วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ภรรยาข้าผู้ร้ายกาจเจ้าเล่ห์-บทที่ 11 พบโจรรูปงาม

พี่ใหญ่  ดูนั่นสิ  ไฟไหม้ป่าดอกท้อของเรา!” 
เฟิ่งเฉิง หนึ่งในผู้รักดอกท้อที่สุดบันดาลโทสะ  ใบหน้าแสดงความโกรธแค้นมากพร้อมจะสังหารคนที่กล้ามากระตุกหนวดเสือ  เขาสะกิดปลายเท้าแผ่ลมปราณภายในพุ่งตัวทะยานไปยังบริเวณไฟไหม้ทันที

ณ จุดต้นเพลิง เฟิ่งเฉิงเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ใต้ต้นดอกท้อ   ดูราวกับนางกำลังมาท่องเที่ยวชื่นชมธรรมชาติอยู่  เขาแน่ใจว่านางคงจงใจเดินเข้ามาในอาณาจักรดอกท้อที่หนาวเย็นของเขา
เจ้าเป็นคนจุดไฟเผาป่าของข้ารึ?”  เฟิ่งเฉิงถามคนตรงหน้า
มู่หรงหยุนชูประหลาดใจที่จู่ๆก็เห็นชายคนนี้โผล่ออกมา  เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้  หญิงสาวจึงยืนขึ้นปัดฝุ่นที่เปื้อนกระโปรงออก
“ท่านเป็นเจ้าของป่าดอกท้อนี้ใช่หรือไม่?”  พลางมองเขาอย่างประเมิน  นางคงต้องมาผิดป่าแน่เลย   นี่คงไม่ใช่ป่าดอกท้อที่เป็นรังโจรแน่    บุคคลเบื้องหน้านี้ขาวซีดเหมือนคนตาย  ดูคล้ายผู้หญิง  ซึ่งไม่มีลักษณะของโจรภูเขาแม้แต่นิด
 “เจ้าเป็นคุนจุดไฟใช่หรือไม่?”  ชายหนุ่มถามซ้ำอีกครั้ง
ท่านเป็นเจ้าของป่านี้ใช่หรือไม่?”   มู่หรงหยุนซุยังคงถามต่อไป  ไม่สนใจสายตาที่ดูหงุดหงิดแฝงความเย่อหยิ่งของเขา
เฟิ่งเฉิงประหลาดใจกับผู้หญิงที่ดูนุ่มนิ่มบอบบางเช่นมู่หรงหยุนชูทว่ากลับมีดวงตาที่แข็งกร้าว  ใช่ นี่คือป่าของข้า  เจ้าเป็นผู้วางเพลิงใช่หรือไม่?”
ไม่ใช่” 
แล้วสิ่งนี้คืออะไร?” เฟิ่งเฉิงถามขึ้นพลางชี้ไปที่กองกิ่งไม้ที่มีควันขึ้นโขมงอยู่
ดูเหมือนเป็นกิ่งไม้ที่มีควัน มู่หรงหยุนชูเลิกคิ้วกล่าวออกมาอย่างไม่แน่ใจ
เฟิ่งเฉิงหัวเราะ  เจ้านี่ช่างเป็นผู้หญิงที่มีอารมณ์ขันนัก
คุณชาย...ท่านพอจะรู้จักสถานที่ที่พวกโจรซ่องสุมกันอยู่บนเขาฮั่วโตวหรือไม่?”
เจ้ามาที่นี่เพื่อจับโจรหรอกรึ?” เฟิ่งเฉิงถามกลับอย่างสงสัย
ข้ามาที่นี่เพื่อให้โจรจับตัวต่างหาก
เฟิ่งเฉิงหัวเราะอีกครั้ง  เจ้ายังไม่รู้ตัวหรือว่าตัวเองอยู่ที่ใด?”
