วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 44 ป้าสามเล่นงานป้าเฉียว

         เหลียนฟางโจวแทนที่จะขัดขวางชายหนุ่ม กลับเอ่ยกับเขาว่า “ท่านประสงค์จะจากไปเพื่อปกป้องบ้านข้าให้พ้นมลทินหรือ?  ข้าเกรงว่าอาจเป็นการเสียเปล่า  ท่านจะกลัวอันใดเล่า ในเมื่อข้าเองยังไม่กลัวเลย ท่านก็จงอยู่อย่างสง่าผ่าเผยที่บ้านข้าต่อไปเถิด  หากท่านจากไปตอนนี้  ก็ย่อมหมดโอกาสพิสูจน์ตัวเอง  ทว่าหากท่านยังอยู่เพื่อสู้ความจริง เมื่อเวลาผ่านไปความจริงย่อมปรากฏออกมา

          ไฉนเธอจะไม่รู้  รูปร่างหน้าตาอาเจี่ยนบอกทุกอย่างอยู่ทนโท่อยู่แล้ว  เพราะผู้ใดก็ตามที่ได้พบเห็นชายหนุ่ม  ย่อมรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นคนจริงใจและรักศักดิ์ศรีแค่ไหน  แม้แต่บ้านป้าจางเองก็ไม่เคยออกมากล่าววิพากษณ์วิจารณ์อาเจี่ยนในทางเสียหายเลย
          เหลียนฟางโจวไม่เพียงเต็มใจให้อาเจี่ยนอยู่ต่อ  ทั้งยังไม่ยอมให้เหลียนเซ่อไปมีเรื่องมีราวกับป้าเฉียวด้วย  ทว่าหากเปลี่ยนคู่ต่อสู้มาเป็นป้าสาม  เธอย่อมไม่ขัดข้อง
          ตัวป้าสามเองนั้น  นางรอโอกาสปะทะคารมกับฮูหยินเฉียวมานานแล้ว  นางปรบมือชอบใจยามเมื่อรู้เรื่องจากเหลียนฟางโจว  “ฟางโจว..ปล่อยเป็นหน้าที่ข้าเอง! คนอย่างนางแพศยาจิตใจชั่วร้ายเช่นนั้น  ย่อมไม่เคยเห็นใครดีในสายตานางเลย!” พูดจบก็ตรงดิ่งไปบ้านเหลียนลี่ทันที
          ป้าสามเมื่อไปถึงประตูรั้วบ้านเหลียนลี่พี่ชายตนเอง  นางก็ทำทีทรุดนั่งลงแสดงกิริยาร้องให้คร่ำครวญตีอกชกหัวอย่างหนักหน่วง  ต่อว่าพี่ชายและพี่สะใภ้ที่ใจดำ  เห็นน้องสาวประสบความทุกข์ยากถึงขนาดหนีร้อนมาเพิ่งเย็นก็ยังทำเพิกเฉย  ดีที่ได้หลานชายหลานสาวยื่นมือเข้าช่วยเหลือให้ที่พักพิง  จนนางคลายความทุกข์ยากลงไปได้หลายส่วน  ส่วนพี่ชายและพี่สะใภ้นอกจะไม่ดูดำดูดีแล้ว หนำซ้ำยังเที่ยวปล่อยข่าวลือเพื่อทำลายชื่อเสียงของหลานๆในไส้เสียอีก ไฉนถึงได้มีจิตใจต่ำทรามเช่นนี้  ทำได้แม้กระทั่งญาติสายเลือดเดียวกันลงคอ...
          ดั้งเดิมป้าสามเป็นคนฝีปากกล้า และเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่แล้ว  มิเช่นนั้นคงไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับแม่สามีและพี่สะใภ้ทางบ้านฝั่งสามีหรอก และก่อนจะมาที่นี่  ป้าสามยังได้รับคำแนะนำบางประการจากเหลียนฟางโจวเพื่อเอาไปต่อกรกับฮูหยินเฉียวอีกด้วย         ป้าสามที่ผ่านมาเหมือนคนที่ถูกทอดทิ้ง  ซ้ำยังมีความชิงชังฮูหยินเฉียวอย่างฝังลึก จึงเต็มใจสร้างฉากเรียกน้ำตาท่วมจอโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆเลย?
