วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 64 ขอหุ้นด้วยคน (3)

            ยามได้ยินเหลียนลี่พูด  ฮูหยินจ้าวอยากจะฉีกเนื้อเขาออกมานัก  เขากล้าฉวยโอกาสพูดเองเออเองได้อย่างไร?
            เหลียนลี่พลันรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย  ใจนึกอยากเอาอะไรทุบหัวเหลียนฟางโจวและน้องชาย ที่ทำท่าจองหองนัก  ครั้นแล้วจึงเหลือบมองเหลียนฟางโจวด้วยสายตามาดร้าย  ส่งเสียงเตือนว่า “ฟางโจว  ยามนี้พวกเราอยู่ที่บ้านของผู้อื่น  หวังว่าเจ้าจะมีสำนึกสักหน่อยนะ ว่า สิ่งใดควรพูด  สิ่งไดไม่ควรพูด!  ในภายภาคหน้าเจ้ายังต้องพึ่งพา  คนที่ช่วยสร้างความโปร่งใสให้เจ้าอยู่นะ!”

            เหลียนฟางโจวโต้กลับทันควัน “ลุงใหญ่...เวลาที่ข้าร่วมมือทำสิ่งใดกับผู้ใด   ทั้งสองฝ่ายมักตกลงกันอย่างโปร่งใสอยู่แล้ว!  ส่วนเรื่องในภายหน้า  ตัวข้าเองไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ใด!  แล้วที่พี่จ้าวกล่าวมาเมื่อครู่เป็นเช่นนั้นจริงๆรึ ลุงใหญ่?   ไฉนข้าถึงจำไม่ได้ว่า  ข้าเคยไปบอกลุงเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด ?”
            ใบหน้าเหลียนลี่พลันแดงก่ำ เอ่ยข้างๆคูๆ  “แม้ว่าเจ้าไม่ได้พูดประโยคเช่นนั้น  ทว่าเวลาเราฟังเจ้าพูดแล้ว   เพื่อสร้างความโปร่งใสให้เจ้า  มันก็มีความหมายตามที่พูดไปนี่แหละ!”
            ฮูหยินเฉียวรีบพยักหน้ารับ  “ถูกต้องเจ้าเป็นคนพูดออกมา แล้วยังไม่ยอมรับอีกรึ!”
เหลียนฟางโจวรีบเอ่ยขึ้น“บางทีนั่นเป็นเพราะพวกท่านเข้าใจผิดกันไปเอง  ข้าไม่เคยหมายความเช่นนั้นเลย!  นี่คือองค์ความรู้ที่ท่านลุงลี่เป็นผู้พบ  แล้วจะปล่อยให้คนอื่น  ขึ้นไปดูด้วยง่ายๆได้อย่างไร?  พวกที่เผาถ่านในละแวกใกล้เคียงกัน  หาได้เคยปล่อยคนนอกเข้าไปดูด้วยไม่ หากท่านไม่ได้คิดมาดูแลพวกเรา  ซ้ำพวกเราก็ยังเยาว์นัก  ท่านก็ไม่ควรเอาพวกเราขึ้นไป!  ที่ลุงมาทำท่าพูดนั่นพูดนี่   แท้จริงแล้ว ใจท่านต้องการจะเรียนรู้ และขโมยความรู้ของผู้อื่น ใช่หรือไม่  ?”
“เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอันใดกันข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย!”   หากไม่ใช่เพราะอยู่ต่อหน้าคนนอกพวกนี้  เหลียนลี่อยากระเบิดโทสะใส่หน้าเลียนฟางโจวเสียเดี๋ยวนี้นัก 
“เอ หรือข้าอาจจะเข้าใจผิดไปเอง !  เอาเป็นว่า ข้ารับทราบแล้วว่าลุงใหญ่หาได้หมายความเช่นนั้นไม่!   เหลียนฟางโจวส่งยิ้มบาง “ข้าคงร่วมเดินทางไปกับลุงใหญ่ไม่ได้หรอกนะ!” เอ่ยจบก็ค้อมหัวให้เล็กน้อย
ฮูหยินเฉียวก่นด่า “คนของสกุลลี่ยังไม่ได้กล่าวอันใดออกมาเลย  แล้วตัวเจ้าจะมาร้องแรกแหกกระเชอหาอะไรกัน?  ไม่เคยเห็นใครจะหน้าหนา หนังหนาเหมือนอย่างเจ้าเลย!”
ฮูหยินจ้าวรีบพูดแทรกอย่างไว “นี่..ฟางโจว  ลุงใหญ่ของเจ้าบอกด้วยว่า  ถึงเวลามาดูแลพวกเจ้าแล้ว!”
เหลียนฟางโจวไม่สนใจฟังคำพูดของฮูหยินเฉียวแม้แต่น้อย  เธอหันไปเอ่ยกับลุงลี่อย่างนอบน้อม “ลุงลี่  พวกเราพี่น้องหาได้บอบบางเป็นคุณหนูขนาดนั้น  ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาดูแลพวกเราสี่พี่น้องหรอกนี้คือความรู้ความชำนาญที่ท่านได้ศึกษามา  ท่านจะถ่ายทอดให้ใคร หรือไม่ให้  ย่อมทำได้  ท่านและป้าจางมักคอยดูแลพวกเราอยู่เสมอ  เราย่อมแจ่มแจ้งแก่ใจดี   หากเพราะเรื่องนี้ เป็นต้นเหตุให้พวกท่านต้องประสบปัญหา  เราคงไม่อาจไปรบกวนท่านอีกแล้ว!”
ลุงลี่เองนั้นยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่บางประการ  ครั้นแล้วจึงรีบเอ่ยอย่างสุภาพ “พวกท่านคงเข้าใจผิดกันเสียแล้ว!   ท่านจงวางใจเถิดว่า เราจะดูแลฟางโจวกับน้องๆให้ดี  จะไม่ทำให้พวกเขาเหน็ดเหนื่อยหรอกถึงอย่างไร  พวกเราก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน...
ลุงลี่ตั้งใจส่งถ้อยคำกล่าวนี้ไปให้เหลียนลี่และฮูหยินเฉียว  เพราะถึงอย่างไร  ลุงลี่และป้าจางหาได้เป็นญาติผู้ใหญ่ของเหลียนฟางโจวและน้องๆไม่  จึงไม่อยากไปปะทะกับลุงและป้าของพวกเหลียนฟางโจวตรงๆ
 ใครจะรู้ว่าฮูหยินเฉียวแท้จริงแล้วไม่เคยซาบซึ้งกับน้ำใจที่ลุงลี่มีให้เลย  รีบเอ่ยขึ้น “เห็นไหม เรื่องนี้พี่ลี่ก็พูดออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ว่าเขาไม่ใช่เจ้าของความรู้นั้น
ฮูหยินจ้าวฉุนมาก  อดพูดขึ้นมาไม่ได้ “ป้าเฉียว พ่อสามีข้าเห็นด้วยกับเรื่องอะไรงั้นหรือท่านพูดเองเออเองฝ่ายเดียวนะ!  ความรู้ซึ่งพ่อข้าเรียนมาด้วยความลำบากยากเข็ญ จะให้คนอื่นมาดูกันง่ายๆ ได้อย่างไร?”
“เหมยซี่!” ป้าจางพยายามปรามไม่ให้ฮูหยินจ้าวพูดต่อ  เอ่ยด้วยรอยยิ้มกับฮูหยินเฉียว “ลูกสะใภ้ข้าเป็นคนตรงไปตรงมาเช่นนี้แหละ  วาจาที่พูดออกมาเลยไม่ค่อยน่าฟังนัก  ป้าใหญ่ของเด็กๆ  จงอย่าได้โกรธไป!”
แค่พูดว่าไม่น่าฟัง  ไม่ได้พูดว่าที่กล่าวมาไม่ถูกต้องหรอกรึ
