วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ภรรยาข้าผู้ร้ายกาจเจ้าเล่ห์-บทที่14 กับดักที่หอคณิกา

            บรรดาโรงเตี๊ยม ร้านอาหาร ร้านเหล้าต่างปิดตัวลง  แผงขายของตามท้องถนนดูเงียบเหงา  ในอดีตเมืองหลวงแห่งนี้เคยรุ่งเรืองเฟื่องฟู  การค้าขายคึกคัก   ทว่าครานี้บรรยากาศการค้าซบเซายิ่งนัก  ผู้คนแทบไม่ออกมาจับจ่ายใช้สอยกันเลย

            มู่หรงหยุนชูลอบถอนใจ  อยากกล่าวโทษตนเองขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้   อีกทั้งเริ่มรู้สึกวิตกกังวล  หากราชสำนักปฏิเสธเงื่อนไขและข้อกำหนดที่นางเสนอไป  นางเกรงว่าสำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนคงต้องถูกยึด  ความพยายามทั้งหมดของนางไม่ควรพบกับจุดจบเช่นนี้เลย   แน่นอนบิดาของนางเองคงไม่ต้องการให้ตระกูลมู่หรงเสื่อมเสียชื่อเสียงไปในท้ายสุด   ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว  ในเมื่อเหตุการณ์ยังไม่บานปลาย  หญิงสาวต้องรีบจบปัญหานี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
            “คุณหนู  ท่านดูสิเจ้าคะมีแผงขายเครื่องประทินโฉมอยู่ตรงนั้น” 
            เป็นครั้งแรกที่ลู่จีมาเมืองหลวง  นางตื่นตาตื่นใจกับภาพที่เห็นยิ่งนัก
            มู่หรงหยุนชูอดส่ายหัวไม่ได้เมื่อเห็นนักท่องเที่ยวที่ตื่นเต้นอย่างลู่จี
            ถัดจากแผงขายเครื่องประทินโฉมคือแผงขายเครื่องประดับ  มู่หรงหยุนชูเลือกดูเครื่องประดับ  นางสนใจปิ่นปักผมสีฟ้าที่มีตัวอักษรสีขาวสลักอยู่
            “ปิ่นอันนี้ราคาเท่าไร เถ้าแก่”    มู่หรงหยุนชูถาม
            “หนึ่งตำลุงเงินขอรับ” 
            “ถูกดีนะ” 
            มู่หรงหยุนชูตีราคาปิ่นไว้ที่อย่างน้อยสิบสองตำลึงเงินเพราะฝีมือการแกะสลักที่ประณีต
            “ช่วงนี้  การค้าซบเซาขอรับ”  เถ้าแก่ร้านกล่าว  “หากข้าไม่ลดราคาลงมา  คงไม่มีใครจ่ายเงินซื้อเครื่องประดับที่ร้านเป็นแน่   ท่านไม่เคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่สำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนหรือขอรับ?  ตั๋วเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนกลายเป็นสิ่งไม่มีค่า  ผู้คนต่างสูญเงินเป็นอันมาก   กิจการค้าหลายแห่งล้มละลาย  ผู้คนต่างใช้จ่ายเงินอย่างกระเบียดกระเสียน   แม่นางนับเป็นลูกค้าคนแรกของข้าในรอบสองอาทิตย์นี้เลยขอรับ
            มู่หรงหยุนชูได้ยินแล้วให้รู้สึกผิดมากขึ้น   นางหยิบเครื่องประดับเพิ่มอีกหลายชิ้น  “รบกวนห่อให้ข้าด้วย”
            “ได้เลย ขอรับ”  เจ้าของร้านเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ
            “คุณหนู  ท่านซื้อปิ่นปักผมไปทำไม่มากมายนักเจ้าคะ?”  ลู่จีกล่าว
            “ซื้อให้บรรดาแม่เลี้ยงข้า”  มู่หรงหยุนชูกล่าว
            “คุณหนู  ท่านช่างกตัญญูยิ่งนัก”  ลู่จีกล่าว  “เหล่าฮูหยินรองคงจะดีใจมาก  ทว่า คุณหนู  เหตุใดท่านถึงถือปิ่นของบุรุษด้วยเล่าเจ้าคะโอ หรือท่านซื้อให้นายท่านฉู่
            “ข้าซื้อให้ท่านพ่อข้า” 
            “แต่นายท่านมู่หรงตายแล้วนะเจ้าคะ” 
            “แล้วข้าจะเผาไปให้ท่านไม่ได้รึ?” 
