วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 48 จะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว

         22 เหลียงรึ? เงิน 22เหลียงสามารถซื้อขุดกาน้ำชาได้ 7-8 ชุดเชียวนะ นางพูดไม่ออกเลยจริงๆ! ช่างเหลวไหลยิ่งนัก!
          เหลียนฟางโจวปรายตามองฮูหยินเฉียว “ท่านคงจะไม่โง่งมหรอกนะ” เด็กสาวยิ้มเหยียดพลางเอ่ยขึ้น “ข้าขอเตือนท่าน  คราวหน้าหากท่านกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ข้าอาจไม่พังเพียงแค่ชุดน้ำชาเป็นแน่! เชื่อหรือไม่ ป้าใหญ่ ว่าข้าจะต่อกรกับท่าน!”

          ดวงตาเหลียนฟางโจวเข้มขึ้น ดูแล้วน่าเกรงขามนัก  ถ้อยคำที่ฮูหยินเฉียวกำลังเอ่ยจะปฏิเสธถูกหยุดด้วยภาพตรงหน้า เมื่อเห็นทั้งเหลียนฟางโจวและอาเจี่ยนเดินออกไปแล้ว
          ทันทีที่ร่างทั้งสองหายไป  ฮูหยินเฉียวจึงค่อยๆปล่อยลมหายใจเฮือกหนึ่งออกมา  นางถ่มน้ำลายลงพื้น “ชิ..ทำเป็นมาข่มขู่  ใครจะกลัวเจ้ากัน!”
          ฮูหยินเฉียวพูดยังไม่ทันจะจบ  จู่ๆเหลียนลี่ก็ตะคอกเสียงดังและฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้านาง  “เจ้าทำให้ข้าเดือดร้อนอีกแล้ว! ทำแต่เรื่องเน่าๆไร้ประโยชน์พรรคนั้น ก่อความหายนะไปทั่ว!”
          ฮูหยินเฉียวกรีดร้อง แก้มนางเจ็บปวดบวมแดงขึ้นโดยพลัน  ฝ่ามือที่ฟาดลงมานี้ ทำให้นางบันดาลโทสะอย่างยิ่งยวด ซ้ำก่อนหน้านั้นเหลียนลี่กระชากข้อมือนาง อีกทั้งตำหนินางอย่างรุนแรง ยิ่งสุมไฟโทสะให้ลุกโชนยิ่งขึ้น จึงเป็นชนวนให้นางกรีดร้องและทุ่มตัวเข้าทุบตีสามีทันที
          เหลียนลี่เอียงตัวหลบวูบไปข้างหนึ่ง พลางตวาดออกมา “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” ฮูหยินเฉียวที่ไหนจะสนใจฟัง  สองสามีภรรยาจึงตรงเข้าทุบตีกันจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร
          ครั้นเหลียนฟางโจวและอาเจี่ยนเดินออกจากบ้านเหลี่ยนลี่แล้ว  หญิงสาวจึงถอนหายใจเบาๆออกมาอย่างโล่งอก  หวังว่าฮูหยินเฉียวหญิงปากร้ายจะได้รับบทเรียนในครั้งนี้  มิเช่นนั้น..หากมีครั้งหน้า  เธอจะไม่ให้อภัยเป็นแน่! แม้ว่าเธอจะไม่ใส่ใจเรื่องข่าวลือและคำใส่ร้ายป้ายสีต่างๆนาๆ   ทว่า..คงไม่มีใครอยากถูกแทงข้างหลังโดยไม่รู้ตัวหรอก
          ภายใต้แสงจันทร์ส่องสว่างนวลตา  หนุ่มสาวทั้งสองปิดปากเงียบ ไม่มีคำพูดอันใดเล็ดลอดออกมา  ได้ยินเพียงเสียงเท้ากระทบพื้นอย่างแผ่วเบา
          เมื่อเหลือบมองอาเจี่ยน  เหลียนฟางโจวครุ่นคิดขึ้นมาครู่หนึ่ง ให้รู้สึกเสียใจยิ่ง ครั้นแล้วจึงกระแอมขึ้นมา เอ่ยเบาๆ “คือ...อาเจี่ยน.. ที่ข้าพูดหรือแสดงออกไปเมื่อครู่ก่อน  ข้าอยากจะบอกท่านว่า  โปรดอย่าได้เอามาใส่ใจ...”
          อาเจี่ยนถามขึ้น “คำพูดอันใดรึ?”
          ขณะที่ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไป  ในหัวผุดถ้อยคำที่นางพูดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว วาจาที่กล่าวว่านางไม่เคยแต่งงาน และเขาไม่ก็เคยแต่งงาน  ทำให้เขาพลันรู้สึกถึงความร้อนลามเลียบนใบหน้า ทำให้ไม่กล้าหันหน้ามามองหญิงสาว  โชคดีที่แสงจันทร์อาบไล้ใบหน้าเขาให้ดูออกไปทางซีดขาว  จึงทำให้เห็นไม่ชัดนัก   ทว่าฝ่ายหญิงสีหน้ากลับเป็นปกติ ดูเรียบเฉย
          แท้จริงแล้วเหลียนฟางโจวไม่ได้นึกถึงเรื่องเดียวกันกับอาเจี่ยน  หากกล่าวออกมา อย่างค่อนข้างกระดากใจว่า “คือ...เรื่องหนังสือสัญญาขายตัวเป็นทาส!”
          ด้วยกลัวว่าชายหนุ่มจะเข้าใจเธอผิด  จึงรีบเอ่ยขึ้น “คือ...ข้าอยากให้สองคนนั่นโกรธ จึงพูดโดยไม่ทันคิด  ท่านช่วยครอบครัวเราไว้มากมายนัก พวกเราต่างจดจำไว้ในใจเสมอ!”
          หลายวันที่ผ่านมาอาเจี่ยนได้ติดสอยห้อยตามสองพี่น้องเดินทางขึ้นเขาเซียนเติ้งซาน เพื่อเก็บเห็ดป่าด้วยกัน เขาเป็นชายหนุ่มที่ชาญฉลาดมาก ซ้ำยังมีพรสวรรค์ในเรื่องเหล่านี้อย่างล้นเหลือ  ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็คุ้นเคยกับเขาเซียนเติ้งซานทั้งในแง่ภูมิประเทศและสภาพแวดล้อม  เมื่อเทียบกับสองพี่น้องสกุลเหลียน
          สองพี่น้องได้รับคำแนะนำดีๆจากอาเจี่ยน  จนทำให้ทุกวันนี้คนทั้งหมดจะกลับบ้านมาพร้อมกับของป่าที่เก็บมาได้อย่างเพียบแปร้
          นอกจากนี้ชายหนุ่มยังรู้เรื่องยาสมุนไพรเป็นอย่างดีอีกด้วย วันนั้นเหลียนฟางโจวดึงหูไฉเล็กๆออกมา พลางกล่าวว่าจะนำกลับบ้าน เพื่อเก็บไว้ใช้เวลาเป็นหวัด และเป็นไข้  ครั้นแล้วอาเจี่ยนจึงขุดหาพืชสมุนไพรที่เป็นยาอื่นๆเพิ่มเติมออกมาอีกมากมายหลายชนิด  ชายหนุ่มอธิบายสรรพคุณสมุนไพรแต่ละตัวให้เหลียนฟางโจวฟัง เช่น รักษาอาการปวดท้อง ปวดหัว แก้เมา  รักษาบาดแผลเลือดออก จากของมีคม ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก  กล่าวได้ว่าเขามีความรู้เรื่องยาสมุนไพรในระดับผู้เชี่ยวชาญเลยทีเดียว
ต้นหูไฉ
รากหูไฉ
          แม้ว่าเขาจะจำไม่ได้ว่าเคยไปศึกษามาเมื่อได  ทว่าเมื่อใดที่ใครก็ตามได้ฟังจากปากเขา  ย่อมจะเชื่อเขาอย่างมิต้องสงสัย
          ไม่เพียงแต่เหลียนฟางโจว  ทั้งเหลียนเซ่อ ฮูหยินจ้าว และลี่จวนต่างก็ชื่นชมยกย่องเขายิ่งนัก  เหลียนเซ่อชอบอยู่ใกล้ชายหนุ่ม ทั้งยังให้ความสนิทสนมกับเขามาก
          กล่าวได้ว่าอาเจี่ยนได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวนี้โดยไม่รู้ตัว
          ถึงเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้!
          อาเจี่ยนยังคงรู้สึกวูบโหวงในใจอยู่บ้างโดยไม่มีเหตุผล   ทว่าเขาพยายามปัดความรู้สึกนี้ทิ้งไป  พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเข้าใจ...ข้าไม่เคยนึกรังเกียจ!”
          เหลียนฟางโจวได้ยินแล้วให้รู้สึกลึกๆว่าหาได้ออกมาจากใจจริงของชายหนุ่มไม่  ครั้นแล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ดีแล้ว  ข้าจะได้รู้สึกเบาใจ!”
          อาเจี่ยนพยักหน้า หันไปหานางอย่างมีชีวิตชีวาขึ้น พลางเอ่ย “พวกเขารังแกท่าน รังแกพี่น้องของท่านหลายต่อหลายครั้งใช่หรือไม่?”
          เหลียนฟางโจวถอนหายใจออกมาเบาๆ สีหน้าเย้ยหยัน เหยียดยิ้มบาง “ทำให้ท่านเห็นเรื่องที่น่าหัวเราะเยาะเข้าแล้ว!  นี่แหละ..ลุงแท้ๆและป้าสะใภ้ของข้าล่ะ!”
          อาเจี่ยนครุ่นคิดสักครู่ พลันพูดอย่างอ่อนโยน “ท่านไม่จำเป็นต้องเศร้าเกินไป ถึงแม้ว่าในโลกนี้ออกจะหายาก  ทว่าไม่ใช่ว่าจะไม่มี  หาได้มีค่าควรให้ท่านต้องเศร้าใจเสียใจกับคนประเภทนี้ไม่!”
          เหลียนฟางโจวแค่นเสียงเบาๆ “ข้าไม่ได้เสียใจเพราะพวกเขา  ถึงพวกนั้นต้องการจะข่มเหงข้า  ทว่ามันไม่ง่ายอย่างที่พวกนั้นคิดหรอก!”
          อาเจี่ยนคิดถึงการกระทำคืนนี้แล้ว จึงคลี่ยิ้มออกมา เขาจับจ้องนางอย่างจริงจัง พลันเอ่ยขึ้น “แม่นางเหลียน  ท่านไม่ไล่ข้าไปด้วยก็นับว่าโชคดีของข้าแล้ว ใช่หรือไม่?  หากคราวหน้าท่านมีอันต้องไปหาพวกเขาอีก  ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่านอีกนะ!”
          เหลียนฟางโจวมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ  ที่เขาบอกว่าจะไปเป็นเพื่อนด้วย หมายความว่าเขาจะเข้ามาช่วยเหลือ  และเป็นกำลังใจนางอย่างนั้นหรือ  เขาช่างพูดออกมาได้ลื่นไหลเป็นธรรมชาตินัก  ในใจเหลียนฟางโจวให้รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด อดยิ้มออกมาไม่ได้  หญิงสาวนิ่งคิดสักครู่ และพยักหน้าให้เขาอย่างแข็งขัน “อืม.. ที่ท่านกล่าวมาช่างมีเหตุมีผลนัก! คราวหน้าหากข้าต้องไปอีกครั้ง  แล้วไม่มีท่านคอยเป็นกำลังใจร่วมด้วย  จริงๆแล้วคงไม่ดีแน่!”
          “เอ่อ..เช่นนั้นแล้วท่านคงจะไม่ขับข้าออกไปจากบ้านท่านจริงๆใช่หรือไม่?” อาเจี่ยนรู้สึกดีใจ  ดวงตาส่องประกายเจิดจ้า
          เหลียนฟางโจวเก้อเขินเล็กน้อย  รู้สึกไม่กล้ามองหน้าเขาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เอ่ยเสียงนุ่ม “จริงๆแล้วหลังจากท่านมาบ้านข้า  ก็ช่วยพวกเรามากมาย  หากท่านไม่คิดปฏิเสธ  เช่นนั้นแล้วก็จงอยู่ที่บ้านข้าตามสบายเถิด!”
          “ข้าไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน!” อาเจี่ยนยิ้มกว้าง  สีหน้าปรากฏความดีใจฉายชัด  รู้สึกถึงความมั่นคงแน่วแน่ในจิตใจ
