วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 59 ซีเชวี่ยกัดไม่ปล่อย(1)

            อย่างกรณีฮูหยินเฉียว ให้ป้าสามเป็นคนเจรจานับว่าดีแล้ว เพราะเป็นผู้ใหญ่เหมือนกัน
            หลายๆเรื่องไม่เหมาะให้เหลียนฟางโจวลงมือเอง เธอจึงขอร้องให้ป้าสามช่วยเป็นธุระจัดการให้ มิเช่นนั้น  ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ  ยามนี้เธอไม่มีเรี่ยวแรงเหลือมาทะเลาะกับฮูหยินเฉียวอีกแล้ว


            หากเอาแต่หมกมุ่นสนใจเรื่องพวกนี้  ก็ดูจะตระหนี่ถี่เหนียวจนเกินไป  ผู้เยาว์ไม่ควรทำเช่นนี้  ทว่าหากไม่ใส่ใจเอาเสียเลย  ก็ดูเป็นคนหละหลวมเกินไป!
            หลังจากที่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ทั้งครอบครัวของลุงลี่ และครอบครัวของเหลียนฟางโจวต่างมีกำลังใจมากขึ้น  เช้าวันรุ่งขึ้นจึงรีบมุ่งหน้าขึ้นเขาลูกนั้นทันที
            ณ สถานที่นั้นสามารถขุดหลุมเตาเผาเพิ่มเติมอีกสามหลุม เมื่อขุดเสร็จ จะได้หลุมเตาเผาทั้งหมดสี่หลุมด้วยกัน ในการเผาถ่านครั้งหนึ่งจะทำเงินได้มากถึง 452 ตำลึงเงิน! หากเผาหลายๆรอบ จะได้เงินเท่ากับค่าใช้จ่ายเกือบทั้งปีของทั้งสองครอบครัวเลยทีเดียว
            วันนี้ เหลียนเซ่อและอาเจี่ยน ลุงลี่ และลี่ซานเหอ สี่คนรวมมือกันขุดหลุมเตาเผาใหม่ 3 หลุม ป้าจาง ลูกสะใภ้ และเหลียนฟางโจวสับไม้ฟืนที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง รวมทั้งสับไม้ที่จะเผาเป็นถ่าน
            หากผู้อ่อนประสบการณ์หรือบรรดามือใหม่ทั้งหลายกลายเป็นมืออาชีพได้เร็วฉันใด ยิ่งเป็นปัจจัยอันสำคัญที่ทำให้ได้ผลตอบแทนมหาศาลกลับคืนมาเร็วฉันนั้น  ยามนี้มีแต่คนก้มหน้าก้มตากับงานที่อยู่ตรงหน้าอย่างมุ่งมั่น  ผ่านไปเพียงครึ่งวันหลุมเตาเผา3หลุมก็ขุดเสร็จเรียบร้อย และพร้อมให้ใช้งานแล้ว!  จากนั้นคนทั้งหมดได้ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันสับไม้ที่จะนำมาเผาเป็นถ่านต่อไป
            บนภูเขามีต้นไม้ให้เหลือเฟือ  หลังจากใช้เวลาไปกับการสับไม้อีกสองวันครึ่ง ครานี้พวกเขาบรรจุท่อนไม้ที่สับลงในหลุมเตาเผาจนเต็มทั้งสี่หลุม  ซ้ำยังเอาไม้ฟืนมาสุมเรียงบนเตาเผาด้วย
            อาเจี่ยน เหลียนฟางโจว ลุงลี่และเหลียนเซ่อ ทั้งสี่คนรับหน้าที่บรรจุท่อนไม้ในหลุมเตาเผาพร้อมทั้งจุดไฟ  ป้าจาง ลูกชายและลูกสะใภ้ยังคงสับไม้ฟืนที่จะนำมาเป็นเชื้อเพลิง ซ้ำยังเที่ยวหาไม้ฟืนเพิ่มเติมอีก  เพราะจำเป็นต้องเตรียมไว้เพื่อให้เผาถ่านได้อย่างต่อเนื่อง!
            ทางฝั่งซีเชวี่ยที่ได้รับคำสั่งจากนายหญิงน้อยจ้าวหรู  วันต่อมาหลังจากกินอาหารเช้าแล้ว ได้จ้างคนให้สืบถามเส้นทางที่อยู่ ซึ่งจะให้รถม้ารีบรุดเดินทางไปยังหมู่บ้านต้าฟาง
