วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 45 สามีภรรยาหันมาตีกันเอง

          ป้าสามแอบยิ้มเยาะเงียบๆ  จากนั้นจึงรีบยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้ฟูมฟายพร่ำบ่น  ป่าวประกาศไปทั่วว่า นางถูกพี่สะใภ้กลั่นแกล้งด้วยเหตุที่นางเป็นเพียงหญิงหม้ายยากจนข้นแค้น และไร้ที่พักพิง ป้าสามเอาแต่ร่ำไห้อย่างน่าเวทนานัก

          ฝ่ายฮูหยินเฉียวให้โทสะพุ่งพล่านนัก พลางกระทืบเท้าข้างหนึ่ง
          ทันใดนั้นจิตใจของเหลียนลี่ผู้สามีพลันกระตุก  พลางถลึงตาจ้องฮูหยินเฉียวที่กำลังตะโกนด่าป้าสามอยู่ปาวๆ “หุบปากได้แล้ว!”  เขาก้าวฉับๆมาข้างหน้าโดยไม่บอกไม่กล่าว ส่งเสียงบริภาษภรรยา “ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ ข้าอุตสาห์เห็นแก่ชีวิตคู่ฉันท์สามีภรรยามาหลายสิบปี สู้อดทนอดกลั้น เพียงหวังให้ครอบครัวเราเจริญรุ่งเรืองรักใคร่กลมเกลียวกัน  เจ้ากลับทำตัวเกะกะระรานไม่หยุด! เสี่ยวม่านที่กำลังโดนเจ้ารังแกอยู่นี้เป็นน้องสาวร่วมสายเลือดของข้า  เจ้าทำร้ายนางครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้ามันน่าดูถูกยิ่งนัก!”
          เหลียนลี่บริภาษออกมาอีกหลายคำ  ผลักความผิดไปให้ฮูหยินเฉียวคนเดียว  ทั้งเรื่องตั้งแต่ครั้งอดีตด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีฮูหยินเฉียวเป็นต้นคิดเพียงคนเดียว
          “ท่าน!” ฮูหยินเฉียวตะลึงงัน  จ้องมองสามีตัวเองด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เขาเล่นงานนางโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยคนชั่นต่ำเยี่ยงนั้นเล่นงานนางต่อหน้าคนนับสิบโดยที่นางไม่ทันตั้งตัวเลย!
          ความร้อนแผดเผาลุกลามไปทั้งยังแก้มทั้งสองข้าง  ร่างทั้งร่างเจ็บปวดรวดร้าวปานโดนมีดทิ่มแทง  ฮูหยินเฉียวซวนเซถอยหลังพลางกรีดร้องว่า “ข้าจะสู้กับท่าน!”  ว่าแล้วก็กระโจนเข้าใส่เหลียนลี่อย่างบ้าคลั่ง
          ยามนี้หัวใจนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความคลั่งแค้น  พุ่งเข้าใส่ทุบตีสามีด้วยความคุ้มคลั่ง  จนเขาล้มลงกับพื้นในที่สุด
          เหลียนลี่บังเกิดโทสะ ในใจนึกสาบแช่งหญิงแพศยาเดนตายคนนี้  เขาอุตสาห์ขยิบตาเป็นสัญญาณส่งให้ไปหลายรอบ  นางกลับมองไม่เห็น  ความพยายามดูท่าจะไร้ผลเสียแล้ว!
          ชื่อเสียงความบริสุทธิ์ของบุตรชาย  เทียบกับเรื่องระหองระแหงระหว่างญาติพี่น้อง อันไหนจะสำคัญกว่ากัน?  ใครขอให้นางไปด่าว่าอีกฝ่ายจนมีเรื่องทะเลาเบาะแว้งกันเล่าหากเขาไม่ลงไม้ลงมือกับนาง  จนทำให้นางสงบลงได้  พรุ่งนี้หากเหลียนฟางโจวเด็กสาวเดนตายคนนั้นเกิดเข้าเมืองขึ้นมาจริงๆ  คงได้พาดพิงไปถึงบุตรชายเขาให้เสื่อมเสียชื่อเสียง  อนาคตของบุตรชายคงได้ถึงจุดจบเอาจริงๆ!
          เจ้ากล้าลงมือกับข้ารึ!” เหลียนลี่คลานขึ้นจากพื้นและพยายามทรงตัวลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก  ฉวยแขนภรรยาได้ ก็ตะคอกใส่ “เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะขอหย่าเจ้า!”
