วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ภรรยาข้าผู้ร้ายกาจเจ้าเล่ห์ -บทที่ 1 ถอนหมั้น

          “น้องชู...คืนหยกมงคลให้ข้าเถิด
            มู่หรงหยุนชูมาถึงโถงรับรองแขก และได้ยินวาจาของฟางหงเฟย   นางอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะกลับมารู้สึกตัว   หยกมงคลเป็นมรดกตกทอดของตระกูลฟาง  เมื่อ สิบปีก่อน    มารดาของฟางหงเฟยมอบให้นางแทนของหมั้น    ครานี้ลูกชายนางตั้งใจมาเจรจาขอหยกชิ้นนี้คืนอย่างชัดแจ้ง
            เพื่อเป็นการชดเชย  ข้าจะมอบกระบี่ให้แก่เจ้า ฟางหงเฟยสะบัดแขนเสื้อเป็นสัญญาณให้ผู้ติดตามนำกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่เปิดฝาอ้าไว้ส่งให้แก่นาง

            มู่หรงหยุนชูกวาดตามองกระบี่หนึ่งครั้ง  ไม่ได้ตอบรับ  กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้อง   หยกมงคลนั้น   แต่เดิมเป็นของตระกูลฟาง  ควรส่งกลับคืนให้กับท่าน   เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”
            “ทว่า..เหนือสิ่งอื่นใด ข้าคงต้องเสียเจ้า...”
            “ท่านไม่ต้องรู้สึกผิดไป  ข้าไม่รับกระบี่เล่มนี้    อีกทั้งไม่ตำหนิท่าน   ข้าแค่กังวลว่าวันข้างหน้าท่านอาจจะเอามีดทำครัวมาแลกกับอาวุธอันนี้อีก   ซึ่งมันจะทำให้เสียเวลากันไปทุกฝ่าย”
ฟางหงเฟยได้ยินถึงกับอับอายครั้งใหญ่  “เจ้า...เจ้าหมายความว่า” 
มู่หรงหยุนชูเลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม  “ ท่านมีเรื่องอื่นใดที่จะคุยกับข้าอีกหรือไม่”
            “...ไม่มีแล้ว”
            “เช่นนั้น  เชิญ  ข้าคงไม่ส่ง”
            “น้องซู....”  ฟางหงเฟยกำลังจะรั้งตัวมู่หรงหยุนชู    ทว่าหญิงรับใช้ส่วนตัวของนางมาขวางทางไว้พอดี
            “คุณชายฟาง  ประตูเรือนอยู่ด้านนี้เจ้าค่ะ”    ลู่จีสาวใช้ ผายมือไปที่ประตู
            “ข้ารู้   ข้าอยากจะ...”
            “คุณชายฟาง เดินทางปลอดภัยมู่หรงหยุนชูกล่าว
            “ข้ายังไม่อาจไปได้…”
            ใครช่วยพาคุณชายฟางไปส่งด้านนอกด้วย
            น้องซู  หากกระบี่ของสำนักหมิงเจี้ยนไม่มีความหมายอันใดกับเจ้า  ยามเมื่อตระกูลมู่หรงเผชิญภัยอันตราย อย่าได้กล่าวโทษสำนักหมิงเจี้ยนที่ไม่ช่วยเหลือนะ
            ฟางหงเฟยสะบัดแขนเสื้อพลางออกจากจวนมู่หรงไป
            คุณหนู บ่าววิตกว่าความเย็นชาของท่านจะสร้างความขุ่นเคืองให้คุณชายฟางนะเจ้าคะลู่จีสีหน้าเป็นกังวล
            มู่หรงหยุนชูไม่สนใจ  นางตรวจสมุดบัญชีไปเงียบๆในมือซ้าย   พลางดีดลูกคิดในมือขวา
            ปล่อยเขาไป   สุนัขมักเห่าก่อนกัดเสมอ
            “คุณหนูกล่าวถูกต้อง...สุนัขย่อมเป็นสุนัขวันยังค่ำเจ้าค่ะ   ทว่า..มีบางคนถือโอกาสยามบิดาของคู่หมั้นตาย   แล้วมาขอถอนหมั้น   ต่ำยิ่งกว่าสุนัขเสียอีก
            “ข้าก็ไม่ต้องการหมั้นกับสุนัขเสียด้วย
            “…” ลู่จีหมดซึ่งคำพูด
            ต้อนคนให้จนมุม    ถือเป็นเรื่องธรรมดา   ไม่คุ้มค่าจะเก็บไปคิดให้ขุ่นเคืองใจหรอก
            สิ่งที่มู่หรงหยุนชูสนใจคือการหาเงินและนับเงิน  เรื่องอื่นไม่เคยอยู่ในหัวสมองนางเลย
