วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 47 ฮูหยินเฉียวโดนบังคับ

          เมื่อเห็นเหลียนฟางโจวและอาเจี่ยนจะออกจากบริเวณลานบ้านแน่แล้ว  หากทั้งสองเดินออกไป  เรื่องราวที่ค้างคาอยู่คงยากจะแก้กลับคืนมา!
          เหลียนลี่ให้หวั่นวิตกนัก  ไม่สนใจสิ่งใดแล้ว  วิ่งกระหืบกระหอบเข้ามาหาคนทั้งสอง “หลานรัก  ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของพวกเราทั้งนั้นขอให้เจ้าจงละเว้นพวกเราและอย่าได้ถือโทษโกรธเคืองไปเลย  โปรดให้อภัยพวกเราด้วย! เจ้ามีเงื่อนไขอันใดที่ต้องการให้พวกข้าปฏิบัติตาม  ก็จงพูดออกมาตามใจชอบเถิด!”

          เหลียนฟางโจวเมื่อได้ยินถ้อยคำของลุงที่เอ่ยออกมาอย่างร้อนรน จึงหยุดเท้า อาเจี่ยนก็หยุดเดินด้วย ชายหนุ่มยืนคุมเชิงสบายๆอยู่ข้างๆหญิงสาว
          “ท่านพูดจาอันใดกันท่านไม่ควรคิดเหลวไหลนะ!”  ฮูหยินเฉียวเมื่อได้ยินเหลียนลี่พูดแบบหมดเปลือกเช่นนี้  นางให้รู้สึกจุกจนหายใจไม่ออก พลันร้องเสียงหลงทันใด
          เหลียนฟางโจวแค่นยิ้มให้ทั้งสอง ยกเท้าเริ่มออกเดิน
          “เจ้าหุบปากไปเลย!” เหลียนลี่โมโห จ้องฮูหยินเฉียวที่ส่งเสียงเอะอะโวยวายออกมา  เขารีบเดินไปดักหน้าเหลียนฟางโจวไว้อย่างรีบเร่ง  คิดอยากยื่นแขนไปดึงตัวหลานสาวนัก  พลางเหลือบมองอาเจี่ยนที่ยืนอยู่ข้างเด็กสาว  เหลียนลี่เหยียดแขนอีกข้างออกไป  ขณะยกมืออีกข้างบังหน้าอกไว้ พลางเอ่ยขึ้น “ฟางโจว หลานรัก! เจ้าไปไม่ได้นะ ไปไม่ได้! หากญาติผู้พี่เจ้าได้สำเร็จการศึกษาอันทรงเกียรตินี้  เจ้าย่อมได้รับผลดีตามไปด้วย  ในภายหน้าใครจะบังอาจกล้ารังแกพวกเจ้าสี่พี่น้องอีก  เจ้าจงหยุดเรื่องคิดทำร้ายเขาไว้ชั่วคราวเถิด!”
          เหลียนฟางโจวปรายตามองฮูหยินเฉียว ที่ยืนทำทองไม่รู้ร้อนอยู่ข้างสามี พลางเอ่ยปาก “ลุงพูดถึงขนาดนี้ข้าชักไม่กล้าทำแล้ว! ฮ่า ฮ่า เพียงกลัวแต่ว่าข้าอาจไม่โชคดีมากเช่นนั้น กว่าจะถึงวันนั้นข้าคงถูกสังหารเสียก่อนเป็นแน่!”
          “จะเป็นไปได้อย่างไร! ที่ไหนจะมีคนทำเรื่องอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้!” เหลียนลี่หวาดกลัวขึ้นมานิดหนึ่ง เมื่อจะหลุดคำพูดออกมา ดังนั้นคำว่า ทำเรื่องขาดศีลธรรมกลายเป็นคำว่า ทำเรื่อง เฉยๆ
          ไฉนเหลียนฟางโจวจะไม่แจ่มแจ้งในคำพูดของลุงเธอ
          “นั่นอาจเป็นเรื่องยากที่จะเอ่ยออกมา! ในโลกนี้มีคนเกือบทุกประเภท! คนบางคนชอบจะแพร่ข่าวลือใส่ร้ายผู้อื่นและก่อความเดือดร้อนไปทั่ว  ซ้ำยังทนไม่ได้หากเห็นผู้อื่นอยู่ดีมีความสุขกว่าตนเอง! หากภรรยาใครทำตัวเช่นที่ว่านี้ ก็ควรได้รับบทเรียนเสียบ้าง มิเช่นนั้นคงไม่รู้ว่าปากตนเองนั้นเน่าเหม็นเพียงใด!” เหลียนฟางโจวเอ่ยเสียงนุ่ม
          เหลียนลี่หันขวับส่งสายตาตำหนิไปให้ฮูหยินเฉียว ใครเขาจะเลี้ยงดูคนรักหรือชายชู้ จะถูกดูหมิ่นดูแคลนอย่างไรมันเกี่ยวอันใดกับเจ้ารึ? ใช่สักแต่ว่ามีปากก็จะพ่นเรื่องอันใดก็ได้!  มัวแต่พ่นวาจาน่ารังเกียจ  เรื่องเดือดร้อนทั้งหลายจะไม่มาเข้าตัวหรอกรึ?
          เมื่อบริภาษฮูหยินเฉียวในใจเสร็จ เขาแอบกลัวความมุ่งมั่นของเหลียนฟางโจวอยู่ในใจเงียบๆ  แม้นว่าเหลียนฟางโจวจะไปเอะอะโวยวายที่สถานศึกษาตามที่บอกขึ้นมา  เมื่อมีเรื่องมีราวออกไปแล้ว  นางย่อมต้องเพรี่ยงพล้ำก่อนเป็นคนแรกแน่!  เพราะว่าบ้านนางให้ที่พักพิงแก่ชายแปลกหน้า ซึ่งเป็นเรื่องจริง  ถึงแม้ว่าที่บ้านนางจะมีป้าสามอยู่ด้วย  แม้ไม่มีเรื่องชู้สาวเกิดขึ้นมาเลยจริงๆ แล้วจะช่วยอะไรได้  ทันทีที่ผู้คนเกิดความคลางแคลงใจขึ้นมา ยิ่งพูดแก้ตัวไปก็ยิ่งเข้าตัวมากขึ้น  ไม่มีทางหนีพ้นข้อกล่าวหาไปได้เลย
