“เจ้าลุกขึ้นเร็วเถิด!”
อาเจี่ยนก้มตัวลงออกแรงฉุดเขาขึ้นมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เจ้าวางใจเถิด
ข้าจะช่วยนางให้ได้! เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว จะใจเย็นลงได้หรือยัง? เรื่องนี้หาได้ยิ่งใหญ่ขนาดฟ้าถล่มลงมาไม่!”
เหลียนเซ่อผู้ศร้าสร้อย เงยหน้าขึ้นมองอาเจี่ยน ใจเริ่มสงบลงช้าๆ
“จริงๆหรือ?”
พี่เจี่ยนบอกว่าเรื่องนี้หาได้ยิ่งใหญ่ขนาดฟ้าถล่มลงมาไม่ ทว่าในความคิดของเขา นี้คือเรื่องสำคัญยิ่งจนทำให้ฟ้าถล่มลงมาได้จริงๆ!
“อืม” อาเจี่ยนพยักหน้า
แล้วเอ่ยว่า “ไปกันเถิด พวกเรากลับกันก่อน! จะได้ปรึกษาหารือกัน! เจ้าต้องเชื่อมั่นในตัวพี่สาวของเจ้า นางหาใช่คนที่ใครๆจะมาวางแผนเล่นงานตามใจชอบได้นะ”
“อืม!” เหลียนเซ่อเริ่มคลายความกังวลลง
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเบาๆ
เมื่อพวกเขาหวนกลับมาถึงบ้าน ก็พบป้าจ้างอยู่ที่นั่นด้วย เดิมทีพวกเขาตั้งใจจะไปบ้านป้าจางเพื่อแจ้งข่าวอยู่แล้ว
กลัวว่าคนที่บ้านนั้นยังรอฟังข่าวอยู่ด้วยความกระวนกระวายใจอยู่
“กลับมาแล้วหรือ
!
แล้วฟางโจวเล่า?” ป้าจาง ป้าสามและน้องเล็กทั้งสองต่างผลุดลุกขึ้นยืนพร้อมกัน พอมองไม่เห็นตัวเหลียนฟางโจว หลายคนต่างอึ้งชะงักไป
เหลียนเซ่อก้มหน้าเล็กน้อย ดวงตาแดงก่ำ เปิดปากคล้ายจะเอื้อนเอ่ย ทว่ากลับไม่มีเสียงเปล่งออกมา ด้วยเกรงว่าตนเองจะไม่อาจสะกัดกลั้นเสียงร่ำไห้ออกมาได้
อาเจี่ยนเห็นสายตาเต็มไปด้วยคำถามของทุกคน
จึงเอ่ยขึ้น “เจอปัญหาเข้าแล้ว แต่พวกท่านวางใจเถิดข้าจะช่วยนางกลับมาให้ได้....”
เมื่อได้ยินคำว่า
“ปัญหา” และคำว่า “ช่วยเหลือ”
ปรากฏในหลายๆถ้อยความ
ป้าสามและป้าจางจิตใจพลันเครียดเขม็ง
ยิ่งพอฟังอาเจี่ยนเล่าแจ้งแถลงไขจนจบ สีหน้าของพวกเขาพลันซีดเผือดลงทันใด
เหลียนเช่อและเหลียนฟางฉิงต่างจับใจความได้เพียงครึ่งเดียว
ทว่ายามเห็นสีหน้าของพวกผู้ใหญ่เป็นเช่นนั้น ตนเองย่อมรู้ว่าเกิดเรื่องร้ายแรงเข้าแล้ว ปากของเด็กทั้งสองเบะออก อดส่งเสียงร่ำไห้ออกมาไม่ได้
“นังโสเภณีแก่แพศยา!
นังชั่วช้าใจดำอำมหิต! เรื่องนี้ช่างไร้ศีลธรรมนัก นางยังกล้ากระทำอีก!” ป้าสามตะเบ็งเสียงลั่นด้วยความเคียดแค้นชิงชัง แล้วหันกลับไปปลอบหลานๆชายหญิงตัวน้อย ขณะที่ปากก็พร่ำพูดอย่างโกรธแค้นว่า “ข้าจะขอคิดบัญชีกับนางเอง!”
