เหลียนลี่คิดว่านั่นเป็นเพราะฮูหยินเฉียววู่วามเกินไป ทว่าอดพิจารณาเหลียนเสี่ยวม่านไม่ได้ ครานี้นางช่างสงบและสุขุมนัก เช่นนั้นที่นางวิ่งแจ้นมาที่บ้านเขา ก็เพื่อจัดฉากน้ำตาท่วมจอเป็นแน่
ฮูหยินเฉียวเป็นฝ่ายควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
ทว่าที่เขารู้ สีหน้าท่าทางของภรรยายามนี้ดูเหมือนไม่ได้กำลังโกหก
ยิ่งไปกว่านั้นนางไม่จำเป็นต้องโกหกต่อหน้าเขา
นั่นหมายความว่าสิ่งที่นางพูดคือเรื่องจริง
ทั้งสองคนนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง
ฮูหยินเฉียวเอ่ยขึ้น”จู่ๆนางก็วิ่งมาที่บ้านเราเพื่อสร้างเรื่องทั้งหมดโดยไม่มีเหตุอันควร
เราไปกระทบกระทั่งกับนางจนมีเรื่องขัดแย้งจริงๆรึ?”
“หญิงชั้นต่ำคนนี้!”
ลมหายใจฮูหยินเฉียวสะดุด
รู้สึกมึนงงเล็กน้อย
เหลียนลี่ก็โกรธแค้นจนพูดไม่ออก
ให้รู้สึกเจ็บใจนัก
คนที่เคยเป็นลูกไล่มาตลอด ทว่าครานี้กลับสามารถวางแผนการจัดฉากเองได้ กลายเป็นนังเหลียนเสี่ยวม่าน! สองสามีภรรยาให้งุนงงสงสัยนัก
ไม่รู้เลยว่า เหตุใดน้องสาวคนนี้ถึงได้วิ่งแจ้นมาหา แล้วมาสร้างเรื่องก่อกวนพวกเขา!
เช่นนี้จะไม่ให้แค้นใจได้อย่างไรเล่า?
“นังคนต่ำช้านั่น!
คนที่นางจ้องเล่นงาน
คือเจ้าที่เป็นพี่ชายและข้าที่เป็นพี่สะใภ้ไงเล่า! ข้าต้องกลับไปถามนาง!
ข้าต้องถามว่าเหตุใดนางถึงแจ้นมาบ้านเรา แล้วมาส่งเสียงเอะอะโวยวายโดยไม่มีเหตุอันควรเช่นนั้น!”
ฮูหยินเฉียวรู้สึกจุกแน่น จนต้องพ่นล่มหายใจออกมา
“เจ้าดันกลับมาเล่นงานข้าด้วย!” เหลียนลี่บีบแขนภรรยาอย่างเย็นชา ปล่อยให้บางคนอารมณ์เย็นลงก่อน จึงเอ่ยขึ้น “วันนี้เจ้าเอะอะโวยวายมากนัก แค่นี้ยังไม่พออีกรึ จึงต้องลงมือกับข้า!”
“ท่านยังไม่ลืมอีกรึ!”
ฮูหยินเฉียวส่งเสียงกรีดร้อง ทีนางยังโดนตบไปตั้งสี่ฉาดเลย
จะให้ลืมรึ? ไม่แน่นอน
“ยังมีเวลาเอาคืนอีกมาก!” เขาแค่นเสียงออกมา
พลันก้าวฉับๆเข้าบ้าน
ฮูหยินเฉียวไม่อยากรอนาน นางอยากกลับไปเดี๋ยวนี้ ไปตบหน้านางป้าสามสัก2-3ฉาดให้หายแค้น ทว่าวันนี้นางดิ้นรนต่อสู้มาเป็นนานสองนาน จึงแทบไม่มีเรี่ยวแรงเหลือ ยังไม่ต้องพูดถึงหัวสมองที่ตอนนี้ค่อนข้างสับสนมึนงงนัก
สองสามีภรรยาที่ถูกป้าสามเล่นงานจนปวดเศียรเวียนเกล้า
ไม่ได้ตระหนักว่าในบ้านครานี้มีแสงสว่างลอดออกมา ช่างน่าแปลกนัก ไม่มีคนอยู่ในบ้าน แล้วไฉนถึงมีแสงสว่างได้เล่า?