มู่หรงหยุนชูรู้สึกประหลาดใจเมื่อแน่ใจแล้วว่าเฟิ่งเฉิงคงเป็นหัวหน้าโจร
ท่านเป็นโจรที่งดงามที่สุดที่ข้าเคยพบมา
เจ้าก็เป็นผู้หญิงที่ตลกที่สุดที่ข้าเคยพบมา
ภายใต้การนำทางของเฟิ่งเฉิง  มู่หรงหยุนชูจึงออกมาจากป่าดอกท้อได้สำเร็จในที่สุด  เมื่อไปถึงที่พักของโจร  ซึ่งประกอบไปด้วยกระท่อม 3 หลัง  ดูเหมาะสมกับตัวเขามาก
เมื่อเขาไปในกระท่อมหลังหนึ่ง  หญิงสาวมองไปรอบๆอาคารที่ไม่มีฝาผนังเลย  พลันถามขึ้นด้วยความอยากรู้  “ท่านไม่อยากให้คนเห็นเงิน  หรือท่านไม่มีเงินให้คนเห็นกันแน่ ?”  ถ้าเป็นประการหลังละก็  การยึดอาชีพเป็นโจรเพื่อเป็นเช่นนี้  ถือว่าล้มเหลวแท้จริง
“แล้วเจ้าอยากให้ข้าทำอันใดเล่า?”  เขานึกได้ว่านางมาที่เพื่อให้โจรจับตัว  และหลักฐานทั้งหมดชี้ว่าเขาเป็นโจรภูเขา
 ข้ามีเพื่อนร่วมทางสองคนรออยู่ในป่า   โปรดจับตัวพวกเขาขึ้นมาบนเขาที่นี่ด้วย
วันนี้ ข้าไม่ปล้นใคร
เพราะเหตุใด?” 
มู่หรงหยุนชูไม่เข้าใจว่าพวกโจรจะอยู่รอดได้โดยไม่ปล้นชาวบ้านสักวันหนึ่งได้อย่างไร
วันนี้ไม่มีฤกษ์เหมาะ”  เฟิ่งเฉิงพบว่าหญิงสาวคนนี้ช่างไม่สะทกสะท้านกับสิ่งใดเลย  ตัวเขาเองยังไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องให้ดี
หากเป็นโจรที่ดูฤกษ์วันปล้น   แสดงว่าเฟิ่งเฉิงไม่ใช่โจรสามัญธรรมดาทั่วไป   ทำให้มู่หรงหยุนต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ  ข้าทราบมาว่าเจ้ามีแขกคนหนึ่งซึ่งเป็นตัวแทนของราชสำนัก   ข้าขอพบแขกของท่านได้หรือไม่?”
มู่หรงหยุนชูได้ยินเสียงแหลมวี๊ดเหมือนเสียงนกร้องดังขึ้นใกล้ตัว    พลันสาวน้อยงดงามผู้มีดวงตากลมโตใสบริสุทธิ์ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้านาง
“เจ้าเป็นใคร?  เจ้าจะมาเอาตัวนี่ฉิงไปทำอะไร?    เจ้ามีความสัมพันธ์อันใดกับเขา?  เจ้า เจ้า เจ้า...เจ้าเป็นผู้หญิงของเขาใช่ไหม?”
“หลิงเอ๋อร์อย่าหยาบคาย”  เฟิ่งเฉิงกระซิบดุ
“ใครๆก็ต้องวิตกทั้งนั้นแหละ!”  เฟิ่งหลิงกระซิบบ่นพลางจ้องมู่หรงหยุนชูที่ทำหน้าใสซื่อบริสุทธิ์อยู่พักใหญ่   จึงเอ่ยขึ้นอย่างโมโห    
 แจ้นมาหาผู้ชายถึงที่เลยรึ   อืม...เจ้านี่ช่างขายาว  เอวกิ่ว  หน้าอกโต   หน้าเล็ก  ดวงตากลมโตยั่วยวนอะไรอย่างนี้   นี่ฉิงคนนั้นยิ่งเจ้าชู้อยู่ด้วย!”
เมื่อเห็นดังนี้  มู่หรงหยุนชูจึงหัวเราะออกมา  แม่นางน้อย เป็นเรื่องธรรมดาที่เรามักพบผู้ชายเจ้าชู้สักสองสามคนเมื่อเรายังเยาว์วัย
ใครที่เจ้าบอกว่าเยาว์วัย?”  เฟิ่งหลิงถามขึ้นด้วยความไม่พอใจ  “ข้าอายุ20ปีแล้วนะ
มู่หรงหยุนชูมองผิดไปนึกว่าเฟิ่งหลิงเป็นเด็กอายุสิบสอง
เจ้าอายุเท่าไรเฟิ่งหลิงถามกลับ
แก่กว่าเจ้า
โกหก
ใช่มู่หรงหยุนชูยอมรับ
เฟิ่งหลิงแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง   มู่หรงหยุนชูช่างเป็นคนโกหกหน้าตายที่พูดความจริง
มู่หรงหยุนชูไม่ได้บอกความจริงกับใครว่านางจะมีอายุครบ 18 ในเดือน9นี้
เฟิ่งหลิงทำหน้ามุ่ย ตกลงว่าเจ้ามีความสัมพันธ์อันใดกับนี่ฉิง?”
