เพราะว่าผู้คนทั้งหลายไม่คิดว่าเหลียนฟางโจวเด็กสาวผู้ผอมบางคนนี้จะกล้าหาญและเลือดร้อนเช่นนี้ ถึงกับอึ้งงันทันใด
“ป้าใหญ่ ป้าสาม พวกท่านอย่าได้ทะเลาะเบาะแว้งกันเลย
ยิ่งพวกท่านส่งเสียงดังเอ็ดตะโรเท่าใด การทะเลาะจนทำให้เจ็บคอเอาได้ ไม่เกิดประโยชน์อันใดนอกจากเสียงอันแหบแห้ง พวกเราเป็นสายเลือดตระกูลเดียวกัน เหตุใดต้องสร้างปัญหาต่อกันเองเล่า เฮ้อ! ป้าสาม พวกเราไปกันเถิด!”
เหลียนฟางโจวหายใจเข้าลึกๆพลางกล่าวเสียงหนักแน่น
“ใครอยาก..” ฮูหยินเฉียวสีหน้าซีดเผือดจ้องเขม็งเกือบจะโพล่งออกมาว่า
“ใครอยากให้เจ้าเข้ามาสอดกัน”
ทำให้คนผู้หนึ่งจ้องตานางให้หุบปากโดยพลัน
นางจึงชะงักและรีบเปลี่ยนเป็นกระแอมออกมา “อะแฮ่ม”
เหลียนเสี่ยวม่านส่งสายตาค้อนให้กับการกระทำของฮูหยินเหลียว
สีหน้าดูแคลนฉายชัด แค่นเสียงเฮอะออกมาเบาๆ
ทำให้ใครบางคนได้ฟังแล้วรู้สึกยะเยือกขึ้นมาเล็กน้อย
“ถูกต้องแล้ว ตามที่ฟางโจวพูดมาก กล่าวได้ถูกต้องแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปเถิด!” เหลียนลี่โพล่งออกมาเสียงดัง
เหลียนฟางโจวเหยียดมุมปากขึ้นเล็กน้อย
คนบางคนช่างไม่รู้เลยว่าตนเองหน้าหนาหน้าทนขนาดไหน
เมื่อเห็นลุงลี่กล้าเปิดปากขึ้นอีกรอบโดยไม่มีใครคาดคิด
ยามนี้ชาวบ้านทั้งหลายต่างคืนสติกลับมาในที่สุด พูดคุยถกเถียงกันยกใหญ่ เนื้อเรื่องที่คุยกันครานี้ได้เพิ่มหัวข้อใหม่เข้ามา ว่าเด็กสาวสกุลเหลียนคนนี้ ช่างเก่งกล้าสามารถยิ่งนัก!
ผู้คนต่างแยกย้ายไปกันไปมากแล้ว ฮูหยินเฉียวโกรธเคืองเหลียนฟางโจวแทบทนไม่ไหว นางเชื่อว่าเหลียนฟางโจวได้ไตร่ตรองไว้ก่อนหน้าแล้ว เด็กสาวคอยเวลาจนกระทั่งแลเห็นนางตบตีอยู่กับน้องสาวสามีอย่างหนักหน่วง
สองพี่น้องจึงได้เข้ามาสอดแทรก และจงใจทำให้คนมองว่าพวกนางที่เป็นผู้ใหญ่ทำสิ่งโง่งม แล้วจึงเข้ามาเพื่อสร้างภาพลักษณ์ตัวเองว่าเป็นคนดี
เหลียนฟางโจวจู่ๆเข้ามาตะโกนเสียงดังโดยไม่คาดฝัน แม้ว่านางกำลังหมกมุ่นอยู่กับการตบตีตรงหน้า
ขณะเดียวกันพวกนางก็อยากรู้ว่าจู่ๆเกิดอันใดขึ้น
นางและเหลียนเสี่ยวม่านจึงหยุดฟังเสียงตะโกนนั้น นี่ไม่เท่ากับว่าตัวนางเองเชื่อฟังคำพูดของเหลียนฟางโจว
หรอกรึ? แล้วนี่มันจะดีอย่างไรเล่า?!