          เหลียนฟางโจวก็ยิ้มออกมา  ทว่าแอบถอนหายใจเงียบๆในใจ เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่า หากวันหนึ่งความทรงจำเขากลับคืนมา  ชายหนุ่มจะยังอยากอยู่กับนางต่ออีกรึ?
          ไม่ได้หรอก! จากที่ได้พบกันมา  นางรู้สึกสัมผัสได้ว่า เขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขามาจากไหน? และจริงๆแล้วมีสถานะภาพอันใด?
          หากพูดให้รวบรัด   ชายคนนี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาสามัญเช่นพวกนางเป็นแน่!
          ไม่รู้ว่าการที่เธอให้เขาพักอยู่ด้วย  ไม่แน่ใจว่าทำผิดหรือทำถูก...
          อาเจี่ยนเห็นว่าเหลียนฟางโจวไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก  ซ้ำยังเห็นว่าหญิงสาวดูซึมๆไป  จึงกล่าวออกมาอย่างใจคอไม่ดีว่า “คือว่า...เจ้าลำบากใจหรือ?”
          “หืม?” เหลียนฟางโจวตื่นจากภวังค์โดยพลัน เอ่ยถามขึ้น “ลำบากใจอันใดกัน?”
          เธออดมองอาเจี่ยนด้วยความกังขาไม่ได้ เมื่อกี้ยังสดชื่นดีใจอยู่เลย พอมาตอนนี้กลับซึมเศร้าได้เยี่ยงไร?
          อาเจี่ยนเหลือบมองนาง ท่าทีลังเล ในที่สุดก็เอ่ยถาม “ที่ท่านให้ข้าอยู่ด้วย...ลำบากใจมากหรือไม่?”
          “เห?” เหลียนฟางโจวตกใจชั่วขณะ พลันจึงเข้าใจว่าเขากำลังเข้าใจผิด  จึงรีบเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่!... จะเป็นไปได้เยี่ยงไร!”
          !เอ่ออาเจี่ยน..ใจจริงแล้วไม่คอยอยากเชื่อนัก
          เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่มร่างสูงทำให้เหลียนฟางโจวพลันใจอ่อนยวบลงทันใด  คล้ายกับเธอไปทำร้ายจิตใจเขา  เธออดรู้สึกขบขันไม่ได้  ครั้นแล้วจึงรีบพูดขึ้น “ไม่มีเลยจริงๆ..พอดีเมื่อครู่ก่อนข้ากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่!”
          ตั้งแต่พบเจอกันจนมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน  ล้วนเป็นไปตามโชคชะตาบันดาล ในภายภาคหน้า หากต้องแยกจากกันก็คงเป็นไปตามลิขิตของฟ้าดินเป็นแน่แท้!
          คิดได้เช่นนั้น เหลียนฟางโจวจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
          อาเจี่ยนหัวเราะเบาๆ  พลางเอ่ยขึ้นมาอย่างค่อนข้างกระดากใจ “ท่านไม่ได้ทำอันใดผิดเลย  ข้าขออภัยที่คิดอะไรฟุ้งซ่าน!”
          เหลียนฟางโจวโคลงศีรษะพลางยิ้ม “พูดอะไรอย่างนั้น! ท่านไม่จำเป็นต้องขอโทษขอโพยอันใดเลย!”
          สองหนุ่มสาวต่างยิ้มให้กัน เมื่อเดินมาถึงประตูหน้าบ้าน
          ยังไม่ได้ทันได้เข้าบ้าน พวกเขาเห็นป้าสามเดินงุ่นง่านไปมาอยู่ในห้องโถง พลันได้ยินเสียงใสๆของเหลียนฟางโจวดังขึ้น “ป้าสามนั่งลงเร็วๆเถิด ท่านมัวแต่เดินไปเดินมาเช่นนี้ คงได้เป็นลมแน่!”

          ป้าสามหยุดเท้าทันใด  เงยหน้าเห็นเหลียนฟางโจวและอาเจี่ยน รีบก้าวเท้าเดินออกมาอย่างยินดี  พลางเอ่ยถามขึ้น “เป็นอย่างไรบ้าง ได้ความว่าอย่างไร?”
-----------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
ตอนนี้พระเอกมีบทพูดแล้วนะคะ  คุยกันถ้อยทีถ้อยอาศัยดี
มีรีดท่านหนึ่งตัั้งข้อสังเกตุเรื่อง พ่อแม่นางเอก ว่าควรเป็นน้องชายน้องสะใภ้ ของเหลียนลี่กับฮูหยินจ้าวมากกว่า ซึ่งถูกต้องค่ะ เดี๋ยวผู้แปลจะแก้ย้อนหลังตอนที่เกี่ยวข้องให้นะคะ  และขอบคุณมากค่ะที่ช่วยตรวจทานให้

18 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณค่าาา รอตอนต่อไปน้าา ^3^

    ตอบลบ
  2. ชอบมากจริงๆเรื่อง มันคือชีวิตที่สามารถสัมผัสได้😻

    ตอบลบ
  3. เป็นเรื่องที่อ่านแล้วธรรมดาสามัญมากแต่คนแต่งกลับแต่งออกมาได้สนุกทุกตอนรอคอยอ่านตลอดเลย//ต้องขอบคุณไรท์ที่หยิบเอานิยายเรื่องนี้มาแปลให้อ่านนะค่ะ

    ตอบลบ
  4. พระเอกนางเอกคุยกันหระหนุงหระหนิง น่ารักจริงๆ ขอบคุณค่า 2ตอนติด ชื่นใจ

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  6. ยุทธการซึมลึก พระเอกมาแบบเงียบๆ

    ตอบลบ
  7. พระเอกเป็นคนดีจริงๆ

    ตอบลบ
  8. เรื่องนี้น่ารักมากค่ะ ขอบคุณค่ะที่แปล ให้อ่าน

    ตอบลบ
  9. หึหึ ตกหลุมรักตั้งแต่ประโยคนั้นแล้วใช่ไหมล่ะ 5555

    ตอบลบ
  10. พระเอกแนวอบอุ่นชอบๆ

    ตอบลบ
  11. ขอบคุณที่มาลงให้2ตอนเลย ถ้าฟางโจวคิดว่าสักวันแม่ทัพต้องฟื้นคืนความจำได้ แล้วทำไมยังแต่งงานกันก่อน ต้องมีเหตุการณ์อะไรแน่ๆ ได้แต่รอไปยาวๆ

    ตอบลบ
  12. ชอบมากค่ะ เรื่องสัมผัสได้ เป็นกำลังใจให้แปลต่อไปนะคะ

    ตอบลบ
  13. ชอบเรื่องนี้จังรู้สึกเหมือนได้อ่านชีวิตของคนคนหนึ่ง แบบได้ดูการเติบโตของตัวละคร

    ตอบลบ
  14. อ่านแล้วเหมือนนั่งดูธารน้ำในป่าเลยค่ะ
    ไหลเรื่อยๆผ่านโขดหินบ้าง รากไม้บ้าง ผ่านกอ
    ดอกหญ้าริมน้ำสีสวย ผ่านตะกอนทรายระยิบระยับ
    ชอบมากค่ะ ขอบคุณผู้แปลค่ะ

    ตอบลบ
  15. ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ

    ตอบลบ
  16. ขอบคุณครับ

    ตอบลบ