            หากนายท่านมู่หรงยังมีชีวิตอยู่   คงไม่มีใครกล้าล่วงเกินตระกูลมู่หรงหรือคุณหนูได้แน่เจ้าค่ะ
            มู่หรงหยุนชูหยุดนิ้วจากลูกคิด  พลางเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ  ดวงตาเป็นประกายแจ่มใสจ้องมองสาวใช้  ลู่จี  แม้ท่านพ่อข้าจะไม่อยู่แล้ว   คงไม่มีใครบังอาจมาล่วงเกินคนของตระกูลมู่หรงได้
            “คุณหนู....ลู่จีกลืนถ้อยคำนับพันลงคอไป  กลับมีน้ำตาคลอบนดวงตาแทน   นางคิดว่า  คุณหนูของนางนั้นเติบโตขึ้นมากจริงๆ
            มู่หรงหยุนชูเหลือบเห็นน้ำตาของลู่จีพลางกลับมาตรวจสมุดบัญชีอีกครั้ง
            ลู่จี,,,หากเจ้าป่วย   ก็ไปหาหมอเถิด หากไม่มีเงิน  ก็ไปเบิกเอาที่ฝ่ายบัญชี
            “คุณหนู  บ่าวป่วยอันใดหรือเจ้าคะ?” ลู่จีไม่เข้าใจ  นางไม่ได้ป่วยนี่นา
            มีบางอย่างผิดปกติในดวงตาเจ้า
            “…” ลู่จีอึ้งอีกไร้ซึ่งคำพูด
            ตระกูลมู่หรงทำกิจการค้าขาย  เปิดสำนักรับแลกเงิน และกำหนดมูลค่าแร่เงิน  มู่หรงฉิง  บิดาของมู่หรงหยุนชู  เป็นผู้ควบคุมตลาดการค้าทั้งหมด  สำนักรับแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียงภายใต้การบริหารของตระกูลมู่หรงได้ก่อตั้งสาขาไปทั่วทั้งแคว้น    แทบจะครองส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งหมดของแคว้นเลยทีเดียว  เป็นที่นิยมของบุคคลระดับสูงเป็นอันมาก
            ยามที่มู่หรงฉิงยังมีชีวิตอยู่   ตระกูลจิงหลิงมู่หรงแห่งเมืองจิงหลิง  คือสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งและอำนาจ  ผู้คนต่างพากันวิ่งเข้าหา   ทว่าภายหลังจากที่เขาถึงแก่กรรมไปห้าวัน  สาขามากมายของสำนักแลกเงินที่รับประกันตั๋วเงิน  ธุรกรรมกำหนดราคาแร่เงิน   ล้วนถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว   ผู้คนคาดว่านับจากนี้ไปตระกูลมู่หรงนับวันจะตกต่ำลง   คงไม่มีใครเข้าหาเพื่อประจบประแจง และคงไม่มีใครมาคบค้าสมาคมเพื่อหวังเงินทองอีกต่อไป
            แต่ส่วนหนึ่ง มู่หรงหยุนชูรู้สึกพอใจที่เหตุการณ์เป็นดังนี้  นางเติบโตมาแบบเก็บตัวเงียบ  ไม่เป็นที่รู้จักของใครต่อใคร  ตอนมู่หรงฉิงยังมีชีวิตอยู่  คนภายนอกแทบไม่มีโอกาสได้เห็นมู่หรงหยุนชูจึงทำให้พวกเขาคาดเดาไปว่ามู่หรงหยุนชูคงเป็นสตรีโง่งมผู้หนึ่ง   นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตระกูลมู่หรงเสื่อมถอย 
            ทว่า...ทุกคนในตระกูลมู่หรงรู้จักคุณหนูของพวกเขาดี   บุตรสาวคนโตของตระกูลมู่หรงผู้บอบบางมีค่ามากกว่าทองคำ  มู่หรงหยุนชูฉลาดปราดเปรื่องในเรื่องธุรกิจ และเป็นกุนซือผู้เชี่ยวชาญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จทางการค้าระดับล้านตำลึงทองของตระกูลนี้
            มู่หรงหยุนชูไม่มีรู้สึกประทับใจใดๆในตัวฟางหงเฟยเลย   นางรู้เพียงว่าบุรุษหนุ่มผู้นั้นเป็นคุณชายของสำนักดาบเล็กๆ    และเป็นว่าที่สามีในอนาคตของนาง     หากเขาไม่มาพบนางเมื่อเช้านี้   นางอาจส่งจดหมายเทียบเชิญให้เขามาเข้าควบคุมกิจการของตระกูลมู่หรง   และจัดพิธีแต่งงานตามที่ได้หมั้นหมายไปแล้ว    นางไม่คาดคิดว่าเขาจะมาที่จวนนางเพื่อขอถอนหมั้นหลังการตายของท่านพ่อนางผ่านไปเพียงห้าวัน     มู่หรงหยุนชูรู้สึกว่าช่างเป็นเคราะห์ดีที่ฟางหงเฟยขอถอนหมั้น  เพราะว่าหากเงินทองของตระกูลมู่หรงตกไปอยู่ในมือคนอย่างเขา   คงจะถูกผลาญไปในเวลาอันรวดเร็ว
