วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 34 ชายแปลกหน้า

        เหลียนเซ่อเมื่อได้ยินเหลียนเสี่ยวม่านกล่าวเช่นนั้น อดพยักหน้าเห็นด้วยไม่ได้  จึงเอ่ยกับพี่สาวคนโต  “พี่ใหญ่  หรือเราให้ป้าสามไปกับเราด้วย! ป้าสามน่าจะช่วยพวกเราได้นะ
          ความคิดของเหลียนเซ่อนั้นเรียบง่ายนัก  ตนเองและพี่สาวยังเป็นเด็ก เพิ่งเข้าเมืองเป็นครั้งแรก จะทำการค้าสิ่งใดอาจถูกหลอกเอาได้?  ป้าสามนั้นเป็นผู้ใหญ่  หากฝ่ายตรงข้ามเห็นว่ามีผู้ใหญ่มาด้วย  จะเอาเปรียบอันใด  คงต้องทบทวนใหม่เสียแล้ว?

          ที่สำคัญกว่านั้น  เขาเพิ่งสำเหนียกว่า ป้าสามหาได้มีทีท่าน่ารังเกียจมากเหมือนแต่ก่อน  ถึงแม้ยามนี้..เขายังคงไม่ชอบนางนักก็ตาม
          “ถูกแล้วอาเซ่อพูดได้ถูกต้องนัก! มีข้าไปด้วย ให้คอยช่วยดูแลพวกเจ้า  จะได้ไม่เสี่ยงกับการขาดทุน! เหลียนเสี่ยวม่านสุขใจยิ่งนัก ตบหน้าขาตัวเองดังป้าบ พลางกล่าว “เมื่อตกลงกันได้แล้ว   เช่นนั้น..ก็รีบเข้านอนแต่หัวค่ำเถิด  พรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางแต่เช้า!”
          เหลียนฟางโจวรู้สึกช่วยไม่ได้  ครั้นแล้วจึงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้  ทว่า ข้าขอบอกตรงนี้ไว้ก่อน  ป้าสามไปในฐานะผู้ติดตาม  เช่นนั้นแล้ว..ท่านอย่าได้เข้ามาขัด  ยามที่ข้าเจรจา และข้าขอย้ำเตือนอีกครั้ง ท่านห้ามก้าวก่ายเกินหน้าที่  เพราะข้าคือผู้ดูแลกิจธุระนี้!”
          “รู้แล้วน่า! ข้าจะไปแย่งหน้าที่เจ้าได้รึ?” ป้าสามกล่าวจบ จึงเดินกลับเข้าห้อง
          เช้าวันรุ่งขึ้น สามชีวิตเดินทางออกจากบ้าน  เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อตื่นขึ้นมาส่งคนทั้งสามที่หน้าประตูด้วย  ดวงตาของเหลียนฟางฉิงสะลึมสะลือ  ทว่า..ยังไม่วายตือนพี่ๆทั้งสองว่าห้ามลืมซื้อของอร่อยๆกลับมาฝากเด็ดขาด
          เมื่อวานนี้ลุงหวางได้สอนวิธีบังคับเกวียนและลาแบบง่ายๆให้  โชคดีที่ลาตัวนี้เชื่องมาก  เหลียนฟางโจวนั่งที่ตอนหน้าทำหน้าที่เป็นคนบังคับเกวียน  เหลียนเซ่อและป้าสามนั่งตอนหลังของเกวียน
          ป้าสามส่งเสียงเจื้อยแจ้ว  ชี้ชวนให้หลานชายดูโน่นดูนี่ไม่หยุดตลอดทาง  ท่าทางตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก  เหลียนเซ่อไม่หือไม่อือกับนางด้วยซักคำ  เหลียนฟางโจวไม่อยากชวนทะเลาะกับนาง  จึงเพ่งสมาธิไปกับการบังคับเกวียนอย่างเดียว  เพื่อกั้นเสียงหนวกหูเข้าโสตประสาท  ป้าสามไม่เคยเข้าเมืองหรือไร  ถึงได้ตื่นเต้นปานนี้
          การเจรจาการค้าไปได้สวย  เห็ดหลินจือดอกโตงดงาม 2 ดอกขายได้ถึง 12 เหรียญเงิน  อย่างไรก็ดี เรื่องนี้มีป้าสามที่ไม่รู้  เหลียนฟางโจวเอาผ้าห่อเห็ดหลินจือไว้เพื่อซ่อนเสียจากสายตาผู้คน  เธอเที่ยวถามทางไปร้านขายยาสมุนไพรเพื่อนำเห็ดไปขาย
          เธอและเหลียนเซ่อต้องเก็บสะสมเงินเตรียมไว้เผื่อยามฉุกเฉิน  หรือมีเรื่องเร่งด่วนต้องใช้ จึงไม่อาจให้ป้าสามรู้ได้
          กระสอบเห็ดเต็มแน่น 3ใบนั้น  ถูกนำไปขายที่ร้านอาหาร ได้เงินประมาณ 2-3 เหรียญเงิน ป้าสามเห็นแล้วตื่นเต้นมาก  บางทีเงินนี้อาจจะแบ่งให้นางบ้าง  จึงยิ้มหน้าบาน  ถูมือไปมาพลางพูดพร้อมหัวเราะ “ไม่คิดเลยไม่คิดเลยจริง!”
          แม้ว่าเหลียนเซ่อหาได้แสดงท่าทางดีใจเกินจริงเหมือนป้าสาม  ทว่าภายในหัวใจของเขาปิติยินดียิ่งนัก  ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้า  สบตาเหลียนฟางโจวพลางส่งยิ้มให้
          “ฟางโจว  เงินนี้ให้ข้าเก็บไว้จะดีกว่า เจ้าต้องระวังให้มาก!”  ป้าสามรู้สึกคันคะเยอในใจนัก  จึงอดพูดขึ้นมาไม่ได้
          เหลียนฟางโจวจะเอ่ยคัดค้านนางก็ดูแปลกๆ  ครั้นแล้วจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องรบกวนป้าสามหรอก  สิ่งที่ต้องทำในยามนี้คือข้าต้องหาซื้อของอีกมากมาย  ข้าถือไว้เอง  จะได้หยิบเงินสะดวก”
          ป้าสามอยากจะพูดบางอย่างกับหลานสาวต่อ  ทว่าเหลียนเซ่อเอ่ยแทรกว่า “ป้าสามและพี่ใหญ่ เรารีบไปหาซื้อของให้เร็วขึ้นเถิด  กลับบ้านแต่หัววันย่อมดีกว่าช่วงฤดูหนาวตอนเย็นพระอาทิตย์ตกเร็ว  หากกลับช้าจะเจออากาศหนาวเอาได้”
          “สิ่งที่เขาอยากจะบอกก็คือ  ให้เร่งมือได้แล้ว!”เหลียนฟางโจวยิ้ม
          ป้าสามจึงหมดหนทางไปต่อ
          คนทั้งสามซื้อของเร็วมาก  มีผ้าตัดเสื้อ  อุปกรณ์เย็บปักถักร้อย ผ้าห่ม น้ำส้มสายชู    ของจำเป็นที่ใช้ในครัว แป้งสาลีรวมทั้งของจิปาถะอื่นๆ
          เหลียนฟางโจวไปร้านตีเหล็ก อีก 2-3 ร้าน ถามราคาเครื่องมือเครื่องใช้ทางการเกษตร  รวมทั้งเครื่องมือการเกษตรที่ควรซื้อด้วย  ถามราคาชุดเครื่องเขียน  เป็ด ไก่และผักผลไม้ในตลาด  เรื่องพวกนี้เธอไม่มีข้อมูล  ทว่าจำเป็นต้องรู้ไว้
          จากนั้น เธอซื้อเนื้อหนัก2 จิน กระดูกชิ้นใหญ่ 2ชิ้น  ซื้อขนมงาแท่ง  เมล็ดแตง 1 ห่อ เพื่อเอาใจเด็กน้อยทั้งสอง
ขนมงาแท่ง
          เมื่อผ่านแผงขายของจำพวก เครื่องประทินผิว และเครื่องประดับ  จึง ซื้อเชือกพู่ห้อยและ ดอกไม้ผ้าไหม 3 ชุด ให้เหลียนฟางฉิง  พี่จ้าว และลี่จวน   และซื้อเชือกพู่ห้อยให้ตนเองด้วย

เชือกพู่ห้อย
ดอกไม้ประดับผม
          ป้าสามเห็นเหลียนฟางโจวซื้อเครื่องประดับให้ น้องสาวและ คนอีกคู่  ในใจนึกชอบ จึงยื่นมือออกมาทันใดพลางเอ่ยขึ้น “นี่..ซื้อให้ข้าบ้างสิ
          เหลียนฟางโจวมองนางอย่างแปลกใจ  ไม่มีคนบอกว่าหญิงหม้ายไม่สามารถสวมใส่ของสีสันฉูดฉาดได้หรือไรแล้วนางจะสวมดอกไม้ประดับผมสีสันสดใสเช่นนั้นได้รึ?
          ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อตัวป้าสามบอกว่านี้เป็นส่วนของนางแล้วอายุนางเล่า...
          ป้าสามเห็นเหลียนฟางโจวจ้องมาด้วยสายตาโง่งม  จึงมองดอกไม้ประดับที่ลองอยู่บนผม  พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มองข้าทำไม  ข้าดูแก่จนไม่เหมาะกับสีสดใสหรือไร  ซื้อให้ข้าเลยจะใส่ให้ดู  อุ๊ยขอเปลี่ยนเป็นอันโน้น!
          หลังจากคุ้ยดูไปมาในแผงขายของ  ท้ายสุดป้าสามเลือกได้คู่ที่เป็นต้นหลิวสีเขียวมา 1 คู่   เปรียบเทียบดูไปมา  แล้วถามเจ้าของร้านหนุ่มว่างดงามไหม?
          เจ้าของร้านหนุ่มย่อมพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแน่นอน  ถ้าทำให้เขาขายของได้
          ครั้นแล้วป้าสามพูดกับเหลียนฟางโจว “ข้าเอาอันนี้เป็นคู่ที่ยังไม่มีใครจองด้วย!”
          เหลียนฟางโจวยิ้ม  ไม่ได้พูดอันใด  เพียงจ่ายเงินให้เจ้าของร้าน แล้วเดินจากไป
          ป้าสามเพ่งพิศดูของประดับสวยงามที่เพิ่งซื้อมา  จิตใจเบิกบานยิ่งนัก  ไม่สนใจสิ่งใดๆรอบตัวเลย
          “เราหาอะไรกินกันก่อน แล้วค่อยกลับเถิด!” มีร้านบะหมี่ข้างทางดูท่าทางสะอาดมาก  เหลียนฟางโจวเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมา
          “ดี ดี! ข้าหิวจนเอวกิ่วแล้ว!”  ป้าสามพูดขึ้น  รีบเดินข้าไปในร้านก่อนเพื่อน
          “พี่ใหญ่ จริงๆเราซื้อหมั่นโถวนึ่งมาสักหลายๆลูก  และก็น้ำร้อนชามหนึ่งที่ร้านตรงข้างถนนก็พอ...เหลียนเซ่อพูดตามหลัง
          ถ้อยคำนี้เรียกให้บางคนหันกลับมาทำหน้าหงิกใส่  เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “กินบะหมี่คนละชาม ไม่สิ้นเปลืองเงินหรอก  พี่ใหญ่เป็นคนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร!”  เมื่อกล่าวจบก็ดึงเหลียนเซ่อเดินเข้าไป
          เมื่อสองพี่น้องนั่งลง  ครั้นแล้วป้าสามจึงเอ่ยว่า “ข้าสั่งบะหมี่น้ำหน้าหมูซีอิ๊ว เมื่อครู่ก่อน   แล้วพวกเจ้าจะสั่งอะไรดี?”
          เหลียนเซ่ออยากได้บะหมี่แห้ง  เหลียนฟางโจวยึดตัวเขาไว้  แล้วจึงสั่งบะหมี่น้ำหน้าหมูซีอิ้ว 2 ชาม
บะหมี่น้ำหน้าหมูซีอิ๊ว
          วันนี้เป็นวันตลาดนัด  บนถนนมีคนพลุกพล่านจ้อกแจ้กจอแจ  ร้านบะหมี่นี้ก็มีคนนั่งเต็ม จนไม่มีโต๊ะเหลือ บรรยากาศคึกคักมาก
          รถม้าคันหนึ่งกำลังมุ่งหน้าผ่านปากทางเข้ามา  ทว่าเนื่องจากมีคนเป็นอันมาก  รถม้าจึงเคลื่อนตัวช้าๆ  คนขับคอยตะโกนบอก “ขอทางหน่อย  ขอทางหน่อย !” ด้วยท่าทางเป็นมิตรมาก  ไม่มีกิริยาหงุดหงิดฉุนเฉียวและยโสโอหังให้เห็นเลย  เหลียนฟางโจวอดมองไปที่คนทั้งสองไม่ได้
          มีคนรูปร่างเล็กสองคนเดินผ่านมา  เมื่อเห็นภาพตรงหน้า  จึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “นี่มันรถม้าของติงไท่ฟู่นี่  ไม่ใช่สิ  ต้องพูดว่าที่ปรึกษาราชสำนักติง  ท่านเป็นคนดีจริงๆ  เป็นขุนนางถวายงานรับใช้ฮ่องเต้  ท่านไม่แบ่งชั้นวรรณะ  ปฏิบัติกับคนที่ต่ำกว่าในบ้านอย่างมีเมตตาปราณี  ไม่เคยเห็นว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่เลย!”
          “ที่ปรึกษาราชสำนักติงรึ?” เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มิคาดว่าเมืองยู่เหอเซียนของเราจะมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่สูงส่งเช่นนี้!”
          “ใช่ จริงด้วย!” คนตัวเล็กสองคนยิ้มให้และพยักหน้า พลางพูดขึ้น “น่าเสียดายที่ท่านติงเกษียนราชการแล้ว  จึงย้ายกลับมาอยู่บ้านเกิด!”
          แล้วทั้งสองคนจึงเดินจากไปทำธุระของตนเองต่อ
          ป้าสามยืดคอเพื่อมองคนที่อยู่บนรถม้า  มีทีท่าสนอกสนใจได้ไม่ถึงครึ่งนาทีก็เก็บสายตากลับ  บิดมุมปากขึ้นพลางเอ่ย “ก็ไม่เท่าไหร่หรอก  ข้าเกรงว่ารถม้าของบ้านหันฟู่ก็เก่าเหมือนคันนี้แหละ  ขุนนางลี่ที่อยู่หมู่บ้านเรา รถม้าของตระกูลเขาดูงดงามกว่านี้มาก!  อ้าว..หนุ่มน้อยคนนี้มองสิ่งใดอยู่รึ  รีบๆกินบะหมี่เร็วเข้า  ประเดี๋ยวจะเย็นเสียหมด!”
          ป้าสามมองไปทางด้านนอกตามทิศทางที่เหลียนเซ่อจ้องเขม็งอยู่  ครั้นแล้วจึงยิ้มและตบบ่าเด็กหนุ่ม
          “ข้าไม่ได้มอง”  เหลียนเซ่อเก็บสายตากลับ แล้วหันมากินบะหมี่ต่อ

          แท้จริงแล้วเหลียนฟางโจวมองตามสายตาน้องชาย  พลันชะงักงัน  สิ่งที่เหลียนเซ่อมองจริงๆนั้น  ไม่ใช่รถม้าของที่ปรึกษาราชสำนักติง  แต่เป็นชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้ามเยื้องออกไป

8 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณไรท์มากมาอัพให้สองตอนเลยมีความสุขอ่ะที่ได้อ่านเรื่องนี้

    ตอบลบ
  2. มาแล้วๆ แต่ที่เหลียนเซ่อมองใช่พระเอกไม

    ตอบลบ
  3. เปิดตัวท่านแม่ทัพในคราบขอทานสินะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ

    ตอบลบ
  5. โถ ท่านแม่ทัพ เปิดตัวได้อลังการงานสร้างมาก น่าสงสารนัก

    ตอบลบ
  6. ชายคนนั้นคือ...ท่านแม่ทัพใช่มั้ยย โธ่พ่อคุณของรีด ออกมาได้สองบรรทัดสุดท้าย55555

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  8. เจ้าเหลียนเซ่อนี่ "เซ่อ" สมชื่อ... พี่สาวแสดงฝีมือให้เห็นตั้งมากมาย ยังไร้เดียงสามองว่าพี่เด็กเกินไปที่จะรับผิดชอบเรื่องธุรกิจ ต้องเอาญาติผู้ใหญ่ที่ไม่เคยทำตัวเป็นญาติผู้ใหญ่ ไม่เคยสนใจดูดำดูดีพวกหลาน ๆ มาออกหน้าช่วยจัดการเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แทน นี่ถ้านางเอกไม่ใช่นางเอก ไม่มีบัฟนางเอกปกป้องไว้ นางต้องกลายเป็นตัวละครที่ซวยเพราะความโง่ เซ่อ ซื่อบื้อ โลกสวยผิดเวล่ำเวลาของคนใกล้ตัวอย่างเจ้าน้องจอมเซ่อนี่ไปแล้ว

    ตอบลบ