วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 31 ป้าใหญ่โจมตีป้าสาม

           “โอ๊ย!” ฮูหยินเฉียวไม่คาดคิดว่าจะถูกเสี่ยวม่านทุบเข้าที่ท้องน้อย รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา จนหงายหลังลงไปไม่รู้ตัว
          โชคดีที่เหลียนลี่ยืนอยู่ด้านหลังนาง  ช่วยพยุงนางไม่ให้สะดุดล้มลง
          บางคนในฝูงชนรอบๆเริ่มหัวเราะคิกคัก

        ฮูหยินเหลียวเรื่องอันใดจะยอมแพ้? ความคลั่งแค้นพุ่งปรี๊ด  ผลักสามีให้หลีกทาง  กรีดร้องเสียงดัง “เจ้ากล้าตีข้ารึ? กล้าดีอันใดมาทำตัวเกะกะระรานที่หน้าบ้านข้า!” ผลักเหลียนเสี่ยวม่านล้มลง
          ป้าสองคนเริ่มเข้าตะลุมบอนกัน  ทั้งสองฝ่ายต่างตบตีและตะโกนสาปแช่งซึ่งกันและกัน
          คนทั้งคู่ตบตีกันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ  ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงตาค้างไปตามๆกัน  รอสักครู่จึงรีบกรูไปห้ามคนทั้งสอง
          คนหนึ่งก็ทึ้งผมฝ่ายตรงข้าม  อีกคนก็ดึงสาบคอเสื้อ  ผู้คนรีบไปดึงทั้งสองฝ่ายให้แยกจากกันอย่างวุ่นวายโกลาหล
          หญิงวัยดึกสองคนต่างจ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยดวงตาแดงกล่ำอาฆาตมาดร้าย เปล่งเสียงตะโกนด่าทอกันไม่หยุด  เสื้อผ้าหลุดลุ่ย  ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าตาดุร้ายเหมือนสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ
          เหลียนฟางโจวเหลือบมองคนทั้งสอง  เกือบจะหลุดยิ้มออกมาพลางโพล่งเสียงดัง
“หมาบ้า!”  คำสองพยางค์ง่ายๆ  แต่ทำให้เห็นภาพชัดเจนนัก เหมาะกับสภาพคนตรงหน้าจริงๆ
          ฝ่ายเหลียนเสี่ยวม่านที่ทั้งกรีดร้องและร้องไห้คร่ำครวญถึงบิดามารดาบนสวรรค์  ฮูหยินเฉียวที่ยังคงแช่งชักไม่หยุด  ต่างรู้สึกตัวขึ้นมาทันใด!
          “ข้ายังไม่ได้พูดอันใดเลย  เจ้าพูดคำนี้ออกมาหรือเปล่า? ดูสิ พวกนางดูเหมือนหยุดส่งเสียงแสบแก้วหูกันแล้ว!” ไม่รู้ว่าใครในกลุ่มคนตะโกนออกมา
          “จริงด้วย!” ผู้คนต่างขานรับพร้อมๆกัน
          รอยย่นลึกตรงหัวคิ้วของเหลียนลี่จางลง  ค่อนข้างไม่พอใจ  กวาดตามองไปยังทิศทางที่คำพูดนั้นส่งออกมา   
          ต่อให้ปีศาจมาเอาชีวิต  เด็กสาวก็ไม่ตั้งใจทิ้งเหลียนเสี่ยวม่านที่ไม่มีทางไปอย่างแน่นอน
          เพราะว่าหลังจากสามีของเหลียนเสี่ยวม่านถึงแก่กรรม  นางไม่ได้เพิ่งกลับมาบ้านเกิดเป็นครั้งแรก  เมื่อนางกลับมาแต่ละครั้งก็ไม่เต็มใจจะกลับไปเลย  เพียงไม่นานในวันนี้นางก็กลับมาอีก  ตั้งใจกลับมาตายรังที่บ้านเกิด  ถ้าให้เดาคร่าวๆ  นางคงเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องทะเลาะเบาะแว้งที่เกิดขึ้นที่บ้านสามี  และเรื่องร้ายอื่นๆยังคงดาหน้าเข้ามาหานางไม่หยุด  นางจึงไม่อยากกลับไป!
          ส่วนเหลียนลี่เองนั้นคงไม่เต็มใจให้น้องสาวอยู่ด้วยเป็นแน่แท้
          แม้น้องสาวจะร้องให้คร่ำครวญขอความเห็นใจให้สงสารในชะตากรรมที่ต้องเผชิญมากแค่ไหน   เหลียนลี่กลับแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน   ทั้งยังไม่เดือดเนื้อร้อนใจ  ด้วยเหตุนั้นคิ้วของเขาจึงไม่ค่อยขมวดเท่าใดนัก
          เขาค่อยๆเดินอืดอาดยืดยาดมาที่หน้าบ้าน  จึงเห็นเหลียนฟางโจวดึงมือเหลียนเซ่อฝ่าฝูงชนเดินเข้ามาถึงหน้าประตูรั้ว
          สองพี่น้องเดินมาถึงตรงหน้าเหลียนเสี่ยวม่าน  เหลียนฟางโจวยื่นมืออกมาพยุงหญิงวัยกลางคน  พลางเรียก “ป้าสาม!”
          ผู้คนตกตะลึงทันใด  รวมถึงเหลียนเสี่ยวม่าน
          เหลียนลี่แอบโล่งอกในใจเงียบๆ  ย่องถอยเท้ากลับไป
          ป้าจางที่เพิ่งรีบเร่งมาถึงยามนี้  เมื่อเห็นภาพนั้นถึงกับสะดุ้งตกใจ
          “ป้าสาม  เนื่องจากลุงลี่และป้าใหญ่ไม่เต็มใจให้ที่พักพิงแก่ท่านทว่าข้าเต็มใจให้ท่านพักกับข้าได้”  เหลียนฟางโจวเขย่ามือเหลียนเสี่ยวม่านเบาๆ  กล่าวมาอีกสองสามคำด้วยน้ำเสียงอ่อนลงสิบส่วน  เจือด้วยความเมตตา
          ยิ่งไปกว่านั้น คำซึ่งเธอใช้คือ ให้ที่พักพิง ‘  หมายความว่าเหลียนฟางโจววางตัวเองเป็นเจ้าบ้าน
          ป้าจางเมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น  ภายในใจจึงเข้าใจเจตนาเบื้องลึกของเด็กสาวทันที   นางจึงตัดสินใจอยู่ช่วยเด็กสาวสักพัก
          ชาวบ้านไม่คิดว่าเหลียนฟางโจวจะมีจิตใจโอบอ้อมอารีเช่นนี้  ต่างอดยกย่องชื่นชมนางไม่ได้
          เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ใจเย็นๆเถิด!”  จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก  ฮูหยินเฉียวเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบใจนัก
          นางคิดว่าเหลียนฟางโจวจงใจเย้ยนาง  และตั้งใจทำให้นางดูเป็นคนชั่วช้าน่ารังเกียจ  ไม่เช่นนั้น..ไยนางจึงอยากวิ่งออกมาช่วยเหลือเหลียนเสี่ยวม่านในครานี้เล่า?  ไม่ได้การแล้ว  หากผู้คนแยกย้ายกันกลับไปด้วยความเชื่อเช่นนี้เล่า?
          ฮูหยินเฉียวแม้ว่าจะไม่เชื่อตามที่หลานสาวพูด  ทว่าก็ไม่สามารถเอ่ยขัดออกไปได้  จึงเปลี่ยนกลยุทธ์มาพูดคุยกับเหลียนเสี่ยวม่านแข่งกับเหลียนฟางโจวแทน  ราวกับนางไม่เคยทะเลาะกับน้องสาวสามีเมื่อครู่ก่อน
          เหลียนลี่มายืนข้างภรรยาด้วยความโล่งใจ  ร้องออกมา “ดี ดี เจ้าไปบ้านเหลียนฟางโจวเถิดเราทำเพื่อเห็นแก่เจ้าด้วยเหลียนฟางโจวมีข้าวมากมาย  เยอะจนสี่พี่น้องไม่อาจกินเองได้หมด  มีให้เจ้ากินเท่าใดก็ได้! เทียบกับเรา  แม้แต่ข้าวสารยังไม่พอกรอกหม้อไปวันหนึ่งๆเลย  โอ แถมเรายังหาเงินไม่พอส่งลูกเรียนอีกไฉนเจ้าจะมาทนลำบากกับพวกข้าเล่า
          ด้วยการอธิบายอย่างมีเหตุผล  แสดงถึงเจตนาดีที่ไม่อยากให้เหลียนเสี่ยวม่านต้องมาพลอยลำบากกับพวกตน  จึงจำใจต้องแสดงออกกับน้องสาวเช่นนั้น   ปรากฏว่าการที่ไม่ให้ที่พักพิงแก่เหลียนเสี่ยวม่านนั้น  ก็เพื่อไม่ให้นางลำบาก  ทำให้ผู้คนฟังแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นทันใด
          นี่คือสาเหตุเบื้องลึกของสองสามีภรรยาคู่นี้  มีครอบครัวไหนกันที่ไม่สนใจแต่ลูกของตัวเองที่สุดเล่าหัวใจพ่อแม่ในโลกนี้ช่างน่าเวทนานัก!
          เหลียนเสี่ยวม่านแสดงสีหน้าเย้ยหยันหลายต่อหลายรอบ  ถ่มน้ำลายลงพื้นหนึ่งครั้งอย่างขมขื่นใจ  จ้องหน้าเหลียนลี่พลางเอ่ยขึ้น “ท่าน..หากคิดเช่นนั้นจริงๆ  ข้าจะไม่ต่อว่าท่านเลย  ตั้งแต่แรกท่านควรเปิดอกพูดคุยกับข้าให้ชัดแจ้งก่อน!  ไยจึงไม่บอกสาเหตุมาเสียตั้งแต่ต้นเล่า  ทว่าพอเหลียนฟางโจวเดินเข้ามา  และนางเอ่ยช่วยข้าขึ้นมาก่อน  ท่านถึงได้แจงเจตนาออกมารึท่านหวังดีกับข้าเพื่อการอันใดรึ?   พอเห็นฟางโจวพูดขึ้น  ท่านจึงยินดีกล่าวถ้อยคำอันโอบอ้อมอารีออกมาซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วใจท่านหมายความตามที่พูดหรือเปล่าฮึ่ม  ท่านก็ไม่ต่างอันใดกับหญิงคณิกา  ที่เอาแต่ปั้นเรื่องหลอกลวง  เพื่อสร้างภาพพจน์ว่าตนเองเป็นคนดีน่ารัก!”
          “เจ้า...”  เหลียนลี่ไม่คิดว่าเหลียนเสี่ยวม่านจะไม่ไว้หน้าตนเช่นนั้น  กล่าวถ้อยคำอันหยาบคายใส่หน้าเขา  ใบหน้าเหลียนลี่ขึ้นสีแดงโดยฉับพลัน
          หลายคนที่มุงดูอยู่อดหัวเราะคิกคักไม่ได้
          แม้ว่าวาจาของเหลียนเสี่ยวม่านออกจะหยาบคาย   ผู้คนต่างก็ตรึกตรองดูแล้วว่า  ความคิดเช่นนั้นก็มีเหตุผลอยู่มาก
          กลัวแต่ว่าก่อนหน้าเหลียนฟางโจวมา  สองสามีภรรยาเอาแต่หาวิธีขัดขวางไม่ให้เหลียนเสี่ยวม่านผ่านประตูรั้วเข้ามา  และไม่ให้โอกาสให้นางได้อธิบายแม้สักนิด  ที่ไหนพวกเขาจะคิดเพื่อเห็นแก่นางจริงๆ?   หากเห็นแก่นางจริงๆ  ก่อนหน้าที่เหลียนฟางโจวจะมาถึงที่นี่  อย่างน้อยสองสามีภรรยาคู่นี้ควรให้นางเข้ามาในบ้านในช่องก่อน   เพื่อนั่งลงปรึกษาหารือกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป!
          ไม่ใช่มาขวางกั้นคนไม่เข้าบ้านอย่างไร้ความรู้สึก  เมินหน้าหนีและหยิบคำพูดร้ายๆที่เตรียมไว้มาสาดใส่หน้า  แล้วบอกว่าเพื่อเห็นแก่ผู้คน!
          ชาวบ้านพูดกันขึ้นเซ็งแซ่  อดอับอายแทนสองสามีภรรยาสกุลเหลียนคู่นี้ไม่ได้จริงๆ      เมื่อฟังลุงลี่กล่าววาจาเช่นนั้น   สองพี่น้องอดหันมามองหน้ากันไม่ได้   ต่างคิดขึ้นมาในใจเงียบๆว่า น่าสะอิดสะเอียน ‘  อีกทั้งไม่คาดคิดว่าเหลียนเสี่ยวม่านจะกล่าวถ้อยคำบ่อนทำลายลุงกับป้าได้อย่างแสบสันต์เช่นนั้น  เหลียนฟางโจวอดนึกสนุกเงียบๆในใจไม่ได้  พลันคิดว่าการให้ที่พักแก่ป้าสามคนนี้นับว่าตัดสินใจไม่ผิด  อย่างน้อยที่สุดจากนี้ไปจะเพิ่มคนออกหน้ามาช่วยจัดการลุงลี่และป้าใหญ่แล้ว
          ฮูหยินเฉียวฟังสามีพูดเช่นนั้นในใจรู้สึกแช่มชื่นขึ้น  สามีช่างคิดได้เหมือนตนนัก  ทว่าความกระอักกระอ่วนใจยังไม่หมดลง  ด้วยว่าเหลียนเสี่ยวม่านมีจิตใจมุ่งร้ายกับพวกตนแล้ว  ฮูหยินเฉียวอดรู้สึกโมโหไม่ได้  พลางแก้ต่างเสียงดัง “เอาล่ะ  จริงๆแล้วพวกเราอยากจะพูดคุยกับเจ้าให้กระจ่างชัดตั้งแต่แรก  ทว่าเจ้าเอาแต่เรียกร้องคร่ำครวญไม่หยุดหย่อน  แล้วจะให้ข้าพูดอย่างไรได้เล่าเจ้าไม่เห็นอยากแก้ปัญหาอันใดเลย  เอาแต่พูดว่าสามีที่ตายไปแล้วไม่เคยดีกับเจ้าเลย  เอาแต่คุ้มคลั่งด่าทอเป็นอย่างเดียวหรือไรแล้วใครเล่าจะเชื่อสิ่งที่เจ้าพ่นออกมาเจ้ามันหญิงแพศยา  แพศยาที่จิตใจไม่เคยสงบสักนิด!
          “นังหญิงชั้นต่ำ  ข้าอยากฉีกปากเจ้าเป็นชิ้นๆนัก!”  เหลียนเสี่ยวม่านโกรธเกรี้ยวจ้องฮูหยินเฉียวเขม็ง  ทุ่มตัวทั้งหมดพุ่งเข้าใส่นาง
          ฮูหยินเฉียวดวงตาแดงก่ำ  ตะโกนออกมา  นังสารเลว!”
          ทั้งสองคนต่างสู้กันเพื่อเข่นฆ่าอีกคน  ลงมือตบตีกันไม่หยุด    ผู้คนต้องรีบเข้ามากดสองคนไว้  แล้วจับแยกตัวกันออกมา
          เหลียนฟางโจวขมวดคิ้วมุ่น เหลือบมองสีหน้าเหลียนเสี่ยวม่านที่ทุกข์ระทมและโกรธแค้นเกือบต้องร้องไห้ออกมา  แต่พยายามฝืนทนกลั้นไว้  อดเห็นใจป้าสามเพิ่มขึ้นอีกสองส่วนไม่ได้  และยิ่งเกลียดชังฮูหยินเฉียวมากขึ้น
          ขณะที่นางด่าทอไปก็ประจานปมด้อยน้องสามีไปด้วย  เหลียนเสี่ยวม่านเป็นหม้าย  จึงถูกยั่วให้โกรธได้ง่าย  ในยุคนี้  หญิงหม้ายนับว่าเป็นพวกที่น่าสงสารยิ่งนัก ถูกคนเหยียดหยามประณามไม่หยุดหย่อน  วาจาที่ฮูหยินเฉียวพรั่งพรูออกมา  แสดงให้เห็นธาตุแท้ของจิตใจที่มุ่งร้ายทำลาย  และต่ำช้าเลวทรามยิ่งนัก
          “ป้าใหญ่ป้าสาม!” เหลียนฟางโจวตะคอกเสียงดังออกมาก
          ฮูหยินเฉียว เหลียนเสี่ยวม่าน  รวมทั้งคนอื่นๆสะดุกกึก  แข็งค้างขึ้นทันที
            ความเงียบปรากฏขึ้นโดยพลัน  เงียบสนิทจริงๆ  ไม่มีแม้แต่เสียงใดๆเล็ดรอดออกมาเลย
----------------
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
ต้องขออภัยที่หายไปนาน เนื่องด้วย ไปเคลียร์งาน ตามที่แจ้งไปแล้วค่ะ
เรื่องนี้ บอกได้เพียงว่า ญาติผู้ใหญ่บางคนก็ร้ายเสมอต้นเสมอปลาย  ส่วนบางคนอาจร้ายช่วงแรกแต่ดีในภายหลัง  คงต้องติดตามดูกันต่อไปนะคะ
เดี๋ยวจะแจ้งเรื่อง จำนวนตอนนิยาย ในช่วงรายละเอียด เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาอ่านภายหลัง ใด้เข้าใจสถานการณ์ของนิยายเรื่องนี้  ตามที่ผู้อ่านบางท่านแนะนำมาค่ะ
และคืนนี้จะมาลงตอนที่ 32 เพิ่มให้อีกตอนนะคะ  ^-^

15 ความคิดเห็น:

  1. รอค่ะรอ แว๊บเข้ามาเช็คบ่อยมากกกก ชอบเรื่องนี้นะคะไรท์ ขอบคุณที่มาแปลให้อ่านค่ะ

    ตอบลบ
  2. ว้าวจะได้อ่านอีกตอน...ขอบคุณคะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณค่ะไรท์ดีใจอ่ะไรท์จะลงให้อ่านอีกตอน

    ตอบลบ
  4. รอค่ะรอ....ขอบคุณค่า

    ตอบลบ
  5. ป้าใหญ่แย่มากจริงๆ

    ตอบลบ
  6. ป้ารองนี่ถ้าคุยทำความเข้าใจกันดีๆอาจใช้เป็นปากเป็นเสียงได้นะเอาไว้ต่อกรกับป้าสะไภ้และลุง ฟางโจวเป็นเด็กบางทีจะด่าผู้ใหญ่มันจะดูเป็นผู้หญิงไม่ดีไป

    ตอบลบ
  7. เย้ จะรอนะคะ รีบมาไวๆ นะคะ อยากอ่านต่อแล้ว อยากเจอพระเอก 5555

    ตอบลบ
  8. หืมมมม คำทิ้งท้ายนี่คืออะไรคะ? ป้าสามนางร้ายตอนแรกต่อไปดีใช่ไหมคะ? เพราะจะพานางเข้าบ้าน คงไม่กลายเป็นชักศึกใช่ไหมมมม?

    ตอบลบ
  9. ขอบคุณคะ คืนนี้มีตอนแถม รอๆๆๆ

    ตอบลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ22 มกราคม 2560 เวลา 20:54

    รอค่ะ ชอบเรื่องราวแบบนี้มาก พยายามไปดำน้ำใน web จีนก็พอจะรู้เรื่อง แต่ไม่ได้อรรถรสเหมือนที่ไรต์แปลให้อ่าน ขอบคุณมากนะคะที่สละเวลามาแปล

    ตอบลบ
  11. เหมือนหายไปนาน คิดถึงไรต์แทบแย่

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณค่ะไรท์...ติดตามต่อ

    ตอบลบ