มู่หรงหยุนชูเมื่อได้ยินรายงานพลันตกตะลึงไปชั่วขณะ “อ้าว เจ้าร้องให้ทำไม?” ไม่ใช่ข่าวดีรึที่มีคนอยากแต่งงานกับข้า?”
“แต่อีกฝ่ายคือประมุขพรรคมารนะขอรับ…อา” พ่อบ้านกล่าว
“ประมุขพรรคมารมิใช่ผู้ชายหรอกรึ ?”
“เขาเป็นผู้ชายทั้งแท่งขอรับ”
“เช่นนั้นแล้ว..ก็ถือว่าเป็นข่าวดี” หมู่หรงหยุนชูทิ้งคำพูดไว้พลางเดินไปห้องรับรอง
อย่างไม่รีบร้อน พ่อบ้านคิดถึงคำพูดของนายหญิงอยู่นาน แต่ทำอย่างไรก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี “ตระกูลมู่หรงเราขาดแคลนผู้ชายรึ?”
“ไม่ขาดแคลนสักหน่อย”
ลู่จีเห็นใจท่านพ่อบ้านนัก “มีแต่คุณหนูคนเดียวที่ขาดแคลน”
“จริงรึ?” พ่อบ้านชราครุ่นคิดสักพักพลางเอ่ยขึ้น
“ลูกชายของญาติของพ่อของอนุของลูกชายคนโตของพ่อของลูกสาวของลูกชายลุงข้าอยู่ในเหมืองหลวง และยังเป็นโสด
หรือจะแนะนำให้แก่คุณหนูดี “
“ท่านเก็บเอาไว้เองเถิด” ลู่จีทำสีหน้าเอือมระอาพลันผละตามหลังมู่หรงหยุนชูไปทันที
หัวหน้าผู้คุมกฏทิศทั้งสี่
ยืนอยู่กลางโถงรับรอง ด้านหลังมีชายฉกรรจ์หลายสิบคนยืนเรียงแถวอยู่ ในมือถือหีบเงินตำลึงจำนวนสิบหีบ
“ท่านทั้งหลาย เชิญนั่ง”
มู่หรงหยุนชูกล่าวตามมรรยาท “เด็กๆ
น้ำชา”
“ไม่ต้องหรอกขอรับ” หัวหน้าทิศบูรพาโบกมือให้คนของเขานำหีบเข้ามา “พวกข้าน้อยมาในนามของท่านประมุขเพื่อมาทาบทามสู่ขอคุณหนูมู่หรงแต่งงานขอรับ ขอให้คุณหนูโปรดดูนี่” มู่หรงหยุนชูไม่ได้มองชายตรงหน้าเลย ทว่าเอาแต่จ้องหีบใส่เงินตำลึงจำนวนสิบหีบ ใจเริ่มกระวนกระวาย ครานี้ตระกูลมู่หรงมีปัญหาด้านการเงินมาก หลังจากบิดานางสิ้นไป สำนักดาบหมิงเจี้ยนยกเลิกการหมั้น รวมทั้งข่าวลือเรื่องชิงตัวเจ้าบ่าวคนอื่น ทำให้ผู้คนต่างลดความเชื่อมั่นในสำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียน
ผู้คนเริ่มหันไปใช้เงินสดแทนตั๋วแลกเงินมากขึ้น เงินทองเริ่มไหลออกจากกิจการไม่หยุด ถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป นางเกรงว่าคงจะยื้อไว้ได้อีกไม่นาน
เงินตำลึงสิบหีบนี้ น่าจะนำมาอุดรอยรั่วของกิจการตระกูลนางได้
อย่างไรก็ดี นางคือทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมู่หรง นางคงไม่สามารถแต่งออกไปได้
“ข้าทราบแล้ว” มู่หรงหยุนชูกล่าว “เด็กๆเชิญแขกกลับไป คุณหนูตระกูลมู่หรงจะไม่แต่งงานเข้าตระกูลใด”
“เช่นนั้นแล้ว ท่านประมุขของเราสามารถแต่งเข้าตระกูลมู่หรงได้หรือไม่ขอรับ?”
หัวหน้าโม่ทิศทักษิณถามขึ้น
“เขามือด้วนเท้าด้วนหรือไม่”
ไม่ว่าจะเป็นผู้นำพรรคใดๆ
หรือเสนาบดีหลวงใดๆต่างเสนอของหมั้นเป็นเงินหลายตำลึงเงินแก่ตระกูลมู่หรง ถือเป็นเรื่องธรรมดามาก เพราะว่าตระกูลมู่หรงร่ำรวยกว่ามากนัก ทว่า...ประมุขพรรคคนหนึ่งเสนอของหมั้นเป็นเงินตำลึงเงิน10หีบแก่ตระกูลมู่หรงนับว่าไม่ธรรมดา
“ข้าน้อยคิดว่าท่านประมุขเราคงสมองด้วนขอรับ”
หัวหน้าโม่ทิศทักษิณกล่าว
“ชัดเจนว่าผู้นำของพวกเราคงขาดสามัญสำนึกด้วย“ หัวหน้าโม่ทิศพายัพกล่าวเสริม “นายท่านเป็นหนุ่มรูปงาม เต็มไปด้วยพรสวรรค์ บุคลิกภาพแปรปรวน อารมณ์ร้าย
หากกิตติศัพท์ด้านความโหดเหี้ยมอำมหิตได้รับการเพิกเฉยเช่นนี้”
สมุนพรรคโม่เจียวไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านผู้นำที่ทรงอำนาจและรูปงามประสงค์จะแต่งเข้าไปในตระกูลมู่หรง เช่นนั้นพวกเขาจึงคาดเดาว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับสมองของนายท่านเป็นแน่
“หากไม่นับกิตติศัพท์อันโหดเหี้ยมอำมหิตของท่านประมุขเรา”
หัวหน้าโม่ทิศบูรพากล่าวขึ้น “นายท่านก็เป็นคุณชายธรรมดาๆท่านหนึ่ง”
“พวกเจ้าแน่ใจรึว่านายท่านของพวกเจ้าจะแต่งเข้าตระกูลมู่หรงของข้า?”
มู่หรงหยุนชูถามย้ำอีกครั้ง
นางสังหรณ์ว่าน่าจะมีแผนการลับลมคมในอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ และไม่ได้พุ่งเป้ามาที่นางโดยตรง
แต่ช่างปะไรในเมื่อกิจการของตระกูลนางกำลังแขวนบนเส้นด้ายนี่
“พวกข้าน้อยแน่ใจขอรับ” หัวหน้าโม่ทิศทั้ง4กล่าวขึ้นพร้อมกัน
“ดูเหมือนว่าผู้นำพวกท่านเป็นสุภาพบุรุษที่เกินธรรมดาจริงๆ”
มู่หรงหยุนชูคลี่ยิ้มบางๆ
“ฮูหยินชูใจกว้างเกินไปแล้ว
“ หัวหน้าทิศทั้งสี่กล่าวขึ้นพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง
หรงหยุนชูสงสัยว่าหัวหน้าทิศทั้งสี่นี่อาจเป็นฝาแฝดกัน
“ประมุขพวกเจ้ายังไม่ได้แต่งเข้ามาในตระกูลมู่หรง
เช่นนั้น โปรดเรียกข้าว่าคุณหนูมู่หรง”
“อีกไม่นาน พวกข้าน้อยจะเรียกท่านว่าฮูหยินชูขอรับ”
หัวหน้าโม่ทิศเหนือกล่าว “ศิษย์โม่เจียวทุกคนไม่ได้ยึดติดกับแบบแผนมากนัก”
“แม้พวกเจ้าเรียกข้าว่าฮูหยินชู
ข้ายังต้องไว้ทุกข์เป็นเวลา3ปี อีกตั้ง3ปีก่อนผู้นำพวกเจ้าจะแต่งเข้าตระกูลมู่หรงของข้า
มู่หรงฉิงผู้พ่อไม่ได้ให้ความสำคัญกับรูปแบบการไว้ทุกข์เลย ทว่า...นางปรารถนาจะสืบหาแรงจูงใจเบื้องหลังของว่าที่คู่หมั้นนางก่อน
“การตกลงรับหมั้นให้กับผู้นำของเราคือจุดประสงค์ที่พวกข้าน้อยมาเยือนขอรับ”
หัวหน้าโม่ทิศพายัพกล่าว “พวกข้าน้อยจะกลับไปแจ้งข่าวดีกับท่านประมุข”
“ตามสบายเถิด”
หัวหน้าทิศทั้งสี่เดินนำออกไป ตามมาด้วยชายฉกรรจ์ที่เหลือพร้อมแบกเงินตำลึงจำนวนสิบหีบออกไปจากโถงรับรองด้วย
มู่หรงหยุนชูขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ทว่า..เหตุใดพวกเจ้าถึงนำหีบตำลึงเงินกลับไปด้วยเล่า? มันไม่ใช่ของหมั้นหรอกรึ?”