“ป้าสาม...ท่านไปไม่ได้นะ!”
อาเจี่ยนเรียกเสียงหลง “ก่อนฟางโจวกลับมา อย่าได้หลุดเรื่องนี้ออกไปแม้แต่คำเดียว คอยฟางโจวกลับมาก่อน แล้วจะทำสิ่งใดต่อไปค่อยมาหารือกันอีกครา!”
“ใช่แล้ว! อาเจี่ยนกล่าวได้ถูกต้องแล้ว! เรื่องนี้ต้องจัดการให้ดี!” ป้าจางพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย
ป้าสามอึ้งงันไป แต่แล้วจึงเริ่มเข้าใจ
หากเรื่องนี้เกิดรั่วไหลออกไป ชื่อเสียงของเหลียนฟางโจวจะเหลือรึ?
เรื่องถอนหมั้นนั่นก็คราหนึ่งแล้ว แม้ว่าผู้คนจะรับรู้ดีว่า เป็นฝ่ายสกุลหยางที่ทำเกินไป จึงได้เทคะแนนสงสารให้นาง หากจะบอกว่าชื่อเสียงนางได้เสื่อมเสียไปแล้ว
ย่อมเป็นไปไม่ได้!
แต่หากเพิ่มเรื่องนี้เข้าไปอีก
นั่นอาจจะเป็นการทำลายชื่อเสียงนางเข้าจริงๆ..
“โอ๊ย! ข้าอยากจะบ้าตาย ทำไมเรื่องถึงได้กลายเป็นเช่นนี้! ข้าอยากตะคอกถามนังแก่ไร้คุณธรรมผู้นั้นนัก ว่ามันบ้าก่อเรื่องวุ่นวายไปเพื่ออะไร จริงๆเลย!” ป้าสามพยักหน้าหงึกหงักไม่หยุด รีบเอ่ยว่า
“เกี่ยวกับเรื่องนี้…เราต้องรีบหาทางช่วยฟางโจวให้เร็วที่สุด! ต้องรีบช่วยกันคิดหาหนทางว่าจะช่วยนางอย่างไรดี
!”
พอกล่าวเช่นนี้ ป้าจางก็พลอยกลัดกลุ้มไปด้วย หวางจี้ผู้นั้นเป็นเจ้าของร้านขายผ้าไหมหรูหราในเมือง เป็นตระกูลที่มั่งคั่งมีชื่อเสียงและมีอิทธิพลมาก หากจะไปถามหาคนที่คฤหาสน์ของสกุลนี้ คงไร้ประโยชน์
เพราะทางนั้นย่อมปฏิเสธไม่ยอมรับเป็นแน่ เกรงว่าต่อให้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่
หรือผู้ที่มีอำนาจในเมือง เพื่อขอเข้าไปค้น ก็คงเป็นไปไม่ได้!
“เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง ข้าจะเข้าเมืองไปเสียเดี๋ยวนี้” อาเจี่ยนเอ่ยขึ้น
ป้าสามและป้าจางต่างมองหน้ากัน พลางเอ่ยว่า “เดินทางระวังตัวด้วย” ป้าจางอดถามขึ้นมาไม่ได้ “ข้าเกรงว่าเจ้าคงยากจะฝ่าด่านเข้าประตูคฤหาสน์ของหวางจี้ไปได้
ถึงเจ้าเข้าเมืองไปก็คงเสียเที่ยวแล้ว เจ้ามีวิธีการอื่นใดอีกหรือไม่
?”
แน่นอนวิธีเข้าไปของเขาก็คือ ใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามกำแพง และเดินบนหลังคา! อย่างไรก็ดี อาเจี่ยนคงไม่แจกแจงรายละเอียดให้กับคนทั้งสองรับทราบหรอก เพียงแค่เอ่ยว่า “ข้ามีแผน พวกท่านวางใจเถิด!”