แม้ฮูหยินเฉียวกำลังจมจ่อกับความโกรธเคืองในตัวเหลียนฟางโจวอยู่ ทว่านางก็ยังนึกถึงพื้นเพนิสัยของเหลียนเสี่ยวม่านขึ้นมาได้ เช่นนั้นแล้วจึงจงใจพูดเสียงดังออกมาว่า
“หลานฟางโจว พวกเจ้าสี่พี่น้องขาดหัวหน้าครอบครัวคอยดูแล
ก็จงมอบเงินให้ป้าสามเป็นผู้ถือไว้ให้เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบแทนเถิด
ในฐานะหัวหน้าครอบครัว!”
เหลียนฟางโจวครุ่นคิด
กับการกระทำของป้าเฉียวที่จงใจพูดออกมาต่อหน้าทุกคน และป้าสาม
ครั้นแล้วในหัวของเด็กสาวสว่างวาบขึ้น
เข้าใจถึงจุดประสงค์ของป้าเฉียวแน่ชัดแล้ว
เธอต้องคิดหาวิธีพูดกับป้าสามให้กระจ่างเรื่องบทบาทและหน้าที่กันก่อน ว่าใครเป็นหัวหน้าครอบครัว ใครเป็นแขก ไม่เช่นนั้นป้าสามอาจเป็นผู้สร้างปัญหาขึ้นในภายหน้าเอาจริงๆ เมื่อป้าสามได้ยินถ้อยคำของฮูหยินเฉียวย่อมต้องเกิดความปรารถนาขึ้นในใจขึ้นเป็นแน่
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว..เหลียนฟางโจวจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพออกมาดังๆว่า
“ที่ป้าใหญ่เอ่ยมาไม่ใช่เหตุผลที่ดีเลย!
ท่านจะทำให้หลานๆเสื่อมเสียขื่อเสียงได้เยี่ยงไร? ป้าสามย่อมมีครอบครัวของป้าสามเอง แท้จริงแล้วนางวิ่งมาบ้านเกิดเพื่อมาจัดการเรื่องราวของครอบครัวตนเอง ท่านจะทำให้ป้าสามถูกมองอย่างไรรึ? ไม่ใช่ว่าเห็นว่าในภายหน้าเด็กสาวสกุลเหลียนจะต้องออกเรือนไป เลยวิ่งกลับมาเพื่อมาครอบครองบ้านของครอบครัวหลานๆรึ? ป้าสามเป็นคนผู้ที่มีเหตุมีผล ย่อมไม่คิดฟุ้งซ่านไร้สาระเช่นท่านเป็นแน่!”
ป้าจางตรงเข้ามาช่วยเหลียนฟางโจวพยุงเหลียนเสี่ยวม่านขึ้นด้วยกันจนเรียบร้อย เมื่อได้ยินถ้อยคำของเด็กสาวจึงพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ฟางโจวพูดได้มีเหตุผลนัก! ข้าเองก็ไม่เคยเห็นหญิงที่ออกเรือนไปแล้ว จะเพิกเฉยต่อชื่อเสียงใดๆ! พี่เฉียวไม่ควรพูดออกมาเช่นนั้น!”
ผู้คนต่างพยักหน้าเห็นพ้องด้วย ว่าฮูหยินเฉียวไม่ควรกล่าวออกมาเลย
ฮูหยินเฉียวได้แต่ยิ้มเยาะออกมาอีกครั้ง ไม่ได้ตอบอันใด นางรู้ว่าไม่จำเป็นที่นางต้องพูดอันใดต่อไปแล้ว เพราะว่านางรู้ซึ่งถึงนิสัยของเหลียนเสี่ยวม่านดี!
เหลียนเสี่ยวม่านได้ยินถ้อยคำของฮูหยินเฉียว นึกสะดุดในใจ
นางมีความคิดฝันเรื่องการเป็นหัวหน้าครอบครัวเหมือนกัน น่าเวทนายิ่งนัก หลังจากสามีถึงแก่กรรม
ชีวิตทั้งชีวิตของภรรยาคนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นผู้หญิงที่เอาแต่ทำงานบ้าน! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัว ทว่า..ยามนี้ไม่ใช่โอกาสอันดียิ่งหรือไร? ถึงแม้ว่าถ้อยคำของเหลียนฟางโจวจะทำให้นางรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างก็เถอะ
อย่างไรก็ดีครานี้นางก็ยังไม่กล้าคิดฝันมากนัก เพราะว่าที่ผ่านมานางไม่เคยดูดำดูดีสี่พี่น้องเหลียนเลย ทว่า..ทุกอย่างย่อมขึ้นอยู่กับตัวนางเอง เนื่องจากเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ หลานๆที่น่ารักนี้ เป็นฝ่ายวิ่งเข้ามาหานางเองอย่างให้ความเคารพ ในภายภาคหน้าสิ่งที่นางพูด พวกเขาจะไม่รับฟังได้รึ?
ครั้นแล้วเหลียนเสี่ยวม่านจึงถ่มน้ำลายลงพื้น พลางเอ่ยเสียงเย็นชา “นางช่างชอบสร้างปัญหาร้าวฉานให้ใครต่อใครเสียจริง หนำซ้ำยังเจ้าเล่ห์จิตใจสกปรกนัก! พวกเราไปกันเถิด!”
“ดี!” เหลียนฟางโจวพยักหน้า
สองพี่น้องเดินจากไปพร้อมกับเหลียนเสี่ยวม่าน และป้าจาง
ช่วยไม่ได้ สิ่งที่นางต้องพูด นางก็ได้กล่าวออกไปแล้ว หากป้าสามคิดฟุ้งซ่านไปเอง
อย่าได้มาต่อว่านางว่าทำให้หญิงผู้นี้ทรยศก็แล้วกัน
สักครู่ทุกคนก็มาถึงบริเวณลานบ้าน ป้าสามมองบ้านซึ่งได้รับการบูรณะซ่อมแซมเสร็จสมบรูณ์แล้ว สนามในลานบ้านเก็บกวาดได้เป็นระเบียบและสะอาดสะอ้าน อดดวงตาเป็นประกายวับขึ้นมาไม่ได้ นางแย้มยิ้มกล่าวประโยคพออกพอใจออกมา “ดี บ้านนี้น่าอยู่จริงๆ!”
เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อต่างมองหน้ากัน เหลียนเซ่อขมวดคิ้วแน่น เหลียนฟางโจวส่งสายตากลายๆให้เหลียนเซ่ออดทนอีกนิด เหลียนเซ่อไม่ได้กล่าวอันใดออกมา ได้แต่กระพริบตาปริบๆ
“ข้าคงไม่เข้าไป คงต้องขอตัวก่อน พอดีมีเรื่องที่ต้องกลับไปสะสางด้วย!” ป้าจางรู้สึกมืดครึ้มขึ้นในหัวใจ เหลียนเสี่ยวม่านคนนี้เก่งจริงๆ ในใจมีบาดแผลแต่กลับลืมความเจ็บปวดได้ง่ายนัก ถ้อยคำขอบคุณแม้สักครึ่งคำ นางยังไม่เคยกล่าวออกมาเลย เอาแต่มองบ้านช่องคนอื่นตาเป็นมัน น่าเวทนาสี่พี่น้องเหลียนยิ่งนัก ช่างมีชะตากรรมที่โหดร้ายอะไรเยี่ยงนี้!
อย่างไรก็ดี
อุปสรรคปัญหาอื่นๆ ที่จะเข้ามาในภายหน้า ป้าจางจะหาวิธีช่วยได้แค่ไหนนะ นี้คือเรื่องของครอบครัวเหลียนเอง ป้าจางคงได้แต่ทำใจเตรียมพร้อมคอยช่วยเหลือตามจำเป็นเท่านั้น
การเข้าไปก้าวก่ายเรื่องราวภายในของครอบครัวผู้อื่น ไม่ว่าอย่างไรถือเป็นเรื่องต้องห้าม
“ป้าจางขากลับเดินดีๆนะ!” เหลียนฟางโจวยิ้มส่งอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ ครั้นแล้วเมื่อหันมาทางเหลียนเสี่ยวม่าน เด็กสาวก็เอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ “ป้าสาม ท่านช่วยไปส่งป้าจางให้ข้าสักหน่อยเถิด!”
ป้าจางกำลังจะเปิดปากเอ่ยว่า “ไม่ต้อง”
แต่เมื่อเห็นเหลียนฟางโจวส่งสายตาเป็นสัญญาณกลับมา นางเลยจำต้องหุบปากลง
เหลียนเสี่ยวม่านขมวดคิ้วเล็กน้อย แสดงทีท่าไม่เต็มใจ เหลียนฟางโจวซึ่งเป็นคนรุ่นหลานมาสั่งนางเช่นนี้ ทำให้นางอึดอัดใจมาก
อย่างไรก็ดีนางเป็นญาติผู้ใหญ่ ป้าจางวันนี้ได้ช่วยนางเอาไว้จริงๆ หากผู้ใหญ่คนนี้สามารถแสดงความขอบคุณและไปส่งผู้อื่นด้วยตนเองก็นับว่าดีเยี่ยม
กระมัง? เหลียนฟางโจวหลานสาวนางยังเด็ก จึงคิดและแสดงออกตรงๆ อาจดูไม่นิ่มนวลไปบ้าง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เหลียนเสี่ยวม่านจึงรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย นางคลี่ยิ้มและยืนส่งจนป้าจางออกไปจากประตูรั้วบ้าน ทว่านางก็ยังรู้สึกอึดอัดใจอยู่เล็กน้อย
ป้าจางไม่รู้ไม่ได้พูดอะไรดี นางจึงเพียงกล่าวอะไรเล็กน้อยตรงประตูในจังหวะที่จะก้าวออกไปจริงๆ หลังจากนั้นเหลียนเสี่ยวม่านก็ถอนหายใจออกมา แล้วรีบหันหลังกลับเข้าไปด้านใน
เมื่อนางกลับเข้ามาในบ้าน พบว่าบนโต๊ะมีอาหารตั้งเรียงรายอยู่
พูดถึงอาหาร มื้อนี้เป็นฟักทองหุงกับข้าว
ฝ่ายน้องชายเหลียนเช่อ เห็นว่าพี่ๆออกไปกันนาน ยังไม่ได้กลับเข้ามาเสียที เมื่อเห็นว่าเริ่มมืดแล้ว เขาจึงตัดสินใจล้างชิ้นฟักทองซึ่งเหลียนฟางโจวเอามาจนสะอาด แล้วนำไปหั่นเป็นชิ้นๆ หุงพร้อมข้าว ครานี้อาหารสุกแล้ว
“ป้าสาม มากินอาหารด้วยกันเร็วๆเถิด!” เหลียนฟางโจวเห็นนางเข้ามาครั้นแล้วจึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เหลียนฟางโจวมีท่าทีสุภาพมาก ทว่าเพราะดูสุภาพเกินไป ดังนั้นเหลียนเสี่ยวม่านจึงรู้สึกค่อนข้างไม่สบายใจแทน นางจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฮ้าย เป็นคนตระกูลเดียวกัน จะมาสุภาพอะไรหนักหนา! ภายหลังไม่ต้องมองข้าว่าเป็นคนนอกอีกนะ!”
เหลียนฟางโจวเหลือบตามองนาง ยังคงกล่าวต่ออย่างสุภาพยิ่งนักพลางยิ้ม “ทางเราไม่ได้มองว่าท่านเป็นคนนอก
แม้ว่าจะเป็นคนสกุลเดียวกัน
ทว่าท่านคือป้าสาม!
ป้าสามก็ยังคงเป็นแขกของพวกเราอยู่ดี”
เหลียนเสี่ยวม่านเห็นตัวพวกเขาเองมีทีท่าที่ไม่หัวอ่อน
แต่ก็ไม่หัวแข็ง นางรู้สึกไม่ค่อยชอบใจขึ้นมาหนึ่งส่วน ทว่านางรู้ว่านางไม่อาจตีฝีปากเอาชนะฟางโจวได้แน่
ครั้นแล้วจึงเพียงแต่ยิ้มและไม่พูดมากอีกต่อไป
เมื่อมองชามข้าวหุงฟักทองทั้งห้าชามบนโต๊ะ เหลียนเสี่ยวม่านขมวดคิ้ว เอ่ยขึ้นตรงๆ “โอ
กินอาหารเบาๆเช่นนี้จะดีหรือ? ร่างกายพวกเจ้ายังต้องเติบโตอีกมาก ต้องกินอาหารมีคุณค่าสิถึงจะดีต่อสุขภาพ! ฟางโจว..เจ้าเข้าครัวไปทำผัดผักมาสักสองจานสิ เซ่อเจ้าไปช่วยจุดไฟในเตาให้ด้วยนะ!”--------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
อัพให้อีกตอนตามสัญญาค่ะ ^-^
ขอบคุณค่ะป้าสามเริ่มออกลายละดูสิกินข้าวมื้อแรกนะป้าเริ่มสั่งแล้ว พี่น้องจะรับมืออย่างไรกันนะ รอค่ะ
ตอบลบขอบคุณจ้าไรท์ ตอนนี้รู้สึกเกลียดป้าสามและญาตินางเอกทุกคนเลย แต่ดีใจอ่ะจะได้เจอพระเอกแล้ว
ตอบลบเห็นป้าสามมานั่งในบ้านก้นยังไม่อุ่นก็สั่งทำกับข้าวแล้ว ของขึ้นเลยค่ะ ยังไงนางก็คืองูพิษซินะ พระเอกคิวทองขา. โปรดออกมาได้แล้ว
ตอบลบนับถอยหลัง.....
ตอบลบไม่ทันไรออกลายแล้วเรอะป้าสาม
ตอบลบระหว่างป้าสามกับป้าใหญ่ ดูท่า ใครก็ไม่ดีทั้งนั้น แต่คุณผู้แปลก็แง้บๆบอกไว้หน่อยแล้วว่ามีคนดีกับคนที่ร้ายเสมอมา ช่วยบอกต่ออีกหน่อยสิคะว่าเป็นใคร ไม่งั้นคงระแวงตลอดแหงเลย กลัวเชียร์ผิดคนจริงจรี๊งงงงง
ตอบลบป้าช่างไม่รู้อะไรเลยนะ หึ
ตอบลบปวดหัวแท้ เจอญาติแบบนี้
ตอบลบป้าสามไม่รู้จักบุญคุณเลยสงสารแต่เด็กๆ
ตอบลบเฮ้ย..แค่นั่งก็เริ่มเผยสันดานเสียแล้ว
ตอบลบน่าหนักใจเสียจริงเจอคนแบบนี้
เหนื่อยแทนเจอญาติแบบนี้
ตอบลบเชือดนิ่มๆๆๆเอาให้รู้สำนึกซะบ้าง
เป็นแค่แขกทำตัวแบบนี้คงอยู่นานหรอก
ไปไหนเขาก็รังเกียจไม่รู้ตัวเลยหรือไง
สัน..
เหมือนเอางูพิษเข้ามาอยู่ในบ้าน
ตอบลบพลาดแล้วป้าสาม อย่าได้คิดมาออกคำสั่งกับพี่น้องสี่คนนี้เชียว ชะตาจะขาดไม่รู้ตัว
ตอบลบอาไร้ เพิ่งเข้าบ้านคนอื่นก็สั่งงานใช้งานเจ้าของบ้านแล้วเรอะ!!!
ตอบลบ