            มู่หรงหยุนชูกระชับผ้าคลุมไหล่   ขณะเงยหน้ามองท้องฟ้าในยามค่ำคืน   นี่เป็นครั้งแรกที่นางถอนหายใจออกมา
*
            ทุกๆวันที่ 15 ของทุกเดือน มู่หรงหยุนจะไปจุดธูปไหว้พระที่วัด  เดือนนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น   ตอนเช้าตรู่นางนั่งเกี้ยวเดินทางจากจวนไปที่วัดวันหยุน    ระหว่างทางที่จะข้ามสะพานอันเก่าแก่     เกี้ยวที่นางนั่งประจัญหน้ากับขบวนแต่งงานยิ่งใหญ่อลังการที่ขวางเส้นทางอยู่
            “คุณหนู   มีขบวนของสำนักดาบที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งขวางทางอยู่เจ้าค่ะ”   ลู่จีสาวใช้เอ่ยเสียงไม่พอใจขณะเลิกผ้าม่านหน้าต่างของเกี้ยวขึ้น
            มู่หรงหยูนซุนเลิกผ้าม่านของเกี้ยวพลางขมวดคิ้ว ไม่ใช่ว่าคุณชายฟางยกเลิกการหมั้นหมายไปแล้วไม่ใช่รึ?”
            มู่หรงหยุนชูค่อนข้างอยากแต่งงานกับสุนัขดีกว่าแต่งงานกับฟางหงเฟย
            “น่าจะยกขบวนไปสำนักคุ้มกันจิ้งหยวนเจ้าค่ะ”  ลู่จีกระซิบ 
            มู่หรงหยุนชูสาบแช่งฟางหงเฟยในใจ    ขอให้เขากินแห้ว   ให้รอไปอีกหลายปีจนแก่คราวลุงถึงจะได้แต่งงาน
            สำนักคุ้มกันเจิ้งหยวนแห่งเมืองจิงหลิงมีผู้คุ้มกันฝืมือระดับพระกาฬจำนวนมาก    มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่าผู้นำสำนักคุ้มกันเจิ้งหยวน  หลินเจิ้งหยวนมีธิดาสาวงดงาม นามว่าหลินชุ่ยเอ๋อร์  คนภายนอกต่างคาดเดากันไปต่างๆนาๆว่าเป็นฟางหงเฟยที่ล่อลวงแม่นางหลินชุ่ยเอ๋อร์ หรือเป็นเพราะอำนาจของพรรคเจิ้งหยวนและความงดงามของหลินชุ่ยเอ๋อร์ที่ล่อลวงฟางหงเฟย
            นั่นไม่เกี่ยวอันใดกับตระกูลมู่หรงของเรา มู่หรงหยุนชูกล่าวสีหน้าเหยียดหยามพลางปล่อยม่านลง ไปกันต่อเถิด
            “คุณหนู ฟางหงเฟยกำลังกั้นสะพานข้างหน้าอยู่เจ้าค่ะ
            ส่งคนไปบอกฟางหงเฟย   บอกเขาให้ไปดูสุนัขบ้าง สุนัขที่ดีย่อมไม่กั้นสะพาน
            “คุณหนู ท่านด่าให้แรงขึ้นกว่านี้อีกสิเจ้าค่ะ
            หากคนของฟางหงเฟยยังกีดขวางทางของเราอยู่   ข้าจะทำยิ่งกว่าด่า
            ลู่จีไปถ่ายทอดข้อความตามคำสั่งของมู่หรงหยุน ซู คุณชายฟาง คุณหนูของเรากล่าวว่าสุนัขที่ดีย่อมไม่กั้นสะพานเจ้าค่ะ หากท่านไม่อยากให้ใครๆเห็นท่านเป็นสุนัขตัวหนึ่ง ได้โปรดหลีกทางด้วย
            สีหน้าฟางหงเฟยพลันมืดครึ้ม   ขี่ม้าผ่านหน้าลู่จีไปอย่างหยิ่งผยอง  ตรงไปยังเกี้ยวของมู่หรงหยุนชู
            เจ้ามีปัญหาอะไรรึ?”  ฟางหงเฟยถาม
            ข้าเองก็อยากรู้ว่าอะไรคือปัญหาเหมือนกันมู่หรงหยุนชูกล่าวผ่านม่านของเกี้ยว
            หยุดทำตัวโง่งมได้แล้ว    ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ยอมรับการถอนหมั้น  บอกเงื่อนไขเจ้ามา และข้าจะทำให้เจ้าพอใจ
            “ท่านคิดว่าข้ามาที่นี่เพื่อก่อกวนท่านงั้นรึ?”
            แล้วเจ้ายังกล้าโป้ปดอีกรึ?”
            ท่านหมายความว่าท่านสามารถเสนอเงื่อนไขที่น่าพอใจให้ข้าใช่หรือไม่?” มู่หรงหยุนชูส่ายหัวอย่างขำๆ
            ตราบเท่าที่เจ้าตกลงจะไม่สร้างปัญหากับพิธีแต่งงานของข้า
            ข้าวิตกว่ท่านคงให้สิ่งที่ข้าต้องการไม่ได้หรอก”   มู่หรงหยุนชูพูดขึ้นช้าๆ
            ฟางหงเฟยยิ้ม   อย่าทำให้ข้าหัวเราะเลย   ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ฟางหงเฟยคนนี้ไม่สามารถหามาให้เจ้าได้
            “เช่นนั้น ยกสำนักดาบหมิงเจี้ยนให้ข้าสิ
            เจ้า!” ฟางหงพลันยิ้มค้าง  รู้สึกจุกคอขึ้นมากระทันหัน
            เจ้ายกให้ข้าได้หรือไม่เล่า?”
            “แน่นอน...”  ฟางหงเฟยพลันหุบปากเอาดื้อๆ   จ้องมู่หรงหยุนชูเขม็งด้วยความโกรธ   ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไปว่า “สุดท้ายเจ้าต้องการอันใดกันแน่?”
            ไปวัดวันหยุนมู่หรงหยุนชูกล่าว
            อะไรนะ?”
            ไปวัดวันหยุน    บริวารของเจ้าขวางทางข้าอยู่
            เจ้าไม่ได้มาที่นี้เพื่อมาชิงตัวข้า ผู้เป็นจ้าวบ่าวหรอกรึ?”
            คุณชายฟาง   ท่านอย่าได้ไร้สาระ    คุณชายทั้งหมดในโลกนี้ตายกันหมดแล้วหรือไร?  เหตุใดข้าจึงอยากลักพาตัวท่านกันเล่า?”
            “มู่หรงหยุนชู!” ฟางหงเฟยตะโกน
            คุณชายฟาง หากไม่มีธุระอื่นใดแล้ว    โปรดหลีกทางด้วย การที่ท่านกำลังไปไม่ทันฤกษ์แต่งงานถือเป็นเรื่องเล็กน้อย  ทว่า...ทำให้ข้าสายเพราะไปไหว้พระไม่ทันฤกษ์ของข้านี่สินับเป็นเรื่องใหญ่
            หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส   ขณะที่ชายหนุ่มได้ยินแล้วถึงกับฉุน
            “มู่หรงหยุนชู เจ้ามันแหกคอกเกินไปแล้ว!