การเข้าเมืองไปหลังเที่ยงคืน ต้องมีเอกสารขอเข้าเมือง ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่จะไม่เปิดประตูเมืองให้
สำหรับเรื่องนี้ป้าจางและป้าสามได้เตรียมการไว้แล้ว โดยแจ้งว่าเหลียนฟางโจวมีไข้ขึ้นสูง ต้องขอเข้าเมืองเพื่อเชิญหมอมารักษา จางลี่เจิ้งจะได้ไม่อึดอัดใจ
อาเจี่ยนเดินทางโดยใช้วิชาตัวเบา จึงทำให้เดินทางได้รวดเร็วนัก เพียงไม่กี่ชั่วยาม ก็ผ่านเข้าเมืองโดยสะดวกโยธินในยามใกล้รุ่ง
ยามนี้ บนท้องถนนหลายสายเพิ่งตื่นจากการหลับไหล มีเพียงคนกวาดถนน และเจ้าของเพิงขายอาหารริมทางเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มก่อไฟ และวุ่นวายกับการหุงต้มอาหาร
อาเจี่ยนจึงสบโอกาสเข้าไปสอบถามที่อยู่ร้านขายผ้าไหมของหวางจี้ได้โดยสะดวก
คฤหาสน์ของหวางจี้มีทางเข้าประตูอยู่
3 แห่งด้วยกัน เป็นประตูข้างอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของตัวคฤหาสน์อยู่
อีกแห่งหนึ่งก็คือแถวบริเวณสวนขนาดย่อม ซึ่งไม่นับว่าใหญ่โตนัก แต่ก็หาได้ยากนักในเมืองนี้
อาเจี่ยนมองประเมินคร่าวๆเพื่อหาช่องทางเข้าไปที่สะดวก แล้วสะกิดปลายเท้าพุ่งทะยานไปยังบริเวณคอกม้าทั้นที
ว่ากันโดยทั่วไปแล้ว
ที่พักของคนเลี้ยงม้าย่อมสร้างไว้ข้างๆคอกม้า เพื่อสะดวกในการดูแลม้า
อาเจี่ยนก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า เหตุไดเขาถึงได้รู้เรื่องคอกม้านั้นดี ซ้ำยังคล้ายกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ชายหนุ่มมักทำอยู่เป็นประจำ
อาเจี่ยนจับคนเลี้ยงม้าไว้เพื่อบีบบังคับให้ชายเลี้ยงม้าบอกตำแหน่งห้องนอนของคู่สามีภรรยาหวางจี้
และหัวจินเต๋าว่าอยู่บริเวณไหน ครั้นทราบแล้วก็ซัดฝ่ามือใส่คนเลี้ยงม้าจนสลบ อาศัยเพียงแสงดาวบนท้องฟ้า เพื่อรุดไปยังเป้าหมาย
**
ตัดกลับมาทางอีกฝ่าย หัวจินเต๋าได้นำตัวเหลียนฟางโจวเข้าสู่คฤหาสน์ของหวางจี้อย่างรีบเร่ง
โดยสั่งให้บ่าวรับใช้ที่เป็นเด็กชายและหญิงชราเข้ามาช่วยกันแบกร่างเหลียนฟางโจวไปที่ห้องปีกข้างของเรือน แล้วประคองให้หญิงสาวที่หมดสตินอนลงบนตั่ง ทั้งยังกำชับบ่าวเด็กชายและบ่าวหญิงชราให้เฝ้าเหลียนฟางโจวไว้ให้ดี
ส่วนตัวนางก็วุ่นวายกับการตามหานายท่านหวางเพื่อแจ้งข่าวดี
ยามนี้นายท่านหวางและฮูหยินเข้านอนไปแล้ว โดยมารยาทแล้วหัวจินเต๋าควรแจ้งเรื่องนี้ในตอนเช้า ทว่านางมัวแต่ตื่นเต้นดีใจ คิดว่าตนเองได้สร้างความดีความชอบขนานใหญ่ มิหนำซ้ำนายท่านยังลุ่มหลงนาง จนไม่ลืมหูลืมตาในบางครั้งด้วย
ส่วนฮูหยินหวางรู้สึกขัดหูขัดตาอนุภรรยาผู้นี้มาก ทว่าเป็นเพราะนายท่านโปรดปรานหัวจินเต๋า นางจึงจำต้องกล้ำกลืนฝืนทน
สาวรับใช้ประจำห้องนอนของฮูหยินหวาง ยืนเฝ้าคอยรับใช้อยู่นอกห้องช่วงกลางคืน ย่อมไม่พอใจที่เห็นหัวจินเต๋าเป็นธรรมดา เห็นว่านี่มันก็ดึกดื่นมากแล้ว ซ้ำพรุ่งนี้นางค่อยกลับใหม่ก็ยังไม่สาย หัวจินเต๋ากลับไร้มารยาท ซ้ำยังวิ่งแจ้นมายังห้องนอนภรรยาเอกเพื่อตามหานายท่าน ช่างไม่เห็นแก่หน้าฮูหยินใหญ่เลยสักนิด!
