วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 41 ป้าสามตัดสินใจโดยพลการ

         เหลียนเซ่อแสดงออกทางสีหน้าว่าไม่ไคร่พอใจในตัวฮูหยินจ้าวอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อมาได้ยินฮูหยินจ้าวเอ่ยวาจาเช่นนั้น เขายิ่งโกรธขึ้ง มองนางด้วยหางตา
          ลี่จวนเมื่อได้ยินถ้อยคำของพี่สะใภ้ ใบหน้านางขึ้นสีแดง ให้นึกละอายนัก “พี่จ้าวคงไม่ชอบที่ข้าเดินช้างุ่มง่ามละสิ? ทว่าข้ารีบอย่างเร็วแล้วจริงๆนะ! มิเช่นนั้น ข้าคงจะเก็บเห็ดเสร็จเอาวันพรุ่งนี้เป็นแน่!”

          “ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น!” ฮูหยินจ้าวได้ยินลี่จวนโพล่งขึ้น ชักเริ่มไม่สบายใจ ในขณะเดียวกัน ก็หันไปส่งยิ้มกระอักกระอ่วนให้เหลียนฟางโจว  นางคิดว่าหญิงสาวสกุลเหลียนคงหาทางช่วยนางอธิบายให้น้องสาวสามีเข้าใจ  เพราะว่าเหลียนฟางโจวและลี่จวนต่างนับถือชอบพอกัน  คงช่วยพูดให้นางได้
          ทว่าเหลียนฟางโจวกลับกำลังก้มหน้าครุ่นคิดอยู่อีกด้านหนึ่ง  ย่างเท้าเดินไม่เร็วไม่ช้า ดูเหมือนไม่ได้ยินถ้อยคำของฮูหยินจ้าวเลย
          เหลียนฟางโจวเดินอยู่ใกล้ๆฮูหยินจ้าวและลี่จวน  ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากนี้อีก  เช่นนั้นทุกคนจึงรู้ว่าเหลียนฟางโจว แสร้ง ว่าไม่ได้ยินถ้อยคำดังกล่าวเลย
          เหลียนฟางโจวจงใจแสร้งทำ ก็ในเมื่อเธอไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณฮูหยินจ้าวเสียหน่อย  เธอติดหนี้บุญคุณของป้าจางและลุงลี่ต่างหาก ฮูหยินจ้าวย่อมเป็นตัวฮูหยินจ้าว เช่นนั้น..เธอไม่จำเป็นต้องทำท่าทางอารมณ์เสียต่อหน้านาง
          เหมือนฮูหยินจ้าวคนนี้  เป็นพวกได้คืบจะเอาศอกเป็นแน่แท้ หากปล่อยให้นางมา
ตามติดเธอเรื่อยๆ เกรงว่าในภายภาคหน้าทั้งสองคงได้กระทบกระทั่งกันแทน
          หากฮูหยินจ้าวร้องขอสิ่งที่พวกเธอให้ได้โดยไม่ลำบากใจ  ตราบใดที่พวกเธอสามารถให้สัญญากับนางได้  ทว่าวาจาของนางมันออกจะมากเหลือรับประทานจริงๆ  ใจจริงนางคิดเช่นไร ไฉนจึงไม่พูดออกมาตรงๆเล่า
          ที่จริง เหลียนฟางโจวไม่เคยคิดกลั่นแกล้งลี่จวนเลย  เท่าที่ผ่านมา เป็นเธอที่คอยชักชวนลี่จวนให้เก็บเห็ดที่พบด้วยกันเสมอ
          บิดามารดา และพี่ชายที่บ้านรักและเอ็นดูลี่จวนมาก ที่ไหนจะปล่อยให้น้องสาวทำงานหนักหนาสาหัส? วันนี้นางใช้แรงกายมากกว่าครึ่งเพื่อเดินขึ้นเขาอันกว้างใหญ่  ทุกอย่างยังดูสดใหม่ น่าสนใจใคร่รู้ไปหมด  ทว่าพอเก็บเห็ดไปได้ไม่นานนัก มือนางก็เริ่มเชื่องช้าลงไปตามเรี่ยวแรงที่เหลือ
          ส่วนเหลียนฟางโจวนั้นแตกต่าง เธอมุ่งมั่นกับกิจกรรมนี้เพื่อหาเลี้ยงชีพ และต้องการมากที่สุดด้วย  ก่อนหิมะแรกจะโปรยปรายลงมา จึงก้มหน้าก้มตาเก็บสินค้าพวกนี้ไว้  โดยหมายใจจะนำไปขายแลกเงิน เอาไปฉลองปีใหม่กันทั้งบ้าน
