เหลียนฟางโจวแทนที่จะขัดขวางชายหนุ่ม
กลับเอ่ยกับเขาว่า “ท่านประสงค์จะจากไปเพื่อปกป้องบ้านข้าให้พ้นมลทินหรือ? ข้าเกรงว่าอาจเป็นการเสียเปล่า ท่านจะกลัวอันใดเล่า ในเมื่อข้าเองยังไม่กลัวเลย
ท่านก็จงอยู่อย่างสง่าผ่าเผยที่บ้านข้าต่อไปเถิด หากท่านจากไปตอนนี้ ก็ย่อมหมดโอกาสพิสูจน์ตัวเอง ทว่าหากท่านยังอยู่เพื่อสู้ความจริง
เมื่อเวลาผ่านไปความจริงย่อมปรากฏออกมา”
ไฉนเธอจะไม่รู้ รูปร่างหน้าตาอาเจี่ยนบอกทุกอย่างอยู่ทนโท่อยู่แล้ว เพราะผู้ใดก็ตามที่ได้พบเห็นชายหนุ่ม ย่อมรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นคนจริงใจและรักศักดิ์ศรีแค่ไหน แม้แต่บ้านป้าจางเองก็ไม่เคยออกมากล่าววิพากษณ์วิจารณ์อาเจี่ยนในทางเสียหายเลย
เหลียนฟางโจวไม่เพียงเต็มใจให้อาเจี่ยนอยู่ต่อ ทั้งยังไม่ยอมให้เหลียนเซ่อไปมีเรื่องมีราวกับป้าเฉียวด้วย ทว่าหากเปลี่ยนคู่ต่อสู้มาเป็นป้าสาม เธอย่อมไม่ขัดข้อง
ตัวป้าสามเองนั้น นางรอโอกาสปะทะคารมกับฮูหยินเฉียวมานานแล้ว นางปรบมือชอบใจยามเมื่อรู้เรื่องจากเหลียนฟางโจว “ฟางโจว..ปล่อยเป็นหน้าที่ข้าเอง!
คนอย่างนางแพศยาจิตใจชั่วร้ายเช่นนั้น ย่อมไม่เคยเห็นใครดีในสายตานางเลย!”
พูดจบก็ตรงดิ่งไปบ้านเหลียนลี่ทันที
ป้าสามเมื่อไปถึงประตูรั้วบ้านเหลียนลี่พี่ชายตนเอง นางก็ทำทีทรุดนั่งลงแสดงกิริยาร้องให้คร่ำครวญตีอกชกหัวอย่างหนักหน่วง ต่อว่าพี่ชายและพี่สะใภ้ที่ใจดำ เห็นน้องสาวประสบความทุกข์ยากถึงขนาดหนีร้อนมาเพิ่งเย็นก็ยังทำเพิกเฉย
ดีที่ได้หลานชายหลานสาวยื่นมือเข้าช่วยเหลือให้ที่พักพิง จนนางคลายความทุกข์ยากลงไปได้หลายส่วน ส่วนพี่ชายและพี่สะใภ้นอกจะไม่ดูดำดูดีแล้ว
หนำซ้ำยังเที่ยวปล่อยข่าวลือเพื่อทำลายชื่อเสียงของหลานๆในไส้เสียอีก ไฉนถึงได้มีจิตใจต่ำทรามเช่นนี้
ทำได้แม้กระทั่งญาติสายเลือดเดียวกันลงคอ...
ดั้งเดิมป้าสามเป็นคนฝีปากกล้า และเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่แล้ว มิเช่นนั้นคงไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับแม่สามีและพี่สะใภ้ทางบ้านฝั่งสามีหรอก
และก่อนจะมาที่นี่ ป้าสามยังได้รับคำแนะนำบางประการจากเหลียนฟางโจวเพื่อเอาไปต่อกรกับฮูหยินเฉียวอีกด้วย
ป้าสามที่ผ่านมาเหมือนคนที่ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังมีความชิงชังฮูหยินเฉียวอย่างฝังลึก จึงเต็มใจสร้างฉากเรียกน้ำตาท่วมจอโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆเลย?
ป้าสามแผดเสียงร้องตะโกนสาบแช่งฮูหยินเฉียวไม่หยุด
มิวายฮูหยินเฉียวพยายามแก้ต่างใดๆ ผู้คนที่มาเฝ้าดูเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างเมามัน
เมื่อได้ฟังเสียงพร่ำบ่นคร่ำครวญทั้งน้ำตา ย่อมอดรู้สึกเห็นอกเห็นใจป้าสามมิได้ ชาวบ้านต่างซุบซิบนินทา และเหลือบมองสีหน้าฮูหยินเฉียวไปด้วย
ฮูหยินเฉียวและเหลียนลี่เมื่อเห็น
ความฉุนเฉียว ความเคียดแค้น ความโกรธเกรี้ยวของน้องสาวเช่นนี้ ใจนึกอยากลากตัวป้าสามเข้าบ้านไปเจรจาต้าอ่วยเป็นที่สุด
เหลียนลี่ แม้ว่าจะเป็นพี่ชายคนโต ทว่าชายหญิงที่อายุเกิน7
ปีแล้วย่อมมีความแตกต่างกัน ถ้าไม่ใช่สามีภรรยา ย่อมไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน พี่ชายคนโตก็ถือเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าแถบบ้านนอกอาจไม่เคร่งธรรมเนียมอย่างลึกซึ้งนัก ทว่าธรรมเนียมในหลักใหญ่ ย่อมไม่อาจให้ผิดพลาดได้
เพราะอยู่ภายใต้สายตาของชาวบ้านที่มุงดูอยู่
ทำให้เขาไม่สะดวกจะไปลากป้าสามเข้ามาเจรจาในบ้านนัก....
หรือต่อให้คำนึงถึงหลักคุณธรรมฟ้าดิน
หรือไม่คำนึงถึงหลักดังกล่าว เขาสามารถยืนยันนั่งยันได้เลยว่า ตราบใดที่เขากล้ายื่นมือออกมาลากตัวนางออกไป น้องสาวคงจะฉวยโอกาสนี้กู่ร้องโหยหวนด่าคำแสบสันต์ออกมายิ่งกว่าเดิมเป็นแน่
เมื่อไม่มีหนทางอื่น ฮูหยินเฉียวจึงเป็นผู้เดียวที่เดินตรงแน่วมาเพื่อลากป้าสามออกไป
และนางหวังไว้ว่า หากน้องสามีขัดขืน นางจะลงมือเล่นงานทันที
ทว่าป้าสามคาดการไว้อยู่แล้ว คราที่ฮูหยินเฉียวดึงนาง นางจึงทำเพียงหลบหลีก ไม่สู้กลับ และไม่ยอมให้มือของฮูหยินเฉียวเข้ามาทำร้ายนางได้
ฮูหยินเฉียวทั้งโมโหทั้งร้อนใจ นางบีบแขนป้าสามแน่น ตะโกนก้อง “ให้ข้าบอกอะไรไหม ป้าสาม ไอ้ที่เจ้าพล่ามออกมาน่ะ! กำลังสร้างความเดือดร้อนไปทั่วนะ! อา เจ้ามันทำตัวน่าอดสูนัก อย่าได้บอกนะ
ว่ามาพูดเพื่อเห็นแก่หน้าเรา แล้วตัวเจ้ามีศักดิ์ศรีแค่ไหนกัน
ห้ะ ป้าสาม!”
“โอ้ย!..โอ้ย!” ป้าสามส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดิ้นพลาดๆพลางร้องตะโกน “ปล่อยข้า
ปล่อยข้านะ! เจ้าจะบีบคอข้าให้ตายรึไร ข้าเจ็บนะ! “
“ข้าบีบคอเจ้าตรงไหนรึ?” ฮูหยินเฉียวได้ยินป้าสามตะโกนเสียงแหบแห้งว่าถูกทำร้ายอย่างนั้นอย่างนี้
ซึ่งไม่เป็นความจริง โทสะพลันพลุ่งพล่านกำลังจะเถียงกลับ
พลันได้ยินป้าสามเอ่ยว่า “แค่ประชดเล่นน่ะ!” จากนั้นป้าสามก็ฉีกแขนเสื้อตนเอง!
ฮูหยินเฉียวตะลึงค้างกลางคัน
ป้าสามรีบดิ้นจนหลุดออกมาจากเงื้อมมือฮูหยินเฉียว
“พี่สะใภ้! ท่านมีแต่จิตใจมุ่งร้ายต่อผู้อื่น! อย่าคิดนะว่าลูกชายท่านจะสอบผ่าน ท่านมันทะนงตัวเกินไปแล้ว!
ข้าขอบอกท่านตรงนี้ไว้
ท่านทำตัวไม่ดีกับน้องสาวสามีเช่นนี้
ซ้ำความคิดก็ยังเลวทรามต่ำช้าอีก ใครๆย่อมต้องพูดกันว่าบุตรชายที่มาจากครอบครัวแบบนี้ ยังจะมีความประพฤติดีๆหลงเหลืออยู่หรือ? ซ้ำยังไม่มีความเหมาะสมไปสอบเข้ารับราชการอีกด้วย เชื่อเถิด..บุตรชายท่านไม่อาจพูดแก้ตัวใดๆได้เลย!
และจะไม่กล้าสู้หน้าคนเป็นอันมากด้วย ขนาดท่านยังกล้าซ่อนมืออำมหิตไว้แอบบิดเนื้อข้า
ฉีกเสื้อผ้าข้า คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่าท่านจะไม่กล้าสังหารข้า!
ข้าจึงคิดจะไปหาอาจารย์ที่สถานศึกษาในเมืองที่บุตรชายท่านเรียน จะบอกให้พวกเขาไล่ลูกชายท่านออก”
ในใจป้าสามยิ้มเยาะ หากนางไม่ได้เตรียมตัวมาอย่างดี
นางจะกล้ามาเยือนถึงถิ่นหรือไร? วันนี้ฮูหยินเฉียวไม่ได้เป็นผู้เริ่มก่อน
ตราบใดที่นางกล้าเริ่ม ป้าสามจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าอาภรณ์ตนเองไปพร้อมกับการเปิดศึกครั้งใหญ่แน่นอน!
ชาวบ้านที่มามุงดูกันด้วยความสนุก อดตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ เจ้ามาหาเรื่องข้า ข้าก็มาหาเรื่องเจ้า จิตใจฮูหยินเฉียวโหดเหี้ยมเกินไป! ก่อนหน้านั้น
ก็ไม่ยอมให้น้องสาวสามีเข้าบ้าน
ครานี้ก็มาฉีกอาภรณ์ของน้องสาวสามีแทบเป็นผ้าขี้ริว ซ้ำยังบิดเนื้อนางอีก เหลือเกินจริงๆ..
เห็นเช่นนั้นแล้วชาวบ้านจึงรีบพากันไปพยุงป้าสาม
ช่วยปลอบอกปลอบใจ จัดเสื้อผ้าและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของนางให้เข้ารูปเข้ารอย
ป้าสามนึกถึงคำพูดของเหลียนฟางโจวขึ้นมาได้ นางรีบทำหน้าตาให้ดูหน้าสงสาร
บีบน้ำตาเตรียมร่ำไห้
สีหน้ามีความซาบซึ้งฉายชัด จนใครเห็นก็อดน้ำตาซึมด้วยความเวทนาไม่ได้ ชวนให้ผู้คนถอนหายใจออกมา
ฮูหยินเฉียวยามนี้โทสะพุ่งสูงมากจริงๆ! นางถูกปฏิบัติอย่างลำเอียงเช่นนี้ แถมนางไม่ได้เห็นภาพเดิมๆ ที่ป้าสามชอบแสดงอาการโมโหโทโส
อาจหาญอวดเบ่ง ชี้หน้านางด้วยความเกลียดชังพร้อมก่นด่าเสียงดังอีก “นังสุนัขจิ้งจอกใช้เล่ห์กระเท่ทำให้ตัวเองดูเป็นดาวเด่น!
เมื่อครู่ก่อนนังสุนัขจิ้งจอกตัวนี้ ยามผู้คนเผลอ พยายามปั้นหลักฐานเท็จ! ข้าหาได้บิดเนื้อเจ้าไม่ หาได้พยายามจะทำลายอาภรณ์ของเจ้าไม่ นังหญิงแก่วันนี้เจ้ามาแปลกจริงๆ!”
ป้าสามปิดหน้าร้องไห้คร่ำครวญโดยพลัน
“เจ้าฉีกแขนเสื้อข้า ซ้ำยังบิดเนื้อขา จิตใจอำมหิตยิ่งนัก พรุ่งนี้ข้าจะไป สถานศึกษาในเมือง
ไปถามเอากับอาจารย์ทั้งหลาย ว่าครอบครัวเช่นนี้ที่ให้กำเนิดบุตรชายเช่นนี้ ยังสามารถให้สอบเข้ารับราชการได้หรือ? ดังที่ข้ากล่าวมา หากผู้นำไม่มีคุณธรรมแล้วไซร้ ผู้คนก็ไม่อาจหวังความชอบธรรมได้ หากจะต้องสอบให้ได้จริงๆ
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า ข้าจะไม่ยอมให้คนในหมู่บ้านนี้ถูกกลั่นแกล้งรังแกจนตายโดยครอบครัวเฉกเช่นท่านหรอก!”
ชาวบ้านทั้งหลายเมื่อได้ฟัง
สีหน้าพลันเปลี่ยน อดถกเถียงกันอย่างอื้ออึงมิได้
พากันพูดถึงฮูหยินเฉียวว่าไม่น่าทำเลย
ที่ผ่านมาผู้คนพากันพูดถึงบุตรชายนางที่กำลังศึกษาอยู่ในเมือง
ว่ามีผลการเรียนดี มีความเป็นสุภาพบุรุษ ฮูหยินเฉียวมักได้รับคำยกย่องสรรเสริญบ่อยๆจนน่าอิจฉา พอมาฟังในวันนี้แล้วช่างน่าเสียดายนัก? ยิ่งไปกว่านั้นบุตรชายนางนั้นเป็นนักเรียนทุน
และในภายภาคหน้าอาจได้เข้ารับราชการก็เป็นได้
เมื่อมีบิดามารดาที่คอยแต่รังแกกลั่นแกล้งผู้คน แล้วลูกเล่าจะเป็นเยี่ยงไร!
เหลียนลี่สามีเมื่อได้ยินแล้วค่อนข้างกังวลใจ เดินมาข้างหน้าเพื่อกล่าวร้ายป้าสาม เอ่ยขึ้น “เจ้าอย่าได้มาพูดจาไร้สาระที่นี่! ฮึ่ม เจ้าคิดว่าสถานศึกษาในเมือง
เป็นที่ที่เจ้าอยากจะไปก็ไปได้งั้นรึ? คุณชายนั่นเขาดูที่ผลลัพธ์
เจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับคนในนั้นไม่ทราบ
ฮึ่ม เจ้ามีความสามารถอันใดกล้าไปลองดีกับพวกเขา!”
“ดี!” ป้าสามแผดเสียงก้อง “นี่เป็นเพราะท่านพูดเองนะ!
ข้าจะไปพรุ่งนี้
ไปแน่นอน เจ้ารอล้างคอดูได้เลย! ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะไม่สามารถเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นได้
หรือไม่อาจถามคุณชายในนั้นได้!”
ป้าสามถึงเป็นคนใจกล้า สถานศึกษาในเมืองนั้นเป็นสถานที่เช่นใด? เป็นได้หรือที่นางจะกล้าเสียมรรยาทในที่นั้น?
ทว่าเหลียนฟางโจวบอกกับนางว่าสำหรับเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา นางเพียงแต่พกความกล้าไปพูดก็พอแล้ว
แต่เดิมเหลียนลี่แค่ต้องการขู่ให้ป้าสามกลัว
เขาคิดว่าจะพูดไปเช่นนั้น แล้วนางจะได้เกรงกลัว ทว่าใครจะรู้เล่าว่าพอพูดออกไป ป้าสามก็พร้อมจะยอมแลก ตัดสินใจเอาจริงขึ้นมา นั่นทำให้เหลียนลี่เริ่มวิตก
โดยเฉพาะนางมีเหลียนฟางโจวคนปัจจุบันเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง นางเชื่อว่าเหลียนฟางโจวผู้นี้เป็นคนจริง
ไม่กลัวการเผชิญปัญหาแน่นอน
เขารู้สำนึกเสียใจขึ้นมาว่า
หากรู้แต่เนิ่นๆ ไยจะพูดแต่คำที่โหดร้ายและรุนแรงกับป้าสามไปเล่า?
หากป้าสามไปป่วนสถานศึกษานั้นขึ้นมา
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าใครผิดใครถูกหรอก
คนที่จะต้องได้รับผลกระทบคนแรกคงเป็นลูกชายเขาเองอย่างหนีไม่พ้น! หากปล่อยเรื่องนี้ให้ภรรยาจัดการ แล้วถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมา?
ภรรยาเขาคงไม่ได้บิดเนื้อป้าสามแล้วเกิดถกเถียงกันเป็นแน่ ทว่าแขนเสื้อป้าสามเป็นนางที่ฉีกทึ้งจริงๆรึ! ภายใต้สายตาของชาวบ้านที่จับจ้องอยู่ เหลียนลี่ไม่อาจเข้าไปช่วยได้!
หากป้าสามพร้อมจะยอมแลก
อนาคตของบุตรชายเขาคงยากที่จะคาดเดาได้!
ยามนี้เหลียนลี่เริ่มรู้สึกเกลียดฮูหยินเฉียวจริงๆเข้าแล้ว ครานี้ไม่รู้ว่าควรทำอันใดก่อนดี
--------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากจ้าไรท์มารอทุกวันเลย
ตอบลบอือหือ
ตอบลบนางเอกมีคนเถียงแทนแลัว
นับว่าเลี้ยงป้าสามไว้ไม่เสียดายข้าวสุกแล้ว 555
ตอนนี้นางเอกเป็นผู้กำกับบท...อยากรู้จะให้บทเป็นไงนะ
ตอบลบเพิ่งจะชอบป้าสามก็วันนี้
ตอบลบต้องเจอ ตาต่อตาฟันต่อฟัน
ตอบลบป้าสามสุดยอดมาก
ตอบลบขอบคุณค่ะ ^^
ตอบลบขอปรบมือให้นักแสดงนำป้าสาวและผู้กำกับดีเด่นฟางโจวเข้าขากันดีมาก ในที่สุดป้าสามก็มีประโยชน์ซะที
ตอบลบร้ายกาจจริงๆ จิตใจดำมืด
ตอบลบเหลียนฟางโจวฉลาดจริงๆ ชอบๆ
ตอบลบรู้สึกชอบป้าสามก็ตอนนี้แหละ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