สาวรับใช้เริ่มโมโห ไม่เต็มใจจะแจ้งข่าว มีแต่พูดบ่ายเบี่ยงให้หัวจินเต๋ากลับไปท่าเดียว ทว่าหัวจินเต๋าเป็นคนใจกล้าและยโสโอหังนัก ไหนเลยจะยินยอมเดินจากไปง่ายๆเล่า? ครั้นแล้วจึงทะเลาะกับสาวรับใช้อยู่ตรงหน้าประตู
คนทั้งคู่ทะเลาะกันเอะอะเสียงดังจนได้ยินถึงหูนายท่านหวาง ทั้งสองสามีภรรยาจึงตื่นขึ้นมาดู
“ทำอะไรกันนี่! โตๆกันแล้วไฉนยังเทลาะกันเสียงดังเอะเอะไม่หยุด กลางดึกกลางดื่นป่านนี้? มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ “ ฮูหยินหวางสวมอาภรณ์แบบดั้งเดิม สาบเสื้อคลุมตัวนอกประดับด้วยผ้าขนสัตว์สีส้ม กำลังเอามือจัดผมให้เข้ารูปเข้ารอย เพราะเพิ่งลุกออกมาจากเตียงอุ่น แก้มทั้งสองข้างจึงขึ้นสีแดงเรื่อๆ พอเห็นหัวจินเต๋าก็พาลให้อารมณ์เสีย จ้องมองนางด้วยสายตาชิงชัง
“ทำอะไรกันนี่! โตๆกันแล้วไฉนยังเทลาะกันเสียงดังเอะเอะไม่หยุด กลางดึกกลางดื่นป่านนี้? มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ “ ฮูหยินหวางสวมอาภรณ์แบบดั้งเดิม สาบเสื้อคลุมตัวนอกประดับด้วยผ้าขนสัตว์สีส้ม กำลังเอามือจัดผมให้เข้ารูปเข้ารอย เพราะเพิ่งลุกออกมาจากเตียงอุ่น แก้มทั้งสองข้างจึงขึ้นสีแดงเรื่อๆ พอเห็นหัวจินเต๋าก็พาลให้อารมณ์เสีย จ้องมองนางด้วยสายตาชิงชัง
นายท่านหวางโดยปกติ แม้ว่าจะโปรดปรานอนุภรรรยาเพราะว่ายังอ่อนวัยสดใสน่ารักอยู่มาก
ในใจนึกอยากจะเข้าไปปลอบโยนเอาใจ
ทว่าถ้อยคำของฮูหยินใหญ่นั้นก็กล่าวได้สมเหตุสมผล เขาจึงไม่อยากให้ท้ายอนุภรรยามากเกินไป จึงแสร้งทำเป็นยืนเฉย!
“ไฉนถึงได้กลับมาเอาดึกดื่นป่านนี้? ยังไม่รีบกลับห้องไปอีก? มีเรื่องอันใดไว้ค่อยพูดกันพรุ่งนี้อีกที!
ไปได้แล้ว! “ นายท่านหวางเอ็ดด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“นายท่าน! “ ไหนเลยหัวจินเต๋าจะสนใจจะสังเกตุสีหน้าของนายท่านหวางเล่า รีบเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หากอยู่ในเวลาปกติอนุภรรยาคงไม่กล้ารบกวนนายท่านหรอก? ที่อนุภรรยามาหาเพราะมีเรื่องสำคัญจะเรียนให้นายท่านทราบ! ฮูหยินได้โปรดให้อนุภรรยาได้รายงานสักครั้งได้ไหม? แค่สัก 2-3 ประโยคเท่านั้น !”