ชายทุกคนหยุดเดินทันที “หีบเหล่านี้คือของหมั้น” หัวหน้าโม่ทิศบูรพาชี้แจง “เนื่องจากท่านผู้นำของพวกข้าน้อยจะแต่งเข้าจวนมู่หรง
ตามประเพณีแล้วฮูหยินชูต้องเป็นฝ่ายพาแม่สื่อและนำของหมั้นไปที่จวนหัวเฟิงขอรับ”
มู่หรงหยุนชูรู้สึกราวกับนางโดนปล้นกลางวันแสกๆ จ่ายเงินให้แม่สื่อแล้วยังเสียเงินตำลึงเงิน10หีบเป็นค่าของหมั้นอีก
มันช่างขาดทุนอย่างมหาศาล
สำนักแลกเงินของตระกูลมู่หรงกำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ แล้วนางจะไปหาของหมั้นมาจากไหน แต่นี่มันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นสำคัญคือนางไปตกปากรับคำหมั้นด้วยเงินตำลึงเงินจำนวน10หีบไปแล้วใช่หรือเปล่านะ
ในเมื่อนางไม่มีปัญญาหาเงิน10หีบมาเป็นของหมั้นได้
การแต่งงานครั้งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไปแล้ว
หัวหน้าทิศบูรพาเห็นสีหน้ากลัดกลุ้มของมู่หรงหยุนชู จึงตีความหมายไปอีกทาง เขาแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “ฮูหยินชู
อย่าได้กังวลไปขอรับ ผู้นำของพวกข้าน้อยเป็นเจ้าบ่าวราคาถูก นายท่านพึงพอใจแค่ขอให้ได้หมูย่างที่มีน้ำหนักเท่ากับตัวนายท่านขอรับ”
“ข้าไม่รู้น้ำหนักของเขานี่” อันที่จริงมู่หรงหยุนชูควรจะพูดว่าไม่ได้รังเกียจที่จะจ่ายเงินจ้างแม่สื่อและเสนอเงินตำลึงเงิน10หีบ
“ถ้าตอบแบบระมัดระวังตัว” หัวหน้าโม่ทิศทักษิณกล่าวขึ้น “น้ำหนักเจ้าพรรคข้าน้อยไม่มากกว่า260ชั่งขอรับ”
“ข้าน้อยได้ยินว่าราคาหมูช่วงนี้สูงขึ้นด้วย” หัวหน้าโม่ทิศประจิมกล่าวเสริม
“แล้วข้าน้อยจะแนะนำให้ท่านประมุขลดน้ำหนักขอรับ” หัวหน้าโม่ทิศพายัพกล่าวช่วย
“ถ้างั้นเชิญพวกท่าน ข้าคงไม่ส่งล่ะนะ” มู่หรงหยุนชูยืนขึ้น เมื่อคนพรรคมารกลับไปแล้ว หญิงสาวพลันสีหน้าหดหู่สิ้นหวัง นั่งลงไปบนเก้าอี้ใหม่
การหมั้นหมายที่ไม่คาดฝันกับประมุขพรรคโม่เจียวทำให้มู่หรงหยุนชูเกิดคำถามในใจว่านางไปก่อกรรมอันใดมานะเหตุใดถึงต้องมารับโทษตายเช่นนี้
หมายเหตุ 1 ชั่ง =0.5 กิโลกรัม ,260 ชั่ง=130 กิโลกรัม
^^
ตอบลบสนุกมากครับ ชอบมากนิยายแนวนี้
ตอบลบรู้สึกได้ถึงความฮา
ตอบลบฮาดีนะคะ
ตอบลบ