วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 65 มีเรื่องสำคัญจะประกาศ

            อากาศช่วงนี้ไม่ใคร่หนาวเย็นนัก  ยามนี้ถ่านไม้ที่เผาได้ทั้งหมดกองเป็นตั้งเรียงอยู่ในเพิงเก็บของบ้านสกุลลี่  ตั้งใจไว้ว่ารอสักพักจึงนำออกขาย  การใช้ข้อได้เปรียบเรื่องสภาพอากาศนับว่าเป็นความคิดที่ดี  จึงทำให้ทุกๆคนมีเวลาเผาถ่านในรอบต่อไปได้อีก
วันนี้เหลียนฟางโจวบังเอิญพบหนิวชี่ภรรยาของจางลี่เจิ้งบนถนนของหมู่บ้าน  เหลียนฟางโจวส่งยิ้มพร้อมกล่าวคำทักทาย  หนิวชี่ยิ้มรับ พูดคุยกันอยู่หลายเรื่อง  เกี่ยวกับเรื่องการเผาถ่านของบ้านสกุลลี่   นางให้รู้สึกอิจฉายิ่งนัก  จนทำให้เหลียงฟางโจวรับรู้ได้

หนิวชี่ผู้นี้มองว่าตัวเองว่าสูงส่งและมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าผู้อื่น  เนื่องจากตัวเองนั้นเป็นฮูหยินของขุนนางประจำหมู่บ้าน ย่อมได้รับผลประโยชน์มากกว่าชาวบ้านทั่วไป  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด  นางย่อมได้รู้ข่าวก่อน หรือได้ผลประโยชน์ก่อนผู้อื่นในหมู่บ้าน  ผู้คนในหมู่บ้านเห็นแล้ว  ได้แต่แอบบ่นว่าอย่างลับๆ  ไม่มีใครกล้าตำหนินางอย่างโจ่งแจ้ง   
เหลียนฟางโจวได้ยินวาจาของนางแล้ว  ให้ฉุกคิดขึ้นมา  ครั้นแล้วจึงยิ้มอย่างเก้อกระดาก เอ่ยว่า “แท้จริงแล้วลุงลี่และป้าจางเห็นพวกข้าพี่น้องแล้ว  ให้นึกสงสาร  จึงได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ   และคงเล็งเห็นว่าพวกข้าแข็งแรงและมีพละกำลังดี   จึงได้ชวนมาเข้าหุ้นด้วยอย่างไรก็ดี  ครานี้ข้าเก็บถ่านที่แตกเป็นชิ้นๆ  ซึ่งเป็นของเหลือที่ได้จากการเผาถ่านมาเป็นอันมาก  จึงได้เก็บเอากลับมาบ้าน  ของเหล่านี้พวกข้าเก็บไว้ใช้เอง  ไม่ได้นำออกขายเอาเงิน    หากป้าหนิวชี่ไม่รังเกียจ  ข้าจะส่งไปให้ครอบครัวท่านเอาไว้ใช้ ดีหรือไม่? เป็นถ่านที่ดีมาก  สามารถนำไปใช้กับเตาอุ่นในฤดูหนาวได้!”
ทันทีที่หนิวชี่ได้ยิน ใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มกว้างใหญ่ทันใด  ดวงตาเปล่งประกายวาววับ  เปิดปากเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “แหม.. ช่างรู้สึกโชคดีอะไรเช่นนี้ ถึงจะเป็นเพียงเศษถ่าน  ก็ยังนับเป็นถ่านอยู่ดี!   จะไม่ได้เผาด้วยวิธีเดียวกันหรอกรึ!”
“ที่บ้านข้า  มีเศษถ่านมากมายเชียวล่ะในเมื่อพวกข้าไม่อาจนำไปขายได้!  คงต้องมอบผู้อื่นเป็นของขวัญบ้าง !”  ครั้นแล้วเหลียนฟางโจว จึงพูดทิ้งท้ายว่า “เช่นนั้น...ข้าจะส่งเศษถ่านไปให้ท่านที่บ้านในตอนบ่ายนะ!”
“ฮ่า ฮ่า ดูสาวน้อยผู้นี้สิ  ช่างพูดจาเก่งขึ้นๆทุกวันเลยนะเจ้าเอ่ยมาเช่นนี้ข้าจะพูดอย่างไรได้!” หนิวชี่ยิ้มแย้ม  ตรึกตรองดูสักครู่  แล้วเอ่ยว่า “ตอนบ่าย เกรงว่าบ้านข้าจะไม่มีคนอยู่  เอาอย่างนี้ หลังมื้อเย็น เจ้าค่อยเอามาส่งให้อีกทีในตอนนั้นก็แล้วกันนะ!”
