วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ภรรยาข้าผู้ร้ายกาจเจ้าเล่ห์ -บทที่ 3 ประมุขมารผู้แปลกประหลาด

             “คุณหนู  ท่านถูกบังคับให้แต่งให้ประมุขพรรคโมเจี่ยวหรือเจ้าคะ?” ลู่จีถามมู่หรงหยุนชูด้วยความร้อนรน
            “คล้ายๆจะอย่างนั้นนะ”  มู่หรงหยุนชูสีหน้าไม่ยินดียินร้าย
แต่ว่า.. ประมุขพรรคโม่เจี่ยวผู้นี้มีชื่อเสียงเลวร้ายนะเจ้าคะ  เขาไม่ใช่คนดี
อืม...ข้า...ข้าต้องแต่งเพื่อกิจการ
คุณหนู  แต่คู่หมั้นท่านคือประมุขพรรคโม่เจี่ยวลู่จีเน้นย้ำอีกครั้ง

แล้ว...มีอันใดรึ
พรรคโม่เจี่ยวเป็นพรรคมาร   เป็นศัตรูตัวฉกาจ ของแคว้นเราและโลกยุทธภพนะเจ้าคะ”
ทว่า..ฟางหงเฟยก็เป็นประมุขสำนักดาบหมิงเจี้ยนที่มีชื่อเสียงน้อยกว่า
ลู่จีแข็งค้างไปชั่วขณะพลันถามขึ้น  คุณหนู  ท่านหมายความว่าไม่ทุกคนจากสำนักหมิงเจี้ยนเป็นคนดีและไม่ทุกคนจากพรรคโม่เจี่ยวเป็นคนเลวอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”  
อืม
 มู่หรงหยุนชูไม่ได้ข้องเกี่ยวกับการเมืองในโลกยุทธภพนัก  ในฐานะคนนอกนางเคยได้ยินมาว่าประมุขพรรคโม่เจี่ยว ชูจางเคอะไร้เมตตาและมีอิทธิพลสูง  แม้แต่บรรดาผู้นำยุทธจักรต่างๆ รวมทั้งผู้นำสำนักลัทธิเต๋า ยังไม่กล้าต่อกรกับฉู่ฉางเกอเลย   เพราะเหตุใดชายผู้ทรงอำนาจเช่นฉู่ฉางเกอถึงประสงค์จะแต่งงานกับนาง?”  เพราะอำนาจรึไม่นี่... ไม่มีศัตรูคนใดที่เขาเกรงกลัว  หรือเพราะสถานะทางสังคมรึ  เอก็ไม่... เขาเป็นคนที่จะเลือกแต่งงานกับหญิงสาวจากตระกูลร่ำรวยและมียศศักดิ์คนใดก็ได้  เพราะเงินรึ  นี่อาจเป็นไปได้ถ้าเป็นเมื่อก่อน   เนื่องจากตอนนี้ตระกูลมู่หรงไม่ได้ร่ำรวยอู้ฟู่แล้ว   เพราะความงามรึนางตรวจดูว่าผ้าเช็ดหน้าไหมยังคลุมปิดบังใบหน้านางอยู่ไหม  พลันใบหน้านางเปลี่ยนเป็นสีแดง   รู้สึกเขินอายจนอยากเอาหน้ามุดดินให้รู้แล้วรู้รอด   คงไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขาจะเคยเห็นใบหน้านาง  ถ้าไม่....
อยู่ดีๆลู่จีก็ร้องขึ้น  คุณหนู ท่านทำสิ่งใดหายไปหรือเจ้าคะบ่าวจะช่วยหาให้ท่านเจ้าค่ะ” 
ข้าทำตุ้มหูข้างหนึ่งหายไป  หากเจ้าหาพบ  ข้ายกให้เจ้าเลย”  มู่หรงหยุนชูยังคงเขินอาย   รู้สึกเหมือนเป็นไข้ขึ้นมาเล็กน้อย  นางจึงเดินกับเรือนพัก
แล้วตกลงมันอยู่ที่ไหนหรือเจ้าคะ?”  ลู่จีพึมพำขณะมองของไปรอบๆ
มู่หรงหยุนชูยกยิ้มขำและรู้สึกว่านางช่างโชคดีที่มีคนใช้โง่งมเช่นนี้
***********
ณ จวนหัวเฟิง หัวหน้าโม่ทิศทั้งสี่มารายงานความคืบหน้าต่อท่านประมุข
แต่งเข้าตระกูลมู่หรงอย่างนั้นรึ?”  ฉู่ฉางเกอถามและระเบิดหัวเราะออกมา ฮ่าฮ่าฮ่า...ทั่วหล้าคงหัวเราะเยาะข้าที่ลงทุนขนาดนี้