          ป้าสามแผดเสียงร้องตะโกนสาบแช่งฮูหยินเฉียวไม่หยุด  มิวายฮูหยินเฉียวพยายามแก้ต่างใดๆ  ผู้คนที่มาเฝ้าดูเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างเมามัน เมื่อได้ฟังเสียงพร่ำบ่นคร่ำครวญทั้งน้ำตา ย่อมอดรู้สึกเห็นอกเห็นใจป้าสามมิได้  ชาวบ้านต่างซุบซิบนินทา และเหลือบมองสีหน้าฮูหยินเฉียวไปด้วย
          ฮูหยินเฉียวและเหลียนลี่เมื่อเห็น ความฉุนเฉียว ความเคียดแค้น ความโกรธเกรี้ยวของน้องสาวเช่นนี้  ใจนึกอยากลากตัวป้าสามเข้าบ้านไปเจรจาต้าอ่วยเป็นที่สุด
          เหลียนลี่ แม้ว่าจะเป็นพี่ชายคนโต  ทว่าชายหญิงที่อายุเกิน7 ปีแล้วย่อมมีความแตกต่างกัน ถ้าไม่ใช่สามีภรรยา ย่อมไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน  พี่ชายคนโตก็ถือเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าแถบบ้านนอกอาจไม่เคร่งธรรมเนียมอย่างลึกซึ้งนัก  ทว่าธรรมเนียมในหลักใหญ่ ย่อมไม่อาจให้ผิดพลาดได้  เพราะอยู่ภายใต้สายตาของชาวบ้านที่มุงดูอยู่  ทำให้เขาไม่สะดวกจะไปลากป้าสามเข้ามาเจรจาในบ้านนัก....
          หรือต่อให้คำนึงถึงหลักคุณธรรมฟ้าดิน  หรือไม่คำนึงถึงหลักดังกล่าว  เขาสามารถยืนยันนั่งยันได้เลยว่า  ตราบใดที่เขากล้ายื่นมือออกมาลากตัวนางออกไป  น้องสาวคงจะฉวยโอกาสนี้กู่ร้องโหยหวนด่าคำแสบสันต์ออกมายิ่งกว่าเดิมเป็นแน่
          เมื่อไม่มีหนทางอื่น  ฮูหยินเฉียวจึงเป็นผู้เดียวที่เดินตรงแน่วมาเพื่อลากป้าสามออกไป  และนางหวังไว้ว่า  หากน้องสามีขัดขืน  นางจะลงมือเล่นงานทันที
          ทว่าป้าสามคาดการไว้อยู่แล้ว  คราที่ฮูหยินเฉียวดึงนาง นางจึงทำเพียงหลบหลีก  ไม่สู้กลับ และไม่ยอมให้มือของฮูหยินเฉียวเข้ามาทำร้ายนางได้
          ฮูหยินเฉียวทั้งโมโหทั้งร้อนใจ  นางบีบแขนป้าสามแน่น  ตะโกนก้อง “ให้ข้าบอกอะไรไหม ป้าสาม ไอ้ที่เจ้าพล่ามออกมาน่ะ!  กำลังสร้างความเดือดร้อนไปทั่วนะ! อา เจ้ามันทำตัวน่าอดสูนัก  อย่าได้บอกนะ ว่ามาพูดเพื่อเห็นแก่หน้าเรา  แล้วตัวเจ้ามีศักดิ์ศรีแค่ไหนกัน ห้ะ ป้าสาม!
          “โอ้ย!..โอ้ย!” ป้าสามส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดิ้นพลาดๆพลางร้องตะโกน “ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ!  เจ้าจะบีบคอข้าให้ตายรึไร  ข้าเจ็บนะ!
           “ข้าบีบคอเจ้าตรงไหนรึ?” ฮูหยินเฉียวได้ยินป้าสามตะโกนเสียงแหบแห้งว่าถูกทำร้ายอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งไม่เป็นความจริง  โทสะพลันพลุ่งพล่านกำลังจะเถียงกลับ พลันได้ยินป้าสามเอ่ยว่า “แค่ประชดเล่นน่ะ!” จากนั้นป้าสามก็ฉีกแขนเสื้อตนเอง!
          ฮูหยินเฉียวตะลึงค้างกลางคัน
          ป้าสามรีบดิ้นจนหลุดออกมาจากเงื้อมมือฮูหยินเฉียว “พี่สะใภ้! ท่านมีแต่จิตใจมุ่งร้ายต่อผู้อื่นอย่าคิดนะว่าลูกชายท่านจะสอบผ่าน  ท่านมันทะนงตัวเกินไปแล้ว! ข้าขอบอกท่านตรงนี้ไว้  ท่านทำตัวไม่ดีกับน้องสาวสามีเช่นนี้  ซ้ำความคิดก็ยังเลวทรามต่ำช้าอีก ใครๆย่อมต้องพูดกันว่าบุตรชายที่มาจากครอบครัวแบบนี้  ยังจะมีความประพฤติดีๆหลงเหลืออยู่หรือซ้ำยังไม่มีความเหมาะสมไปสอบเข้ารับราชการอีกด้วย  เชื่อเถิด..บุตรชายท่านไม่อาจพูดแก้ตัวใดๆได้เลย!  และจะไม่กล้าสู้หน้าคนเป็นอันมากด้วย  ขนาดท่านยังกล้าซ่อนมืออำมหิตไว้แอบบิดเนื้อข้า ฉีกเสื้อผ้าข้า  คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่าท่านจะไม่กล้าสังหารข้า!  ข้าจึงคิดจะไปหาอาจารย์ที่สถานศึกษาในเมืองที่บุตรชายท่านเรียน  จะบอกให้พวกเขาไล่ลูกชายท่านออก 
          ในใจป้าสามยิ้มเยาะ หากนางไม่ได้เตรียมตัวมาอย่างดี นางจะกล้ามาเยือนถึงถิ่นหรือไร?   วันนี้ฮูหยินเฉียวไม่ได้เป็นผู้เริ่มก่อน ตราบใดที่นางกล้าเริ่ม ป้าสามจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าอาภรณ์ตนเองไปพร้อมกับการเปิดศึกครั้งใหญ่แน่นอน!
          ชาวบ้านที่มามุงดูกันด้วยความสนุก  อดตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ เจ้ามาหาเรื่องข้า  ข้าก็มาหาเรื่องเจ้า จิตใจฮูหยินเฉียวโหดเหี้ยมเกินไป! ก่อนหน้านั้น ก็ไม่ยอมให้น้องสาวสามีเข้าบ้าน  ครานี้ก็มาฉีกอาภรณ์ของน้องสาวสามีแทบเป็นผ้าขี้ริว  ซ้ำยังบิดเนื้อนางอีก เหลือเกินจริงๆ..
          เห็นเช่นนั้นแล้วชาวบ้านจึงรีบพากันไปพยุงป้าสาม ช่วยปลอบอกปลอบใจ จัดเสื้อผ้าและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของนางให้เข้ารูปเข้ารอย
          ป้าสามนึกถึงคำพูดของเหลียนฟางโจวขึ้นมาได้   นางรีบทำหน้าตาให้ดูหน้าสงสาร บีบน้ำตาเตรียมร่ำไห้  สีหน้ามีความซาบซึ้งฉายชัด จนใครเห็นก็อดน้ำตาซึมด้วยความเวทนาไม่ได้ ชวนให้ผู้คนถอนหายใจออกมา
          ฮูหยินเฉียวยามนี้โทสะพุ่งสูงมากจริงๆ! นางถูกปฏิบัติอย่างลำเอียงเช่นนี้  แถมนางไม่ได้เห็นภาพเดิมๆ ที่ป้าสามชอบแสดงอาการโมโหโทโส อาจหาญอวดเบ่ง ชี้หน้านางด้วยความเกลียดชังพร้อมก่นด่าเสียงดังอีก “นังสุนัขจิ้งจอกใช้เล่ห์กระเท่ทำให้ตัวเองดูเป็นดาวเด่น! เมื่อครู่ก่อนนังสุนัขจิ้งจอกตัวนี้ ยามผู้คนเผลอ  พยายามปั้นหลักฐานเท็จข้าหาได้บิดเนื้อเจ้าไม่  หาได้พยายามจะทำลายอาภรณ์ของเจ้าไม่  นังหญิงแก่วันนี้เจ้ามาแปลกจริงๆ!”
          ป้าสามปิดหน้าร้องไห้คร่ำครวญโดยพลัน “เจ้าฉีกแขนเสื้อข้า ซ้ำยังบิดเนื้อขา จิตใจอำมหิตยิ่งนัก พรุ่งนี้ข้าจะไป สถานศึกษาในเมือง ไปถามเอากับอาจารย์ทั้งหลาย  ว่าครอบครัวเช่นนี้ที่ให้กำเนิดบุตรชายเช่นนี้ ยังสามารถให้สอบเข้ารับราชการได้หรือ?  ดังที่ข้ากล่าวมา  หากผู้นำไม่มีคุณธรรมแล้วไซร้  ผู้คนก็ไม่อาจหวังความชอบธรรมได้ หากจะต้องสอบให้ได้จริงๆ  ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า  ข้าจะไม่ยอมให้คนในหมู่บ้านนี้ถูกกลั่นแกล้งรังแกจนตายโดยครอบครัวเฉกเช่นท่านหรอก!”
          ชาวบ้านทั้งหลายเมื่อได้ฟัง สีหน้าพลันเปลี่ยน อดถกเถียงกันอย่างอื้ออึงมิได้  พากันพูดถึงฮูหยินเฉียวว่าไม่น่าทำเลย
          ที่ผ่านมาผู้คนพากันพูดถึงบุตรชายนางที่กำลังศึกษาอยู่ในเมือง  ว่ามีผลการเรียนดี  มีความเป็นสุภาพบุรุษ ฮูหยินเฉียวมักได้รับคำยกย่องสรรเสริญบ่อยๆจนน่าอิจฉา  พอมาฟังในวันนี้แล้วช่างน่าเสียดายนัก?  ยิ่งไปกว่านั้นบุตรชายนางนั้นเป็นนักเรียนทุน และในภายภาคหน้าอาจได้เข้ารับราชการก็เป็นได้  เมื่อมีบิดามารดาที่คอยแต่รังแกกลั่นแกล้งผู้คน  แล้วลูกเล่าจะเป็นเยี่ยงไร!
          เหลียนลี่สามีเมื่อได้ยินแล้วค่อนข้างกังวลใจ  เดินมาข้างหน้าเพื่อกล่าวร้ายป้าสาม เอ่ยขึ้น “เจ้าอย่าได้มาพูดจาไร้สาระที่นี่ฮึ่ม เจ้าคิดว่าสถานศึกษาในเมือง เป็นที่ที่เจ้าอยากจะไปก็ไปได้งั้นรึ? คุณชายนั่นเขาดูที่ผลลัพธ์  เจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับคนในนั้นไม่ทราบ ฮึ่ม เจ้ามีความสามารถอันใดกล้าไปลองดีกับพวกเขา!”
          “ดี!” ป้าสามแผดเสียงก้อง “นี่เป็นเพราะท่านพูดเองนะ!  ข้าจะไปพรุ่งนี้ ไปแน่นอน  เจ้ารอล้างคอดูได้เลยข้าไม่เชื่อว่าข้าจะไม่สามารถเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นได้ หรือไม่อาจถามคุณชายในนั้นได้!”
