วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 21 โดนฮูหยินหลิวตะโกนสาบแช่ง 2

          เหลียนฟางโจวรอให้ใครบางคนอารมณ์เย็นลงก่อน  จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ว่าที่ลูกเขยของสกุลท่านหรือเขาหรือคือคนที่ข้าไม่ต้องการ  และอยากเลิกหมั้นกับเขาอย่างนั้นหรือ?  แต่เดิมข้าถูกเลือกโดยครอบครัวของท่านหรือไรถึงอย่างนั้นก็เถอะ  ในเมื่อเป็นสิ่งที่ข้าไม่ต้องการ  แล้วข้าจะไปยั่วยวนเขาได้หรือฮูหยินหลิว.. ท่านคงไม่คิดว่าข้ากลัวท่านใช่หรือไม่  หากท่านพูดจาเหลวไหลอีกครั้ง  พรุ่งนี้เราเข้าเข้าเมือง ไปที่ศาลกัน  จะได้รู้กันไปเลยว่า แท้จริงแล้วท่านต้องการอันใด และในเมื่อท่านเป็นผู้มากความสามารถ  ก็จงไปเรียกว่าที่เขยบ้านท่านมาด้วย  จะได้มีการไต่สวนกันให้กระจ่างซึ่งๆหน้า  ว่าข้าไปยั่วยวนเขาเมื่อใดหากท่านไม่อาจเรียกว่าที่เขยของท่านมาเผชิญหน้ากับข้าได้  ก็หุบปากของท่านได้แล้ว!  ไม่เช่นนั้น ก็อย่ามาหาว่าข้าไร้เมตตากับเจ้าก็แล้วกันหญิงปากคอเราะร้ายที่กล่าวแต่ความเท็จ  หากอยู่ในหมู่บ้านฟางของเราต่อไป  รังแต่จะทำลายชื่อเสียงของหมู่บ้านให้เสียหาย!”

          ยามนี้ผู้คนในหมู่บ้านออกมายืนล้อมวงดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความบันเทิง   พวกเขาได้ยินถ้อยคำทุกคำของเหลียนฟางโจวที่ดังก้องกังวาน   ได้เห็นนางเชิดหน้า   ยืนประจันหน้ากับฮูหยินหลิว  โดยไม่ยอมให้น้องๆที่กำลังส่งสายด้วยความอยากรู้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย   สายตาหลายคู่ของชาวบ้านต่างจ้องมองเหลียนฟางโจวด้วยความกระหายใคร่รู้  และอดจะชี้ไม้ชี้มือไปทางฮูหยินหลิวพร้อมทั้งซุบชิบกันไม่ได้
          ป้าจางเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นแล้ว  รีบเดินเข้ามาสมทบพลางเอ่ยเสียงดัง “เหลียนฟางโจวถือเป็นลูกเป็นหลานของข้า  ข้าเห็นนางมาตั้งแต่ยังเล็ก  ข้าเชื่อว่านางเป็นผู้บริสุทธิ์  ฮูหยินหลิว  วาจาที่ท่านกล่าวออกมา  เพื่อทำลายชื่อเสียงของเด็กสาวคนหนึ่ง  มันจะดูไม่รุนแรงเกินไปหน่อยหรือ?  เหลียนฟางโจวพูดถูก  ท่านกล่าวว่านางไปยั่วยวนว่าที่เขยของบ้านท่าน  ก็รบกวนท่านไปเรียกว่าที่เขยผู้นั้นมาเจรจาเป็นการส่วนตัวในวันพรุ่งนี้ !   ท่านควรจะหยุดทำลายชื่อเสียงของผู้บริสุทธิ์ด้วยวาจาของท่านได้แล้ว!”
          ผู้คนมากมายที่มุงดูอยู่ล้วนพยักหน้าเห็นพ้องกันด้วยทั้งหมด
          สกุลเหลียนและสกุลหยางได้ตกลงปลงใจเรื่องหมั้นหมายกันมาหลายปี  หากไม่เพราะบิดามารดาของเด็กสาวมาด่วนจากไปในเหตุการณ์ไม่คาดฝัน  การแต่งงานของสองสกุลนี้  คงไม่อาจยกเลิกได้แน่นอน
          กระดูกพ่อแม่นางยังไม่เย็นเลย  สกุลหยางก็มาทำให้ต้องยกเลิกการหมั้นหมาย  เรื่องนี้ถือว่าแม่เฒ่าหยางเป็นฝ่ายทำไม่ถูก! 
          ส่วนสกุลหัวก็เกินไปจริงๆ   แย่งชิงคู่หมั้นคนอื่นโดยไม่มีการเจรจาอันใด  แถมยังไปกลั่นแกล้งบรรดาพี่น้องที่กำพร้าพ่อแม่หลายต่อหลายครั้ง  ทั้งยังมาใส่ร้ายป้ายสี   ทำความเสื่อมเสียให้พวกเขาอีก   เหล่าชาวบ้านในหมู่บ้านนี้คงไม่อาจทนดูได้ต่อไป
          ฮูหยินหลิวผู้ได้รับคำสั่งมาจากแม่สามี  แทบไม่กล้าหายใจเสียงดัง   นางรู้ดีว่าเหลียนฟางโจวคนปัจจุบันนี้  ร้ายกาจราวกับนางปีศาจ  แตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง  เด็กสาวทั้งหยาบคายและก้าวร้าวมากด้วยตนเองไม่คาดว่าจะโดนนางสาดน้ำใส่จนเปียกโชกไปทั้งตัวอีกครั้ง!  ช่างบ้าบอสิ้นดี!
          ที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้น   จู่ๆป้าจางก็ดันมาเป็นทุกข์เป็นร้อนกับนังเด็กนั่นด้วย  เกิดอันใดขึ้นเหตุใดนางจึงมาออกหน้าแทนเยี่ยงนี้ทั้งยังผู้คนในหมู่บ้านด้วย  ล้วนเข้าข้างนังเด็กนั่นกันหมด.....
          ตัวฮูหยินหลิวเองกะว่า  ได้ด่าว่าเด็กสาวสักหนึ่งยก แล้วค่อยจากไป  ทว่าครานี้นางไม่อาจแวบหนีออกไปได้แล้ว
          ให้ไปเรียกลุงมาเจรจากันซึ่งหน้ารึ?   กล่อมให้เหลียนฟางโจวใจเย็นๆไม่เอาเรื่อง  น่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่า  และที่สำคัญกว่านั้น  เรื่องการถูกเด็กสาวยั่วยวน   หากว่าที่น้องเขยบอกว่า  ไม่   นางก็จะกลายเป็นคนผิดไปในภายภาคหน้า  นางจะยังสู้หน้าผู้คนได้อีกรึหากว่าที่น้องเขยบอกว่า ใช่ โดนยั่วยวนจริงๆ   มันก็ดูเหลือเชื่อเกินไป  น้องสาวของสามีที่บ้านนางมิกลายเป็นตัวตลกรึ?