          เหลียนลี่ก่นด่านาง ขยิบตาส่งสัญญาณให้นางไปพลาง ทว่ายามนี้ฮูหยินเฉียวคุ้มคลั่งไปเสียแล้ว  ที่เหลียนลี่ไม่กล้าจ้องภรรยาตรงๆ  ก็เพื่อไม่ให้ชาวบ้านที่มุงดูเห็นความนัยที่ส่งให้นางผ่านทางสายตา  ฝ่ายฮูหยินเฉียวที่ไหนจะเห็นเล่า?  นางเอาแต่ตะเบ็งเสียงร้องด่าอย่างกราดเกรี้ยว ทั้งเอาแต่ดึงทึ้ง เตะ หยิกข่วนเนื้อตัวสามีไม่หยุด
          สี่งที่ฮูหยินเฉียวรับรู้มีเพียง สายตาของผู้คนที่จับจ้องมาทางนาง  ฝ่ายสามีของนางหาได้หลบพ้นไม่  โดนนางตบไปสองที  ยามนี้ฮูหยินเฉียวดุร้ายมาก ทำร้ายสามีด้วยความแค้นใจ!
          วาจาที่เหลียนลี่ประกาศออกมาว่าจะหย่ากับภรรยา ทั้งฮูหยินเฉียวและชาวบ้านต่างก็ตกตะลึงยิ่งนัก  คราแรกจิตใจของนางหวาดกลัว ต่อมาเปลี่ยนเป็นโทสะที่พุ่งพล่าน  นางอุตสาห์คลอดบุตรชายให้เขา  ขยันทำมาหากินอยู่อย่างกระเหม็ดกระแหม่กับเขามาหลายปีดีดัก  ไฉนเขาถึงกับพูดว่าจะหย่ากับนางจริงๆ!
          “ท่านมันคนใจดำยิ่งนัก อา! ท่านและข้าต่างก็มีส่วนในเรื่องนี้ด้วยกัน  ท่านกลับกล่าวคำพูดใจดำเช่นนี้ออกมา!!  พรุ่งนี้ข้าจะไปหาลูกชายข้าไม่อยู่แล้วไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว!” ฮูหยินเฉียวทรุดตัวลงนั่งบนพื้น  เอากำปั้นทุบพื้นเอะอะโวยวายร่ำไห้เสียงดัง
          ในยุคโบราณนี้  ผู้หญิงทั้งหลายกลัวเรื่องถูกหย่าเป็นที่สุด  โดยเฉพาะฮูหยินเฉียวที่มีอายุปูนนี้แล้ว  หากโดนสามีขอหย่า  ขั้นแรกจะถูกปล่อยให้อยู่โดดเดี่ยว  ไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วยจนกว่าจะปรับปรุงนิสัย  แม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็ยังไม่มี!
          แม้ว่าจะมีบ้านพ่อแม่เดิมที่เคยอาศัยอยู่  เพียงแค่ดูกรณีป้าสามเป็นตัวอย่างย่อมรู้ได้  บ้านเดิมดีพอให้กลับไปหรือแม้จะมีพี่ชายหรือน้องชาย พี่สะใภ้หรือน้องสะใภ้แล้วจะมีประโยชน์อันใดเล่าจะมีผู้อยากเลี้ยงดูป้าสามซึ่งแต่งออกเรือนไป แล้วหวนกลับมามือเปล่าหรือไร?
          เช่นนั้น..เมื่อเหลียนลี่พูดเช่นนี้กับภรรยา ในหัวใจของฮูหยินเหลียวจึงหวาดกลัวเหลือคณานับ  ความกล้าหดหายไปแทบหมด  มีเหลือไม่มากเหมือนเมื่อตอนก่อนหน้าแล้ว  ไม่กล้าหันไปหาสามีเพื่อขอให้พยุงลุกขึ้นยืน
          เพราะฉะนั้นเมื่อเหลียนลี่ป่าวประกาศต่อหน้าสาธารณะชนว่าจะส่งนางกลับบ้านเดิม  ในใจฮูหยินเฉียวมีแต่ความหวาดหวั่น  ที่เคยหาญกล้าใช้เท้าเตะถีบสามีเมื่อครู่ก่อน  ครานี้ไม่กล้ายกเท้าเข้าใส่สามีอีก
          ชาวบ้านที่มุงดูเมื่อได้ยินเหลียนลี่พูดเช่นนี้ถึงกับตะลึง หันมามองหน้ากันด้วยสายตาว่างเปล่า  วาจาที่ประกาศออกมาว่าจะส่งภรรยากลับบ้านเดิม  มันพูดออกมาได้ง่ายๆอย่างนั้นหรืออดทอดถอนใจออกมาไม่ได้  อา..สามีภรรยาที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายสิบปี  จุดจบเป็นเช่นนี้เอง  ช่างน่าผิดหวังจริงๆ!
          แท้จริงแล้วถ้อยคำที่เหลียนลี่พ่นออกมาอย่างไม่ติดขัดนั้นเป็นเพียงแค่คำขู่  ฝ่ายคนที่พูดออกมาโดยไม่ระวังปาก  ครานี้เริ่มอยากคืนคำเสียแล้ว  ในหัวใจทั้งบ้าคลั่งทั้งกังวล  เป็นเพราะตอนนั้นในใจขุ่นเคืองภรรยามาก  หากนางไม่ดื้อรั้น  จะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้หรือ ?
          เมื่อได้ยินนางเอ่ยว่าจะไปฟ้องบุตรชาย  เหลียนลี่โมโหจนจุกแทบหายใจไม่ออก นางไม่อยากให้ลูกชายมีอนาคตจริงๆแล้วรึ?!
          เหลียนลี่คับแค้นใจนัก  จ้องฮูหยินเฉียวด้วยสายตาอาฆาต  ใบหน้าแดงจัดด้วยความโกรธที่พุ่งพล่าน  นังหญิงบ้าคนนี้  ขาดสติโดยสิ้นเชิงไปหาเรื่องทะเลาะกับผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลสักนิด!
          ครานี้บรรดาพวกผู้หญิงเริ่มเดินเข้าไปหาฮูหยินเฉียว พยายามเกลี้ยกล่อมนางทุกทางให้ใจเย็นๆ  บางคนก็พยายามชี้แนะเหลียนลี่
          ป้าสามยามเห็นคู่สามีภรรยาตบตีกัน  ในใจช่างมีความสุขเหลือคณา  ครั้นแล้วจึงเดินเข้าถึงตัวฮูหยินเฉียว  สะอื้นไห้พลางกล่าว “พี่สะใภ้ลุกขึ้นเร็วเถิดพื้นมันเย็น อย่านั่งนานประเดี๋ยวจะป่วยไข้เอาได้!  ที่พี่ชายบอกว่าจะหย่าท่านและส่งกลับบ้านเดิม  ล้วนเป็นเรื่องล้อเล่น  พี่สะใภ้อย่าได้กลัวไปเลย!”
          ป้าสามเอ่ยพลางถอนหายใจ “เพราะข้าข้ามันไม่ดีเอง! หากไม่เป็นเพราะข้า พี่ชายคงจะไม่พูดเช่นนี้! พี่สะใภ้อย่าได้เอามาเป็นอารมณ์เลยที่พี่ชายพูดมานับว่าถูกต้อง  พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ควรรักใคร่ปรองดองกัน!”
          ใช่ จริงด้วย!”
          “ป้าสามกล่าวได้ถูกต้องแล้ว!”
          ชาวบ้านเห็นป้าสามพูดจามีเหตุผลนัก  ต่างพยักหน้าเห็นพ้องต้องกันอย่างพร้อมเพรียง
          มีเพียงฮูหยินเฉียวผู้เดียวที่เห็นเช่นนั้นแล้วเหยียดยิ้มเยาะ  คราได้ยินถ้อยคำที่ชาวบ้านโจษจันกัน  ป้าสามยกมุมปากขึ้นนิดหนึ่งแล้วเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว  อาการเช่นนั้นมีเพียงฮูหยินเฉียวผู้เดียวที่รู้ว่า  มันหมายถึงการดูหมิ่นดูแคลนมากเพียงใด
          นางพลันบันดาลโทสะรุนแรง  ลุกขึ้นจากพื้นทันใด  ชี้หน้าด่าป้าสาม “นังหญิงชั้นต่ำ  เรื่องของบ้านข้ากลายมาเป็นเรื่องให้เจ้าโอ้อวดได้เมื่อไดกัน!”
          “หุบปากได้แล้ว!” เหลียนลี่คราแรกเมื่อได้ยินที่ป้าสามพูด พลันรู้สึกโล่งใจขึ้น ตราบไดที่สถานการณ์คลี่คลายลง  สามีภรรยาก็ยังกลับมาเจรจากันได้  เรื่องขัดแย้งในอดีตก็ไม่สำคัญอีกต่อไป  เขาไม่คาดคิดเลยว่า ยังไม่ทันจะหายใจหายคอคล่อง ภรรยาเขาก็เริ่มพาลหาเรื่องอีกแล้ว
          เหลียนลี่โกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิม  เดินเข้าไปตบหน้าฮูหยินเฉียวแรงๆสองที ด่าเสียงขรม “นี่คือผลกรรมที่เจ้าก่อเรื่องอย่างไร้สติ  ช่างทำตัวบ้าบอสิ้นดีพูดจาแต่เรื่องเหลวไหลทั้งนั้น!”
          คราที่เหลียนลี่ตบหน้าภรรยา  เขาได้ขยิบตาส่งให้นางด้วย  ทำให้ฮูหยินเฉียวเห็นสัญญาณที่ส่งออกมาในที่สุด
          นางจึงยืนนิ่ง ฟื้นคืนสติในที่สุด  ทันใดนั้นฮูหยินเฉียวก็เข้าใจสิ่งที่สามีต้องการสื่อ  ทว่าก็อดน้อยอกน้อยใจไม่ได้  พาลยิ่งเกลียดชังน้องสาวสามีมากขึ้น
          ยามนี้นางไม่อาละวาดใส่เหลียนลี่อีกแล้ว  หากยังโกรธเคืองและแค้นใจอยู่บ้าง  ความขุ่นเคืองในใจยังไม่หายไปสิ้นทั้งหมด
          ยิ่งไปกว่านั้นครานี้นางข้าใจจิตใจเหลียนลี่อย่างแจ้มแจ้งแล้ว นางจึงจำต้องกล้ำกลืนความเสียอกเสียใจเอาไว้  แต่ถึงอย่างไร  ยามนี้แก้มนางทั้งสองข้างเห่อบวมแดง  เจ็บปวดยิ่งนักดั่งโดนเข็มทิ่มแทง!
          ฮูหยินเฉียวให้โกรธแค้นป้าสามนัก  ก้มหน้ายืนขบกรามอยู่ตรงนั้น  นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
          “เจ้า หากยังกล้าพูดจาจาเหลวไหลอีกครั้ง ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าอีก!” เหลียนลี่เอ่ยเสียงเข้มดุและตำหนิฮูหยินเฉียวหลายครั้ง ขณะที่หันไปยิ้มให้ป้าสามเพื่อขออภัย “เสี่ยวม่าน จริงๆแล้ว  เจ้าไม่ต้องช่วยพูดเพื่อเห็นแก่นางให้มากไป  พี่สะใภ้เจ้าเป็นคนโผงผาง ที่ทำเสียมรรยาทไปอาจเพราะไม่ทันคิด   เจ้าอย่าได้เอาตัวไปต่อล้อต่อเถียงกับนางเลย! เอาอย่างนี้..เจ้าก็มาอาศัยอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้เสียเถิด  คือพวกเราอยากจะชดเชยให้เจ้า...”
          เหลียนลี่แสดงสีหน้าจริงใจมองป้าสามอย่างคาดหวัง  สายตาที่มองมา ทำให้ป้าสามรู้สึกขนลุกแปลกๆ
          นางก้าวถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว  ถอนหายใจออกมา “เนื่องจากพี่ชายพูดในสิ่งที่ข้าอยากจะพูดออกไปหมดแล้ว  แล้วจะให้ข้าพูดอะไรได้อีกเล่า?  นี่ก็เริ่มเย็นแล้ว  พี่ชายกับพี่สะใภ้กลับเข้าบ้านเถิดตัวข้าตอนนี้อยู่กับหลานๆก็สุขสบายดี  คงไม่รบกวนพี่ชายพี่สะใภ้เรื่องที่อยู่อาศัยหรอก!”
          ป้าสามพูดอย่างสุภาพ  หันมาทางชาวบ้าน พลางกล่าวขอบคุณขึ้นหลายครั้ง ครั้นแล้วจึงจากไป
          ผู้คนเมื่อเห็นนางจากไป  ต่างคนต่างพากันแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน
          เหลียนลี่ถอยหายใจยาวอย่างโล่งอกเบาๆ  เขารู้ว่าป้าสามไม่เต็มใจมาอยู่กับเขาหรอก มองดูนางช่วงนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเมื่ออยู่กับหลานๆ  นั่นย่อมเป็นผลดีกับเขาแน่นอน 
          “เราเข้าบ้านกันเถิด!” เหลียนลี่จ้องหน้าภรรยา
          แก้มทั้งสองข้างของฮูหยินเฉียวครานี้แสบร้อนบวมแดง  เจ็บปวดดังไฟเผา นางถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างขมขื่น หันหน้ามองไปรอบๆลานบ้าน
          “ยังมีอะไรอีกนี่เพราะเจ้ามัวแต่ยั่วยุนาง  จึงทำให้เกิดเรื่องเกิดราวขึ้นมาใช่ไหม?
          เมื่อเข้าสู่ลานบ้าน เหลียนลี่หันมาดุ และก้มมองใบหน้าฮูหยินเฉียว
          ฮูหยินเฉียวมองเขากลับอย่างประหลาดใจ ร้องขึ้นเสียงดังว่า “ข้าอยากไปยั่วยุนางตั่งแต่เมื่อใดกัน?  พวกเรายังไม่เดินออกจากประตูบ้านกันเลยนะ  ข้าพยายามซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้าน ข้าจะออกไปยั่วยุหาเรื่องนางได้เยี่ยงไร?”

          “เจ้า!” เหลียนลี่ตะลึงงัน กล่าวว่า “เจ้าไม่ได้ไปหาเรื่องนาง  แล้วนางมาหาเรา  มาร้องห่มร้องไห้เพื่อการใดเล่า?”
----------------------------------------------------
ต้องขออภัยที่อัพช้าด้วยค่ะ
และขอขอบคุณทุกคอมเมนต์และการติดตามด้วยนะคะ

14 ความคิดเห็น:

  1. ต้องโดนตบเเบบนี้ถึงจะดี

    ตอบลบ
  2. ฮูหยินเฉียวยังไม่สำนีกความผิดตนอีก ป่านนี้พระเอกไปไกลแล้วมั้ง

    ตอบลบ
  3. อะไรกันโดนตบแค่สองทีเองน่าจะยุให้ทะเลาะกันจนฟันหมดปากไปเลย

    ตอบลบ
  4. พระเอกหายค่ะ 5555

    ตอบลบ
  5. ป้าสามเริ่มเป็นเด็กดีเชื่อฟังแล้ว

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณค่า เมื่อไหร่พระเอกจะไถนาอ่ะไรท์

    ตอบลบ
  7. ป้าสามศิษย์ฟางโจวสินะ 555555

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณค่ะไรท์//สะใจอ่ะ

    ตอบลบ
  9. สาแก่ใจอีช้อยยิ่งนัก

    ตอบลบ
  10. ขอบคุณค่ะ...รอตอนต่อไปนะค่ะ

    ตอบลบ