หลานของหนิวชี่พึ่งจะมีอายุได้ 6 เดือน  แล้วจะไม่มีใครอยู่ที่บ้านได้อย่างไรเหลียนฟางโจวใคร่ครวญดูสักครู่  ครั้นแล้วจึงเข้าใจความกังวลของหนิวชี่  เนื่องจากตัวเธอเองเป็นเด็กกำพร้า  ซ้ำยังเป็นพี่คนโตที่มีน้องหลายคน  หนิวชี่คงกลัวว่าการรับสิ่งของจากเธอ  ถ้ามีใครรู้  จะถูกพูดถึงในทางเสียหาย  จึงอยากให้เธอไปส่งของตอนค่ำแทน!
  ในฤดูนี้ย่อมดีกว่าช่วงฤดูร้อน   พอฟ้ามืดแทบจะไม่มีคนออกมาเดินนอกบ้านเลย
 “ได้!” เธอพยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “หลังมื้อเย็น  ข้าต้องล้างชาม และเก็บกวาดบ้าน  บางทีอาจส่งให้ค่ำกว่านั้นสักหน่อย!”
“ย่อมไม่เป็นปัญหาครอบครัวเราค่อนข้างนอนกันดึกหลานชายตัวน้อยของข้าค่อนข้างเป็นเด็กซุกซนอยู่ไม่สุข! “  หนิวชี่รู้สึกยินดีปรีดายิ่งนัก
เหลียนฟางโจวจับความรู้สึกในถ้อยคำของหนิวชี่ได้   เวลาที่นางได้คุยอวดถึงหลานชายตัวน้อยของนาง  สีหน้านางดูมีความสุขนัก
ตำแหน่งขุนนางประจำหมู่บ้านนั้น จะว่าใหญ่ก็ไม่ได้ใหญ่โตมาก  จะว่าเล็ก  ก็ไม่ได้เล็กเกินไปด้วย  หากเธอได้สร้างความสัมพันธ์กับครอบครัวนี้  ในภายภาคหน้าย่อมได้รับแต่ประโยชน์ถ่ายเดียว 
ถึงแม้ป้าจางจะเคยบอกว่าเหลียนลี่และฮูหยินเฉียวอย่างไรก็เป็นญาติผู้ใหญ่  ทั้งคู่จำเป็นต่อตัวเธอและน้องๆ   แม้แต่ฟ้าดินก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าในภายหน้า   คนทั้งคู่จะก่อเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นมาอีก?
            เมื่อมีโอกาสอยู่ถูกที่ถูกเวลา  เธอต้องพยายามคบหาคนที่มีอำนาจเอาไว้  ไว้คอยให้การสนับสนุนหากเกิดเรื่องเกิดราวไม่ดีขึ้นมา!
            เรื่องเหล่านี้  เธอจำต้องเริ่มวางแผนเสียแต่เนิ่นๆ
            เมื่อกลับถึงบ้าน เหลียนฟางโจวพาเหลียนฟางฉิง และเหลียนเช่อไปช่วยกันรวบรวมเศษถ่านที่ห้องใต้หลังคา  โดยเลือกแต่ชิ้นที่ดูดี  หลังจากทำอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว  ค่อยนำส่งไปให้หนิวชี่
            ถึงจะพูดว่าเศษถ่าน  แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ถ่านที่แตกหัก  เพราะเศษถ่านแท่งหนึ่งมีความยาวราว 5 ฉื่อ (1 เมตร) มีความหนาประมาณ 2นิ้วมือ  บางท่อนอาจมีความยาวครึ่งหนึ่ง  ในแต่ละหลุมเตาเผาย่อมมีเศษถ่านเช่นนั้นเกิดขึ้นมาอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้  ซึ่งไม่เหมาะที่จะนำออกขาย   จึงทำได้เพียงแต่เก็บกลับมาไว้ใช้เอง
            เมื่อหนิวชี่เห็นว่าเหลียนฟางโจวมาบ้านนางจริงๆ  ในใจรู้สึกพึงพอใจนัก  รับของพร้อมส่งยิ้มให้  นางถอนหายใจครั้งหนึ่ง  และเปรยกับหญิงสาวว่า  การเป็นพี่ใหญ่ของน้องๆนั้น  ไม่ใช่เรื่องง่าย  จากนั้นจึงเอื้อนเอ่ยว่า  หากมีเรื่องอันใดอยากให้บ้านนางช่วย ก็ให้บอกมาได้เลย!