          ดังนั้น ไม่ต้องคิดให้มากความแล้ว  ไม่มีใครเลยที่ได้ประโยชน์กับเรื่องนี้เช่นนั้น...การเผชิญหน้ากันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้!
          เหตุการณ์ครั้งนี้ตัวเหลียนฟางโจวเองไม่อาจยอมให้ปล่อยผ่านไปได้  เธอจ้องคนที่มาหาเรื่องเขม็งพลางแค่นเสียง “ฮูหยินหลิว พ่อแม่ข้าก็ได้จากไปแล้ว  ทว่า..ก็ไม่ได้หมายความว่าเห็นพวกเราสี่พี่น้องกำพร้าแล้ว  ต้องเป็นเหยื่อให้ผู้คนรุมรังแก   พวกเราทุกคนล้วนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน  ใช้ถนนเส้นเดียวกัน  กินน้ำจากแม่น้ำเดียวกัน  เหตุใดท่านถึงมีจิตใจไร้เมตตา และโหดร้ายกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเยี่ยงนี้ท่านเจาะจงมากลั่นแกล้งพวกเราสี่พี่น้องโดยเฉพาะ!   ท่านจำเป็นต้องกล่าววาจาข่มเหงพวกเราให้ถึงตาย  ถึงจะสะใจท่านหรือแท้จริงแล้วพวกเราพี่น้องเคยไปเป็นปฏิปักษ์กับท่านที่ไหน  ท่านพูดมาให้กระจ่างหน่อยสิวันนี้หากไม่คุยกันให้แจ่มแจ้ง  ท่านอย่าหวังว่าจะปลีกตัวจากไปได้เลย!”
          เมื่อชาวบ้านฟังจบ  ให้รู้สึกเห็นใจสี่พี่น้องยิ่งนัก   ยิ่งทำให้ดูถูกฮูหยินหลิวมากขึ้น  จึงยังคงจับกลุ่มถกเถียงกันต่อไป
          ใบหน้าฮูหยินหลิงพลันซีดเผือด  ไม่อาจทนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านในครั้งนี้  จิตใจของนางทั้งสับสนและว้าวุ่นใจ   นางเหลือบเห็นสะใภ้สามแซ่หวางยืนปะปนอยู่ในฝูงชนด้วย  ครั้นแล้วจึงชี้มาที่หญิงวัยกลางคน   พลางตะโกนเสียงดัง  “ข้าไม่ได้พูดปดเหลียนฟางโจวนั่นและยั่วยวนว่าที่น้องเขยข้าสะใภ้สามแซ่หวางเป็นคนบอกข้าเอง  ไม่เชื่อพวกท่านไปถามนางดูสิ!”
          สะใภ้สามแซ่หวางเห็นผู้คนต่างหันมาจ้องมองตนเองอย่างสำรวจตรวจตรา  พลันรู้สึกหวาดกลัว รีบเอ่ยว่า “เจ้าพูดเหลวไหล!  ไยถึงมาสาดโคลนใส่ข้าเยี่ยงนี้?  ข้าไปกล่าววาจาเช่นนี้เมื่อใดกันไม่เกี่ยวอันใดกับข้าเลย!”
          ฮูหยินหลิวเคร่งเครียดทันใด  เดินตรงไปดึงแขนสะใภ้สามแซ่หวางดึงมาใกล้ๆ  แล้วยึดตัวไว้ ”เมื่อตอนเย็นเจ้ามาเยือนข้าที่ประตูบ้าน  แล้วเจ้าก็มาเล่าเรื่องให้ข้าฟัง!  เมื่อตอนเที่ยงข้ากับแม่สามีต่างก็อยู่ที่บ้าน”
          “เหลวไหล  เจ้าพูดจาเหลวไหล!” สะใภ้สามแซ่หวังพยายามดึงมือออกจากมือฮูหยินหลิว  ไม่อาจทนฟังนางพูดอีกต่อไป  นางจ้องตาฮูหยินหลิวพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้พูดฮูหยินหลิว การที่เจ้าวิ่งไปบ้านเหลียนฟางโจวเพื่อหาเรื่อง  ท่านก็เคยทำมาแล้ว  คนที่ไม่รู้เรื่องก็จะนึกว่าเจ้าเป็นคนมีความชอบธรรมข้าตามไปหาเจ้าที่บ้านเจ้ารึน่าขันนัก!  บ้านเจ้าอยู่ทางทิศใต้  ส่วนบ้านข้าอยู่ทางทิศเหนือ  เป็นไปได้รึที่ข้าจะตามไปหาที่บ้านเจ้าข้าคิดว่าคงเป็นเพราะว่าเมื่อวันก่อน   พวกเราต่างมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน   เจ้าเลยถือโอกาสแก้แค้นข้าฮูหยินหลิวเอ๋ย  เจ้ามันน่ารังเกียจยิ่งนัก!”
          “ท่าน..” ฮูหยินหลิวพลันสติแตก โทสะพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาปั้นเรื่องเหลวไหล  เจ้าจะท้าทายข้ารึ!  ข้าไม่ยอมจบแค่นี้แน่!
          ครั้นแล้ว ฮูหยินหลิวจึงพุ่งเข้าทุบตีสะใภ้สามอย่างรุนแรง
          “! นังฮูหยินหลิว  เจ้าเริ่มพาลก่อนนะ!”  สะใภ้สามเป็นคนสู้คน  กรีดร้องเสียงดังพร้อมตบตีกลับไปทันที  ทั้งสองคนต่างล้มกลิ้งไปด้วยกัน
          ชาวบ้านที่มุงดูอยู่รอบๆ คราแรกต่างสะดุ้งตกใจ  ต่อมากลับส่งเสียงหัวเราะ เฮฮา ชี้ชวนกันให้ดูยกใหญ่
          “อ้าว ตีกันแล้ว!”
          “ตีเลย ตบเลย ตบกันเข้าไป...”
          เหลียนฟางโจวและน้องๆต่างตกใจกันถ้วนหน้า  ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องราวจะลงเอยเช่นนี้
          เหลียนฟางโจวปรบมือ พลางหัวเราะคิกคัก  หันมามองเหลียนเช่อที่กระตุกแขนเสื้อและสั่นหัวเบาๆเพื่อปรามเธอ   ทว่าเธอกลับบังคับให้น้องชายคนเล็กแลบลิ้นปลิ้นตาออกมาด้วย  แทนที่จะยืนหัวเราะเงียบแค่นั้น
          “นางหญิงปากร้าย  จะรีบวิ่งมาทำเรื่องบ้าบออันใดชามก็ไม่ล้าง  น้ำก็ไม่ต้ม  ยังไม่รีบกลับบ้านอีกสามีแซ่หัวของฮูหยินหลิวซึ่งเป็นคุณพ่อลูกห้าคน  บริภาษนางอย่างรุนแรงโดดเข้ามาเพื่อแยกภรรยาออกทันใด
          เมื่อเห็นผมเผ้าของภรรยาเปียกโชกยุ่งเหยิง บนใบหน้ามีรอยนิ้วมือแดงเป็นปื้น  เสื้อผ้าด้านหน้าฉีกขาด  เขาก็อดโมโหไม่ได้   ฉวยโอกาสช่วยเหลือภรรยายามผู้คนกำลังตกตะลึง
          ฮูหยินหลิวที่แรงดีอีกทั้งยังคุ้มคลั่งไม่เลิก  ที่ไหนได้เมื่อเห็นสามีมาพลันพลิกกลับมานิ่งสงบทันใด  ขณะที่กำลังชุลมุนกันอยู่  นางก็แอบชั่วร้ายบิดเอวสะใภ้สามแซ่หวางเข้าให้   บิดเอวจนสะใภ้สามร้องออกมาราวกับหมูถูกเชือด
          “!นังหลิว แกจะฉีกเนื้อข้ารึ!  เจ้าคนสกุลหัวเจ้าไม่มีอะไรทำรึไร  เจ้าฉวยโอกาสแอบทำร้ายข้าช่วยด้วย! สองผัวเมียแซ่หัว จะฆ่าข้าแล้ว!”
          สะใภ้สามแซ่หวางร้องให้ออกมาอย่างไม่อาย  จนทำให้สามีของฮูหยินหลิวต้องรีบซ่อนหน้า
          ใครๆย่อมรู้ว่าหมู่บ้านฟาง มีผู้คนอยู่อาศัยมากกว่าร้อยครอบครัว  แซ่หวางเป็นแซ่ที่มีคนใช้กันมาก  หากสะใภ้สามแซ่หวาง  กล่าวหาเขาด้วยข้อหาร้ายแรง ถึงขั้นทำอนาจาร คนสกุลหวางทั้งหมดย่อมต้องออกมาเคลื่อนไหว  อาจเป็นเหตุให้พวกเขาเดือดร้อนได้ชายแซ่หัวหน้าเปลี่ยนสีโดยฉับพลัน
            ส่วนสะใภ้สามแซ่หวาง  ก็มาดหมายจะเอาคืนฮูหยินหลิวเหมือนกัน
          สะใภ้สามจึงใช้แรงทั้งหมดโถมตัวไปหาฮูหยินหลิว  จนพวกนางล้มกลิ้งไปด้วยกัน  ทั้งสองต่างตะโกนสาปแช่งกัน  ตบตีกันต่อไป
          “โอ เป็นเช่นนี้ต่อไป อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้  รีบแยกพวกนางออกจากกันเร็ว!”  ในขณะที่ฝูงชนกำลังยืนมุงดูด้วยความหรรษา  ก็มีใครสักคนร้องเตือนออกมา  ทำให้ผู้คนตื่นจากภวังค์  ทั้งบรรดาป้าๆและหญิงที่ออกเรือนแล้วหลายคน  ต่างรีบรุดไปข้างหน้า  ช่วยกันแยกฮูหยินเหลิวออกจากสะใภ้สามแซ่หวางอย่างทุลักทุเล
          คนทั้งสองต่างส่งสายให้อย่างไม่พอใจ  ทั้งเสื้อผ้า และผมเผ้าของทั้งสองดูสกปรกเละเทะ  ทั้งสองยังคงฮึดฮัดดิ้นรนตะโกนด่ากันไม่หยุด  ตราบเท่าที่ยังไม่หมดแรง  ราวกับว่าหากฝ่ายใดหลุดเป็นอิสระ ก็จะรีบปรี่เข้าไปตบตีอีกฝ่ายหนึ่งทันที
          ป้าสกุลหวางพยายามทุกทางเกลี้ยกล่อมสะใภ้สาม คอยผลักและดึงพวกเขาให้ห่างจากกัน  สามีฮูหยินหลิวก็ดุด่าห้ามปรามเพื่อแยกตัวภรรยาออกมา

          ยามนี้เมื่อเหลียนฟางโจวดูว่าทุกฝ่ายสงบอารมณ์ลงได้แล้ว  จึงยกยิ้มพลางเอ่ยเสียง “ช้าก่อน!  หญิงสาวก้าวเข้ามายืนนิ่ง  ตรงหน้าฮูหยินหลิว  จ้องนางเขม็งพลางเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ฮูหยินหลิว ท่านยังไปไหนไม่ได้  เรื่องนี้ต้องมีการคุยให้กระจ่างก่อน!”
   ------------------------------------------
  วันนี้อัพช้าไปหน่อยนะคะ  และขอขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ด้วยค่ะ
  Merry x Mas  ย้อนหลัง และสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะคะทุกท่าน  ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ

15 ความคิดเห็น:

  1. Merry X'mas เช่นกันค่ะ ขอบคุณค่ะฉากนี้มันส์555

    ตอบลบ
  2. ขอให้ผู้แปล และนักอ่านทุกคน มีความสุขกาย สุขใจ สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้าในปี ๒๕๖๐ นะคะ ขอบคุณสำหรับความบันเทิงใจที่ท่านได้มอบให้ดิฉันและนักอ่านทุกคนค่ะ

    ตอบลบ
  3. Merry x'mas เช่นกันคะ สนุกมากคะ ค้างมากๆๆมาต่อเร็วๆๆนะคะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณคะ Merry x'mas and Happy new year ขอให้มีความสุขทุกท่านคะ

    ตอบลบ
  5. ขอขอบคุณที่แปลเรื่องดีๆให้อ่านนะคะ ^^

    ตอบลบ
  6. อย่าเพิ่งไปพี่ยังบ่จบ

    ตอบลบ
  7. อย่าเพิ่งไปพี่ยังบ่จบ

    ตอบลบ
  8. ไรท์จ๋า ขอโปรโมชั่นปีใหม่ด้วยเน้อ อยากเจอพระเอกเร็วๆ

    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  9. ฮูหยินหลิวไม่รอดแล้ว 55555

    ตอบลบ
  10. เนียนจริงๆ ไปตบตีกับผู้อื่นแล้วคิดว่าจะหนีจากเหตุการณ์สาดโคลนใส่ตัวนางเอกได้เหรอ ไม่ใช่แล๊ะๆ / ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  11. Merry Christmas & Happy New Year 2017 ค่ะ สุขี...สุขี...สุขี...ตลอดปีนะทั้งผู้แปบและผู้อ่านทุกท่านเน้อ ขอบคุณค่ะ...สนุกมากรอตอนต่อไปนะค่ะ

    ตอบลบ
  12. นางเอกสปอยพี่น้องนางสุดๆ เมอร์รี่คริสต์มาสค่ะ

    ตอบลบ
  13. ฮาๆ สาแก่ใจข้ายิ่งนัก เอาให้ตาย

    ตอบลบ