          ซ้ำปีหน้ายังต้องซื้อเมล็ดพันธ์หลากหลายชนิด  และเครื่องมือการเกษตรบางส่วน ยังไม่รวมเรื่องเช่าวัวเพื่อทำนาอีก ซึ่งที่กล่าวมาเหล่านี้ ไม่ต้องใช้เงินหรอกหรือ?
          ผลลัพธ์ที่ออกมา คนสองคนย่อมเก็บเห็ดได้ปริมาณแตกต่างกันอย่างแน่นอน
          ฮูหยินจ้าวเห็นเหลียนฟางโจวไม่สนใจตนเอง เข้าใจว่าวาจาที่นางเอ่ยออกมาคงจะล้ำเส้นเด็กสาวไปหน่อย ใบหน้านางเริ่มเห่อร้อนเล็กน้อย ชักกังวลและอึดอัดใจนิดๆ  บ่นพึมพำในใจ พ่อแม่สามีข้าคอยช่วยเหลือเจ้าไปกี่ครั้งแล้ว? โดยเฉพาะ..แม่สามี  ปฏิบัติกับเจ้าราวกับเจ้าเป็นลูกสาวแท้ๆที่ยังไม่ออกเรือนเลย! เจ้าดันมากล้าทำให้ข้าเสียหน้าโดยไม่นึกไม่ฝันเอาได้!’
          แม้ว่าในใจไม่ใคร่พอใจนัก ฮูหยินจ้าวคิดว่า ยังไม่ใช่จังหวะเหมาะให้นางพูดออกมา  ยิ่งฟังลี่จวนพูดว่าพรุ่งนี้จะมาอีก ในใจชักกลัดกลุ้ม จึงรีบเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “น้องสาวพูดเพ้อเจ้ออันใดกัน  เข้าใจล้อข้าเล่นนะ! ล้อเล่นเก่งจัง!   อาจวน..เจ้าไม่ได้โมโหจริงหรอก! ฮ่าฮ่า ฟางโจว เจ้าคงไม่ถือเอาเป็นอารมณ์หรอกนะ?”
          เหลียนฟางโจวครั้นแล้วจึงคลี่ยิ้ม “หากอาจวนล้อเล่น..ก็ดี  มิเช่นนั้น ข้าก็ไม่รู้ว่าจะมีหน้าไปพบป้าจางได้อย่างไร! หลังจากที่ข้าได้ยินคำพูดนี้ อาจวน คราวหน้าปล่อยข้าเก็บเองตามลำพังเถิด ข้ายังไม่หายกังวลเลย!”
          ฮูหยินจ้าวยิ่งละอายใจมากขึ้น รีบหัวเราะแก้เก้อ “ไม่เอาน่า  ไม่เอาน่า!”
          “เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว! ข้าจะได้รู้สึกเบาใจ! มิเช่นนั้น ข้าเพียงต้องไปขอโทษกับป้าจางแล้ว!” เหลียนฟางโจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
          ความหมายก็คือ หากคราวหน้าเจ้าจะพูดแบบปากพาลหาเรื่องอีก  อย่ามาหาว่าข้าไม่เตือนเจ้านะ
          เหลียนฟางโจวค่อนข้างวิตกกับปากคอของฮูหยินจ้าว ครั้งสองครั้งยังไม่กระไร หากมันหลายครั้งเข้า ป้าจางและลุงลี่คงต้องทำความเข้าใจนิสัยของเธอใหม่เสียแล้ว  กลัวเพียงว่าจะเกิดมีเรื่องร้าวฉานกันเสียก่อน  ดูท่าไม่คุ้มเลย
          ฮูหยินจ้าวสะดุ้งเฮือก ในใจสั่นไหวรุนแรงโดยไม่รู้ตัว  เกิดความประหวั่นพรั่นพรึงขึ้นอีกสองส่วน
          ไม่ต้องคอยให้เธอพูดสิ่งไดอีก ลี่จวนรีบจับมือเหลียนฟางโจว พูดเสียงฉุน “ฟางโจวเจ้าพูดอันใดกันข้าจริงจังที่ไหนกัน!”
          “ก็ข้ากังวลนี่!” เหลียนฟางโจวจับมือลี่จวน พูดทีเล่นทีจริง “ข้าไม่คิดว่าพวกเราสองคนแตกคอกันหรอก ครอบครัวเจ้าช่วยพวกข้าพี่น้องตั้งมากมาย หากมีสาเหตุทำให้ความขัดแย้งเกิดขึ้น  ตัวข้านี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีจริงๆ!”
          “เจ้าช่างคิดมากเกินไปแล้ว ไม่มีทางแน่นอน!” ลี่จวนพูดจบก็หันไปพูดกับฮูหยินเจ้า “พี่สะใภ้ท่านพูดเช่นนั้นหรือ?”
          ฮูหยินจ้าวพลันคิดว่าเหลียนฟางโจวคงไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ  ยิ่งไปกว่านั้นปัจจุบัน เด็กสาวคนนี้ก็ดีกว่าเมื่อสมัยก่อนมากๆ
          หากเป็นเหลียนฟางโจวในอดีต คงเอาแต่แบมือขอ และไม่สนใจตอบแทนผู้อื่น
          ตอนนี้น่ะหรือ? เมื่อวานนี้ เด็กสาวยังให้เนื้อหมูกับบ้านนางตั้งครึ่งจิน!
          ฮูหยินจ้าวถอนหายใจ  ในใจมืดครึ้ม อดเสียใจเล็กน้อยไม่ได้ ว่าเมื่อครู่ก่อนไม่ควรพูดออกไปเช่นนั้นเลย มีเรื่องทะเลาะกับเด็กสาวที่อ่อนกว่า  จริงๆแล้วรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย!
          “ฟางโจว พี่จ้าวไม่ได้ตั้งใจ เจ้า...”
          “พี่จ้าวพอแล้ว  เลิกคิดถึงมันเถิด!” เหลียนฟางโจวฟังนางพูดเช่นนั้น  ย่อมรู้ว่าฝ่ายนั้นคงต้องการมากับเธออีก  ที่ไหนจะอนุญาติให้พล่ามอยู่ได้  จึงรีบสกัดกั้นไว้ พูดตัดบทด้วยรอยยิ้ม “พี่จ้าว นั่นแค่เรื่องล้อเล่น ข้าเข้าใจดี  ยามนี้ยังหัววันอยู่  พวกเราไม่รีบออกเดินทางให้ไวอีกหรือ!”
          ฮูหยินเจ้าวมองนางอึ้งๆ ในใจพลันโล่งอก จึงหัวเราะหึหึ “ดี ดี ล้อเล่น ล้อเล่น!”
          เมื่อกล่าวจบหญิงสาวทั้งสามต่างยิ้มให้กัน
          เหลียนฟางโจวครั้นแล้วหันไปเรียกเหลียนเซ่อ ทั้งสี่คนจึงเดินทางกลับ
          เมื่อเข้าเขตรั้วบ้าน ครั้นแล้วเห็นว่าชายผู้มีพระคุณคนนั้นกำลังช่วยผ่าฟืนอยู่  ป้าสามยืนท้าวสะเอว กำลังพูดอะไรบางอย่างข้างๆชายคนนั้น
          “อ้าว กลับมาแล้ว!” วันนี้ได้อะไรมาบ้าง? เก็บได้มากล่ะสิ! อ้าว เจ้ารีบเดินไปช่วยคุณๆได้แล้ว!” ป้าสามเมื่อเห็นเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อมาถึง จึงทักทายพลางยิ้มให้ ภายหลังหันกลับไปตะคอกชายคนนั้น ปรายตามองเขา  ขณะที่ตัวเองยืนมองท่าทางสบายๆ  
          ชายผู้นั้นยืนประสานมือ โค้มตัวพินอบพิเทา ด้วยรอยยิ้มนอบน้อม “ขอรับ” ครั้นแล้วจึงเดินตรงไปหาเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ
          ครั้นเดินไปได้สองสามก้าว เขาก็หยุดเท้าทันใด  เขาควรจะเดินตรงไปช่วยใครก่อนดี?  โดยปกติเหลียนเซ่อยังเยาว์อยู่ ทว่าเหลียนฟางโจวเป็นสตรี สตรีอาจเหน็ดเหนื่อยมากกว่า อา! เช่นนั้นต้องไปช่วยเหลียนฟางโจวสิ ทว่านางเป็นสตรี เพราะฉะนั้นต้องหลีกเลี่ยงเรื่องน่าหวาดระแวงของชายหญิง...
          ด้วยเหตุนี้เขาไม่รู้จะหันไปทักทายช่วยเหลือใครก่อนดี  จึงตัดสินใจง่ายๆ ไปยืนตรงหน้าระหว่างคนทั้งสอง!
          “โอว เจ้านี่ทำอะไรโง่งมเช่นนี้ ไม่ฉลาดเลยจริงๆ!” ป้าสามตะโกนออกมาอย่างไม่ได้ดั่งใจ
          “ป้าสาม!” เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ วางสัมภาระที่แบกมาลงบนพื้น เหลียนฟางโจวขมวดคิ้วมุ่น พูดกับป้าสามอย่างไม่พอใจ “คนผู้นี้บาดแผลในร่างกายยังไม่หายดี ท่านไปสั่งให้เขาทำงานหรือ?  ถึงจะดีจะชั่วอย่างไร ท่านทำกับผู้ที่ช่วยชีวิตพวกเราเช่นนี้ได้รึ?”
          ป้าสามกำลังจะอธิบาย  คนผู้นั้นก็รีบร้องออกมา “คุณหนูใหญ่ ไม่เป็นไร! บาดแผลข้าน้อยไม่มีอะไรร้ายแรง เหลือเพียงแผลตื้นๆ ไม่มีทั้งกระดูกหักหรือร้าว เรื่องนี้จริงๆไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใดจริงๆขอรับ !
          “คุณหนูใหญ่รึ?” เสียงของเหลียนฟางโจวบาดแหลมปนแหบเล็กน้อย เธอจ้องหน้าป้าสาม ไม่จำเป็นต้องถามว่าคำเรียกแปลกๆเช่นนั้นมาจากไหนกัน ป้าสามต้องเจ้ากี้เจ้าการให้คนผู้นั้นเรียกเป็นแน่แท้! ชายผู้นี้ไม่ใช่บ่าวรับใช้ของนาง ให้เขาเรียกเช่นนั้นได้อย่างไร?
          เหลียนฟางโจวโมโหเอาจริงๆ ดันมาปฏิบัติกับผู้อื่นดังทาสรับใช้ เธอรู้สึกเศร้าใจนัก ยิ่งไปกว่านั้นเหลียนเซ่อ ถึงยังเยาว์แต่ก็ไม่เล็กแล้ว ย่อมแยกแยะผิดหรือถูก ดำและขาวได้เหมาะสม ทว่าฉิงและเช่อ หากไปเห็นตัวอย่างแบบนี้เข้า ในภายภาคหน้าจะกลายเป็นคนเช่นไร?
          “น้องรอง เจ้าพาสุภาพบุรุษท่านนี้กลับไปพักผ่อนโดยเร็วเถิด!” เห็นทีเธอต้องพูดคุยกับป้าสามให้แจ่มแจ้งแล้ว
          เหลียนเซ่อเหลือบมองป้าสาม “ได้ พี่ใหญ่” ครั้นแล้วหันไปชวนคนผู้นั้นเข้าบ้าน
          บุคคลผู้นั้นอดเหล่มองเหลียนฟางโจวไม่ได้ เห็นสีหน้านางบอกบุญไม่รับ ให้รู้สึกกริ่งเกรงขึ้นมาในทันใด  ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งนาง ครั้นแล้วจึงเดินตามเหลียนเซ่อเข้าไป
          ป้าสามหวาดกลัวหลานสาวเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างอึดอัด ”มีอันใดหรือ พอดีได้เวลาที่ข้าต้องไปทำกับข้าวแล้ว ข้าต้องรีบไปเก็บผักในสวนด้วย...”
          “ช้าก่อน!” เหลียนฟางโจวเอ่ยช้าๆชัดๆ เดินมาดักหน้าป้าสาม  สีหน้าราบเรียบถามขึ้น วันนี้ท่านสั่งคนผู้นี้ให้ทำงานได้อย่างไร?”
          “ไม่ใช่ว่าข้าสั่งนะ!” ป้าสามรีบพูดแก้ตัว “เขามาถามว่าข้ามีอันใดให้ช่วยไหม แล้วข้าก็...”
          เหลียนฟางโจวอยากจะบ้าตาย รู้สึกว่าเธอและป้าสามพูดกันคนละภาษา ป้าสามเลิกเป็นเด็กมากกี่ปีแล้ว  ผู้อื่นเข้ามาถามตามมารยาท  ตัวนางกลับถือเอาเป็นจริงเป็นจังรึ?
          “แล้ว..อะไร?” เหลียนฟางถามสียงรอดไรฟัน
         --------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
ในตอนนี้ นางเอกได้เอาคืนฮูหยินจ้าวแล้ว หวังว่าคงสะใจผู้อ่านบางท่านนะคะ
ส่วนป้าสามก็ยังสร้างวีกรรมไม่หยุด รู้สึกเพลียแทนนางเอกจัง

19 ความคิดเห็น:

  1. ขอบใจจ้า������ดีใจไรท์มาอัพให้อ่านทุกวันเลย

    ตอบลบ
  2. ฮูหยินจ้าวเอ๊ย โดนซะมั่งก็ดี

    ตอบลบ
  3. ไม่อยากให้ไปเก็บเห็ดแย่งฟางโจวหวังว่านางคงไม่ไปแล้ว สงสารท่านแม่ทัพ5555 พระเอกเรากว่าจะออกออกมาทีต้องใช้ให้คุ้ม

    ตอบลบ
  4. ท่านป้าเดี๋ยวเจอเหวี่ยงชุดใหญ่ ยัยจ้าวก็น่าจะโดนเยอะกว่านี้

    ตอบลบ
  5. สนุกๆ รอตอนต่อไปค่าา ^^

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณคะ...กำลังสนุกเลยคะ

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณค่า
    โดนซะบ้างเห็นแก่ตัวเกิน
    หวังว่าคงไม่มาอีกนะ

    ตอบลบ
  8. มีแต่พวกน่ารำคาญ
    แม่ทัพกว่าจะเปิดตัว ออกมาปุ๊ปก็โดนใช้ซะคุ้มเลย

    ตอบลบ
  9. รอรอรอ ได้โปรดเถอะ

    ตอบลบ
  10. รู้สึกปวดหัวแทนนางเอกมากเลยทั้งฮูหยินจ้าวทั้งป้าสามยังดีที่สลัดป้าอีกคนหลุุดไปแล้ว(มั้้ง)

    ตอบลบ
  11. รำคาญฮูหยินจ้าวกับป้าสามจังเลยค่ะ สงสารฟางโจวที่ต้องมาเจอสองคนนี้ รออ่านตอนต่อไปค่ะ มาอัพต่อไวๆ นะคะ

    ตอบลบ
  12. เมื่อไหร่ป้าสามจะกลับบ้านตัวเองซะที เบื่อนางเต็มทน

    ตอบลบ
  13. ขอบคุณค่า
    สงสารแม่ทัพ หมั่นไส้ยัยฮูหยินจ้าว ส่วนป้าสามนี่ทำดีแล้ว พระนางเค้าจะได้เห็นอกเห็นใจกันมากยิ่งขึ้น 5555

    ตอบลบ
  14. ท่านแม่ทัพเราโดนป้าสามใช้งานแบบนี้ โดนนางเอกเล่นงานแน่ๆ
    สงสารนางเอก ปวดหัวคนนอกบ้านไม่พอ กลับมาบ้าน คนในบ้านก็สร้างเรื่องให้ไม่หยุด
    วันๆช่างน่าปวดหัวจริงๆ

    ตอบลบ
  15. ว่าที่ทาสทำตัวได้ดีมาก 5555

    ตอบลบ
  16. ท่านแม่ทัพ อนาคตคงกลัวเมียไม่ใช่น้อยเลยนะ 5555555

    ตอบลบ
  17. จะเป็นเเม่คนดีเกินไปปปบางครัก็น่ารำคาญอ่ะ

    ตอบลบ