            เหลียนฟางโจวแสดงความซาบซึ้งใจในความปรารถนาดีของนาง  ไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติม   เพียงคุยเรื่องสัพเพเหระเล็กน้อย  ครั้นแล้ว จึงกลับไป
            จางลี่เจิ้งเห็นหนิวชี่  หอบหิ้วกระสอบของอะไรสักอย่างเข้ามาในบ้าน ด้วยใบหน้ารื่นเริง  จึงถามขึ้น “เมื่อครู่ก่อนมีใครมาหรือไฉนจึงไม่เข้าบ้าน แล้วกลับไปเลยอ้าว นี่คืออะไรเล่า? เจ้าไปเอาของใครเขามาเล่า?”
            “นี่จะเรียกว่าอะไรได้!” หนิวชี่ค้อนใส่จางลี่เจิ้งเสียทีหนึ่ง  เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าเป็นคนชอบไปเอาของของผู้อื่นรึ? ท่านดูนี่สิ  นี่ไม่ใช่เศษถ่านที่มีค่าหรอกหรือต้องพูดว่าเด็กสาวฟางโจวมีน้ำใจ  นางคงรู้ว่าครอบครัวเราต้องตากผ้าอ้อมของหลานชายให้แห้งทุกวัน  จึงส่งเศษถ่านมาให้! ของพวกนี้   ไม่ใช่สิ่งที่นางเสียเงินไปซื้อมาเสียหน่อย   ข้าไม่อาจรับไว้ได้อย่างไร?”
            จางลี่เจิ้งจึงไม่เอ่ยอะไรอีก  เขารักและเอ็นดูหลายชายของตนเองนัก
            ยามนี้เพิ่งจะเป็นต้นฤดูหนาว แม้ว่าจะมีพระอาทิตย์ขึ้นทุกๆวันเป็นปกติ  ยิ่งไปกว่านั้น ยังพร่าตาด้วยแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างเกือบพอๆกับฤดูร้อน  ทว่ายามนี้ไม่มีความอบอุ่นเหลืออยู่เลย   มีแต่ความหนาวเย็นเท่านั้น
            หลานชายตัวน้อยของพวกเขาต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมทั้งผืนใหญ่  และผืนเล็กๆ  ราว10-20 ผืนทุกวัน  จึงจำเป็นต้องผึ่งให้แห้งด้วยการผิงกับถ่านไฟ
            ในบ้านเขา เมื่อฤดูหนาวปีที่แล้วยังพอมีถ่านเหลือ   เพราะตั้งใจเก็บสะสมกองไว้ตรงมุมห้อง  ซึ่งค่อยๆลดจำนวนลง  เวลานำถ่านค้างปีมาเผาจะทำให้ห้องมีแต่กลิ่นฉุนของควันไฟ  ทำให้สำลัก  และระคายเคืองจมูกมาก
            ครานี้เหลียนฟางโจวส่งเศษถ่านมาให้  มันช่างเป็นจังหวะที่ลงตัวตัวพอดี  เพราะถ่านใหม่ย่อมก่อมลพิษในบ้านน้อยกว่าถ่านเก่า   ถือว่าเด็กสาวคนนี้ส่งของกำนัลให้ผู้อื่นด้วยความจริงใจอย่างแท้จริง
            “นี่ คือสิ่งที่หาได้ยากจากผู้อื่น หากเป็นกรณีอื่น  พวกเราจะย่อมไม่รับของผู้อื่นโดยสะเปะสะปะแน่” จางลี่เจิ้งเอ่ยขึ้น “ครอบครัวพวกนางแตกต่างจากบ้านอื่นจริงๆ!”
            ครอบครัวของเหลียนฟางโจวเป็นเด็กกำพร้า  ยามได้รับของจากพวกเขา เวลามีใครเอาไปพูด  จางลี่เจิ้งไม่ใคร่รู้สึกชอบใจที่ได้ยินนัก
            “ข้ารู้!   เรื่องนี้...ตัวข้าเองขาดความรอบคอบหรือไร?” หนิวชี่ค้อนตากลับ เอ่ยว่า  “พวกเขา กับบ้านลี่ต้ามู่ ร่วมกันเผาถ่าน สามารถแบ่งเงินกันได้มากมาย  พอมีเศษถ่านเหลือเช่นนี้ เกรงว่าพวกเขาเองก็คงไม่สามารถเอาไปใช้ได้หมด!  ต่อไปพวกเราจะได้รับของพวกนี้อีกมาก!”
            เมื่อกล่าวจบก็ยิ้มและถอนหายใจ “ใช่ ไม่คิดมาก่อนเลยว่า   ฟางโจวเป็นเด็กดีและมีความจริงใจต่อผู้อื่นอย่างแท้จริง!  นางที่เป็นพี่ใหญ่ของน้องหลายคน ช่างน่าสงสารนัก  ในเรื่องนี้  หากสามารถพูดช่วยเหลือพวกเขาได้  ถือว่าได้บุญ!   ต่อไปหลานชายคนโตของเราคงประสบแต่ความโชคดี!”
            จางลี่เจิ้งปรายตามองนางอย่างไม่พอใจ เอ่ยว่า “นี่เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว  ไม่ใช่แค่ช่วยพูด  ทั้งยังจำเป็นต้องพูดสนับสนุนนางด้วย   ตัวข้าไม่ใช่คนขี้ขลาดเสียหน่อย!”
            วันนี้ตอนเช้าตรู่ ลูกสาวคนสุดท้องของจางลี่เจิ้ง  ชื่อจางยันไหล  ไปบ้านเหลียนฟางโจว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่ฟางโจว   วันนี้เลิกงานให้เร็วหน่อยนะ   ฤดูนี้พระอาทิตย์ตกเร็วนัก  พ่อข้าให้มาแจ้งว่าให้แต่ละคนแต่ละบ้านไปรวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียงที่ใต้ต้นจางชู่ต้นใหญ่ (ต้นการบูร)ด้วยว่ามีเรื่องสำคัญจะประกาศ!”
            เหลียนฟางโจวครั้นแล้วรีบพยักหน้าตกลงด้วยรอยยิ้ม
            จางยันไหลบอกว่ามีบางบ้านไม่ยอมมาร่วมประชุม  ไม่ใส่ใจคำประกาศแจ้งเลย
            เหลียนเซ่อเหลือบมองจางยันไหลที่กำลังเดินจากไป เอ่ยว่า “จริงๆแล้ว ข้ารู้สึกแปลกใจนัก  เมื่อก่อนยามที่หมู่บ้านมีเรื่องจะประกาศ  เห็นบอกแต่เพียงบ้านลุง  ไม่มีใครบอกกับครอบครัวของเราเลยปีนี้บ้านเราเกือบจ่ายภาษีผิดไป  ขอบคุณที่ท่านจางลี่เจิ้งที่มาเตือน  ข้าไม่คาดคิดเลยว่าวันนี้จางยันไหลจะมาเยือนถึงบ้าน!”
            เหลียนฟางโจวฉุกคิดขึ้นมา  ครั้นแล้วจึงเข้าใจว่า 8 ใน 10 ส่วน  เรื่องนี้เป็นผลมาจากถ่านกระสอบนั้นเป็นแน่  ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แล้วเรื่องนี้ไม่ดีหรือไร ?  ทำให้พวกเราพี่น้องเอาจริงเอาจังมากขึ้น!”
            “พี่ใหญ่พูดถูกแล้ว!” เหลียนเซ่อยิ้ม
            “ประชุมพบปะรึ? เรื่องนี้ไม่ควรรีบไปก่อนเวลา  ทั้งยังไม่ควรไปสายอีกด้วย  มีเรื่องอะไรงั้นรึ? อา!” ป้าสามที่ยืนอยู่ใกล้ๆถอนหายใจออกมา
  -------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
มีผู้อ่านบางท่านถามมาว่า อาเจี่ยนกลับมาจากสกุลจ้าวหรือยัง จริงๆกลับมาตั้งแต่ตอนที่ 61แล้วนะคะ แล้วผ่านมาอีกหลายตอน อาเจี่ยนกลับหายจ้อยไปเลย จริงๆแล้ว เฮียมัวแต่ทำงานอยู่ที่ไซท์งานเผาถ่านค่ะ  ปล่อยให้นางเอกออกไปตะลอนในตอนอื่นๆได้  เฮียเลยไม่มีบท จะมีบทอีกที ในตอนที่ 68 (มีพูดอยู่สองประโยค)  คืออันนี้แล้วแต่คนแต่งนะคะ แต่เท่าที่สังเกตุ ผู้แต่งจะให้นางเอกมีบททุกตอน  และให้บทพวกตัวร้ายเยอะด้วย

16 ความคิดเห็น:

  1. คือเห็นชื่อตอนแล้วนึกว่าผู้แปลมีเรื่องจะประกาศ แอบหวิวว อ่านจบแล้วไม่ใช่รอดตัว 555

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณค่าาา😘😘😘

    ตอบลบ
  3. ชื่อตอนน่ากลัวมาก หวิว เลย

    ตอบลบ
  4. ยังตามอ่านอยู่นะคะ ขอบคุณไรท์ค่ะ

    ตอบลบ
  5. เราตามไปอ่านในเว็ปของจีนมาล่วงหน้าไปเกือบ10ตอน5555 มึนตึ๊บเลย..จับใจความได้เพียงเมล็ดนุ่นกับมันฝรั่งที่เหลืออ่านไม่รู้เรื่อง เลยโซซััดโซเซกลับมาอ่านที่คุณแปลให้ดีกว่า ขอบคุณมากๆเลยนะคะ//ปาดน้ำตา

    ตอบลบ
  6. พระเอกค่าตัวแพงจังเลยค่ะ 5555
    รออ่านตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

    ตอบลบ
  7. พระเอกเราสรุปค่าตัวถูกหรือแพงเนี่ย 555

    ขอบคุณไรท์ด้วยค่า

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณไรท์จ้า//เห็นชื่อตอนนึกว่างานเข้าโล่งอก

    ตอบลบ
  9. อ้อขอบคุณค่า ก็ว่าพระเอก ติดอยู่ที่จวนเจ๊คนนั้น หลายวันไปละ 555 มัวแต่เผาถ่านหน้าดำอยู่นี่เอง
    นางเอกเราเก่งจังเลยนะคะ รู้จักเข้าทางผู้ใหญ่ เก่งจัง เป็นเรานี่คงเอาแต่ ซ่อมบ้าน ตุนเสบียง ทำเป็นรังไว้ เก็บตัวช่วงหน้าหนาว 555

    ตอบลบ
  10. เมื่อไหรจะมีงานแต่ง

    ตอบลบ
  11. เมื่อไหรจะมีงานแต่ง

    ตอบลบ
  12. พระเอกกลับมาแล้วหรอ ค่อยยังชัวร์ เห็นชื่อเรื่องแล้วแอบใจหาย

    ตอบลบ
  13. ดอกจานบานหรอมแหรม13 มีนาคม 2560 เวลา 19:27

    ตกใจหมดเลยคะ เห็นชื่อตอนแล้วตายแน่!งานเข้า

    ตอบลบ
  14. จะมีประกาศเรื่องอะไรน้า

    ตอบลบ
  15. ไม่ระบุชื่อ15 มีนาคม 2560 เวลา 12:29

    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