วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 94 คิดบัญชี(2)

                  “ท่านท่านช่างรอบจัดนัก  พลิกลิ้นกลับดำเป็นขาวได้ง่ายจริงนะ !” เหลียนฟางโจวชี้หน้านางด้วยความขุ่นแค้น  “ข้าไม่รู้จะสรรหาคำใดมาบรรยายท่านดี  เช่นนั้นก็ไป  พวกเราไปตัดสินปัญหากันต่อหน้าจางลี่เจิ้ง และผู้อาวุโสของหมู่บ้านทั้งหลายกันเถิดข้าไม่เชื่อว่าบ้านเมืองนี้จะไม่มีขื่อไม่มีแป  หาความยุติธรรมไม่ได้!”
                  “เจ้าคิดว่าอีแก่ผู้นี้กลัวเจ้ารึไง!”  ฮูหยินเฉียวชี้หน้าเด็กสาวบ้าง  พลางแค่นเสียง “ต่อให้ไปยืนอยู่ต่อหน้าคนพวกนั้นแล้วจะทำไม!   เชอะ!  เจ้าคิดว่าพวกเขาแต่ละคนจะเชื่อน้ำคำของเด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้าหรือไร?”

                  “ฟางโจวเอ้ย!”  เหลียนลี่สืบเท้าเข้ามาหา พลางเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้เป็นเพราะป้าใหญ่เจ้าทำตัวเลอะเลือน  ในเมื่อตัวเจ้าก็กลับมาโดยสวัสดิภาพแล้ว  เรื่องนี้ก็ขอให้ปล่อยผ่านไปเถิดนะอย่าได้ฟื้นฝอยหาตะเข็บอีกเลย ข้าจะเป็นผู้อบรมป้าใหญ่ให้เอง  ภายหลัง นางจะไม่กล้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้อีกแล้ว!?”
                  เหลียนลี่ดึงแขนเสื้อฮูหยินเฉียวเบาๆ   ส่งสายตาเป็นเชิงให้มองอาเจี่ยน  ที่ปรายตามาทางนางบ่อยๆ
                  เดิมทีฮูหยินเฉียวยังไม่เฉลียวใจ   ยังคงหันกลับไปตวาดเสียงขรม   แต่พอเห็นอาเจี่ยนเข้า   ก็นึกถึงความทุกข์ทรมานที่ได้รับเมื่อวานตอนค่ำได้  พลันรู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างปวดร้าวขึ้นมาทันใด   ใจเต้นกระหน่ำ  ไม่กล้าปริปากพูดสักแอะ
                  เหลียนฟางโจวหันไปเล่นงานเหลียนลี่บ้าง   ที่ดันแสดงบทบาทเป็นผู้ใหญ่มีเมตตาเอ็นดูเด็ก  ขอร้องให้เธอปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป  เธอเหลืออดนัก  ส่งยิ้มกระด้างพลางแค่นเสียง “ลุง! แล้วเรื่องนี้ท่านไม่ได้สมรู้ร่วมคิดด้วยรึ?  ป้าใหญ่นั้นถือว่าเป็นคนอื่น  ท่านและบิดาของข้าต่างหากที่เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน   มีแม่คนเดียวกัน!   ข้าจึงนับว่าเป็นหลานแท้ๆของท่าน  ทว่าท่านกลับไม่อนาทรร้อนใจกับเรื่องอุกฉกรรจ์ครานี้เลย!  ลุง... ท่านไม่รู้สึกผิดต่อบิดาของข้าหรือไรอีกร้อยปีให้หลัง  ท่านจะมีหน้าไปพบบิดาข้า  รวมทั้งท่านปู่และท่านย่าข้าได้อย่างไร!”
                  พอเจอหลานสาวพูดใส่หน้าเช่นนี้  เหลียนลี่ถึงกับเสียกระบวน   ส่งเสียงด่าแก้เก้อ “เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอันใด หาว่าข้ามิได้ว่ากล่าวตักเตือนนางอย่างนั้นหรือเรื่องนี้ข้ามารู้ความจริงเอาภายหลัง  ส่วนป้าใหญ่ข้าก็ให้บทเรียนนางไปแล้ว   แล้วเจ้าจะมาเรียกร้องหาสวรรค์วิมานอันใดอีกเล่า?   เจ้าเป็นเด็กก็ต้องรู้จักเจียมตัว   อย่าได้ข้ามหัวผู้ใหญ่มันให้มากนัก !  ป้าใหญ่จะไม่ก่อเรื่องเป็นครั้งที่สองแล้ว  และที่สำคัญท่านก็เป็นญาติผู้ใหญ่ของเจ้าอีกด้วย!”
                  เหลียนฟางโจวรอให้บางคนอารมณ์เย็นลงก่อน  แล้วเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็นว่า “นั่นนะหรือคือสิ่งที่ญาติผู้ใหญ่เขาทำกัน   ท่านเลยปล่อยให้นางก่อเรื่องตามใจชอบ   อ้อ... ข้าเพิ่งรู้นะว่านี่คือเรื่องที่ญาติผู้ใหญ่สมควรทำกันลุง...หากเรื่องเดียวกันนี้เกิดกับบุตรชายของท่านบ้างเล่า   ท่านจะว่าอย่างไร!”
                  ไม่ต้องรอให้ลุงเอ่ยปาก   ฮูหยินเฉียวพลันโทสะพุ่งพล่าน  ถลึงตาใส่หลานสาว   แล้วกล่าวบริภาษแทบไม่หายใจหายคอ  “เจ้ามันผีเจาะปากมาพูด  ปากพล่อยจริงๆ!”
                  เหลียนฟางโจว เอ่ยว่า “ทีกับผู้อื่นล่ะก็  ถึงกับทนไม่ได้เชียวนะ  ท่านนี่มันหยาบช้าเหลือรับประทานจริงๆ ทำเรื่องเช่นนั้นกับหลานแท้ๆได้ลงคอ   แต่พอถึงทีลูกชายตัวเองบ้างถึงกลับพูดไม่ออกป้าใหญ่...ข้าขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับท่านแล้ว  ตามข้าไปอธิบายความให้กระจ่าง   ต่อหน้าจางลี่เจิ้งและผู้อาวุโสทั้งหลายของหมู่บ้านเถิด !”
                  พอเหลียนฟางโจวพูดจบ  ก็ตรงเข้ามาลากตัวฮูหยินเฉียว
                  เหลียนลี่รีบตรงเข้าขวางทันที  คิ้วขมวดมุ่น “เจ้าเด็กคนนี้ไฉนถึงได้ดื้อด้านเช่นนี้นะ เจ้าบังอาจมาสร้างเรื่องนี้เช่นนี้  จะได้ประโยชน์อันใดเล่า?”
                  “อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้ผู้คนรู้ว่า  ฟางโจวผู้นี้...ถึงแม้จะกำพร้าบิดามารดา  แต่ก็จะมิยอมให้พวกท่านมารังแกเด็ดขาด !”  พวกท่านก่อเรื่องร้ายแรงขึ้นมา  ชื่อเสียงทั้งหลายทั้งแหล่ของท่านในหมู่บ้านต้าฟาง   คงถึงคราวย่อยยับเพราะน้ำมือท่านเองแล้ว  ทั้งจางลี่เจิ้งและผู้อาวุโสทั้งหลายย่อมให้ความเป็นธรรมแก่ข้า อย่างมิต้องสงสัยข้องใจหรือไง?”  เด็กสาวแค่นเสียง “หากกล้าที่จะทำ  แล้วไยไม่มีความกล้าพอที่จะยอมรับเล่า?”
                  “ข้าไม่ไป!” ฮูหยินเฉียวเอ่ย “อีกแก่คนนี้ไม่ยอมรับ  เจ้าเห็นข้าอีแก่คนนี้เป็นอะไรจะให้ตาแก่ตายยากพวกนั้นมาช่วยเด็กเมื่อวานซืนเช่นเจ้าพูดหรือ  ไม่ไร้สาระไปหน่อยหรือ!”
                  “เหลียนเฉียวซี่   เจ้าเป็นฟู่เหริน(หญิงที่ออกเรือนแล้ว)ที่มารยาททรามนัก  ไร้ยางอายยิ่ง!”  เสียงตวาดฉุนเฉียวลอยมา  พลันเห็นร่างของจางลี่เจิ้งพร้อมกับผู้อาวุโสผู้เป็นที่นับถือของหมู่บ้าน 3 ท่านเข้ามาในบ้าน  แต่ละคนมีสีหน้าบูดบึ้งเย็นชานัก   เหลียนเซ่อติดตามมาด้วย  ใบหน้ามีความเคียดแค้นเต็มเปี่ยม
                  เหลียนลี่และฮูหยินเฉียวไหนเลยจะคิดว่า เหลียนฟางโจวจะมาไม้นี้สีหน้าของทั้งสองซีดขาวราวกระดาษ!
                  เหลียนลี่สำนึกเสียใจที่ปากไวไปหน่อย  ปั้นหน้าแทบไม่ถูก   รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลทันใด   ยาโถว(เด็กสาวยังไม่ออกเรือน)ผู้นี้ประสบเคราะห์กรรมหนัก  เลยกลับมาเอาเรื่อง  ทว่าพวกเขาสองผัวเมียกลับไม่ระแคะระคายสักนิด!   ต้องมีเบื้องหลังเป็นแน่!
                  “ ท่านจางลี่เจิ้ง ! ท่านลุงสาม ท่านลุงห้าแซ่จาง  ท่านปู่ใหญ่แซ่หลี่  ลมอันใดหอบพวกท่านมาถึงที่นี่ ! ”   เหลียนลี่กุลีกุจอต้อนรับ  พยามปั้นยิ้มสุดชีวิต  ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับดูแข็งเกร็งยังไงพิกล
                  จางลี่เจิ้ง และเหล่าผู้อาวุโส  ไม่เอื้อนเอ่ยอันใด  มีเพียงสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์อย่างหนัก
                  “ข้าโดนกล่าวหา ข้าถูกใส่ร้าย !”  ฮูหยินเฉียวร้องตะโกนก้อง “ท่านจางลี่เจิ้ง  และท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย   พวกท่านมาช่วยเหลือข้าแล้ว..อา !   ยาโถวผู้นี้ไม่มีสำนึกผิดชอบชั่วดีแม้แต่น้อย   นางวางกับดักล่อลวงข้า!”
                  จางลี่เจิ้งรอให้บางคนสงบสติอารมณ์ลง  แล้วสบตาฮูหยินเฉียว พลางเอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่า พวกข้าทั้งหมดคือตาแก่ตายยากหรอกหรือ  ไหนเลยจะกล้าเป็นฝ่ายออกโรงช่วยเจ้าได้เล่ามิหนำซ้ำ จะโดนใส่ร้าย หรือไม่โดนใส่ร้าย  เจ้าไม่ได้กล่าวออกมาเองเมื่อครู่ก่อนหรือ?  เจ้าพูดออกมาเอง จำไม่ได้แล้วหรือ  หูของพวกตาแก่ตายยากทั้งหลายหาได้หนวกไม่!”
                  “ไม่ใช่  ไม่ใช่เช่นนั้น  นั่นเป็นคำพูดตอนข้าโมโห  เป็นแค่วาจายามโมโหเท่านั้น !” ฮูหยินเฉียวร้องปฏิเสธเสียงหลง พลางเอ่ยว่า “ตัวข้าหาได้มีเจตนาให้นังเด็กน่าตายนี้ขุ่นเคืองเลยยาโถวผู้นี้  หาได้เคยเห็นผู้ใหญ่เช่นเราสองคนในสายตามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  ข้าหรือจะจงใจกล่าววาจาให้นางรำคาญ ข้า...”
                  “อะแฮ่ม....เช่นนั้นก็ดี!”  ลุงสามแซ่จางกระแอมไอออกมา  เอ่ยเสียงเนิบ  “มีเรื่องอันใดก็ไปชี้แจงกันซึ่งๆหน้าที่บ้านสกุลจางดีกว่า ไปกันได้แล้ว !”
                  พอกล่าวจบเหล่าผู้อาวุโส และจางลี่เจิ้งต่างผินกายออกเดิน  จางลี่เจิ้งส่งยิ้มเป็นสัญญาณให้เหลียนฟางโจว และอาเจี่ยน
                  เหลียนฟางโจวและอาเจี่ยนรีบเดินตามไปทันที
                  “พ่อ  นี่..นี่ เราจะทำยังไงกันดี!”  ฮูหยินเฉียวยึดแขนสามีแน่น เอ่ยด้วยเสียงตื่นตระหนกระคนหวาดกลัว
                  “นังแก่เอ๋ย...ปากเจ้ามันไม่มีหูรูดจริงๆ!”  เหลียนลี่กระทืบเท้า  ก่นด่าสายตาชิงขัง “จะทำอะไรได้เล่าใครใช้ให้เจ้าปากพล่อยเช่นนี้  พูดมาแต่และคำช่างชวนหาเรื่องนัก!”
                  “ข้าจะรู้ได้ไงเล่าว่าพวกตาแก่....ยืนอยู่ข้างนอกนั่น!”  ฮูหยินเฉียวทั้งเคร่งเครียดทั้งกลัดกลุ้ม  เอ่ยเสียงรอดไรฟัน  “นังเด็กน่าตายนั่นมันเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวนัก  วางกับดักเล่นงานจนข้าได้!”
                  “รีบเดินไปเร็ว  เดินกันไปก่อน  แล้วค่อยว่ากันอีกทีข้าบอกเจ้าแล้วว่าห้ามปิดบังความจริงใดๆกับข้าหากบอกข้าก่อนหน้านั้น  ก็คงมิต้องมาระวังตัวแจเช่นนี้แล้ว  ฮึ่ม... ข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่!”  เหลียนลี่เอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย
                  “ไปสิยังไม่เดินไปอีก!” สีหน้าฮูหยินเฉียวซีดสลด  อดก้าวถอยหลังกลับมาไม่ได้
                  “ยังไม่ไปอีกหรือทีอย่างนี้เพิ่งจะมากลัวจะไม่ได้ไปก็เพราะเจ้านี่แหละ!” เหลียนลี่แค่นเสียงเย็น  จับแขนนางลากไป
                  เมื่อมาถึงห้องโถงยาวบ้านจางลี่เจิ้ง  ถึงได้เห็นหัวจินเต๋าอยู่ที่นั่นด้วย   สีหน้าฮูหยินเฉียวพลันซีดเผือด  คล้ายจะเป็นลม
                  “เจ้ามีอะไรจะพูดรึไม่?”  จางลี่เจิ้งจ้องฮูหยินเฉียวด้วยสายตาเย็นชา
                  “คุกเข่าลง!  นังหญิงขี้อาฆาต!” เหลียนลี่ตวาดลั่น ผลักฮูหยินเฉียวให้คุกเข่าลง
                  ฮูหยินเฉียวไม่กล้าทำเป็นไม่ได้ยิน   สีหน้าหงอไปนิด  แล้วคุกเข่าก้มหน้า  ปากก็พร่ำพูดออกมา  “ข้าถูกใส่ร้ายข้าถูกใส่ร้าย! “  พูดซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด
                  “นี่..เจ้าเห็นตาแก่ตายยากอย่างพวกข้าเป็นคนหูหนวกเหรอ!”  จางลี่เจิ้งและบรรดาผู้อาวุโสมีสีหน้าดูไม่ได้ไปแล้ว   บังเกิดความหงุดหงิดขึ้นทีละน้อยๆ   รู้สึกชิงชังเหลือจะกล่าว
                  ความขัดแย้งระหว่างสองครอบครัวสกุลเหลียนมีผู้รู้น้อยนัก  ดังนั้นเช้าวันนี้ เหลียนฟางโจวจึงพาหัวจินเต๋าผู้ที่ร่ำไห้ฟูมฟายน้ำตานองหน้า  มาช่วยออกหน้ากล่าวหา  ทั้งอาศัยบารมีของจางลี่เจิ้ง และเหล่าผู้อาวุโสของหมู่บ้านด้วย   ผู้ใดเห็นแล้วจะมิเข้าข้างนางได้อย่างไร?
                  “หุบปากได้แล้ว! “  เหลียนลี่ส่งสายตาดุให้ฮูหยินเฉียว   พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หญิงผู้นี้ ...หญิงผู้นี้มิเคยต้องประสบ  กับเรื่องหนักหนาสาหัสเช่นนี้มาก่อน   อย่างไรเสีย...ท่านจางลี่เจิ้ง และท่านลุงทั้งหลาย  โปรดเมตตาให้อภัยนางด้วย เรื่องนี้เป็นเพราะนางเลอะเลือนนางไม่ควรก่อเรื่องเหลวไหลเช่นนี้!”
                  ลุงจางสามแซ่จางแค่นเสียงเย็น มันก็แค่คำพูด  เจ้าจะพูดเยี่ยงไรก็ได้ เหลียนเฉียวซี่  เจ้ารู้ความผิดเจ้าไหม?”
                  ฮูหยินเฉียวลอบมองหน้าเหลียนลี่  ก้มหน้าลงเอ่ยเสียงเบา “รู้..รู้ว่าผิด....”
                  ต้องมาได้รับความอับอาย  ต่อหน้าเหลียนฟางโจว  นางเคียดแค้นยิ่งนัก
   -------------------------------------------------------------------------------
 ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ และการติดตามค่ะ
-บทที่แล้ว  ขอให้รีดช่วยหาคำนิยามให้ฮูหยินเฉียว  แต่ยอมรับว่ายากจริงๆ  ไม่อาจหาคำนิยามได้
-สำหรับบทนี้ผู้แปล แปลไป  ก็หมั่นไส้สองผัวเมียคู่นี้เหลือจะกล่าว  เหลือตอนหน้าอีกหนึ่งตอน  สำหรับจบปัญหาที่ฮูหยินเฉียวก่อไว้   ต่อไปจะได้เข้าเรื่องทำมาหากินสักทีค่ะ กำเงิน 10,000 ตำลึงไว้นานแล้ว เดี๋ยวจะไม่ได้ใช้ ^-^




    

20 ความคิดเห็น:

  1. ยายเฒ่าสาระพัดพิษเกยตื้นเอ๋อ

    ตอบลบ
  2. ต้องโดนให้หนัก หน้าด้านทั้งผัวทั้งเมีย เอาให้เสียชื่อเสียง จนลูกโดนไล่ออกจากที่เรียนยิ่งดี

    ตอบลบ
  3. ลุง ป้า เป็นแมลงสาบโดยแท้ ฆ่าไม่ตายมีแต่แกล้งตายดิ้นไปดิ้นมา หึ

    ตอบลบ
  4. จัดให้หนัก จะได้รีบไปใช้เงินหาเงินซะที

    ตอบลบ
  5. หวังว่าคงจัดการฮูหยินเฉียวได้สมน้ำสมเนื้อ อ่านบทสองผัวเมียใจชั่วนี้ทีไรจะอกแตกตายทุกที

    ตอบลบ
  6. สอบถามครับ เรื่องนี้มีชื่อเต็มภาษาอะงกฤษมั้ยครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ชื่อภาษาอังกฤษว่า pickup general to prow the field ค่ะ แต่เวอร์ชั่นอังกฤษแปลได้ยี่สิบกว่าตอนเองนะคะ แต่จะไปอ่านคร่าวๆจากเว็บต้นฉบับภาษาจีนก่อนก็ได้ค่ะ แล้วค่อยมาเก็บรายละเอียดจากแปลไทยอีกที เราก็ทำแบบนั้นค่ะ ไม่งั้นนอนไม่หลับค่ะมันค้าง 555

      ลบ
    2. คงต้องดำจีนเเหละครับอาการมันเหมือนอยากยาเเล้วตอนนี้

      ลบ
  7. กำจัดคู่นี้แบบถาวรเลยได้มั้ยเนี่ยยย ฮึ่ม!!!

    ตอบลบ
  8. สนุกมากค่ะ อย่าให้รีดรอนานนะคะ

    ตอบลบ
  9. จริงๆน่าจะโดนโทษหนักๆบ้าง อีพวกนี้ สร้างแต่เรื่อง ขอบคุณค่าาาาาา

    ตอบลบ
  10. ผัวเมียสารพัดชั่ว

    ตอบลบ
  11. เลวขนาดนี้ต้องจัดให้หนักเอาให้ไม่มีหน้าอยู่ในหมู่บ้านอีกเลย

    ตอบลบ
  12. ขอให้ลุงป้าคู่นี้โดนหนักๆ

    ตอบลบ
  13. อยากรู้ว่าได้รับโทษอะไร...ใช่จะโดนขับออกจากหมู่บ้านไหม

    ตอบลบ
  14. ขอบคุณค่ารักคนแปลมากมาย

    ตอบลบ
  15. พ่อกับแม่ร้ายขนาดนี้อยากรู้ว่าลูกชายนางที่เรียนอยู่สำนักศึกษาจะร้ายขนาดไหน ถ้าร้ายคงร้ายแบบมีสมองแน่เลยคงรับมือยากน่าดู

    ตอบลบ
  16. ไม่ระบุชื่อ22 พฤษภาคม 2560 เวลา 21:49

    ไม่เคยรำคาญใครเท่าลุงป้านี้มาก่อนเลย

    ตอบลบ
  17. เอาให้หนักไปเลยสองผัวเมียคู่นี้ เกลียดมากๆ แถจนนาทีสุดท้ายเลย

    ตอบลบ