ฮูหยินชูกล่าวว่านางเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลมู่หรงจึงไม่สามารถแต่งเข้าตระกูลใดได้ “  หัวหน้าโม่ทิศพายัพสบตาท่านประมุขพลางเล่าว่า  ดูเหมือนท่านประมุขเราคงต้องแต่งเข้าตระกูลมู่หรงเองขอรับ
“นางปฏิเสธการแต่งงานเข้าพรรคโม่เจี่ยวรึ?”   ใบหน้าของประมุขรูปงามพลันมืดครึ้มกล่าวน้ำเสียงเย็นชา  “เพราะเหตุใด?”  ชายหนุ่มหันหน้ากับมาอย่างรวดเร็ว
หัวหน้าทิศพายัพถอยหลังไป2ก้าวเพื่อให้ห่างจากผู้นำพรรคที่กำลังอารมณ์แปรปรวน   ฮูหยินชูไม่ได้กล่าวว่านางไม่ประสงค์แต่งให้นายท่าน  หรือกล่าวว่านางจะไม่ยอมนอนร่วมเรียงเคียงหมอนกับนายท่าน
อันที่จริง  ถือว่าเป็นข้อดีนะขอรับ  หัวหน้าโม่ทิศทักษิณพยายามคลี่คลายบรรยากาศอันตึงเครียด  นายท่านจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าของหมั้นไงขอรับ
นางคืนของหมั้นกลับมารึ?” ชูจางเคอะหรี่ตาพลางคาดคั้น  ข้าออกคำสั่งไปว่าอย่างไรก่อนทุกคนจะออกเดินทางไปตระกูลมู่หรง?”
ทำให้ฮูหยินชูรับของหมั้นขอรับ!” หัวหน้าทิศทั้งสี่กล่าวขึ้นพร้อมเพียงกัน
เช่นนั้นแล้วเกิดอันใดขึ้น?” 
ฮูหยินชูรับปากว่าจะรับหมั้น....ข้าน้อยจะกลับและ... หัวหน้าโม่ทิศบูรพาเริ่มสติแตกพลางกล่าวตะกุกตะกัก
ไม่ต้องพูดอีกแล้ว!”  เสียงเฉียบขาดของฉู่ฉางเกอดังขึ้น
ฉู่ฉางเกอเคาะดาบอันคมปลาบที่วางอยู่บนโต๊ะอยู่ครึ่งค่อนวัน ในขณะที่พวกหัวหน้าทิศทั้งสี่ยืนนิ่งขาแข็งเหงื่อแตก  ในที่สุดท่านประมุขค่อยๆคลี่ยิ้ม  ไปเตรียมของหมั้นเดี๋ยวนี้
หัวหน้าโม่ทิศทั้งสี่สำนึกถึงรอยยิ้มอันตรายบนใบหน้าท่านประมุขที่พวกตนคุ้นเคยดี  พลันขนลุกพรึบ  พลางก้าวถอยหลังกลับไปอย่างพร้อมเพียงกัน   อันที่จริงหัวหน้าทิศทั้งสี่อยากจะบอกเจ้านายว่า  ทางมู่หรงหยุนชูจะเป็นฝ่ายเตรียมของหมั้นมาให้  แต่ก็สายไปเสียแล้ว  เมื่อพวกเขาเห็นรอยยิ้มปีศาจบนใบหน้าของชายหนุ่ม  ความกระตือรือร้นที่จะอธิบายพลันหายวับไปกับตา
ท่านประมุขฉู่ ของหมั้นแบบใดที่นายท่านประสงค์จะให้พวกข้าน้อยเตรียมการขอรับ?”  หัวหน้าทิศบูรพากล่าว
เคยได้ยินเรื่องของขวัญสีแดง10อย่างหรือไม่?”  ฉู่ฉางเกอมองกราดไปยังลูกน้องทั้งสี่คน
เคยขอรับ ท่านประมุขชูทั้งสี่พยักหน้าพร้อมกัน
เมื่อพ้นสายตาชูจางเคอะแล้ว หัวหน้าโม่ทิศพายัพจึงได้กล้าถามพรรคพวก  พวกเจ้าคิดว่าประมุขของเรามีท่าทางแปลกไปไหมวันนี้?”
ใช่หัวหน้าโม่ทิศทักษิณพยักเพยิดเห็นด้วย  “พวกเราทำให้นายท่านกลายเป็นเจ้าบ่าวที่แต่งเข้าตระกูลมู่หรงไปแล้ว  ทว่า..นายท่านไม่ได้อารมณ์เสียแม้แต่น้อยเลย  เขากลับมีโทสะตอนได้ยินว่าพวกเรานำของหมั้นกลับมาแค่นั้น  แต่แล้วอารมณ์โกรธของนายท่านเปลี่ยนเป็นรื่นรมย์  ซ้ำนายท่านก็ไม่ลงโทษพวกเราอีกด้วย
นี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่นายท่านทำตัวผิดปกติรึไง?”  หัวหน้าโม่ทิศประจิมเหลือบมองคนที่เหลือ
แล้วท่านคิดว่าเขาเกิดมาผิดปกติรึ?”  หัวหน้าโม่ทิศพายัพโพล่งขึ้น
ใช่  ตระกูลของนายท่านผิดปกติทั้งตระกูลนั่นแหละ
ข้าว่า  เราควรกังวลว่าจะเตรียมของหมั้นไม่ทันมากกว่านะหัวหน้าทิศบูรพาติงขึ้นพลางส่ายหัว
ของหมั้นสีแดง10อย่างนั้นเตรียมการไม่ยากหรอกหัวหน้าทิศใต้กล่าวอย่างมั่นใจ
ใช่  นายท่านร่ำรวยมหาศาลขนาดต่อให้ตรียมของหมั้นสีแดง100อย่างก็ไม่ส่งผลใดๆหรอก พวกเจ้าหัวหน้าทิศประจิมดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ
แต่ข้าว่า...ฮูหยินชูน่าจะชอบของหมั้นสีขาว10อย่างมากกว่านะพวกท่าน?”  หัวหน้าทิศพายัพขมวดคิ้วเมื่อคิดใคร่ไตร่ตรองไปมา
            เจ้าคิดว่าเรากำลังเตรียมของขวัญงานศพอยู่รึไง?” หัวหน้าทิศบูรพาส่ายหน้า   ท่านประมุขจะแต่งงาน  แน่นอนเราต้องเตรียมของหมั้นสีแดง10อย่างสิ  นายท่านไม่ได้สั่ง  เช่นนั้นแล้วเจ้าเป็นใครถึงได้คิดเหลวไหลเช่นนี้?”
            หัวหน้าทิศที่เหลือต่างหัวเราะขึ้นพร้อมกัน พวกเราไปเตรียมของหมั้นสีแดง10อย่างกันเถิด
            หัวหน้าทิศบูรพาอดถอนหายใจไม่ได้   ที่พรรคโม่เจี่ยวเหตุใดรอบตัวเขาจึงมีแต่พวกโง่เง่านักนะ
            ขณะที่หัวหน้าทิศทั้งสี่ทุ่มเถียงกัน  ฉู่ฉางเกอได้ปรึกษาหารือกับหัวหน้าฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาเรื่องการจัดงานประลองยุทธ์สำหรับยุทธภพที่ใกล้จะมาถึงซึ่งจะจัดขึ้นวันที่15เดือน8ร่วมกับเหล่าพันธมิตรที่ไว้วางใจได้
            ท่านประมุขชู  ท่านไม่กังวลรึที่ปล่อยให้พวกเขาจัดเตรียมของหมั้นรึขอรับ?” หัวหน้าเซียงอดถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
            พวกนั้นเป็นชายที่มีวรยุทธ์สูงหัวหน้าหยางช่วยกล่าวเสริม   แต่ขาดความฉลาดเฉลียว
            “เหตุใดนายท่านถึงปล่อยให้คนหนุ่มพวกนั้นจัดเตรียมของหมั้นล่ะขอรับ?” หัวหน้าเซียงขมวดคิ้วมุ่น
            นายท่านพอจะรู้หรือไหมว่าสิ่งใดเป็นของหมั้นที่พวกเขาจะจัดเตรียมขอรับ?”
            “ข้ากำลังคอยท่าว่าพวกเขาจะทำเรื่องยุ่งอันใดมากกว่า หึหึ”  ฉู่ฉางเกอยกยิ้มสบายใจ
            หัวหน้าข้าไม่เข้าใจว่าเหตุอันใดฉู่ฉางเกอถึงอยากให้คนหนุ่มพวกนั้นทำของหมั้นเละเทะ  ฉู่ฉางเกอเป็นประมุขที่มีพฤติกรรมผิดปกติจริงๆ

            ฉู่ฉางเกอไม่กล่าวอันใดพลางเงยหน้ามองวิวทิวทัศน์ของภูเขาข้างหน้า    ขณะที่เส้นผมยาวสยายของเขาปลิวสะบัดไปกลับสายลม  ก่อให้เกิดภาพของบุรุษผู้หล่อเหลางดงามปานเทพเซียน  หากบรรดาศิษย์พรรคโม่เจี่ยวไม่รู้ว่าเขาเป็นคนมีเลือดมีเนื้อ   พวกเขาคงคิดว่าท่านประมุขสืบเชื้อสายมาจากเทพเจ้าเป็นแน่

1 ความคิดเห็น:

  1. ดอดมาแอบอ่านอย่างเงียบๆ แต่ให้รู้ว่าตามอ่านอยู่นะคะ55 สู้ๆ

    ตอบลบ