“เนื่องจากที่นี่  มีแต่คนไม่เห็นคุณค่าในความปรารถนาดีที่เราหยิบยื่นให้  แล้วพวกเราจะเป็นห่วงเป็นใยพวกเขาไปทำไมไปกันเถิด!  อย่าไปวุ่นวายกับเรื่องนี้เลย  พวกคนหนุ่มสาวก็ไม่รู้จักทำตัวให้สมกับเป็นคนรุ่นลูกรุ่นหลาน  เฮ้อ  น่าสงสารน้องชายข้า  และน้องสะใภ้ที่มาด่วนจากไปเร็วนัก  พวกหลานๆที่เคยเป็นเด็กดี  โตมากลายเป็นคนเช่นนี้ไปเสียแล้ว!” เหลียนลี่พูดพร่ำไป ถอนหายใจไป  ก่อนจะเดินจากไป  ยังไม่ลืมเหยียบเท้าเหลียนฟางโจวทีหนึ่ง
“และในภายหน้า ถ้าเกิดขาดทุนขึ้นมา   ก็อย่าได้มาขอร้องให้เราช่วยรับผิดชอบด้วยก็แล้วกันต่อให้มาคุกเข่าขอร้อง พวกเราก็ไม่มีทางยอมให้แล้ว!” ฮูหยินเฉียวจ้องหลานหน้าชายและหลานสาวเขม็ง ด้วยความประสงค์ร้าย
ลุงลี่ ป้าจาง และลี่ซานเหอต่างหันมามองหน้ากัน   ฮูหยินจ้าวถ่มน้ำลายเบาๆ  บ่นพึมพำ “คนอะไรอย่างนี้นี่!” เห็นป้าจางจับจ้องมา ฮูหยินจ้าวทำหน้าปั้นปึ่ง เอ่ยว่า “ท่านแม่  ถึงท่านจะจ้องข้าแค่ไหน ข้าก็จะพูดเช่นนี้แหละ!”
            หลังจากเสียงพูดเงียบลง  เหลียนฟางโจวจึงยิ้มออกมา  บรรยากาศในบ้านเริ่มคลี่คลายลงทันใด
           “เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง  ไม่คาดคิดว่าวันนี้พวกเขาจะบุกมาก่อปัญหาเช่นนี้  จึงไม่ได้แจ้ง พี่ชาย พี่สะใภ้ ลุงลี่และป้าจาง ให้รู้ล่วงหน้าไว้ก่อน!” เหลียนฟางโจวกล่าวขอโทษด้วยรอยยิ้ม
            “หยุดพูดเถิด!” ป้าจางโคลงศีรษะพลางยิ้ม ถอนหายใจออกมาเบาๆ “เฮ้อ จริงๆเลย....”
            ลุงลี่รู้สึกเสียใจไม่น้อย  เอ่ยขึ้น “ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นญาติผู้ใหญ่ของพวกเจ้า  หรือว่าจะให้มาเรียนรู้เรื่องเผาถ่านด้วย ดีหรือไม่?”
            “ลุงลี่ !  ท่านอย่าได้พูดเช่นนั้นออกมาเชียว!” เหลียนฟางโจวส่ายศีรษะ พูดอย่างตัดสินใจแน่วแน่ “ท่านย่อมรู้เรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลดี  เรื่องเน่าๆในบ้านสกุลเหลียนน่ะรึ  ข้าไม่กลัวที่จะเล่าออกมาหรอกใครคือลุงกับป้าของข้ารึ?  ข้าไม่เคยเห็นเขามาช่วยพวกเราเลยแม้สักกะผีกเดียว   หากบอกให้ไปข่มเหงรังแกพวกเราที่เป็นกำพร้าละก็   พวกเขาจะรีบปรี่เข้ามาทำเป็นอันดับแรกเลย!   ครานี้ หากพวกเราเอาแต่ยอมฝืนทน   พวกเขาจะยิ่งเรียกร้องมากขึ้น   ในภายหน้า พวกขาจะยิ่งไม่รู้จักพอ  มีแต่ได้คืบจะเอาศอกไปเรื่อยๆ!”
            ป้าจางถอนหายใจเบาๆ เอ่ยว่า “เลยทำให้พวกเจ้าลำบากแล้ว!”
            เหลียนฟางโจวยิ้มบาง เอ่ยว่า “พวกข้าไม่มีสิ่งใดที่ต้องละอาย  ถึงพวกข้าไม่ได้พึ่งพาพวกเขา  ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ได้ด้วยดีพวกเขามาเพื่อสร้างปัญหาเพียงเท่านั้น  ต้องคอยดูว่าคราวหน้าญาติผู้ใหญ่คู่นี้  จะเล่นงานอะไรพวกข้าอีก!”