            ลู่จีไม่อยากเชื่อเลยว่ามู่หรงหยุนชูจะกล้าเผาปิ่นที่งดงามอันนี้
            **
            มู่หรงหยุนชูและสาวใช้มาถึงเมืองหลวงได้สามวันแล้ว   ทว่ายังไม่สามารถหาทางเข้าไปที่วังหลวงได้
            “คุณหนู  หากฮ่องเต้ประสงค์จะให้ท่านเข้าเฝ้า”  ลู่จีทำหน้ามุ่ย   “ฝ่าบาทควรส่งใครมาเชิญท่านเข้าวังนะเจ้าคะ”
            “องค์ฮ่องเต้อาจไม่รู้ว่าข้าอยู่ในเมืองหลวงแล้ว” 
            มู่หรงหยุนชูค่อยๆหันมาจิบชาอย่างช้าๆ    รู้สึกเสียใจที่ไม่มาพร้อมกับนี่ฉิงจะได้แก้ไขวิกฤติกิจการของนางให้เร็วขึ้น
            “คุณหนู  ครานี้เราควรจะทำอันใดดีเจ้าคะ?” ลู่จีมีสีหน้าทุกข์ร้อน  “เราไม่อาจพักอยู่ที่หอคณิกานี้ไปทั้งวันทั้งคืนหรอกนะเจ้าคะ
            มู่หรงหยุนชูจิบชาที่หอคณิกาเงียบๆ    ถึงอย่างไรการนอนอยู่ใต้หลังคาย่อมดีกว่าออกไปนอนกลางแจ้งเป็นไหนๆ
            ยามนี้ ในเมืองหลวง   จากเท่าที่เสาะแสวงหาที่พักไปทั่วถนนหลายสาย  กิจการห้างร้านส่วนใหญ่ปิดตัวลง   ไม่เว้นแม้แต่โรงเตี๊ยม   นางจึงจำต้องปลอมตัวเป็นชายและพักค้างคืนในหอคณิกาแทน
            “คุณหนู  หากนายท่านฉู่พบว่าคุณหนูค้างคืนอยู่ที่หอคณิกา   เขาคงจะโกรธแทบตายเลยนะเจ้าคะ”
            “เหตุใดเขาจะต้องโกรธด้วยเขาก็เป็นแขกประจำที่นี่คนหนึ่งนี่”
            “คุณหนู  ท่านรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ?”   
