพระคุณครับ ตอนนี้ก็สนุกอีกเช่นเคย อยากเห็นพระเอกใจแทบขาด อีก 6 ตอนเอง สู้ครับไรเตอร์
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ น่ากินมากเลยตุ๋นไก่ฟ้า
ตอบลบขอบคุณค่ะ สนุกมาก
ตอบลบขอบคุณมากคะ รอทุกตอนด้วยใจจดจ่อ สนุกมากกกก
ตอบลบวันนี้มีความสุขไปกับพี่น้องเหลียน...ขอบคุณคะ
ตอบลบลุ้น ๆ อีกหกตอนแล้วววว หวังว่าตอนอีตาพระเอกมาตอนแรกจะมาแบบสมน้ำสมเนื้อนะ ไม่ใช่ว่าจะมาแบบชั้นมาแล้วนะในสองบรรทัดสุดท้าย 555+
ตอบลบ(เดาว่าฮีสลบ นางเอกไปเจอ แล้วตัดจบตอน ....~^_^v)
อ่านตอน เที่ยงคืนกว่า ๆ หิวข้าวรอบดึกมากกกกกกกกกค่ะ
ตอบลบไรท์ขยันหาภาพประกอบมาให้ตลอดเลย ขอบคุณนะคะ ^^
ตอบลบอ่านไปก็หิวไปตามเด็กๆเลยค่ะ
ตอบลบรู้สึกช่างนี้น้ำหนักขึ้น เพราะอ่านนิยาย
ตอบลบรู้สึกช่างนี้น้ำหนักขึ้น เพราะอ่านนิยาย
ตอบลบชอบมากขอบคุณไรท์นะค่ะชอบอ่านเเนวนี้มันดูสมจริงนางเอกไม่ได้ทรูเทพเวอร์วัง
ตอบลบขอบเรื่องนี้มาก เป็นเรื่องที่อ่านแล้ว อยากออกไปเก็บเห็น คิดถึงตอนที่ไปเก็บเห็ดกับญาติๆตอนกลับบ้านยาย 5555 เก็บกันเหนื่อยมา มาทำอะไรกินก็อร่อยไปหมด เผลอใส่เกลือเยอะเกินยังอร่อย
ตอบลบอ่านแล้วชักหิวอะ
ตอบลบเห็นรูปประกอบแล้วหิวววววเลย 5555อยากเจอพระเอกเร็วจัง
ตอบลบมาอัพต่อไวๆ นะคะ อยากเจอพระเอกมากมาย 555
ตอบลบชอบภาพประกอบมากๆ เลยค่ะ
ตอบลบบางทีก็นึกภาพตามไม่ออกพอได้เห็นแล้วชัดเลยค่ะ 5555
ปล. อยากเจอพระเอกเร็วๆ เหมือนกันค่ะ ><
รอนะคะ ชอบเรื่องนี้มากเลยขอบคุณผู้แปลนะคะ
ตอบลบรอนะคะ ชอบเรื่องนี้มากเลยขอบคุณผู้แปลนะคะ
ตอบลบน้ำลายไหล
ตอบลบขอบคุณค่ะ...อาหารมื้อนี้น่ากินจัง
ตอบลบขอบคุณค่า
ตอบลบท่านป้าจาง? หวังว่ายังไม่รู้นะ......
ตอบลบ..ไม่นั้นหูชาแน่่
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบพระเอกเรื่องนี้ค่าตัวแพงมากเลยค่ะ จะสามสิบตอนก็ยังไม่ได้เจอ
ตอบลบตอนนี้อยู่ในโหมดชีวิตประจำวันของครอบครัวเหลียน
5555555
สนุกมาก ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ
ตอบลบเงินค่าตัวเกือบครบแล้ว
ตอบลบรอท่านแม่ทัพพพพพ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบดีใจกับสี่พี่น้องจัง อะไร ๆ ก็ดีขึ้นแล้ว
ตอบลบ