          ทว่านางก็ไม่เคยพาดพิงถึงเรื่องนี้ออกมาแม้สักเพียงครึ่งคำ ทว่ากลับเรียกป้าสามให้มาก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตโดยไม่มีเหตุผลอันควร  เขาเชื่อว่าป้าสามซึ่งโหวกเหวกโวยวายต้องได้รับการเสี้ยมสอนจากเหลียนฟางโจวเป็นแน่  โดยมาทำเป็นยั่วยุภรรยาเขาให้แสดงความหยาบคายร้ายกาจออกมา  แล้วแสร้งทำตัวเป็นคนมีคุณธรรมเข้ามาไกล่เกลี่ย  บังคับเขาให้ต้องก้มหัวให้หลานสาว....
          เมื่อคิดขึ้นมาเหลียนลี่แทบจะอดทนใจเย็นต่อไปไม่ไหว  อายุน้อยขนาดนี้แต่ช่างขวัญกล้าโอหังนัก  จะมิเป็นตัวอันตรายต่อเขาไปอีกหลายปีหรอกรึ?
          ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการวางแผนฮุบที่ดินของสี่พี่น้องเลย  เขาคงไม่อาจทำการสำเร็จ หากนางยังน่ากลัวร้ายกาจเช่นนี้!
          แต่ถึงอย่างไร  อนาคตของบุตรชายเขานั้นครานี้สำคัญมากกว่าเรื่องอื่นใดนัก! หากบุตรชายเขาได้รับราชการมีหน้ามีตา  เขาคงไม่มีสิ่งใดต้องหวั่นเกรงอีกแล้ว  ที่ไหนจะต้องแสร้งทำดีเอาใจนางหรือ?
          สีหน้าของเหลียนลี่พลันมืดครึ้ม  กล้ำกลืนฝืนใจหันไปเรียกฮูหยินเฉียว “ยังไม่เข้ามาหาข้าอีก!”
          เมื่อถูกสามีตะคอกใส่ต่อหน้าหลียนฟางโจว  ฮูหยินเฉียวรู้สึกเสียหน้ามาก ครั้นแล้วจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “จะให้ข้าทำอันใดอีกเล่า!”
          เหลียนลี่เห็นนางในยามนี้  ไม่เพียงไม่ยอมรับผิด  หายังโต้เถียงอย่างดื้อด้านอีกด้วย  ทำให้เข้าโมโหนัก สีหน้าดิ่งดำมืดลงไปทุกที ตะคอกเสียงดังสนั่น “มานี่!”
          ฮูหยินเฉียวตกใจนักที่เห็นเขาโมโหจนหน้าดำเช่นนี้  ความกล้าในใจแทบปลิดปลิวหายไปหมด ไม่กล้าทำตัวงี่เง่าอีก  เพียงแต่เดินเข้ามาอย่างเอื่อยเฉื่อย
          เหลียนลี่มองนางแล้วให้ปวดตับยิ่งนัก  เมื่อนางยังเดินชักช้ามาไม่ถึงเสียที  เขาจึงโมโหฉุนเฉียวบุกเข้ามากระชากภรรยาเ  แล้วจับตัวนางหันมาตรงหน้าเหลียนฟางโจวตรงๆ  รอให้บางคนอารมณ์สงบลงก่อน จึงเอ่ยว่า “จงทำดีได้แล้ว ขอโทษหลานใหญ่เสีย!”
          ฮูหยินเฉียวตาเบิกกว้างจ้องหน้าเหลียนลี่ ให้นางขอโทษหลานสาวหรือ?
          “เร็วเข้าสิ!” เหลียนลี่ รอให้นางทำใจ ถลึงตามองภรรยา เอ่ยเสียงต่ำรอดไรฟัน “เจ้าอยากฆ่าลูกชายเรารึ?
          ฮูหยินเฉียวไม่เห็นด้วยอย่างมาก  นางไม่เชื่อว่าเหลียนฟางโจวและป้าสามจะกล้าไปสถานศึกษาในเมืองจริงๆ  พวกเขารู้หรือว่ามันอยู่ที่ไหน?  แล้วมีความสามารถพอจะไปเจรจาได้หรือ?
          ทว่ายามนี้ความโกรธเกรี้ยวของสามีส่งผ่านมาถึงนาง  จนนางไม่กล้าเอ่ยปากปฏิเสธเหลียนลี่ ทำเพียงบ่นพึมพำไม่พอใจเล็กน้อย “ข้าทำอันใด ข้าทำอันใดผิดจนต้องขอโทษ ฮึ?”
          “รีบขอโทษเร็วๆซะ! ยังจะพูดโน่นพูดนี่อีก!” เหลียนลี่รอให้นางสงบใจลงสักพัก จึงเอ่ย “เจ้าไปพูดเรื่องเน่าเหม็นอันใดไว้  ยังจะมีหน้ามาถามอีก ?”
          ฮูหยินเฉียวมองหน้าเขาอย่างประหลาดใจ  ครานี้นางเข้าใจแล้วว่าป้าสามมาก่อเรื่องก่อราวใหญ่โตที่บ้านนางเพราะเหตุผลกลใด!
          อารมณ์นางเดือดดาลถึงขีดสุด  ซ้ำยังปรายตามองอาเจี่ยนด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว กำลังจะขยับปากอยากจะพูดอะไรออกมา  ทว่าชายหนุ่มกลับมีสายตาสงบนิ่ง ไม่สนใจนางสักนิด! เห็นเช่นนั้นนางจึงไม่กล้าเอ่ยอันใดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ
          “ดูท่าว่าเราเข้าเมืองพรุ่งนี้คงจะเป็นการดี! “ เหลียนฟางโจวรอให้คนฟังสติกลับมาแล้วจึงเอ่ยขึ้น
          เสียงพูดของเหลียนฟางโจวพึ่งหมดไป  เหลียนลี่รีบก้าวมายืนตรงหน้าฮูหยินเฉียวอย่างเดือดดาล “หากไม่ขอโทษ เจ้าก็จงออกไปจากชีวิตข้าเสีย!”
          นี่กล้า..เอาเรื่องความสัมพันธ์มารังแกนางต่อหน้าคนนอกเชียวรึกล้าจับนางส่งกลับบ้านเดิมรึ?
          ฮูหยินเฉียวบังเกิดโทสะพลุ่งพล่าน ทว่าที่นางได้ยิน  เหลียนลี่ในยามนี้ไม่ได้กล่าวล้อเล่นกับนางเป็นแน่
          ฮูหยินเฉียวกล้ำกลืนฝืนทนอีกครั้ง จำต้องกลับมาพูดกับเหลียนฟางโจว “ข้าเสียใจที่....”
          เหลียนฟางโจวจ้องนาง กล่าวด้วยเสียงเย็นเยียบ “ในภายภาคหน้า อย่าให้ข้าได้ยินข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงเข้าหูอีก  อีกทั้งอย่ามาทำให้ข้าเดือดร้อนด้วยเรื่องเล่าหลอกลวงอีก มิเช่นนั้นข้าจะไม่นับถือท่านว่าเป็นญาติผู้ใหญ่อีกต่อไป!”
          ฮูหยินเฉียวจ้องหน้าเธอ พลันกระพริบตาปริบๆ ในใจบอกตัวเองว่านังเด็กน่าตายคนนี้ ทำยังกับมันเคารพญาติผู้ใหญ่หรือไร? เงินถอนหมั้น 12 เหลียงนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่เจ้าไม่เคารพเชื่อฟังญาติผู้ใหญ่!
          “ไม่..ไม่อีกแล้ว!” รีบเอ่ยขึ้นมาต่อหน้าเหลียนลี่ “ไม่ทำอีกแน่นอน!”
          เหลียนฟางโจวเอ่ยขึ้นพลางยิ้มบาง “อย่างนั้นรึ? แล้วป้าใหญ่มีอะไรมารับประกันให้ข้าได้เล่า? ข้ายังไม่รู้สึกเบาใจสักนิดเลย!”
          เหลียนลี่หันมาดุภรรยา “ยังไม่รีบอีก! รับปากสิ!”
          ฮูหยินเฉียวไม่อยากมองหน้าสามี  จำใจเอ่ยขึ้นอย่างท้อแท้ “ข้า..ข้าขอสัญญาว่า จากนี้ไปจะไม่ทำอีกแล้ว!”
          “จะไม่ทำเรื่องอันใดอีกแล้ว!”
          “ข้าจะไม่แพร่ข่าวลือและไม่สร้างปัญหาอีกต่อไป!”
          เหลียนฟางโจวไม่พูดอะไรต่อ เอาแต่จับจ้องฮูหยินเฉียวซึ่งกำลังสงบสติอารมณ์
          “เจ้าทำเฉยอยู่  หรือว่าโง่งมนี่ ? ยังไม่พูดไปตามที่ข้าบอกอีก! เหลียนลี่กดดันนางต่อ
          ฮูหยินเฉียวมองหน้าสามีอีกครั้ง ยกมือปิดหน้าตนเองต่อหน้าคนนอก หอบหายใจราวกับโดนทุบมา โทสะพุ่งขึ้นสูง พลันตะโกนก้อง “ข้าเหลียนเฉียวชี่ขอรับปาก  จากนี้ไปหากข้าแพร่ข่าวลือและสร้างปัญหาให้อีก รวมทั้งเล่าเรื่องเท็จ กล่าวหาหลานใหญ่อีกครั้ง ขอให้ข้าโดนฟ้าผ่าตายเหมือนหมูเหมือนหมา!”
          เหลียนลี่ไม่คาดคิดว่านางจะแผดเสียงตะโกนออกมา เขาถึงกับสะดุ้ง
          เหลียนฟางโจวและอาเจี่ยนหาได้รู้สึกหวาดกลัวอันใดไม่  หญิงสาวกลับยิ้มออกมาแทน เหลือบมองฮูหยินเฉียวแวบหนึ่ง เอ่ยขึ้น “ป้าใหญ่ควรจดจำถ้อยคำวันนี้ไว้ให้ดี  ถึงที่สุดแล้วฟ้าดินย่อมไม่ลงโทษ  จงฟัง และจดจำให้ขึ้นใจ! อาเจี่ยน เราไปกันเถิด!”
          เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
          ฮูหยินเฉียวเกือบจะระเบิดความโกรธรับปากสาบาน  แต่เดิมคิดว่ามีกี่ครั้งกันที่เหลียนฟางโจวจะพูดถ้อยคำที่กอรปด้วยไมตรีจิต  ใครจะรู้เล่าว่านางหมายความตามนั้นจริงๆ  ช่างน่าหงุดหงิดนัก นางจึงกระทืบเท้าพลางร้องขึ้น “หยุดนะ!”
          เหลียนฟางโจวหยุดเดิน หันหน้ามาเอ่ยเบาๆ “มีเรื่องอันใดรึ?”

          ฮูหยินเฉียวยื่นมือออกมาหาหญิงสาว ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง พลางเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าทุ่มชุดกาน้ำชาข้าแล้วจะไปเลยได้รึ?”  จงเอาเงิน 22 เหลียงมาจ่ายค่าเสียหายซะ!”
-----------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
ขอโทษที่อัพช้านะคะ  พอดีมีออกไปนอกสถานที่ด้วยค่ะ
เวลาแปล รู้สึกว่าผู้เขียนให้บทป้ากับลุงเยอะจัง แต่ก็เข้าใจนะคะ เพราะว่าต้องมีการปูเรื่อง เนื่องจากป้าเฉียวจะก่อวีรกรรมร้ายแรงยิ่งกว่านี้อีกค่ะ  ส่วนพระเอกเราก็จะได้สวมบทฮีโร่ขี่ม้าขาวมาช่วยด้วย  
ในเรื่องนี้พระเอกออกแนวพี่ชายที่แสนดี เดี๋ยวก็จะพูดเก่งขึ้นเรื่อยๆค่ะ 
ช่วงแรกๆความสัมพันธ์จะไปแบบเรื่อยๆ แนวอบอุ่น ไม่หวือหวาค่ะ แบบช่วยกันทำมาหากิน
แล้ววันนี้ดึกๆ จะมาอัพให้อีกตอนนะคะ ตอนหน้าพระเอกจะมีบทพูดแล้วค่ะ ^-^

13 ความคิดเห็น:

  1. อย่าจ่าย ถือเป็นค่าเสียชื่อเสียง ให้ดีเรียกเงินเพิ่มด้วย

    ตอบลบ
  2. อย่าจ่าย ถือเป็นค่าเสียชื่อเสียง ให้ดีเรียกเงินเพิ่มด้วย

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณค่า ป้าสะไภ้นี่ไร้คุณธรรมมากๆ สวรรค์ต้องลงโทษแน่ๆ

    ตอบลบ
  4. ป้ากะโตแล้ว ครอบครับกะมีแล้วทำไมต้องรังแกเด็กด้วย บ้านกะคนละหลัง หลานก็ไม่ได้มาขอความช่วยเหลือกรือทำความเดือดร้อนให้ซักหน่อย เฮ่อ
    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  5. นังป้ายังไม่จบสินะอยากเจอดีใช่ไหม

    ตอบลบ
  6. ปวดตับกับลุงป้าจริงๆ

    ตอบลบ
  7. พระเอกช่างพูดน้อย ...จริงๆคือคนเขียนช่างให้บทพูดพระเอกน้อย 5555

    ตอบลบ
  8. เก็บอีป้านี้ก่อนเลย

    ตอบลบ
  9. เดี๋ยวเจออีกดอกหรอก อิป้า

    ตอบลบ