เมื่อเข้าไปในห้อง พวกเขาถึงได้เข้าใจ
เมื่อเห็นภาพอันน่าทึ่ง ที่นั่งไว้ตรงกลางห้องโถงคือเหลียนฟางโจว ทั้งสองตกใจยิ่งนัก
“เจ้า...เจ้ามาอยู่ในบ้านนี้ได้อย่างไร!?” ฮูหยินเฉียวถามขึ้น
เหลียนฟางโจวรอจนบางคนสงบสติอารมณ์ลง จึงแย้มยิ้มออกมาอย่างมาดร้าย
ถือชุดกาน้ำชาและทุ่มลงมาบนพื้นดัง “เพล้ง” ภาชนะดังกล่าวแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ
ฮูหยินเฉียวตกใจร้องเสียงหลง เด็กสาวทุ่มถ้วยชาสี่ใบลงพื้น
แตกละเอียดเป็นชิ้นๆอย่างสบายอกสบายใจ
“ข้าจะสู้กับเจ้า!” ฮูหยินเฉียวเมื่อเห็นเหลียนฟางโจวทุ่มกาน้ำชาและถ้วยชาสี่ใบเป็นเสี่ยงๆในพริบตาเดียว
ของรักของนางครานี้กลายเป็นผุยผงไปเสียแล้ว นางจึงกรีดร้องขึ้นแล้วทุ่มกายทั้งหมดใส่เหลียนฟางโจว
สองตาของนางจับจ้องแต่เหลียนฟางโจวเท่านั้น แท้จริงแล้วยังมีอีกคนที่นางมองข้ามไป นั่นคืออาเจี่ยน
อาเจี่ยนมายืนขวางหน้าเหลียนฟางโจวอย่างเงียบกริบ
แต่ว่องไวนัก ยกมือขึ้นอย่างนุ่มนวล โบกมือไปด้านหนึ่งคล้ายกับไล่แมลงวัน ฮูหยินเฉียวชนเข้าไปเต็มรัก จึงหงายหลัง เซถลาไปหลายก้าวกว่าจะหยุดตัวเองจนยืนมั่นคงได้
ครั้นแล้วนางถึงได้สังเกตุเห็นอาเจี่ยน
ส่งสายตาเจ็บใจจับจ้องไปยังชายหนุ่มร่างสูง
หลังจากที่ชนกันแล้ว อาเจี่ยนมีท่าที่สงบนิ่ง
ทว่าแววตาหาได้สงบนิ่งตามไปด้วยไม่ ทั้งตัวของคนผู้นี้แข็งแกร่งราวกับหินผา ยืนนิ่งเฉยอยู่ที่เดิม เท้าไม่ขยับเขยื้อนไปเลยแม้แต่นิด
“เหลียนฟางโจว! เจ้าไม่ห่วงหน้าตาตัวเองเลยหรือ ริอาจแอบเลี้ยงชายชู้ไว้ใกล้ตัว ไม่คำนึงถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ข้าไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะพาชายชู้เข้ามาในบ้านญาติผู้ใหญ่ของเจ้า!”
ฮูหยินเฉียวหันหน้าไปจ้องเหลียนฟางโจว ด้วยสายตาประสงค์ร้าย
ใบหน้าเหลียนฟางโจวปรากฏโทสะขึ้นมาวูบเดียวแล้วหายไป ควรจะกล่าวว่ามีสีหน้าบึ้งตึงเพียงครู่เดียวแล้วหายไปมากกว่า
เด็กสาวส่งยิ้มบาง
สีหน้าเย็นเยือกประดุจน้ำแข็ง “ดูท่าว่าป้าสามจะยังป่วนท่านน้อยไปนะ
พรุ่งนี้นางคงไปสถานศึกษาในเมืองเพื่อไปหาญาติผู้พี่ข้า เพื่อบอกความจริง
และชี้แจงเหตุผลเอาให้ละเอียดไปเลย!”