          ป้าสามถึงเป็นคนใจกล้า สถานศึกษาในเมืองนั้นเป็นสถานที่เช่นใด? เป็นได้หรือที่นางจะกล้าเสียมรรยาทในที่นั้น?
          ทว่าเหลียนฟางโจวบอกกับนางว่าสำหรับเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา  นางเพียงแต่พกความกล้าไปพูดก็พอแล้ว
          แต่เดิมเหลียนลี่แค่ต้องการขู่ให้ป้าสามกลัว  เขาคิดว่าจะพูดไปเช่นนั้น  แล้วนางจะได้เกรงกลัว ทว่าใครจะรู้เล่าว่าพอพูดออกไป  ป้าสามก็พร้อมจะยอมแลก  ตัดสินใจเอาจริงขึ้นมา นั่นทำให้เหลียนลี่เริ่มวิตก          
          โดยเฉพาะนางมีเหลียนฟางโจวคนปัจจุบันเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง  นางเชื่อว่าเหลียนฟางโจวผู้นี้เป็นคนจริง ไม่กลัวการเผชิญปัญหาแน่นอน
          เขารู้สำนึกเสียใจขึ้นมาว่า หากรู้แต่เนิ่นๆ ไยจะพูดแต่คำที่โหดร้ายและรุนแรงกับป้าสามไปเล่า?
          หากป้าสามไปป่วนสถานศึกษานั้นขึ้นมา ยังไม่ต้องพูดถึงว่าใครผิดใครถูกหรอก คนที่จะต้องได้รับผลกระทบคนแรกคงเป็นลูกชายเขาเองอย่างหนีไม่พ้นหากปล่อยเรื่องนี้ให้ภรรยาจัดการ แล้วถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมา?
          ภรรยาเขาคงไม่ได้บิดเนื้อป้าสามแล้วเกิดถกเถียงกันเป็นแน่  ทว่าแขนเสื้อป้าสามเป็นนางที่ฉีกทึ้งจริงๆรึ! ภายใต้สายตาของชาวบ้านที่จับจ้องอยู่  เหลียนลี่ไม่อาจเข้าไปช่วยได้!
          หากป้าสามพร้อมจะยอมแลก อนาคตของบุตรชายเขาคงยากที่จะคาดเดาได้!
          ยามนี้เหลียนลี่เริ่มรู้สึกเกลียดฮูหยินเฉียวจริงๆเข้าแล้ว ครานี้ไม่รู้ว่าควรทำอันใดก่อนดี
--------------------------------
  ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามนะคะ


13 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากจ้าไรท์มารอทุกวันเลย

    ตอบลบ
  2. อือหือ
    นางเอกมีคนเถียงแทนแลัว
    นับว่าเลี้ยงป้าสามไว้ไม่เสียดายข้าวสุกแล้ว 555

    ตอบลบ
  3. ตอนนี้นางเอกเป็นผู้กำกับบท...อยากรู้จะให้บทเป็นไงนะ

    ตอบลบ
  4. เพิ่งจะชอบป้าสามก็วันนี้

    ตอบลบ
  5. ต้องเจอ ตาต่อตาฟันต่อฟัน

    ตอบลบ
  6. ขอปรบมือให้นักแสดงนำป้าสาวและผู้กำกับดีเด่นฟางโจวเข้าขากันดีมาก ในที่สุดป้าสามก็มีประโยชน์ซะที

    ตอบลบ
  7. ร้ายกาจจริงๆ จิตใจดำมืด

    ตอบลบ
  8. เหลียนฟางโจวฉลาดจริงๆ ชอบๆ

    ตอบลบ
  9. รู้สึกชอบป้าสามก็ตอนนี้แหละ

    ตอบลบ
  10. ขอบคุณครับ

    ตอบลบ