            โชคไม่ดีที่ อาเจี่ยน เหลียนฟางโจวมัวแต่ยุ่งกับการหาเงินสำหรับฉลองเทศกาลปีใหม่  ทั้งสองคนจึงรีบขึ้นเขาไปตั้งแต่เช้าตรู่  พลอยทำให้ซีเชวี่ยเสียเวลาไปเก้อ
            ซีเชวี่ยผู้นี้ไม่ได้ประหลาดใจมากนัก  ชีวิตคนบ้านนอกส่วนใหญ่ไหนเลยจะอยู่บ้านแล้วไม่ออกไปทำงานเล่า?  ช่างโชคดีที่นางมีการเตรียมตัวมาแต่เนิ่นๆ
            ครั้นแล้วซีเชวี่ยได้หยิบเทียบเชิญที่เป็นกระดาษทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีแดงสดออกจากอกเสื้อ  ยื่นให้ป้าสามเพื่อให้นางส่งให้กับอาเจี่ยนอีกที  นางสำทับว่าพรุ่งนี้จะกลับมาอีกครั้ง
            เมื่อมีแขกมาหาที่บ้าน  ป้าสามย่อมต้องทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี  ไม่เช่นนั้นจะเป็นการไม่สุภาพ! ซีเชวี่ยชื่นชมความฉลาดปราดเปรื่องของตนเองในใจ  พร้อมทั้งกลับไปอย่างพึงพอใจยิ่ง
            ฝ่ายป้าสามกลับลืมไปเสียสนิท  วางเทียบเชิญทิ้งไว้  ลืมส่งต่อให้อาเจี่ยน
           มิหนำซ้ำ ไหนเลยคนบ้านนอกจะรู้ธรรมเนียมเหล่านี้เล่า?  เหลียนฟางโจวก็ไม่ใช่คนที่เกิดในยุคโบราณโดยกำเนิด  เธอจึงไม่ทราบธรรมเนียมนี้ด้วยเหมือนกัน!
            ด้วยเหตุนี้ เทียบเชิญของซีเชวี่ยงจึงถูกละเลยไปโดยสิ้นเชิง
            อาเจี่ยนขมวดคิ้ว  แล้วผลักเทียบเชิญไปให้เลียนฟางโจว “ท่านต้องส่งกลับนะ!”
            เหลียนฟางโจวเอ่ยขึ้น “คนของสกุลจ้าวช่างเหนือชั้นอะไรเช่นนี้!  นางส่งเทียบเชิญมา หากท่านไม่ไปตามเทียบเชิญย่อมดูไม่ดี!  ช่างเถอะ..พวกเราปล่อยเรื่องเอาไว้ อย่าไปสนใจนางเลย  มีงานสิ่งใดที่ยังคั่งค้างอยู่  พรุ่งนี้ก็ไปสะสางกันต่อเถิด!
            อาเจี่ยนจึงเห็นด้วยตามนั้น
            วันรุ่งขึ้นมาถึง ซีเชวี่ยมาตามที่นัดหมาย  ก่อนที่นางจะเปิดปากพูด  ป้าสามถือเทียบเชิญส่งกลับคืนสาวใช้ของจวนสกุลจ้าว  เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดูแคลน “สิ่งนี้ดูดีมากจริงๆ  ทว่าหามีประโยชน์อันใดไม่  เอาไปปัดกวาดสิ่งใดก็ดูยากลำบากเกินไป เจ้าเอากลับไปเถิด!  คนที่บ้านข้าไม่ได้ใช้ชีวิตกันแบบเอ้อระเหยหรอกนะ  ซ้ำอาเจี่ยนยังต้องออกไปทำงานอีก!  เช่นนั้น..เจ้าจงกลับไปเสียเถิด!”
            ซีเชวี่ยที่ตะลึงงัน บันดาลโทสะ ในมือกำเทียบเชิญสีแดงขยำแน่น  ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้
            เมื่อรู้สึกตัว ดวงตาของนางพองโต จ้องหน้าป้าสามเขม็ง ประโยคแรกที่เอ่ยคือ “ข้าคือคนของสกุลจ้าวที่มาจากในเมืองนะ!”
            ป้าสามไหนเลยจะยอมอ่อนข้อให้  ดวงตาเบิกกว้างยิ่งกว่า จ้องเด็กสาวเขม็ง “ข้ารู้... เจ้าเคยบอกแล้ว!”
            พูดจบก็เหยียดยิ้ม ในเมืองรึ? มาจากในเมืองแล้วใหญ่มากนักหรือไร? เข้ามาในบ้านนอกของเราเพื่อมาทำอวดเบ่งรึ?
            ซีเชวี่ยมีสีหน้าประหลาดใจ นิ่งคิดสักครู่ แล้วยิ้มให้ตัวเอง  คนบ้านนอกคอกนาพวกนี้ไหนเลยจะรู้ว่าสิ่งใดคือมรรยาทเล่า  แค่นางลดตัวมาหา  ก็ถือว่าพวกนี้ได้รับเกียรติมากแล้ว  ถึงได้ตามืดบอด มองว่านางกำลังมาเกี้ยวพาผู้ชายอยู่!  เป็นไปได้ว่าหญิงแก่คนนี้ คงไม่เคยเข้าเมืองมาก่อนเลยในชีวิตเลยด้วยซ้ำ  จึงไม่รู้จักชื่อเสียงของสกุลจ้าว!
            ซีเชวี่ยปรายตามองป้าสามอย่างเย็นชา  คนผู้นี้เปิดปากมาแต่ละคำมีแต่วาจาเสียดสีทิ่มแทง  นางคิดว่าตอนนี้อาเจี่ยนออกไปทำงาน  นางคงไม่อาจเอาตัวคนผู้นี้ไป  โดยหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้งได้  หรือหากชายผู้นี้ไม่ยอมไป แล้วจะทำอย่างไรดี?
            แม้ว่านางมีสิ่งที่อยากเจรจาเพียงใด  ย่อมต้องคอยให้อาเจี่ยนกลับมาก่อน!
            เช่นนั้น..ซีเชวี่ยจำต้องยับยั้งชั่งใจ ส่งยิ้มให้  แล้วหมุนตัวจากไป
            วันต่อมาในตอนเย็น ซีเชวี่ยได้กลับมาอีกครั้ง
            ป้าสามเห็นนางแล้วพาลให้อารมณ์บูด “เจ้าก็ไม่ใช่ผีสาง ไยถึงได้เที่ยวตามหลอกตามหลอนพวกเราเนี่ย?  บ้านข้าแสนจะยากจน ยังมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการอีกหรือ?  มีสิ่งมีค่าอันใดให้เจ้าต้องแวะเวียนมาหาถึงสามครั้งนี่!”
            ซีเชวี่ยเป็นผู้ที่คอยรับใช้ข้างกายนายหญิงน้อยจ้าวหรู  นางจึงพลอยมีหน้ามีตาไปด้วย  มักคุยโวโอ้อวดอยู่บ่อยครั้ง “คุณหนูท่านย่อมต้องใช้ของราคาแพงมากกว่าคนธรรมดาสามัญอยู่แล้ว” เมื่อได้ฟังวาจาของป้าสาม  แล้วนึกถึงคำสั่งให้พาตัวอาเจี่ยนมาให้ได้   จึงอดหน้าแดงด้วยความอับอายไม่ได้  กัดริมฝีปากจ้องหน้าป้าสามเขม็ง
            ไหนเลยป้าสามจะกลัวนาง?  จึงส่งสายตาดูหมิ่นดูแคลนกลับไป  พูดอย่างอดทนแต่ไม่ถึงขั้นโบกมือไล่ “ไปซะ! อย่าโผล่หน้ามาที่นี่อีก ข้าต้องกวาดบ้านแล้ว!  หากยังรั้งรออยู่ แล้วกระโปรงเจ้าจะเลอะเทอะเปรอะเปื้อนขึ้นมา  อย่าได้ตำหนิข้าก็แล้วกัน!
            ซีเชวี่ยเหลือบมองลานบ้านที่สะอาดเรียบร้อย  จึงเกิดไฟโทสะพวยพุ่ง “ผู้หญิงบ้านนอกอย่างเจ้านี่  กล้าพูดเยี่ยงนี้ได้อย่างไร!”
            “หือ แล้วเจ้าคือคุณหนูบ้านใดหรือ?  ถึงได้วิ่งแจ้นมาอวดเบ่งตรงหน้าผู้หญิงบ้านนอกอย่างข้านี่!” ป้าสามส่งเสียงกร้าวกระด้าง  พลางหันไปหยิบไม้กวาดไม้ไผ่จากเฉลียงบ้าน
            ซีเชวี่ยอยากจะโต้ตอบกลับ  แต่หาทำได้ไม่  ได้แต่ล่าถอยไปอยู่ข้างนอกลานบ้านด้วยความขมขื่นใจ  ทว่ายังคงยืนปักหลักอยู่ที่นั่น ปฏิเสธที่จะกลับไป
            ครานี้ป้าสามให้นึกสงสัยยิ่งนัก  นางชะโงกหน้าออกไปมองนาง พลางบ่นพึมพำ “เด็กสาวคนนี้ไม่ควรมีจิตใจชั่วร้ายเล้ย...” บ่นพึมพำไปอีกสองสามประโยค  คร้านจะใส่ใจกับนางอีก
            พระอาทิตย์ตกดินแล้ว  ทว่าคนผู้นั้นยังไม่กลับมาเสียที  ซีเชวี่ยให้เสียใจแทบทนไม่ไหว  ยืนย่ำเท้า ยีเท้ากับพื้นไปมาโดยไม่รู้ตัว  นางต้องรีบกลับเข้าเมืองแล้ว  หากมืดค่ำเสียก่อน  รถม้าจะเดินทางลำบาก!
            เมื่อเห็นลำแสงสุดท้ายที่ขอบฟ้าเลือนหายไป  ซีเชวี่ยกระทืบเท้าอย่างขัดใจ  จากนั้นจึงขึ้นรถม้าและเดินทางกลับไปตามเส้นทางเดิม
            วันต่อมา นางเริ่มฉลาดขึ้น  เพียงเช้าตรู่ก็ไปเร่งให้คนขับรถม้าเดินทางมายังหมู่บ้านต้าฟาง สารถีผู้นี้ขับรถม้าพานางมาที่หมู่บ้านนี้สองสามครั้งแล้ว  เขาไม่ใคร่พอใจนัก พูดอ้อมๆว่า ข้ามัวแต่บริการเจ้าคนเดียวไม่ได้  เพราะยังต้องรับใช้นายหญิงน้อยของพวกเราด้วยนะ?
            ซีเชวี่ยจ้องหน้าเขาปล่อยให้เขาอารมณ์เย็นลงก่อน แล้วเอ่ยว่า “วันนี้ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียการเสียงานหรอกน่า! เอาไป 30 เฉียนเป็นไง? นี่เป็นงานที่นายหญิงน้อยมอบหมายมาโดยตรงเลยนะ  ต้องใช้ความสามารถของเจ้า แล้วเจ้ายังจะไม่ไปอีกรึ!” พอนางพูดจบ  เขาย่อมต้องขึ้นประจำที่นั่งคนขับอย่างเสียไม่ได้
            สารถีมองท่าทางนาง  และคิดถึงเงิน 30 เฉียน ในใจให้รู้สึกฉุนเฉียว  นิ่งคิดสักครู่แล้วจึงตวัดแซ่บังคับม้าให้ออกวิ่งอย่างไม่สบอารมณ์ บ่นพึมพำ "ฮึ่ม..ทำตัวราวกับองค์หญิง"  แต่หากไปหลายๆวัน หลายๆเที่ยวเข้า ก็เป็นเงินรางวัลมากพอใช้  จึงรู้สึกพอทำใจอดทนให้นางโอ้อวดได้...
            ภายในห้องโดยสาร ซีเชวี่ยกรุ่นโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนเป็นสีขาว นั่งข้างหน้าต่าง พลางมองลอดผ้าม่านออกไปด้วยสายตามุ่งร้าย ขอให้ภารกิจทั้งหลายทั้งแหล่สำเร็จลงในวันนี้ด้วยเถิด
            เมื่อซีเชวี่ยมาถึงบ้านสกุลเหลียน  เพลานี้ยังไม่มีใครก้าวเท้าออกจากบ้านเลยสักคน  ทว่าจากคำบอกเล่าของป้าสาม  ยังไม่มีใครในบ้านรู้ว่าซีเชวี่ยสาวใช้ผู้นี้ มาที่นี่ทุกวัน
            เมื่อเห็นนางมาในตอนเช้าตรู่ เหลียนฟางโจวพูดไม่ออก สกุลเหลียนครานี้ขาดแรงงาน แล้วยังจะมาจ้างอาเจี่ยนได้อย่างไร?  เธอไม่เคยได้ยินนายจ้างลงทุนทำถึงขนาดนี้มาก่อน แม้แต่บริษัทจัดหางานยังไม่เคยใช้วิธีเดินตามเกาะติดกับเป้าหมายเยี่ยงนี้เลย ใช่หรือไม่?