            “คงเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่คนจากตระกูลมู่หรงชอบแหกคอกมู่หรงหยุนชูกล่าว อย่าได้ลืมว่า ตอนที่เจ้าตกลงจะแต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่หรง   เจ้าก็รู้ว่าคนแหกคอกจากตระกูลนี้เป็นเช่นใด
            หญิงสาวยิ่งทำตัวเอ้อระเหยมากขึ้น   ส่วนฝ่ายชายก็ไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก   ทว่ายังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม   ฟางหงเฟยพบว่าตระกูลมู่หรงยังมีอำนาจและอิทธิพลหลงเหลืออยู่    ดังนั้นจึงยังไม่ใช่จังหวะเหมาะสมที่ทั้งสองฝ่ายจะเผชิญหน้ากัน
            ศิษย์สำนักหมิงเจี้ยน เปิดทางให้ตระกูลมู่หรงฟางหงเฟยชักม้ากลับมาสั่งบริวารของตน
            คนของสำนักดาบหมิงเจี้ยนแยกตัวออกเป็น 2 แถว  ดูคล้ายๆกับแถวต้อนรับเกียรติยศ   ปล่อยให้เกี้ยวของมู่หรงหยุนชูผ่านไปตรงกลางราวกับนางเป็นฮองเฮา
            คุณหนู ท่านได้รับความเคารพที่ยิ่งใหญ่นักลู่จีเดินหัวเราะคิกคัก
            ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดราวกับกองทัพฮ่องเต้มาคารวะเราหรอกมู่หรงหยุนชูไม่รู้สึกยินดีไปด้วย  
            เหตุการณ์ไร้สาระบนสะพาน แม้จะเป็นเรื่องเข้าใจผิด   ทว่าสามวันต่อมา   มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมืองจิงหลิงว่า มู่หรงหยุนชูพยายามไปชิงตัวเจ้าบ่าว ฟางหงเฟยบนสะพาน
            คุณหนู ต้องเป็นฝีมือคนของสำนักดาบหมิงเจี้ยนแน่เลยเจ้าค่ะที่แพร่ข่าวลือนี้ลู่จีกล่าว
            อืมมู่หรงหยุนชูคิดว่าฟางหงเฟยชักทำตัวเป็นอันธพาลมากเกินไปแล้ว
            ฟางหงเฟยต้องโกรธบ่าวมากแน่ๆเจ้าค่ะ   เขาช่างชั่วช้าเลวทรามนัก
            “อืม
            คุณหนู”    ลู่จีถือเก็บหนังสือบนโต๊ะทั้งหมดไว้ในอ้อมแขนพลางก้าวถอยหลัง  “ท่านเอาแต่อ่านหนังสือเงียบๆได้อย่างไรในเมื่อใครๆกำลังดูถูกท่านว่าเป็นหญิงขี้หึงหวง?”   
            มู่หรงหยุนชูชะงักวางพู่กันลง ข่าวลือนั่นจริงรึ?”
            “แน่นอน...ไม่เจ้าค่ะ
            “แล้วเจ้าจะใส่ใจไปทำไม”
            เป็นเพราะข่าวลือนั้นผิดทั้งเพเจ้าค่ะ   บ่าวอยากแก้แค้นให้คุณหนู คุณหนูเป็นผู้บริสุทธิ์
            “เจ้าอยากแก้แค้นให้ข้าอย่างไรตัดลิ้นพวกเขารึ? ควักลูกตาพวกเขารึ? หรือตัดหัวพวกเขาดีเล่า?”
            “คุณหนู...อย่าให้โหดเหี้ยมเพียงนั้นเลยเจ้าค่ะ
            ลู่จี เป็นเจ้าที่อยากแก้แค้นให้ข้าเองนะ
            แต่บ่าวไม่ได้อยากทำร้ายร่างกายพวกเขานะเจ้าคะลู่จีกล่าวอธิบาย
            เช่นนั้น เจ้าจะแก้แค้นให้ข้าอย่างไรดี?” มู่หรงหยุนชูถามขึ้น
            “…” ลู่จีอับจนคำพูด
            วางหนังสือลงได้แล้ว   แล้วไปเรียกพ่อบ้านมาพบข้าหน่อยสิ
            พลันพ่อบ้านวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องหนังสือพลางตะโกนขึ้น
            คุณหนู..มีปัญหาแล้วขอรับ
            ปัญหาอันใดรึ?” มู่หรงหยุนชูพลันหรี่ตามอง
            “คนพรรคมาร  มา....
            พอได้ยินคำว่า มาร’  หัวใจมู่หรงหยุนพลันเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ  ตระกูลมู่หรงและพรรคมารไม่เคยเป็นศัตรูกัน 
            “มาทำอะไร?”

            พวกเขา...มา”  พ่อบ้านผู้มีสีหน้าลำบากใจลังเลไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวว่า   “เพื่อส่งเทียบสู่ขอคุณหนูแต่งงานขอรับ” 

4 ความคิดเห็น: