วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 33 ใครจะเข้าเมือง ใครจะอยู่เฝ้าบ้าน

          เหลียนฟางโจวไม่ขยับตัวแม้สักนิด  เหลียนเซ่อก้มหน้าแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน  เขาอดเหลือบมองป้าสามด้วยสายตาตำหนิไม่ได้  พี่สาวก็ช่างวุ่นวายเสียจริง  ไฉนถึงต้องไปเอาปัญหามาใส่ตัวเยี่ยงนี้
          เหลียนฟางโจวเหยียดมุมปากขึ้นมานิดหนึ่งจนแทบมองไม่ออก  ไม่มีใครขานรับกับสิ่งที่ป้าสามบอกเลย  นางจึงหยิบตะเกียบแจกหลานๆ  พลางกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม  “เอ้า รีบๆกินเข้าสิ  ประเดี๋ยวจะเย็นซะ!”

          เช่นนั้นแล้วเด็กสาวหันกลับมาคุยกับเหลียนเสี่ยวม่านที่กินข้าวด้วยท่าทีสบายๆ  พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม  “ป้าสาม ครอบครัวเรากินอาหารแบบนี้กันเป็นประจำ  คงให้ความสะดวกสบายกับท่านไม่ได้มาก  ป้าสามวันนี้ทนไปก่อนเถิด  หากท่านไม่ไหว พรุ่งข้าและน้องรองจะส่งท่านกลับบ้านเอง?”
          ใบหน้าเหลียนเสี่ยวม่านดิ่งลง “เจ้าพูดอันใดกัน?  จะจับข้าส่งกลับรึ?”
          เด็กสาวกรอกตาขึ้นหนึ่งครั้ง กำลังจะเอ่ยปากอธิบาย  “เอ่อ..” ป้าสามก็ร้องไห้คร่ำครวญออกมา  เหลียนฟางโจวจึงร้องขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ป้าสาม!” ทำให้นางหยุดโวยวายโดยฉับพลัน
          เหลียนเสี่ยวม่านไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว ทว่าทำไมไม่รู้  กับเหลียนฟางโจวในยามนี้  นางถึงได้เกรงกลัวหลานสาวขึ้นมาอย่างไม่อาจอธิบายได้
           “ข้าเป็นญาติผู้ใหญ่ของเจ้านะ!”  เหลียนเสี่ยวม่านรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้น
          “ข้ายังไม่ได้บอกสักคำว่าท่านไม่ใช่”  เหลียนฟางโจวเอ่ยเสียงเรียบ  “ข้ายังไม่เคยบอกเลยว่าจะจับท่านส่งกลับไป  ทว่าท่านคือป้าสามและบ้านสามีที่ท่านแต่งเข้าไปย่อมเป็นบ้านที่แท้จริงของท่าน  ในจุดนี้คงไม่อาจปฏิเสธได้ กระมัง?  หากท่านไม่เคยชินกับบ้านข้า ข้าจึงจะส่งท่านกลับบ้าน   แล้วท่าน..เป็นคนจู้จี้จุกจิกหรือไม่เล่า? ท่านเป็นญาติผู้ใหญ่  แต่มาพึ่งพาให้คนรุ่นหลานเลี้ยงดู  หนำซ้ำยังช่างเลือกจุกจิกอีก  เอ่อ..เช่นนั้นแล้ว นับว่าน่าอายนัก!  ข้าว่าจะถามทางบ้านสามีท่าน  ว่าไม่มีข้าวพอให้ลูกสะใภ้กินหรือไร  ถึงได้ผลักไสลูกสะใภ้กลับมาบ้านเกิด มาให้หลานชายหลานสาวที่เป็นเด็กๆเลี้ยงดูเยี่ยงนี้?”
          “เจ้า..” ใบหน้าเหลียนเสี่ยวม่านซีดเผือด  สะดุ้งเฮือกด้วยความหวาดกลัว  รู้สึกหมดเรี่ยวแรงเลือดในกายแข็งตัวเฉียบพลัน
          “ฟางโจว  ป้าสามผู้ผิดไปหน่อย  เจ้าอย่าโมโหไปเลยนะ! “  เหลียนเสี่ยวม่านเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม  รีบเอ่ยเอาใจด้วยรอยยิ้ม  “ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้น!  ข้าอยากอยู่ด้วยกันกับพวกเจ้า  ข้าสามารถช่วยเจ้าดูแลเรื่องภายในบ้านได้นะ!”
          ช่วยดูแลเรื่องภายในบ้านหรือ? เหลียนฟางโจวเกือบหลุดหัวเราะออกมา
          เธอไม่รู้ว่าพ่อของเหลียนฟางโจวที่ล่วงลับไปแล้ว  จริงๆแล้วมีนิสัยเช่นไร?  จะเป็นเหมือนลุงลี่และป้าสามหรือไม่ เอาเป็นว่า สองคนนี้สมเป็นพี่ชายน้องสาวกันจริงๆ
          “ป้าสาม..หากท่านต้องการจะอยู่ที่นี่  ก็จงอยู่เถิด  เรื่องการเป็นคนดูแลภายในบ้าน  ข้าคงไม่รบกวนท่านเนื่องจากบ้านนี้มีข้าเป็นผู้ควบคุมจัดการเรื่องในครอบครัวอยู่แล้ว!” เหลียนฟางปฏิเสธเสียงเรียบ