ฮูหยินเฉียวสะดุงเฮือก กวาดสายตามองหลานสาวและอาเจี่ยน เชิดคางขึ้นยกยิ้มเยาะพลางกล่าวว่า
“ดี! พูดสิพูดเลย! ข้าคิดว่าเรื่องของเจ้าคงต้องถูกแฉออกมาก่อนด้วยเป็นอันดับแรก!”
ฮูหยินเฉียวปรายตามองอาเจี่ยน
พลางแค่นเสียง “เจ้าไม่เคยรับรู้จริยธรรมและธรรมเนียมปฏิบัติของผู้หญิง เก็บชายชู้ไว้ใกล้ตัว เพื่อทำตัวสำส่อนในบ้าน พูดสิ พูดเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกไปเลย!”
ฮูหยินเฉียวพูดอย่างสำราญใจ
จ้องเหลียนฟางโจวเขม็ง
ใจนึกอยากกระทืบเหลียนฟางโจวให้เจ็บปวดนัก คงจะทำให้จิตใจนางเป็นสุขขึ้นทันใด
ไม่เพียงนาง แม้แต่เหลียนลี่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็เหยียดยิ้มขึ้นมานิดหนึ่ง ผู้หญิงของเขาเปลี่ยนไปกลายเป็นคนฉลาดหลักแหลมขึ้นมาแล้วจริงๆ
เหลียนฟางโจวทำหน้าประหลาดใจแล้ว
ประหลาดใจอีก พลันส่งยิ้มเยาะแถมล้อเลียน มองหน้าป้าเฉียว ถามขึ้นเสียงเนิบ
“จริยธรรมและธรรมเนียมปฏิบัติของผู้หญิงรึ?
ชายชู้รึ? ข้ายังไม่เคยออกเรือน ข้าต้องคำนึงถึงจริยธรรมและธรรมเนียมปฏิบัติของผู้หญิงด้วยหรือ? ข้ายังไม่มีสามีนี่นา เขาจะเป็นชายชู้ข้าได้รึ? อาเจี่ยนจริงๆแล้วเป็นแรงงานระยะยาวของบ้านข้า และข้ายังมีหนังสือสัญญาขายตัวเป็นทาสเป็นหลักฐาน!
ท่านกล่าววาจาหยาบคายกับข้าอีกแล้ว
ดูท่าว่าพรุ่งนี้พวกเราคงต้องเข้าเมืองจริงๆกันเสียแล้ว!”
เด็กสาวรอให้ฝ่ายตรงข้ามสงบสติอารมณ์ลงก่อน
จึงส่งยิ้ม เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง พลางเอ่ยขึ้น “ข้ายังไม่เคยแต่งงาน อาเจี่ยนก็ยังไม่เคยแต่งงาน แล้วหากข้าจะแต่งให้เขา แล้วอย่างไรเล่า? จะมีใครกล้าพูดว่าไม่รึ?”
ฮูหยินเฉียวและเหลียนลี่อับจนคำพูดโดยฉับพลัน
แทบไม่สามารถตั้งรับได้
เหลียนฟางโจวพูดเช่นนี้ นี่มันใช่เหตุผลหรือ!