เป็นคนแปลกหน้า
จู่ๆเฟิ่งหลิงส่งเสียงกรีดร้องออกมา อย่าบอกข้านะว่า   เจ้าท้องเลยมาเรียกร้องให้เขาแต่งงานใช่ไหม?”
แต่งเพราะท้องหรือ?  ได้ยินแล้วนางอยากจะเดินออกไปนักมู่หรงหยุนชูอดหัวเราะออกมาดังๆไม่ได้  ข้าไม่คาดคิดเลยว่าโจรจะมีจินตนาการที่บรรเจิดเช่นนี้
ใครเป็นโจรกันข้าไม่ใช่โจร  ทุกอย่างเป็นความผิดทั้งหมดของพี่ใหญ่
            เสี่ยวหลิง  ไปพาตัวนี่ฉิงมาที่นี่เฟิ่งเฉิงเอ่ยเสียงดังเพื่อหยุดน้องสาวของเขา
            “รับทราบ  พี่ใหญ่เฟิ่งหลิงเบะปากพลางพุ่งทะยานออกไปราวกับสายลม  เจ้าพี่ชายจอมผเด็จการ
            แค่ชั่วกระพริบตา เฟิ่งหลิงก็กลับมาแลดูท่าทางตื่นตระหนก พี่ใหญ่!  นี่ฉิงหายไป
            มู่หรงหยุนชูรู้สึกผิดหวังที่นางมาเขาฮั่วโตวเสียเที่ยวซะแล้ว
            “รีบออกไปตามหาเขาเร็วเฟิ่งเฉิงสั่งทันที เขาไม่มีปัญญาออกไปจากป่านี้ได้หรอก...
            “เจ้ากำลังตามหาตัวเจ้าผอมกะหร่องขี้โรคนั่นใช่หรือไม่?”  พลันมีเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นมา   เป็นฉู่ฉางเกอที่พุ่งทะยานลงมาแตะพื้นราวกับสายลม
            มู่หรงหยุนชูไม่คาดคิดว่าจะพบฉู่ฉางเกอที่นี่   นางเหลือบมองเขาแล้วเสไปมองทัศนียภาพรอบตัว
            พี่ฉู่  ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเฟิ่งเฉิงกัดฟันพูด
            น้องเฟิ่ง  เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”  ฝ่ายฉู่ฉางเกอทักทายกลับตามมารยาท
ฉู่ฉางเกอไม่เคยลืมเลือนเมื่อสามปีก่อน  เขาเสียใจที่เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเฟิ่งเฉิงยิ่งนัก

ชายสองคนนี้ดูท่าต้องไม่ถูกกันแน่  มู่หรงหยุนชูคิดว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ดูการพบกันอีกครั้งของเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน
            จากนั้นฉู่ฉางเกอและเฟิ่งเฉิงต่างดึงดาบออกจากฝัก  แล้วถลาเข้าประมือกันเป็นเวลานาน
            “ดูท่าพี่ใหญ่กำลังจะตกเป็นฝ่ายแพ้แล้ว เฟิ่งหลิงกล่าวพลางจับตามองบุรุษทั้งสอง
            การประลองเพิ่งเริ่มรึ?”  มู่หรงหยุนชูมองตาม
            เกือบจบแล้วเฟิ่งหลิงกล่าว เจ้าไม่เป็นวรยุทธ์หรอกหรือ?”
            มู่หรงหยุนชูสั่นศีรษะ  นางไม่เข้าใจเรื่องการประลองเอาซะเลย
            อ้อ  ไม่ต้องสงสัยเลยเฟิ่งหลิงยักไหล่  ดูใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อของพี่ใหญ่สิ  กล้ามเนื้อเครียดเกร็ง  ใบหน้าขาวซีด  และลองดูใบหน้าที่ผ่อนคลายสบายๆของฉู่ฉางเกอสิ  เห็นได้ชัดเลยว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ
            มู่หรงหยุนชูรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้เห็นฉู่ฉางเกอดวลดาบกับเฟิ่งเฉิงกันจนตายไปข้างหนึ่งแบบที่เห็นในจินตนาการถึงโลกยุทธภพ   แสดงว่าเขาต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเฟิ่งเฉิงแน่
            เฟิ่งเฉิงกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง  และใกล้จะล้มมิล้มแหล่
            พี่ใหญ่!” เฟิ่งหลิงร้องออกมา  และรีบพยุงเฟิ่งเฉิงนั่งลง  ทำปากยู่ใส่ฉู่ฉางเกอราวกับเด็ก
            พี่ฉู่  เหตุใดท่านถึงเอาจริงมากเกินไปทุกครั้งที่สู้กับพี่ใหญ่?”
            ฉู่ฉางเกอยิ้มร้ายเปี่ยมสเน่ห์  เป็นความผิดของพี่ชายเจ้าต่างหากที่ไม่รู้จักพัฒนาฝีมือดาบ
            เฟิ่งเฉิงหายใจเหนื่อยหอบ  ดูหน้าตาเศร้าสร้อย
            “พี่ฉู่ ท่านไปเจอเจ้าผอมกะหร่องขี้โรคนั่นที่ไหน?” เฟิ่งหลิงถาม
            ในป่าดอกท้อ” 
            “แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน?”
            ข้าขับเขาออกจากป่าไปแล้ว
            อะไรนะ?!”  เฟิ่งหลิงถามเสียงสั่น  พี่ฉู่  ท่านขับเขาออกไปได้อย่างไร?” 
            “น้องเฟิ่ง  ข้าช่วยไล่ผู้บุกรุกป่าดอกท้อออกไปไงเล่า   ไยเจ้าจึงร้องให้
            “นี่ฉิงไม่ใช่ผู้บุกรุก   เขาเป็นคนของข้า พี่ฉู่...เหตุใดท่านช่วยเขาหลบหนีออกไป ฮือ..ฮือ?”
            เฟิ่งหลิงร้องให้โฮวิ่งออกไปตามหานี่ฉิงในป่า
            สายตาอาฆาตของเฟิ่งเฉิงจ้องฉู่ฉางเกอตาไม่กระพริบ   ด้วยเข้าใจแล้วว่าใครเป็นผู้วางเพลิงเผาป่า
            ข้ายังคงรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับท่าน”   เฟิ่งเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงกดต่ำ   สามปีที่ผ่านมา  ข้าไม่เคยย่างเท้าออกจากเขาฮั่วโตวแม้แต่นิด   ข้าไม่เคยรักษาใครที่มาขอให้ข้าช่วยเหลือเลย   และข้ายังแสร้งทำตัวเป็นโจรข่มขู่คนที่อยากมาที่นี่
            แสร้งทำเป็นโจร....มู่หรงหยุนชูเข้าใจแล้วว่าเหตุใดนางจึงไม่เคยโดนโจรดักปล้นเลยตลอดทางจากรถม้าจนถึงที่นี่
            ข้าทราบดีฉู่ฉางเกอกล่าวสีหน้าเรียบนิ่ง
            เช่นนั้นแล้ว เหตุใดท่านถึงเผาป่าดอกท้อของข้า?” เฟิ่งเฉิงคำราม
            ชูจางเคอะหัวเราะดังๆ  แน่นอน   ข้ามีหน้าที่เติมเต็มความปรารถนาของฮูหยินข้า
            ฮูหยิน?” เฟิ่งเฉิงถาม เขามองตามสายตาที่เร่าร้อนของฉู่ฉางเกอที่มองไปที่มู่หรงหยุนชู  จึงได้พบคำตอบ เจ้าคือฮูหยินของเขารึ?”
            “เปล่า”  มู่หรงหยุนชูสั่นปฏิเสธเสียงเรียบ
            เราเป็นคู่หมั้นกัน”  ฉู่ฉางเกอจ้องมองมู่หรงหยุนชูด้วยสายตาลึกซึ้ง
            ซึ่งยกเลิกได้ทุกเมื่อมู่หรงหยุนชูสวนกลับทันที
            ทั้งใต้หล้านี้   รู้แล้วว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของข้า”  ฉู่ฉางเกอกล่าวอย่างเบิกบาน
            นอกจากข้าแล้ว  ไม่มีใครหน้าไหนกล้าแต่งกับเจ้าหรอก
            “ข้าอาจบวชชีได้ทุกเมื่อ”  มู่หรงหยุนชูกล่าวเสียงเบา  นิ่งสงบคล้ายทะเลสาบที่ราบเรียบ       
ฉู่ฉางเกอคล้ายกับลม  ที่พัดไม่หยุด ไม่เลิกจนกว่าทะเลสาบจะเกิดระลอกคลื่น   ปากเขายกยิ้มบางเบาให้นางพลางกล่าว  ข้าเพิ่งรู้นะว่า   ฮูหยินรักข้าดื่มด่ำขนาดนี้  ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจนัก    ที่รู้ความจริงว่าหากเจ้าไม่แต่งให้ข้า   เจ้าก็จะไม่แต่งให้ชายอื่นอีกเลย

            มู่หรงหยุนชูเป็นผู้ใหญ่แล้ว  นางแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของคนที่ทำตัวดื้อดึงราวกับเด็ก

1 ความคิดเห็น: