วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ภรรยาข้าผู้ร้ายกาจเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2 ถูกท่านประมุขจู่โจม

              มู่หรงหยุนชูเมื่อได้ยินรายงานพลันตกตะลึงไปชั่วขณะ  “อ้าว  เจ้าร้องให้ทำไม?”   ไม่ใช่ข่าวดีรึที่มีคนอยากแต่งงานกับข้า?”
            แต่อีกฝ่ายคือประมุขพรรคมารนะขอรับอา พ่อบ้านกล่าว
            ประมุขพรรคมารมิใช่ผู้ชายหรอกรึ ?”
            “เขาเป็นผู้ชายทั้งแท่งขอรับ
            “เช่นนั้นแล้ว..ก็ถือว่าเป็นข่าวดี”  หมู่หรงหยุนชูทิ้งคำพูดไว้พลางเดินไปห้องรับรอง
อย่างไม่รีบร้อน    พ่อบ้านคิดถึงคำพูดของนายหญิงอยู่นาน   แต่ทำอย่างไรก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี  “ตระกูลมู่หรงเราขาดแคลนผู้ชายรึ?” 

            “ไม่ขาดแคลนสักหน่อย”   ลู่จีเห็นใจท่านพ่อบ้านนัก  “มีแต่คุณหนูคนเดียวที่ขาดแคลน”
            “จริงรึ?”  พ่อบ้านชราครุ่นคิดสักพักพลางเอ่ยขึ้น  “ลูกชายของญาติของพ่อของอนุของลูกชายคนโตของพ่อของลูกสาวของลูกชายลุงข้าอยู่ในเหมืองหลวง  และยังเป็นโสด  หรือจะแนะนำให้แก่คุณหนูดี “ 
 “ท่านเก็บเอาไว้เองเถิด”  ลู่จีทำสีหน้าเอือมระอาพลันผละตามหลังมู่หรงหยุนชูไปทันที
            หัวหน้าผู้คุมกฏทิศทั้งสี่ ยืนอยู่กลางโถงรับรอง  ด้านหลังมีชายฉกรรจ์หลายสิบคนยืนเรียงแถวอยู่  ในมือถือหีบเงินตำลึงจำนวนสิบหีบ
            “ท่านทั้งหลาย  เชิญนั่ง”  มู่หรงหยุนชูกล่าวตามมรรยาท  “เด็กๆ น้ำชา”
            “ไม่ต้องหรอกขอรับ”  หัวหน้าทิศบูรพาโบกมือให้คนของเขานำหีบเข้ามา “พวกข้าน้อยมาในนามของท่านประมุขเพื่อมาทาบทามสู่ขอคุณหนูมู่หรงแต่งงานขอรับ  ขอให้คุณหนูโปรดดูนี่”  มู่หรงหยุนชูไม่ได้มองชายตรงหน้าเลย   ทว่าเอาแต่จ้องหีบใส่เงินตำลึงจำนวนสิบหีบ  ใจเริ่มกระวนกระวาย  ครานี้ตระกูลมู่หรงมีปัญหาด้านการเงินมาก   หลังจากบิดานางสิ้นไป   สำนักดาบหมิงเจี้ยนยกเลิกการหมั้น  รวมทั้งข่าวลือเรื่องชิงตัวเจ้าบ่าวคนอื่น    ทำให้ผู้คนต่างลดความเชื่อมั่นในสำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียน   ผู้คนเริ่มหันไปใช้เงินสดแทนตั๋วแลกเงินมากขึ้น   เงินทองเริ่มไหลออกจากกิจการไม่หยุด    ถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป  นางเกรงว่าคงจะยื้อไว้ได้อีกไม่นาน
            เงินตำลึงสิบหีบนี้  น่าจะนำมาอุดรอยรั่วของกิจการตระกูลนางได้
            อย่างไรก็ดี  นางคือทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมู่หรง    นางคงไม่สามารถแต่งออกไปได้
             ข้าทราบแล้วมู่หรงหยุนชูกล่าว เด็กๆเชิญแขกกลับไป  คุณหนูตระกูลมู่หรงจะไม่แต่งงานเข้าตระกูลใด
            “เช่นนั้นแล้ว  ท่านประมุขของเราสามารถแต่งเข้าตระกูลมู่หรงได้หรือไม่ขอรับ?” หัวหน้าโม่ทิศทักษิณถามขึ้น 
            เขามือด้วนเท้าด้วนหรือไม่