ฝ่ายอาเจี่ยนยามได้ยินเสียงเข้มดุของเหลียนฟางโจว
รู้สึกใจกระตุกแปลกๆ จู่ๆก็เกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว อดหรี่ตาเหลือบมองไปยังเด็กสาวเงียบๆไม่ได้
ภายในใจรู้สึกถึงความหวานน้อยๆ ผุดขึ้นมาโดยไม่อาจอธิบายได้
ฮูหยินเฉี่ยวและเหลียนลี่แทบจะบ้าตาย
ไม่มีทางเถียงชนะนางได้เลย
โดยปกติแล้วในช่วงแรกๆหลังจากบิดามารดาเหลียนฟางโจวได้จากไป ฮูหยินเฉียวและเหลียนลี่นั้นถือเป็นญาติผู้ใหญ่ของนาง ควรจะเป็นที่พึ่งให้แก่นาง และดูแลนาข้าวของสี่พี่น้องไปด้วย
อย่างไรก็ดีฮูหยินเฉียวและเหลียนลี่คิดว่า
ในภายภาคหน้าทั้งสองต้องเตรียมสะสมสินเดิมให้กับหลานสาวทั้งสอง
รวมทั้งยังต้องหาภรรยาให้กับหลานชายอีกสองคนด้วย
ดูแล้วไม่ได้ผลประโยชน์อะไรสักอย่าง
แม้ว่าที่ดินขนาดสองมู่ของสี่พี่น้องจะน่าดึงดูดใจ
ทว่าพวกเขาคิดกันเอาเองว่า สี่พี่น้องป็นแค่เด็กโต จะเข้าใจสิ่งใดเล่า? ในเวลาเพียง 12ปี ทั้งสองก็น่าจะสามารถหาวิธีฮุบที่ดินทั้งหมดมาเป็นของตนได้ จึงไม่จำเป็นต้องเลี้ยงดูพวกหลานๆ ดูท่าเป็นความคิดที่แยบยลมากมิใช่หรือ?
เพราะฉะนั้นเมื่อเหลียนฟางโจวแสดงทีท่าเชื้อเชิญให้พวกเขามาเป็นที่พึ่ง ให้ป้ากับลุงเป็นผู้อุปการะสี่พี่น้อง เหลียนลี่พร้อมกับฮูหยินเฉียวจึงพูดว่ายังไม่ต้องการ
แสดงเจตจำนงว่าให้ตระกูลมีสองบ้าน แล้วทั้งสองบ้านให้แบ่งสมบัติของตระกูลออกไป
สองเรื่องนี้ถือว่าทำผิดธรรมเนียมของตระกูล! ยิ่งไปกว่านั้น น้องชายและน้องสะใภ้ก็จากไปแล้ว
แม้ว่าไม่มีผู้ใหญ่ ทว่ายังมีบ้านกับผืนนา เหลียนฟางโจวอายุ15 เหลียนเซ่อวัย 12
ไม่ใช่เด็กเล็กแล้ว พวกเขาสามารถดูแลตัวเองได้แน่นอน ไฉนยังต้องการที่พึ่งอีกเล่า? ตัวเขาสองสามีภรรยายังต้องมีภาระส่งเสียลูกชายให้เรียนสูงๆอีก จริงๆแล้วก็ไม่มีกำลังไปช่วยเหลือแล้ว....
เรื่องนี้คนในหมู่บ้านย่อมรู้กันทั่ว
ตอนนี้ฮูหยินเฉียวและเหลียนลี่ต้องการกลับมาจัดการเรื่องแต่งงานให้กับเหลียนฟางโจว
อีกครั้ง มันจึงเป็นไปไม่ได้แล้ว
ส่วนป้าสามน่ะหรือ? ป้าสามออกเรือนไปแล้ว ไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของที่บ้านเดิมได้!
เพราะฉะนั้นหากเหลียนฟางโจวต้องการเลือกสามี
ก็สามารถทำได้แน่นอน
เหลียนฟางโจวปล่อยให้ป้ากับลุงสงบสติอารมณ์ลงสักพัก
เธอเหลือบมองพวกเขา แล้วจึงหลุบตามองพื้น ในดวงตามีแต่ความเหยียดหยามและดูแคลน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “อาเจี่ยนเราไปกันเถิด! พรุ่งนี้พวกเราและป้าสามจะเข้าเมืองกัน!”
เหลียนฟางโจวยกเท้าเตรียมจะก้าวออกเดิน
อาเจี่ยนเหลือบมองสองสามีภรรยา และเตรียมเดินตามเหลียนฟางโจวไป
“ฟางโจว !
หลานใหญ่ของลุง!” เหลียนลี่ครานี้กลัดกลุ้มหนัก
จึงตัดสินใจได้ เขาไม่อาจปล่อยให้เหลียนฟางโจวย่างกรายไปที่สถานศึกษาในเมืองได้ หาไม่แล้วชื่อเสียงของบุตรชายคงไม่เหลือหลอ
เหลียนฟางโจวทำเป็นไม่ได้ยินวาจาของเหลียนลี่ ยังคงก้าวฉับๆต่อไป
“หลานใหญ่! หลานรัก!”
เหลียนลี่ปรี่เข้าไปขวางอย่างรีบเร่ง ด้วยความหวั่นวิตก ขอร้องและพยายามดึงแขนเหลียนฟางโจว
มือเขายังไม่ทันได้แตะตัวเหลียนฟางโจว
มือของอาเจี่ยนยกขึ้นปัดแขนเขาได้ทันควัน ทั้งยังแข็งแกร่งราวลูกกรงเหล็ก
การเคลื่อนไหวของอาเจี่ยนลื่นไหลเป็นธรรมชาติมาก ทั้งท่วงท่ายังดูสบายๆเหมือนไม่ได้ใช้ความพยายามเลย บางทีดูไปเหมือนไม่น่าจะมีความแข็งแกร่งอะไร
ทว่าเหลียนลี่และฮูหยินเฉียวกลับทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม รู้สึกว่าตัวเองชนเข้ากับอะไรสักอย่างที่ทรงพลัง
ต่างคนต่างเซถลาไปข้างๆสองก้าวอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว
------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
พอดีเห็นรีดทักกันมาว่าพระเอกไม่มีบทเลย และผู้แปลก็อัพช้าด้วย จึงลงให้อีกตอนหนึ่งค่ะ
พระเอกมีบทแล้ว เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้ง bodyguard นางเอกจ้างคุ้มจริงๆค่ะ
พระเอกเรื่องนี้ไม่ค่อยพูดเลยแต่คนเป็นแม่ทัพก็แบบนี้สินะจะให้พูดเป็นต่อยหอยได้ไง
ตอบลบ....มีแววหวานในดวงตา สงสัยจะเริ่มสะดุดรักเข้าซะแล้ว
ตอบลบ....มีแววหวานในดวงตา สงสัยจะเริ่มสะดุดรักเข้าซะแล้ว
ตอบลบในที่สุดพระเอกเราก็มีบทขึ้นมาแล้ว//ขอบใจจ้าไรท์
ตอบลบอาเจี่ยนประทับใจฟางโจวในโหมดแม่เสือจัดการลุงป้าสินะ ถึงขั้นขายตัวเป็นสามีทาสตลอดชีวิตกันเลย
ตอบลบแววท่านแม่ทัพในอนาคตหากได้ครองคู่กับนางเอก คงไม่พ้นพ่อบ้านใจกล้าอีกคนเป็นแน่!
ตอบลบเป็นสามีในอนาคตด้วยยยย ^^
ตอบลบอร๊ายยยย มีความฟิน~
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ชอบๆ อดใจรอตอนต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะ อิอื
ตอบลบท่านแม่ทัพน่ารักกก
ตอบลบได้แม่ทัพเป็นบอดี้การ์ด นางช่างใจกล้านัก อิอิ
ตอบลบพระเอกมาแล้ว แถมรู้สึกหวานลึกๆในใจด้วย อิอิ
ตอบลบมาอัพอีก นะ นะ นะ รอลุ้น
อาเจี่ยนหวั่นไหวก่อนสะแล้ววว ฮิ้ววว
ตอบลบรอฉากหวานนนน 😆
ตอบลบเริ่มมีความน่ารักของคู่นี้มาเบาๆค่ะ ว้ายย
ตอบลบพระเอกพูดน้อยต่อยหนักสินะ ><
ตอบลบท่านแม่ทัพ นอกจากยะความจำเสื่อม ยังจะเป็นใบ้อีกรึ แหมๆ คงจะกลัวดอกพิกุลร่วง มีแต่นางเอกเรา พูดเยอะสุดล่ะ อีกเป็นภรรเมียท่านแม่ทัพคงจะเกรงใจนางน่าดู อิอิอิ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบ