วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 63 ขอหุ้นด้วยคน (2) /ไม่มีตอนที่ 62

           ดวงตาของเหลียนฟางโจวเข้มขึ้นเล็กน้อย  จดจ้องฮูหยินเฉียวที่กำลังเจื้อยแจ้ว “ป้าใหญ่เข้าใจผิดแล้ว  เรื่องนี้พวกเราทำโดยสมัครใจ  รับทำไปตามแต่เขาจะสั่ง  พวกเราสี่พี่น้องมีเรื่องต้องกินต้องใช้มากมายนัก  ยิ่งปีหน้าจะเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว  พวกข้ายังต้องหาเงินไว้ซื้อเมล็ดพันธุ์ และเครื่องมือเพาะปลูกอีก  จะไม่ให้พวกข้าต้องใช้เงินได้เยี่ยงไร? หรือว่า ลุงและป้าใหญ่จะให้พวกเรายืมเงิน ใช่ไหมเล่า?”

            “พวกข้าจะมีเงินอะไรมากมายเช่นนั้น!” ทันทีที่ฮูหยินเฉียวได้ยินหลานสาวกล่าวว่าต้องการยืมเงินกับพวกตน ก็ให้รู้สึกไม่สบายใจขึ้นทันใด
            เหลียนลี่เข้ามาขัดจังหวะภรรยา “อย่าได้พูดเช่นนั้น  เจ้าช่วยพวกเขาหาเงินมากมายเพียงใด   แล้วพวกเขาให้เงินพวกเจ้าเท่าไดเล่า   อย่าปล่อยให้พวกเขาหยิบยื่นเงินให้เพียงไม่กี่อีแปะสิ!   พวกเจ้ามันหน้าบาง   ถึงได้รู้สึกว่าพวกเขาช่วยเจ้ามากมายนัก  เลยพลอยรู้สึกกระดากอายที่จะเอ่ยคุยเรื่องรายได้   คนบางคนจะสั่งงานให้ผู้อื่นทำตามอำเภอใจตน โดยเปล่าประโยชน์ยิ่งทำให้เจ้าทำงานให้พวกเขาโดยไม่ได้อะไร  ไหนจะเรื่องการขายถ่าน ไหนจะเรื่องการคิดบัญชี  พวกเจ้าไหนเลยจะรู้เล่า?  อย่าได้ไปซาบซึ้งกับคนที่กดขี่เอาเปรียบพวกเจ้านักเลย!”
            “คือ!” ฮูหยินเฉียวเอ่ยขึ้น “ต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลงานให้ด้วยจึงจะนับว่าดี!  พวกเราถือเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน  เราเป็นญาติผู้ใหญ่ ย่อมไม่มีอคติกับพวกเจ้า จริงไหม?  เช่นนั้นเรื่องนี้ ต้องนับพวกเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วย!”
            “เรื่องนี้ไม่ควรปล่อยให้ตกอยู่ในกำมือของคนเพียงฝ่ายเดียว  พวกเราต้องมาจัดการเรื่องพวกนี้ให้ดีขึ้น และให้สมเหตุสมผลมากขึ้น  มาช่วยรักษาผลประโยชน์ให้พวกเจ้า และประการที่สอง สองสามีสกุลลี่ เป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของหมู่บ้านนี้ ไฉนถึงได้กล่าวถ้อยคำหลอกลวงผู้อ่อนวัยกว่าได้  ช่างไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย! เจ้าว่า ที่ลุงพูดมามีเหตุผลหรือไม่?” เหลียนลี่ปรายตามองเหลียนฟางโจว
            “ตามหลักการที่ดีแล้ว  คนเราควรต้องจริงใจและซื่อตรง กับผู้อื่นสิ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม!”  ฮูหยินเฉียวสำทับเพิ่ม  แล้วรีบเอ่ยขึ้น “ไปกันเถิด  พวกเจ้าไปกับเรา ลุงกับป้าของเจ้าจะไปช่วยเจรจาให้!”
            เหลียนฟางโจวเข้าใจวาจาที่ทั้งสองคนพรั่งพรูออกมาดี   ความหมายของคนทั้งสอง  ก็คือพวกเขาขอมีส่วนแบ่งด้วย!
            และเกรงว่าจะเรียกร้องขอเพิ่มไม่รู้จบอีกด้วย
            ลุงของเธอผู้นี้เป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวนัก   เกรงว่าเป้าหมายหลักของแก ก็คือต้องการเรียนรู้วิธีเผาถ่านนั่นเอง
            หากมีถ่านพร้อมขาย แล้วสามารถได้รับส่วนแบ่งด้วยย่อมดีแน่  ทว่ายิ่งเรียนรู้วิธีเผาถ่านได้  ย่อมสามารถเอาไปใช้ทำมาหากินได้ตลอดทั้งชีวิต   ดังเช่นคนที่มีอาชีพเป็นช่างฝีมือ โดยทั่วไปเขาย่อมไม่ถ่ายทอดความรู้ให้คนนอก  เวลาลงมือทำงาน  เขาจะทำงานต่อหน้าคนนอกได้หรือ?
            “ลุงและป้าใหญ่!” เหลียนฟางโจวเอ่ยเสียงเบา “ข้าเพิ่งจะบอกไปอย่างแจ่มแจ้งเมื่อสักครู่นี้เองว่า   ป้าจางและลุงลี่หาใช่คนมีเล่ห์เหลี่ยมไม่  เราไม่คิดว่าถูกเอาเปรียบอันใดเลยเช่นที่พวกท่านกล่าวออกมา  ยิ่งไม่มีเหตุผลเข้าไปใหญ่!   ป้าใหญ่และลุงโปรดกลับไปเสียเถิด!”
            “ดูเข้าสิ  พวกเข้าพูดจาเหลวไหล กระนั้นหรือ? “  เหลียนลี่สบตากับฮูหยินเฉียว  ด้วยสีหน้าแสดงความเห็นใจและสงสาร เอ่ยว่า “ชัดเจนนัก  เจ้าปล่อยให้ครอบครัวสูญเสีย ถูกเอาเปรียบ  ทั้งยังช่วยพูดแก้ต่างให้คนอื่นเสียอีกเฮ้อ พวกเจ้าปีกกล้าขาแข็งกันแล้วรึพวกเจ้าผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากเท่าใดกัน?  นี่ไม่ใช่เป็นการมาเอาอกเอาใจ  แต่มาเพื่อชี้ว่าอะไรถูก อะไรผิดหากเราไม่ช่วยพวกเจ้าให้ได้รับความสำเร็จ  แล้วใครหน้าไหนจะมาช่วยพวกเจ้ากันเล่า !”
            “ถูกต้อง! ท่านพูดได้ถูกต้องยิ่งนัก!” ฮูหยินเฉียวพยักหน้าเห็นด้วย อย่างแข็งขัน
            เหลียนฟางโจวเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยเสียงเรียบ “ลุง ท่านคิดว่าข้าโง่งมใช่ไหม?  คิดว่าพวกเราพี่น้องยังโง่ไม่เพียงพอหรือไร?”
            “พวกเจ้ากล่าวอันใดออกมา!” เหลียนลี่ย่นคิ้ว เอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าไม่ได้โง่เขลาแน่นอน!”
            “ทว่าถ้อยคำของท่านเมื่อครู่นี้  ชัดเจนว่าเราโง่งม!” เหลียนฟางโจวแค่นเสียง “พวกเราไม่ได้โง่งม  ใครที่ดีกับพวกเรานั้น  พวกเราล้วนกระจ่างแจ้งแก่ใจ!  หากป้าจางและลุงลี่หาได้อยากจริงใจกับเรา  หาได้อยากดูแลเรา    เช่นนั้น...จะปล่อยให้เราเข้าร่วมเผาถ่านกับพวกเขาได้เยี่ยงไรท่านเคยเห็นครอบครัวอื่นใดทำได้เช่นนี้บ้าง?  อย่าให้เราต้องออกไปสอบถามคนอื่นเลย   แต่จะลองให้คนในหมู่บ้านมาตัดสินดูก็ได้นะ?” 
            “พวกเราเป็นญาติผู้ใหญ่ของเจ้านะ!  เจ้ากล้าพูดเช่นนี้กับผู้ใหญ่ได้รึ!” ฮูหยินเฉียวแผดเสียงก้อง
            “ป้าใหญ่” เหลียนฟางโจวเอ่ย “มีคำพูดคำใด ที่บ่งชี้ว่า   ข้าได้กล่าวหาว่าท่านเป็นคนผิดรึ! หากมี  ท่านก็จงหยิบยกออกมา  ข้าจะยกน้ำชาขอขมาโทษท่านเสียเดี๋ยวนี้!”
            ฮูหยินเฉียวพลันนิ่งเงียบ   เพราะไม่เคยมีใครในหมู่บ้าน เคยได้ยินเรื่องด่างพร้อยของคนบ้านสกุลลี่เลย
            เหลียนลี่ “ไม่มีสิ่งใดที่ต้องแก้ไขให้ถูก   แน่นอนพวกเรามีหัวใจที่ใสสะอาด!   ทว่าคนอื่นไม่เคยซาบซึ้งถึงความเมตตาที่มีอยู่เลยสักครั้ง   ซ้ำยังไม่เคยสนใจจะพูดถึงอีกด้วย!  หากใครเขาอยากเต็มใจทำงานกับคนอื่นโดยไร้ประโยชน์   เช่นนั้นก็ปล่อยเขา  พวกเราถือว่าได้พยายามช่วยเหลือเต็มที่แล้วมิใช่รึ?  ความปรารถนาดีของพวกเรา  กลับถูกคนอื่นมองว่าเป็นความประสงค์ร้ายไปเสียแล้ว!”
            เหลียนลี่ยังคงเอ่ยออกมา พลางเหลือบมองฮูหยินเฉียวที่ตะโกนเสียงลั่น “พวกเราไปกันเถิดอย่าได้ลดตัวเองไปทะเลาะกับคนระดับลูกหลานเลย!”
            ฮูหยินเฉียวไม่เต็มใจอย่างยิ่ง  ทั้งเข้าใจว่า  ถึงพูดไป เหลียนฟางโจวคงไม่ขยับทำอะไร  เรื่องนี้คงไม่มีทางไปต่อเสียแล้ว  ครั้นแล้วนางจึงปรายตามองหลานสาว  เอ่ยอย่างขมขื่นใจ “ผู้ที่ไม่เคารพญาติผู้ใหญ่ ย่อมต้องได้รับผลกรรมตามสนองแน่นอน!”  ครั้นแล้วจึงจากไปพร้อมกับเหลียนลี่
            หลังคนทั้งสองจากไปแล้ว เหลียนฟางโจวรีบเรียกตัวเหลียนฟางฉิงเข้ามา   ทั้งสองคนคุยกันไม่กี่คำ  เหลียนฟางฉิงจ้องตาพี่สาว พลางพยักหน้า  แล้วหมุนตัววิ่งออกจากบ้านไป
            จากนั้นไม่นานเหลียงฟางฉิงวิ่งกลับมาหาเหลียนฟางโจว พลางหายใจเหนื่อยหอบ  วิ่งผ่านประตูเข้ามา พลางร้องตะโกน  “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่! ท่านเดาถูกจริงๆ  ข้าเห็นพวกเขาสองคนเดินไปทางบ้านป้าจางแล้ว!”
            “อา..พวกเขาเอาจริงด้วย!” เหลียนเซ่อฉุนเฉียวขึ้นมา  ไม่จำเป็นต้องคิดให้มากความ  เขารู้ว่าพวกลุงป้าอยากไปทำอะไร
            “พวกเราไปดูกันเถิด!” เหลียนฟางโจวรู้ว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่   จึงเร่งรีบออกไปกับเหลียนเซ่อ
            คนไร้ยางอายพวกนี้ไม่อาจเอาความคิดของคนธรรมดามาวัดได้เลย 
            พี่สาวและน้องชายทั้งสองต่างวิ่งตรงไปยังบ้านสกุลลี่  ครั้นแล้วได้ยินเหลียนลี่ยืนอยู่ตรงประตูรั้ว  กำลังกล่าวอย่างสุภาพอ่อนหวานนัก    “....พวกเด็กๆเขาหน้าบาง   ทั้งยังกระดากใจที่จะพูด  เลยขอให้เรามาพูดให้พรุ่งนี้ท่านจะขึ้นเขา  โปรดเรียกพวกเราให้ไปด้วยเพราะเราจะไปดูแลพวกเด็กๆให้  พวกเขาอายุยังน้อยนัก  ทุกคนจะได้หมดห่วงกัน!”
            เหลียนฟางโจวและเหลี่ยนเซ่อ โกรธจนใบหน้าซีดขาว  ทั้งสองร้องเรียกเสียงดัง “ลุงใหญ่!  ป้าใหญ่!”  แล้วรีบเดินเข้าไปหา
            ลุงลี่และป้าจาง รวมทั้งคนในครอบครัวต่างพากันโล่งอก ขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดไว้
            พวกเขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองบ้านนั้นดี   ทั้งยังเรื่องที่เหลียนลี่กับฮูหยินเฉียววางตัวเองเป็นผู้ใหญ่เพื่อจะไปที่นั่น   มิหนำซ้ำกรรมวิธีการเผาถ่านนี้เป็นความรู้จากทางครอบครัวของอาเจี่ยน  ตอนนี้อาเจี่ยนพักอาศัยอยู่ที่บ้านเหลียนฟางโจว  หากเหลียนลี่และฮูหยินเฉียวเกิดตามมาดูเข้า  พวกเขาซึ่งเป็นตระกูลชาวนาที่ดีและซื่อตรง  ย่อมไม่อาจมีหน้าไปหลอกลวงได้
            “พวกเจ้าจะไปไหนก็ไปซะ   ผู้ใหญ่เขาจะเจรจาเรื่องส่วนแบ่งกัน   เด็กๆอย่างพวกเจ้าไม่ควรเข้ามาขัดจังหวะ! ยังไม่รีบไปอีก!” ฮูหยินเฉียวเห็นเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ  จึงหันหน้ากลับไปดุ
            เหลียนฟางโจวยืนอยู่ข้างๆเพื่อหาจังหวะพูดกับเหลียนลี่ “เรื่องนั้นได้ตกลงกันไปแล้วพวกเรากลับกันไปก่อนเถิด!”
เหลียนลี่อดยอมรับในใจไม่ได้ว่า เหลียนฟางโจวพี่สาว และเหลียนเซ่อน้องชาย  ช่างมาได้ ถูกเวลา  ถูกจังหวะมากๆ มากจริงๆ !
            เหลียนฟางโจวไม่ยอมให้พวกเขาเดินเข้าไป  เธอจึงเดินมา  แล้วกางแขนทั้งสองข้าง  เพื่อขวางทางลุงและป้าเอาไว้   พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ลุงและป้าใหญ่  หลายหัวข้อยังคุยกันไม่เสร็จเลย  ท่านจะไปได้อย่างไร?”
            เหลียนลี่ไม่คิดว่าเหลียนฟางโจว ในขณะที่อยู่ต่อหน้าผู้อื่น  จะกล้าทำเช่นนี้กับพวกเขา ใบหน้าพลันถมึงทึง  เอ่ยเสียงเข้มดุ “เจ้าจะทำอะไรไม่มีสิทธิ์มาทำเช่นนี้นะ!”
            “ยังไม่หลีกทางไปอีกรึ!  พวกเจ้า ยังมีญาติผู้ใหญ่ในสายตาอยู่ไหม!”  ในฐานะผู้อาวุโสของสกุลเหลียน  ขอให้พวกเจ้าไสหัวไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!  “  ฮูหยินเฉียวก่นด่า
            เหลียนเซ่อก้าวท้าว ไปยังประตูรั้ว  พลางขยับเข้าไปใกล้เรื่อยๆ  แล้วไปยืนระวังอยู่ตรงนั้น
            ส่วนเหลียนฟางโจวปรายตามองฮูหยินเฉียว เอ่ยว่า “ป้าใหญ่  พวกข้าไม่มีบิดามารดา   ในพวกเราสองคน ข้าคือหัวหน้าครอบครัว ข้าหาใช่เด็กไม่   ท่านอย่าได้พูดกับข้าด้วยน้ำเสียงเช่นนี้   ข้าฟังแล้วรู้สึกแปลกๆพิกล!”  เหลียนลี่เอ่ยขึ้น “อ้าว แล้วคนโตอย่างเจ้าจะเป็นกังวล เรื่องที่ข้าจะไป หรือจะทำอะไรไปไยเล่า เจ้ากลัว หรือรู้สึกผิดอันใดรึ?”
            ฮูหยินจ้าวได้ฟังดวงตาลุกวาบโดยพลัน รีบพูดขึ้น “ฟางโจว  เมื่อครู่ก่อน ลุงเจ้าบอกว่าพรุ่งนี้จะตามไปเผาถ่านด้วยกัน   ซ้ำยังบอกด้วยว่าเป็นความประสงค์ของเจ้าเจ้ามาพอดีเลย  ข้าเลยจะถามว่าเจ้าสะดวกให้ไปหรือไม่
            ----------------------------------------------
ขอบคุณทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
ตอนนที่ 62 ไม่มีนะคะ (อ้างอิงตามเว็บจีน)

มีผู้อ่านบางท่านถาม ว่านางเอกจะสบายเมื่อไร  ครอบครัวนางเอกจะสบายขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ ตั้งแต่ ทริปไปเก็บเห็ดแล้วค่ะ   แต่ถ้าถึงขั้นมหาเศรษฐีเลย จะอยู่ราวๆ บทที่ 4xx ขึ้นไป   เพราะนางเอกเป็นผู้ค้นพบนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ที่คนสมัยโบราณยังไม่เคยเห็น  ทำให้นางเอกรวย และดังระเบิดไปเลยค่ะ โดยมีพระเอกเป็นกำลังหลักอีกตามเคย  ซึ่งช่วงกำลังจะลืมตาอ้าปาก ก็เริ่มมี ตัวละครหนุ่มๆ (มีแก่ๆด้วย) รายใหม่เข้ามาสนใจนางเอกแล้วค่ะ ช่วงนี้พระเอกจะวุ่นวายกับงาน bodyguard มากเชียวค่ะ  (คงสปอยได้เพิ่มอีกนิดเท่านี้นะคะ ^-^)

**สำหรับใครอยากรู้ว่ามีกี่ตอน ให้ไปดูที่บท รายละเอียดนะคะ

15 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณจ้าไรท์//อยากให้เรื่องนี้มีพิมพ์ออกขายจัง

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ8 มีนาคม 2560 เวลา 03:27

    ป้ากับลุงนางเอกเมื่อไหร่จะกรรมตามสนองซะทีเนี่ย

    ตอบลบ
  3. เมื่อไหร่จะตายๆซะที อิสองแก่นี่โลภมากไม่หยุดหย่อน

    ตอบลบ
  4. สนุกคะได้หลากหลายรสชาติ

    ตอบลบ
  5. แบบว่า อยากอ่านเพิ่มอีกจ้า ถ้านักแปลว่างน่ะคะ เป็นกำลังใจให้คะ ขอบอกว่าติดงอมแงมเลย

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณมากค่ะ เป็นนิยายจีนที่แหวกแนวไม่เหมือนใคร แต่สนุกมากค่ะ

    ตอบลบ
  7. สนุกมากครับเป็นอีกเรื่องที่บุ๊คมาคไว้เลย

    ตอบลบ
  8. อ๊ากกกกกกกกรำคาญสองลุงป้านั่นจริงๆ ต้องถูกเลี้ยงดูมาแบบไหนถึงจะมีความคิดแบบนั้นได้ โทษทีอินไปหน่่อย

    ตอบลบ
  9. รู้สึกมีอีกกี่ร้อยตอก็ไม่พออ่านเลย ฮ่า

    ตอบลบ
  10. รู้สึกมีอีกกี่ร้อยตอก็ไม่พออ่านเลย ฮ่า

    ตอบลบ
  11. เพลียกับ มนุษ์ลุงและป้า

    ตอบลบ
  12. หนทางยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงบท 4xx รอลุ้นกันต่อไป

    ตอบลบ
  13. กรีด ขอบคุณค่ะ ดีค่ะ นางเอกมีไวพริบ น่ารักดีค่ะ ขอให้พระเอกอยุ่กับนางเอก ไปนาน ๆ ค่ะ

    ตอบลบ