            “เดาเอา” 
            “คุณหนู  ท่านแน่ใจหรือว่าเดาถูก” 
            ลู่จีชื่นชมเจ้านายนางจริงๆ   การพักอยู่ในหอคณิกา  ทำให้ได้รับความสะดวกสบายมาก  แต่ตัวนางจำต้องสวมเสื้อผ้าหลายชั้นเหมือนห่อบ๊ะจ่าง  ด้วยกลัวว่าจะมีคนจับได้ว่านางเป็นผู้หญิง
            **
            หลังจากพักอยู่ที่หอคณิกาเป็นนาน   ในที่สุดมู่หรงหยุนชูตัดสินใจออกเดินทางไปกรมพระคลัง ทว่าจู่ๆกลับมีทหารกรูเข้ามาและล้อมหอคณิกาไว้
            “ไอ้หยา  ท่านนายกอง  มีเรื่องอันใดรึ?”  แม่เล้าฉวนถามขึ้นอย่างตื่นตกใจ  เมื่อพบทหารมากมาย
            “แม่เล้าฉวน  เราได้รับข่าวว่ามีผู้ร้ายพักอยู่ที่หอคณิกาไป่หัวของท่าน” นายกองกล่าว
            นายกองสั่งให้ทหารค้นหาทุกจุดในหอคณิกาไป่หัว
            “ท่านนายกอง  ท่านต้องได้ข่าวผิดพลาดแน่”  แม่เล้าฉวนขอร้อง  “ที่นี่มีเพียงผู้หญิงเท่านั้น  ไม่มีอาชญากรอะไรหรอก”
            แม่เล้าฉวนแอบส่งเงินให้นายกองอย่างลับๆ   นายทหารมองดูตั๋วแลกเงิน  สีหน้าเหยียดหยามโดยพลัน   แม่เล้าฉวนเลยรีบให้บริวารไปเอาเหรียญเงินมาให้  นายกองจึงสั่งให้ลูกน้องหยุดค้นหา
            “แม่เล้าฉวน  ข้าไม่อยากได้เงินหรอก”  นายกองกล่าว “ข้าแค่อยากมาจับตัวผู้ร้าย”
            “นายกอง ท่านเลิกล้อข้าเล่นเถิด”  แม่เล้าฉวนกล่าว
            มู่หรงหยุนชูถอนหายใจ  ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมซื้อได้ด้วยเงิน 
            “หากใครพบตัวคนร้าย”  นายกองกล่าว “ให้รีบรายงานกรมอาญาด้วย”
            นายกองแอบรับเงิน  และสั่งถอนกำลังทหารกลับ  หอคณิกาไป่หัวกลับมาสู่สภาวะปกติ  บรรดาหญิงคณิกากลับมาซ้อมร้องเพลง และฝึกร่ายรำ   เตรียมตัวเพื่อรอเปิดกิจการ ในตอนกลางคืน
            “คุณหนู  ข้าพนันได้เลยว่าไม่มีผู้ร้ายที่นี่หรอกเจ้าค่ะ   พวกเขาเป็นแค่พวกทหารกินสินบน” ลู่จีกระซิบกระซาบพลางลอบมองอย่างดูถูก
            มู่หรงหยุนชูไม่ตอบรับสิ่งใด  เพียงจับตาดูแม่เล้าฉวนเดินขึ้นชั้นบนอย่างรีบร้อนไปยังที่ห้องน่าสงสัย
            “คุณหนู  ท่านไม่ไปกรมพระคลังแล้วหรือเจ้าคะ?”  ลู่จีถาม
            “ไม่แล้ว
            “เพราะเหตุใด?” 
            “จู่ๆ ข้าเกิดรู้สึกหิวขึ้นมา”
            “... “
            ลู่จีไม่เชื่อว่ามู่หรงหยุนชูยังหิวอยู่หลังจากที่เพิ่งกินมื้อเช้าไป
            มู่หรงหยุนชู่ย่องขึ้นบันได  หางตาลอบสังเกตเหตุการณ์ที่ชั้นล่างอยู่ตลอดเวลา  เมื่อหญิงสาวเดินขึ้นถึงชั้นบน  พลันก็พบกับคนคุมหอที่มองมาอย่างจับผิด   นางชะเง้อมองไปยังห้องที่น่าสงสัย  ที่อยากเข้าไปดู  แต่ทำอะไรไม่ได้  นางจึงได้แต่ทำเพียงหัวเราะ  ส่ายหัว  และเดินเข้าไปยังห้องพักของตนเอง
            “คุณหนู  มีสิ่งใดแปลกๆที่หอคณิกาหรือเจ้าคะ”  ลู่จีกระซิบเสียงเบาอย่างระวังตัว
            “อืม”

            มู่หรงหยุนชูสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนคอยจับตาดูพวกนางอยู่   จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นางไม่กล้าออกไปจากหอคณิกา    นางต้องการลอบออกไปที่นี่โดยไม่มีใครผิดสังเกต   หญิงสาวครางออกมาอย่างห่อเหี่ยว    เมืองหลวงมีหอคณิกาตั้งมากมาย   เหตุใดนางถึงได้โชคร้ายเช่นนี้   ดันเลือกเอาหอคณิกาแห่งนี้ได้?”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น