            “ท่านไปเจรจากับนางให้กระจ่างเถิด!  นางเดินทางเพื่อมาเยี่ยมเยือน  นางจะก่อปัญหาหรือไม่ ข้าเองก็ไม่รู้  เพียงแต่ข้ามองดูแล้วมันน่าเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก!” เหลียนฟางโจวเหลือบมองอาเจี่ยนแวบหนึ่ง
   ------------------------------------------
   ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
   เนื่องจากมีงานด่วนค่ะ จึงไม่ได้อัพไปหลายวัน ต้องขออภัยด้วยค่ะ 
  ตอนบ่ายๆจะพยายามอัพต่อไห้นะคะ  ^-^

15 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณจ้าไรท์//อาเจี่ยนต้องอยู่กับฟางโจวเท่านั้น

    ตอบลบ
  2. ก็นัานนะซิ จะหาคนงาน มันต้องมาตื้อขนาดนี้เลยรึ 5555 ขอบคุณมากค่า ติดงอมแงมแล้ว

    ตอบลบ
  3. ขอบคุค่ะ รอได้ค่ะ^^ ขอแต่อย่าหายไปก็พอ ง่าแต่อีกนานไหมคะกว่าจะสลัดพวกตระกูลจ้าวหลุด

    ตอบลบ
  4. ขอบพระคุณแม่นางน้อย😳

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณคะ รอและเป็นกำลังใจให้คะ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ4 มีนาคม 2560 เวลา 09:12

    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  7. ชอ่านแล้วรู้สึกเหนื่อย เฮ่อ

    ตอบลบ
  8. 555. ตื้อเท่านนั้นที่จะครองโลก

    ตอบลบ
  9. ติดตามทุกตอน รออย่างใจจดใจจ่อ ว่าจะมีตอนใหม่หรือยัง ^_^

    ตอบลบ
  10. ตื้อขนาดนี้ไม่เหนื่อยบ้างหรอ

    ตอบลบ
  11. คติพจน์ของตอนนี้ "ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก"

    ตอบลบ
  12. เหนื่อยแทนอาเจี่ยนและฟางโจว

    ตอบลบ
  13. รอลุ้นน้องฟางโจวจ้า

    ตอบลบ
  14. ทั่นแม่ทัพยังไม่ทันได้ไถนาเลย จะรีบติดต่อนางไปไหนนักนิ คนมึเยอะแยะอินางคุณหนูนี่ก็ยังจะมาแย่งคนที่เค้าขาดแคลนลูกมือพะชายอีกนะ หน้าด้านทั้งนายทั้งบ่าว

    ตอบลบ