          “เจ้ายังเด็กอยู่จะรู้อันใด!”  เจ้าไม่ไว้วางใจข้าหรือ?” 
          ประโยคนี้ เหลียนฟางโจวคงไม่เปิดปากเอ่ยออกมาแน่นอน  เธอจึงพูดตัดบท  “ป้าสาม  ว่ากันตามตรงแล้ว  ท่านไม่ได้เป็นคนในบ้านข้า  ในไม่ช้าก็ต้องกลับไป! เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องทำเรื่องยากลำบากเช่นนั้นหรอก  หากป้าสามไม่ชอบใจและไม่สบายใจ  พรุ่งนี้ค่อยกลับไปได้ตามสบาย!”
          “ไม่นะ..ไม่!”   คำพูดว่าต้องไปทำให้เหลียนเสี่ยวม่านหน้าเปลี่ยนสี  รีบขอร้อง “ฟางโจว คนที่บ้านสามีข้า จงเกลียดจงเกลียดชังช้าอย่างหนัก  หนำซ้ำยังชอบทารุณข้าด้วย  ข้าไม่อาจกลับไปได้อีกแล้วซ้ำร้ายลุงและป้าใหญ่ก็มาเป็นปรปักษ์กับข้าอีก  เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะช่วยเจรจาให้ข้า  ครานี้ ข้าตัวคนเดียวแล้ว ไม่มีทั้งสามีและพ่อแม่ให้พึ่งพิง  หากกลับไปก็ต้องตายสถานเดียวข้าไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องไม่พอกินพอใช้เลยฟางโจวเจ้าต้องไม่จับข้าส่งกลับไปนะ!”
          เมื่อเหลียนฟางโจวได้ฟังนางพูดด้วยความทุกข์ทรมานใจเช่นนั้น  เธอไม่อาจทนได้ รู้สึกเห็นใจป้าสามเพิ่มขึ้นอีกสองส่วน  แท้จริงแล้วนางแค่ป็นคนน่ารำคาญ  อาจดูปากร้าย ช่างเลือก ขี้จุกจิกไปบ้าง  แต่ไม่ถึงกับเป็นคนไม่มีคุณธรรม  ถือว่าเป็นคนที่มีทั้งข้อดีข้อเสียปะปนกัน
          ก็เหมือนกับที่นางพูดมา  จับส่งกลับบ้านก็คล้ายกับพาไปตายนั่นเอง  ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เชื่อสิ่งที่นางกล่าวอย่างจริงจังนัก  ทว่าการมีญาติผู้ใหญ่สักคนที่บ้าน  ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
          หนำซ้ำ คิดถึงถ้อยคำที่ฮูหยินเฉียวกล่าวออกมาก่อนหน้าก็มีส่วนถูกต้อง  ครานี้ข้าวเปลือกมีเพียงพอให้กิน  มีป้าสามอยู่  นางสามารถช่วยดูแลน้องเล็กๆสองคนได้  พวกเธอสองพี่น้องคนโตจะได้มีเรี่ยวแรงเหลือไว้ทำอย่างอื่นบ้าง
          เมื่อเหลียนฟางโจวคิดตก  เธอจึงเอ่ยเสียงเนิบ  “ป้าสาม ตราบใดที่ท่านไม่ได้มาก่อปัญหายุ่งยาก  ท่านอยากอาศัยอยู่ ก็จงอยู่เถิด  พวกเรากินสิ่งใด  ท่านก็จงกินเหมือนกัน  พวกเราจะไม่ปฏิบัติกับท่านอย่างไม่ชอบธรรม  ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม  ทว่าป้าสามต้องช่วยทำงานบ้าน  หากท่านรับได้  ก็อยู่ต่อไปได้  หากท่านไม่ไหว  พรุ่งนี้เราจะส่งท่านกลับไป!”
          เหลียนเสี่ยวม่านอดโมโหในใจเงียบๆไม่ได้  อ้อแท้จริงแล้ว  ที่อยากให้นางอยู่เพื่อให้เป็นหญิงรับใช้รึในใจของเหลียนเสี่ยวม่านแท้จริงไม่ยอมรับ  แต่ไม่กล้าแสดงออก  เพราะกลัวว่าเหลียนฟางโจวจะส่งนางกลับบ้านสามีขึ้นมา  เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่บ้านสามีที่ล่วงลับไปแล้วของนาง  ก็สองจิตสองใจ  สุดท้ายนางพยักหน้าตกลงด้วยความลังเลใจ
          น้องเล็กๆสองคนไม่ใคร่สนใจอะไร  ทั้งยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกด้วย  ส่วนเหลียนเซ่อแอบโล่งใจเงียบๆ
          “ดีมาก!”  เหลียนฟางโจวยิ้มบางๆพลางเอ่ยขึ้น “กินข้าวกันเร็วเถิด  เดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน!”
          เสี่ยวม่านไม่กล้าทำตัวเรื่องมาก  จึงกินข้าวกับหลานๆไปด้วยกัน
          เมื่อถึงเวลานอนในตอนกลางคืน  เหลียนฟางโจวนอนกับฟางฉิง  รวมทั้งเหลียนเสี่ยวม่านในห้องเดียวกัน  ห้องนี้ดีหน่อย  มีการกั้นห้องเป็นสัดส่วน  ไม่ได้เปิดโล่ง  เหลียนเสี่ยวม่านนอนฟากด้านในห้อง  เหลียนฟางโจวและฟางฉิงสองดรุณีพี่น้องนอนฟากถัดมา    
          เหลียนเสี่ยวม่านบ่นพึมพำเสียงต่ำ “บ้านนี้เล็กจัง  น่าจะต่อเติมให้มันใหญ่โตกว่านี้!”
          พอเหลียนฟางโจวปรายตามามอง  ป้าสามจึงเงียบเสียงลงอย่างรวดเร็ว
          เช้าวันรุ่งขึ้น  เหลียนฟางโจวไม่ปล่อยให้เหลียนเสี่ยวม่านเอ้อระเหย  หรือทำสิ่งไร้ประโยชน์  จึงมอบหมายให้นางช่วยเตรียมอาหารและช่วยซักผ้า  ช่วยเก็บกวาดบ้าน  เหลียนเสี่ยวม่านไม่กล้าขัดแย้งกับหลานสาว  จึงต้องอดกลั้นกับโทสะที่เกิดขึ้นในใจ
          ป้าสามยืนท้าวสะเอว  หอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าเป็นครั้งคราว  นางดูคับแค้นใจมาก  ส่วนเหลียนฟางโจวทำได้เพียงแต่ไม่มองนาง  ไม่สนใจนาง  เหลียนเสี่ยวม่านโมโหมาก  แต่ไม่กล้ามีเรื่องกับหลานสาวคนโต  จำต้องอดทนทำงานบ้านของตนเองต่อไป
          เห็ดป่าที่เก็บมา  ตากแห้งได้ที่แล้ว  เช่นนั้นแล้วเหลียนฟางโจวจึงวางแผนว่าจะเอาไปขายที่ตลาดในวันถัดไป  หนทางไปตลาดไม่ไกลนัก  อีกทั้งยังมีของอีกมากมายที่ต้องหาซื้อเพิ่มเติม  เหลียนฟางโจวว่าจะจ่ายเงิน 15เหรียญทองแดง เพื่อเช่าเกวียนเทียมลาของครอบครัวลุงหวางในหมู่บ้าน
          เมื่อได้ยินว่าพรุ่งนี้ต้องเข้าเมือง  เหลียนฟางฉิงดีใจยิ่งนัก  ตื่นเต้นอยากไป  เหลียนเซ่อคอยจับตาดูนางเอ่ยขึ้นอย่างฉลาด “น้องเล็กเราคอยพี่ใหญ่และพี่รองอยู่ที่บ้านดีกว่านะ! พี่ใหญ่และพี่รองต้องจัดการธุระหลายอย่าง!”
          เหลียนฟางฉิงที่ไหนจะเต็มใจฟัง? นางสั่นหัวพลางพูดว่า “ไม่เอา! ข้าอยากไป  ข้าสามารถช่วยพี่ใหญ่และและพี่รองจัดการธุระได้ด้วย!”
          เหลียนเสี่ยวม่านครั้นแล้วเอ่ยว่า “ไม่ได้!”  “พวกพี่เขามีธุระต้องจัดการ  ไม่มีเวลาว่างมาดูแลเจ้าหรอกป้าสามจะบอกให้  ในเมืองมีพวกคนพิการ คนง่อยที่ชอบจับเด็กเล็กๆไป ขายให้คนร่ำรวย  เด็กน้อยเอ๋ย  หากโดนจับตัวไป  เจ้าจะ ไม่ได้เห็นพี่ใหญ่และพี่รองตลอดชีวิตเลยนะ!”
          เหลียนฟางฉิงเริ่มหวาดกลัว  จริงๆแล้วนางค่อนข้างเกรงๆมากกว่า  นางอดมองไปทางเหลียนฟางโจวไม่ได้
          ถ้อยคำของป้าสามนางเชื่อครึ่งหนึ่งและสงสัยครึ่งหนึ่ง  ทว่านางเชื่อพี่สาวของนางมากกว่า
          เหลียนฟางโจวไม่อยากหลอกลวงน้องสาว  เธออยากให้น้องสาวไว้วางใจเธอ   ไม่อยากสูญเสียความเชื่อใจ
          เธอนึกถึงจิตใจเหลียนฟางฉิงอย่างมาก  จึงเอ่ยเสียงอ่อนโยน  “ไม่ต้องกลัวให้มากไป   ไม่มีคนพิการคนง่อยแบบที่ป้าสามบอกหรอก  ทว่าข้าอยากให้น้องสาวที่น่ารักคนนี้  รอพวกพี่อยู่ที่บ้านนะ  แล้วข้าจะซื้อของอร่อยๆกลับมาให้เจ้า ดีหรือไม่คราวหน้า หากมีเวลา  ข้าจะพาเจ้าไปนะ!”
          “พี่ใหญ่ พี่รองกลับมาเร็วๆนะ  พวกเราอยู่ที่บ้านกันเองได้   ไม่ต้องเป็นห่วง!”  ไม่ต้องคอยให้เหลียนฟางฉิงรับคำ   เหลียนเช่อรีบชิงพูดขึ้น
          เหลียนฟางฉิงทำปากยื่น เมื่อรู้ว่าอดไป   จึงอ้อนเหลียนฟางโจว “พี่ใหญ่อย่าลืมซื้อของอร่อยให้เรานะ!”
          “จ้ะ จำได้แล้ว!” เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม   หันไปพูดด้วยรอยยิ้มกับเหลียนเสี่ยวม่าน “ป้าสาม รบกวนท่านช่วยดูฉิงและเช่อที่บ้านพรุ่งนี้ด้วย!”

          “อะไรนะ?” เหลียนเสี่ยวม่านสะดุ้ง รีบพูดขึ้น “ให้ข้าอยู่บ้านรึ? ตามหลักข้าต้องเข้าเมืองไปกับพวกเจ้าด้วยกันสิ!”  เรื่องของเรื่องก็คือ  ข้าเป็นผู้ใหญ่  ต้องเจรจาค้าขายมากมายเจ้าเป็นเด็กๆจะเข้าใจที่ไหน  ทั้งเวลาไปหาซื้อของจะได้ไม่โดนหลอกอีกด้วยส่วนฉิงกับเช่อไม่จำเป็นต้องให้ข้าคอยดูหรอก  เพราะหมู่บ้านเราปลอดภัยอยู่แล้ว  และสองคนนี้ก็ไม่ใช่เด็กเล็กถึงขนาดช่วยตัวเองไม่ได้สักหน่อย!”
-----------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ และการติดตามนะคะ
สำหรับป้าสามนั้น รีดไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ  เพราะนางเอกเราจัดการได้อยู่หมัดค่ะ
ตอนหน้า จะได้เจอตัวละครสำคัญที่ทุกคนตั้งตารอคอยกันมานานแสนนานแล้วนะคะ
แต่เนื่องจากตอนที่ 34 พระเอกออกมาแค่ 2 บรรทัด  ผู้แปลจึงกะว่าจะลงตอนที่ 35 ควบกับตอนที่ 34 ไปเลย  แล้วเจอกันอีกสองวันนะคะ ^-^

24 ความคิดเห็น:

  1. พระเอกจะมาแล้วอยากอ่านเร็วๆ ขอบคุณจ้าที่แปลให้อ่าน

    ตอบลบ
  2. คนที่เรารอ...มาแล้ว
    ขอบพระคุณค่า
    รอๆๆๆๆค่ะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ24 มกราคม 2560 เวลา 05:11

    พระเอกจะมาแล้ววววปูเสื่อรอ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณคะ...ลุ้นพระเอกมาเสียที

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ24 มกราคม 2560 เวลา 08:19

    กำลังจะมาแล้วพระเอก ค่าตัวแพงจริงๆ

    ตอบลบ
  6. รอลุ้นพ่อพระเอกราคาแพง 5555

    ตอบลบ
  7. พระเอกมาแล้ว อยากจิรู้ว่าจะหล่อขนาดไหน

    ตอบลบ
  8. เหอะๆ ป้าสาม ระวังตัวและกัน

    ตอบลบ
  9. ขอบคุณมากค่ะ รอคอยพระเอกมานานมากกกกกกกก

    ตอบลบ
  10. รอมาตั้งนาน ท่านแม่ทัพจะเดินผ่านไร่แล้ว

    ตอบลบ
  11. รอมาตั้งนาน ท่านแม่ทัพจะเดินผ่านไร่แล้ว

    ตอบลบ
  12. พระเอกจะมาแล้ววววววววว

    ตอบลบ
  13. ขอบคุณค่ะ
    รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ 5555

    ตอบลบ
  14. ป้าสามถึงจะน่าสงสารแต่ ก็ต้องดัดนิสัยเสียหลายหลายอย่างเลยนะ

    ตอบลบ
  15. หลบหน่อยพระเอกมาก อิอิ รอค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  16. จุดพลุรอพระเอก ^^

    ตอบลบ
  17. ในที่สุด... พระเอกของเราก็จะปรากฎตัวแล้ว ^^

    ตอบลบ
  18. มาเสียทีพ่อคุณเอ๋ย

    ตอบลบ
  19. อุ๊ย ในที่สุดจะได้เจอซุปเปอร์สตาร์แล้ว ขอบคุณมากค่ะไรท์

    ตอบลบ
  20. ตั้งตารอมานานในที่สุดก็จะได้เจอซะที รอๆค่ะ

    ตอบลบ
  21. ป้ามสามสุดยอด ญาติผู้ใหญ่แต่ละคนของนางเอกเหลือรับประทานจริงๆ

    ตอบลบ
  22. อ่านบริบทแวดล้อมแล้วคิดว่า เหลียนเสี่ยวม่านน่าจะเป็น"อาสาม" หรือ "อาหญิงสาม" หรือเปล่า
    ถ้าลุงใหญ่เหลียนลี่ เป็นพี่คนโต พ่อของสี่พี่น้องเป็นลูกคนรอง เสี่ยวม่านน่าจะเป็นลูกคนที่สาม เป็นน้องสาวของลุงใหญ่และพ่อของนางเอก หลาน ๆ ต้องเรียก น้องของพ่อ ว่า "อา" นะ
    ที่แน่ ๆ คือเป็นน้องสาวของลุงใหญ่ ลูกของลุงใหญ่ต้องเรียกเสี่ยวม่านว่า "อาสาม" แน่ ๆ ถ้าฮูหยินเฉียวจะเรียกเสี่ยวม่านที่เป็นน้องสาวของสามีตามที่ลูกเรียกน้องของพ่อ ก็ต้องเรียกว่า "อาสาม" แน่นอน

    ตอบลบ