            “ดีหรือชั่วพวกเจ้าก็คือคนสกุลเดียวกันอย่าให้ต้องมาถึงจุดแตกหักกันเลย!” ป้าจางรีบเอ่ย
            เหลียนเซ่อพูดตรงๆ “ป้าจาง  พวกเขาไม่ถือว่าพวกข้าเป็นครอบครัวเดียวกับเขาเลย! แต่ก่อน ทุกครั้ง บิดามารดาของข้า มักคอยช่วยทำงานให้พวกเขาตลอด  โดยที่พวกเขาไม่ขยับทำอะไรเลย แล้วตอนนี้กับพวกข้าพี่น้องที่เหลือเล่า ก็เหมือนกันเขาคอยจ้องจะเอาเปรียบเพียงอย่างเดียว  แล้วจะให้พวกข้าทำตัวสุภาพกับพวกเขาได้อย่างไร!”
            ป้าจางเอ่ยเสียงเนือย “เป็นธรรมดาที่พวกเจ้าต้องรู้จักอดทนอดกลั้น  ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นญาติผู้ใหญ่ของพวกเจ้า  ข้ารู้ว่าพูดไป มันไม่ง่าย แต่สุดท้ายผู้ที่เสียก็คือพวกเจ้าหากเกิดเรื่องไม่ดี  ที่กระทบถึงเชื่อเสียงของพวกเจ้าขึ้นมา  คนส่วนใหญ่ย่อมเชื่อป้ากับลุงของพวกเจ้า  เพราะมันดูเหลือเชื่อเกินไป   ที่คนๆหนึ่งจะมีญาติผู้ใหญ่เลวร้ายได้ขนาดนี้ ในภายภาคหน้า การแต่งงานของพี่สาวเจ้าต้องมีผลกระทบ รวมทั้งเหลียนเช่อด้วย  เห็นเจ้าเคยบอกว่ามีแผนจะส่งเขาไปเล่าเรียนหนังสือ มิใช่รึ?”
            เหลียนฟางโจวรู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาทันใด   โลกยุคโบราณนี้  ทำไมมีปัญหามากมายนักทั้งยังต้องมาคอยระมัดระวังตัวตลอดเวลา  เธอไม่ใช่คนที่เกิดในยุคนี้   บางครั้งก็ละเลย  ไม่ได้ระวังตัวมากนัก!
            ครั้นแล้วหญิงสาวจึงพยักหน้า พลางเอ่ยขึ้น “ข้าจะจดจำเอาไว้! ขอบคุณป้าจางที่ช่วยตักเตือน!”
            เหลียนเซ่อพยักหน้าด้วยความซาบซึ้งใจด้วย
            ลุงลี่รีบพูดขึ้น “เอาล่ะ  เรื่องที่คาดการณ์มานี้ก็ปล่อยผ่านไปก่อนข้าเข้าใจที่พวกเจ้าพูดดี  เรื่องนี้ไม่อาจผ่อนปรนได้!”
            “คงต้องสร้างปัญหาให้ท่านแล้ว!” เหลียนฟางโจวรู้สึกสำนึกบุญคุณเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
            ลุงลี่โบกมือ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหาอันใดเลยหากไม่ใช่เพราะเจ้าหวังดีกับเรา  เราคงไม่สามารถหาเงินได้มากขนาดนี้หรอกในภายหน้า หากมีเรื่องอันใดให้ช่วย ก็พูดออกมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจนะ!”
            เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ ก้มหัวขอบคุณ  จากนั้นพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันอีกไม่นาน  จึงแยกย้ายกันกลับไป

            เมื่อสองพี่น้องกลับมาถึงบ้าน  ป้าสามได้ถามว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรเหลียนฟางโจวพูดเพียงว่า “เรียบร้อยแล้วแล้วไม่คุยอะไรเพิ่มมากนัก   ซ้ำยังบอกให้พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงให้ห่างจากลุงและป้า  เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของคนคู่นั้น
   ---------------------------------------------
  ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ

16 ความคิดเห็น:

  1. เหมือนลุงกับป้าพวกเขายังไม่เข็ดคอยรังควาญอฟางโจวยู่เรื่อย วันหลังต้องส่งป้าสามไปจัดการ

    ตอบลบ
  2. หลงไปยุคนั้นช่างอยู่ยากซะจริง พูดตรงๆก็ไม่ได้ อ้อมๆก็ไม่ได้ ยอมก็ไม่ได้ สู้ก็ไม่ได้ โฮ้ย เราได้อกแตกตายแน่ มีถอนหยอกญาติผู้ใหญ่ละงานนี้ ...555 ว่าแต่ พระเอกยังไม่กลับมาจากบ้านเจ๊คนนั้นเลยนะ โดนจับกดไปยัง >o<"

    ตอบลบ
  3. อึดอัดแทนนางเอกจะทำอะไรก็ต้องคอยระวังชื่อเสียงขนาดญาติเลวๆยังตัดไม่ได้เลย

    ตอบลบ
  4. หน้าด้านจริงๆ เลย ลุงป้าคู่นี้...ขอบคุณคะ

    ตอบลบ
  5. ชอบเรื่องนี้ดำเนินเรื่องเรื่อยๆแต่สนุกอยากอ่านทีเดียวจบทำไมไม่มี ใครมาพิมพ์

    ตอบลบ
  6. ชอบเรื่องนี้ดำเนินเรื่องเรื่อยๆแต่สนุกอยากอ่านทีเดียวจบทำไมไม่มี ใครมาพิมพ์

    ตอบลบ
  7. ลุงกะป้าไปซะที คิดถึงอาเจี่ยน

    ตอบลบ
  8. อ่านเเล้วมีคนหน้าด้านไร้ยางอายขนาดนี้เชี่ยวฤา นางเอกดดนเหยีบตีนค่ะ

    ตอบลบ
  9. ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ รอตามตลอด หวังว่าจะได้อ่านจนจบค้า จุ๊บ จุ๊บ

    ตอบลบ
  10. ที่ป้าจางจ้อง น่าจะเป็นฮูหยินจ้าวหรือเปล่าค่ะ เพราะเรียกป้าจางว่า แม่
    มาอัพไวๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

    ตอบลบ
  11. เพิ่มจะชอบฮูหยินจ้าวก็วันนี้แหละ ผ่านไป3ตอนที่ไม่มีอาเจียน คิดถึงอาเจี่ยนแล้ว

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณคะ ลุ้นต่อจ้า มาอัฟเร็วๆน่ะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้จ้า

    ตอบลบ
  13. ขอบคุณค่ะ...สนุกมากรอตอนต่อไปค่ะ

    ตอบลบ
  14. บอกตรงๆ ถ้า อี้ป้า กับ คุณลุง คู่นี้ อยู่ในยุกค์นี้ หรือ ในละคร ไทย นะ โดนนางเอก จิกตบ ไปละ มันน่าจริงๆ

    ตอบลบ
  15. ไม่ระบุชื่อ15 มีนาคม 2560 เวลา 12:24

    มันไม่จบแค่นี้แน่ ถ่านราคาดีขนาดนั้น ใครจะยอมปล่อยมือง่ายๆ

    ตอบลบ