“หากเป็นเรื่องสำคัญจริง
ก็ควรเจรจากันวันพรุ่งนี้จึงจะเหมาะสมที่สุด
จะต้องมาคุยกันตอนค่ำมืดดึกดื่นทำไม?” ฮูหยินหวางแค่นเสียง “เจ้าเอาแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆมารบกวนนายท่านเป็นประจำจนเสียนิสัย
! นายท่านยามกลางวันก็เหนื่อยล้ามากแล้ว เจ้าไม่ปล่อยให้ท่านหยุดพักเลย ร่างกายของนายท่านจะทนไหวได้อย่างไร! ”
หัวจินเต๋าไม่กลัวเกรงถ้อยคำตำหนิติเตียนของฮูหยินหวางเลยสักนิด ยืนฟังเอาหูทวนลมนิ่ง หางตาไม่เหลือบแลนางแม้นิด ดวงตาคู่งามเอาแต่จับจองนายท่านหวางด้วยความตื่นเต้นดีใจ
นายท่านหวางเห็นหัวจินเต๋าเป็นเช่นนี้ ให้ลังเลเล็กน้อย พลางเอ่ยว่า “เจ้ามีเรื่องอันใดจะบอกรึ!”
“นายท่าน! “ ฮูหยินหวางเห็นสามีจะไปห้องหัวจินเต๋าเพื่อเห็นแก่นาง ในใจทั้งอับอายและขุ่นเคืองนัก
หัวจินเต๋ามีสีหน้ายิ้มแย้มดีใจ ยอบกายคารวะเล็กน้อย “คืออย่างนี้เจ้าค่ะ” แล้วพานายท่านหวางเดินไปข้างหน้า เพื่อกระซิบถ้อยคำใส่หูนายท่านหวาง แจ้งเรื่องราวให้กระจ่าง
และหลบเลี่ยงไม่ให้ฮูหยินหวางรู้
--------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
พอดีต้องสะสางธุระปะปัง เลยมาอัพวันนี้แทนคะ
-ในที่สุดอาเจี่ยนก็ลงทุนทุ่มเท ไม่หลับไม่นอน ทำตัวเป็นจารชน เข้าไปช่วยเหลือสาวงาม ต้องลุ้นในตอนต่อไปว่าจะไปช่วยทันเวลาหรือไม่ ^-^
อยากฆ่าคน
ตอบลบโอ้ย นางเต่านี้ก็ร้ายจังจะรีบอะไรนักหนา
ตอบลบ//อาเจียาเท่มักๆๆ ป้ายไฟกระพริบรัวๆ
ขอชูป้ายไฟอาเจี่ยนด้วยอีกคน
ตอบลบขอบคุณค่ะไรท์////ตอนนี้อาเจี่ยนเรามีความเป็นพระเอกมากกกก
ตอบลบทันสิ พระเอกนี่นาาา ^____^
ตอบลบหมั่นใส้หัวจินเต๋ามาก
ตอบลบอาเจี่ยนมาช่วยนางเอกไวๆน้า
แค่อ่านยังอยากจิกหัวคนเลย แง่มๆ
ตอบลบตบนังหัว อย่าให้มันรอด รวบพวกเหลียนลี่ลงตะรางไปพร้อมกันเลย ย้ากกก
ตอบลบเชียร์อาเจี่ยนสุดใจ
ตอบลบรีบช่วยเร็วๆๆๆ
อาเจี่ยนสู้ๆๆๆ ตบเกรียนเลยอาเจี่ยน
ตอบลบอยากฆ่าอีลุงป้าสุดเลวจริงๆ ทำเถอะลงแรงครั้งเดียวตัดปัญหาหอกข้างบ้านไปตลอดชีวิตเลยนะ
ตอบลบขอบคุณที่แปลให้อ่านค่ะ
ตอบลบ