            ไม่ว่าจะเป็นผู้นำพรรคใดๆ หรือเสนาบดีหลวงใดๆต่างเสนอของหมั้นเป็นเงินหลายตำลึงเงินแก่ตระกูลมู่หรง  ถือเป็นเรื่องธรรมดามาก  เพราะว่าตระกูลมู่หรงร่ำรวยกว่ามากนัก  ทว่า...ประมุขพรรคคนหนึ่งเสนอของหมั้นเป็นเงินตำลึงเงิน10หีบแก่ตระกูลมู่หรงนับว่าไม่ธรรมดา
            ข้าน้อยคิดว่าท่านประมุขเราคงสมองด้วนขอรับหัวหน้าโม่ทิศทักษิณกล่าว
            ชัดเจนว่าผู้นำของพวกเราคงขาดสามัญสำนึกด้วย“  หัวหน้าโม่ทิศพายัพกล่าวเสริม นายท่านเป็นหนุ่มรูปงาม  เต็มไปด้วยพรสวรรค์  บุคลิกภาพแปรปรวน  อารมณ์ร้าย   หากกิตติศัพท์ด้านความโหดเหี้ยมอำมหิตได้รับการเพิกเฉยเช่นนี้
            สมุนพรรคโม่เจียวไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านผู้นำที่ทรงอำนาจและรูปงามประสงค์จะแต่งเข้าไปในตระกูลมู่หรง  เช่นนั้นพวกเขาจึงคาดเดาว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับสมองของนายท่านเป็นแน่
            หากไม่นับกิตติศัพท์อันโหดเหี้ยมอำมหิตของท่านประมุขเราหัวหน้าโม่ทิศบูรพากล่าวขึ้น นายท่านก็เป็นคุณชายธรรมดาๆท่านหนึ่ง
            “พวกเจ้าแน่ใจรึว่านายท่านของพวกเจ้าจะแต่งเข้าตระกูลมู่หรงของข้า?” มู่หรงหยุนชูถามย้ำอีกครั้ง  นางสังหรณ์ว่าน่าจะมีแผนการลับลมคมในอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้  และไม่ได้พุ่งเป้ามาที่นางโดยตรง    แต่ช่างปะไรในเมื่อกิจการของตระกูลนางกำลังแขวนบนเส้นด้ายนี่
            พวกข้าน้อยแน่ใจขอรับหัวหน้าโม่ทิศทั้ง4กล่าวขึ้นพร้อมกัน
            ดูเหมือนว่าผู้นำพวกท่านเป็นสุภาพบุรุษที่เกินธรรมดาจริงๆมู่หรงหยุนชูคลี่ยิ้มบางๆ
            “ฮูหยินชูใจกว้างเกินไปแล้ว หัวหน้าทิศทั้งสี่กล่าวขึ้นพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง
            หรงหยุนชูสงสัยว่าหัวหน้าทิศทั้งสี่นี่อาจเป็นฝาแฝดกัน   “ประมุขพวกเจ้ายังไม่ได้แต่งเข้ามาในตระกูลมู่หรง    เช่นนั้น โปรดเรียกข้าว่าคุณหนูมู่หรง
            “อีกไม่นาน   พวกข้าน้อยจะเรียกท่านว่าฮูหยินชูขอรับหัวหน้าโม่ทิศเหนือกล่าว  ศิษย์โม่เจียวทุกคนไม่ได้ยึดติดกับแบบแผนมากนัก
            “แม้พวกเจ้าเรียกข้าว่าฮูหยินชู ข้ายังต้องไว้ทุกข์เป็นเวลา3ปี    อีกตั้ง3ปีก่อนผู้นำพวกเจ้าจะแต่งเข้าตระกูลมู่หรงของข้า
            มู่หรงฉิงผู้พ่อไม่ได้ให้ความสำคัญกับรูปแบบการไว้ทุกข์เลย  ทว่า...นางปรารถนาจะสืบหาแรงจูงใจเบื้องหลังของว่าที่คู่หมั้นนางก่อน
            การตกลงรับหมั้นให้กับผู้นำของเราคือจุดประสงค์ที่พวกข้าน้อยมาเยือนขอรับหัวหน้าโม่ทิศพายัพกล่าว พวกข้าน้อยจะกลับไปแจ้งข่าวดีกับท่านประมุข
            “ตามสบายเถิด
หัวหน้าทิศทั้งสี่เดินนำออกไป  ตามมาด้วยชายฉกรรจ์ที่เหลือพร้อมแบกเงินตำลึงจำนวนสิบหีบออกไปจากโถงรับรองด้วย
มู่หรงหยุนชูขมวดคิ้วด้วยความสงสัย   ทว่า..เหตุใดพวกเจ้าถึงนำหีบตำลึงเงินกลับไปด้วยเล่า?   มันไม่ใช่ของหมั้นหรอกรึ?
            ชายทุกคนหยุดเดินทันที  หีบเหล่านี้คือของหมั้นหัวหน้าโม่ทิศบูรพาชี้แจง  เนื่องจากท่านผู้นำของพวกข้าน้อยจะแต่งเข้าจวนมู่หรง  ตามประเพณีแล้วฮูหยินชูต้องเป็นฝ่ายพาแม่สื่อและนำของหมั้นไปที่จวนหัวเฟิงขอรับ
            มู่หรงหยุนชูรู้สึกราวกับนางโดนปล้นกลางวันแสกๆ  จ่ายเงินให้แม่สื่อแล้วยังเสียเงินตำลึงเงิน10หีบเป็นค่าของหมั้นอีก   มันช่างขาดทุนอย่างมหาศาล
สำนักแลกเงินของตระกูลมู่หรงกำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ   แล้วนางจะไปหาของหมั้นมาจากไหน  แต่นี่มันไม่ใช่ประเด็น   ประเด็นสำคัญคือนางไปตกปากรับคำหมั้นด้วยเงินตำลึงเงินจำนวน10หีบไปแล้วใช่หรือเปล่านะ   ในเมื่อนางไม่มีปัญญาหาเงิน10หีบมาเป็นของหมั้นได้   การแต่งงานครั้งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไปแล้ว
            หัวหน้าทิศบูรพาเห็นสีหน้ากลัดกลุ้มของมู่หรงหยุนชู    จึงตีความหมายไปอีกทาง    เขาแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า   ฮูหยินชู  อย่าได้กังวลไปขอรับ  ผู้นำของพวกข้าน้อยเป็นเจ้าบ่าวราคาถูก   นายท่านพึงพอใจแค่ขอให้ได้หมูย่างที่มีน้ำหนักเท่ากับตัวนายท่านขอรับ
            “ข้าไม่รู้น้ำหนักของเขานี่  อันที่จริงมู่หรงหยุนชูควรจะพูดว่าไม่ได้รังเกียจที่จะจ่ายเงินจ้างแม่สื่อและเสนอเงินตำลึงเงิน10หีบ
            ถ้าตอบแบบระมัดระวังตัวหัวหน้าโม่ทิศทักษิณกล่าวขึ้น น้ำหนักเจ้าพรรคข้าน้อยไม่มากกว่า260ชั่งขอรับ
            “ข้าน้อยได้ยินว่าราคาหมูช่วงนี้สูงขึ้นด้วย”  หัวหน้าโม่ทิศประจิมกล่าวเสริม
            แล้วข้าน้อยจะแนะนำให้ท่านประมุขลดน้ำหนักขอรับ”  หัวหน้าโม่ทิศพายัพกล่าวช่วย
            “ถ้างั้นเชิญพวกท่าน   ข้าคงไม่ส่งล่ะนะ”   มู่หรงหยุนชูยืนขึ้น   เมื่อคนพรรคมารกลับไปแล้ว  หญิงสาวพลันสีหน้าหดหู่สิ้นหวัง  นั่งลงไปบนเก้าอี้ใหม่ 
            การหมั้นหมายที่ไม่คาดฝันกับประมุขพรรคโม่เจียวทำให้มู่หรงหยุนชูเกิดคำถามในใจว่านางไปก่อกรรมอันใดมานะเหตุใดถึงต้องมารับโทษตายเช่นนี้
หมายเหตุ 1 ชั่ง =0.5 กิโลกรัม  ,260 ชั่ง=130 กิโลกรัม
            

4 ความคิดเห็น: