วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 83 อดีตคู่หมั้นรับเจ้าสาวเข้าพิธีวิวาห์

               “ช่างครึกครื้นดีจริงๆทั้งยังใหญ่โตหรูหรานัก!” เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม  แล้วจึงปล่อยม่านหน้าต่างลง
                  เหลียนเซ่อกระแอมออกมา แล้วเอ่ยว่า “ในภายภาคหน้าเมื่อถึงคราพี่ใหญ่แต่งงาน  จะต้องยิ่งครึกครื้นดูดีกว่านี้มากนัก  ซ้ำยังใหญ่โตหรูหรากว่านี้อีกหลายเท่าด้วย!”
                  จากการป่าวประกาศไปทั่วหมู่บ้านของมารดาและพี่สะใภ้สกุลหัว  อาเจี่ยนจึงทราบเรื่องมาบ้าง พลางเอ่ยว่า “น้องรองกล่าวได้ถูกต้องแล้ว  คนสกุลหยางไม่ปราถนาท่าน  เป็นเพราะพวกเขามีตาแต่หามีแววไม่ จึงไม่อาจร่วมวงศ์วานกับท่านได้!  ถึงอย่างไร..ท่านจะได้แต่งให้กับบุรุษที่ดีกว่านี้แน่นอน!”

                  “พี่เจี่ยนพูดได้ดีนัก!”  เหลียนเซ่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
                  ใจของเหลียนฟางโจวพลันสัมผัสความอบอุ่นเบาๆ  จึงยิ้มน้อยๆออกมา
                  แท้จริงแล้วเธอได้เตรียมใจไว้แล้วว่าในชาติภพนี้เธอจะไม่แต่งงาน  เธอมีน้องสาวที่ต้องเลี้ยงดู  ซ้ำยังมีประวัติถอนหมั้นมาแล้ว  เมื่อน้องสาวโตขึ้น  เธอก็คงแก่เกินไปแล้ว  จะมีบุรุษสักกี่คนที่เต็มใจจะแต่งงานกับเธอต่อให้บุรุษพวกนั้นต้องการเธอ  เธออาจจะปฏิเสธพวกเขาก็เป็นได้!
                  และเพราะเรื่องนั้นด้วย  คืนวานที่หอหมิงเย่วเธอล้มใส่อาเจี่ยนโดยไม่สนใจธรรมเนียมชายหญิงสักเท่าใดนัก   เธอไม่ได้มีแผนจะแต่งงานกับใครเลยมิใช่หรือ   แล้วจะมาสนใจธรรมเนียมชายหญิงเพื่ออันใดกันเล่า?
                  เสียงจากด้านนอกดังกระหึ่มทะลุโสตประสาทเข้ามา  เป็นเสียงย่ำเท้าของคนในขบวนแห่ที่พาเจ้าสาวไปยังบ้านใหม่ของนาง  เสียงพูดคุยหัวเราะเฮฮาดังอยู่ข้างม่านหน้าต่างรถ  แหวกอากาศเข้ามา  ยามขบวนเคลื่อนผ่านไป  เหลียนฟางโจวจึงอดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้  เลิกม่านหน้าต่างขึ้น โผล่หัวออกไปมองด้านนอก
                  อย่างไรก็ตาม  เจ้าบ่าวที่นั่งบนหลังม้าด้านหน้า  พลันหันหน้ากลับมาในจังหวะเดียวกับที่เธอชะโงกหน้าออกไปพอดี  แม้ว่าเหลียนฟางโจวจะรีบหลบ  แต่ก็ไม่ทัน  เธอสบตากับเขาพอดี
                  ทั้งคู่ต่างตกตะลึงพรึงเพริด
                  เหลียนฟางโจวตกใจ  รีบหดหัวกลับเข้าไปในรถม้า  ในหัวของหยางหวายชานมีเสียงดัง ตูม ขึ้นมา  ใจเต้นกระหน่ำรัวดังใครเอาฆ้อนมาทุบ เป็นนางเป็นนางจริงๆด้วย!
                  วันนี้เขาไปบ้านเจ้าสาวเพื่อรับนางมาเข้าพิธีวิวาห์  ดวงตาของเขาอดเหลือบแลไปมาในฝูงชนไม่ได้  พยายามมองหาเงาของหญิงสาวในดวงใจ  แต่ก็ไม่พบ  ไม่เพียงจะไม่พบแม้เงา  แม้แต่น้องสาวคนเล็กของนางเขาก็ไม่เห็น  เขาแอบเศร้าใจ  เมื่อคิดว่านางคงกำลังเสียใจร่ำไห้อยู่ที่ไหนสักแห่ง  เป็นเขาที่ผิด  ไม่มีความกล้าพอที่จะต่อต้านผู้ใหญ่ให้ถึงที่สุด  ในที่สุดเขาก็เข้าพิธีวิวาห์กับหญิงอื่นจนได้
                  เข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เห็นนางในห้วงเวลานี้
                  เดิมทีก่อนหน้านั้นนางไม่อยู่ที่บ้านนี่นาพวกเขายังมีวาสนาต่อกันหรือไม่นะ?  ไม่เช่นนั้นจะสามารถพบกันในนาทีสุดท้ายนี้ได้อย่างไร?
                  ใจของหยางหวายชานเริ่มมีความตื่นเต้นแปลกๆท่วมท้นขึ้นมา   ในอกวูบโหวงจากความรู้สึกแปลกประหลาดนี้   มันครอบงำไปทั้งร่าง  ทำให้จิตใจเขารุ่มร้อน  จนเผลอชักบังเหียนม้าหันกลับเพื่อเตรียมบังคับม้าพุ่งตรงไปหานาง!
                  “อ้าว เจ้าบ่าวหยุดม้าได้อย่างไรขับม้าออกเดินเร็วๆสิหากไปไม่ทัน  จะเสียฤกษ์เอานะ!”  นี่คือเสียงร้องทักของบรรดาแม่สื่อที่แต่งกายชุดแดงและเกล้าผมเป็นมวยกลมปักปิ่น ทัดดอกไม้ใหญ่2ดอก พวกนางมองเขา พลางส่งยิ้มล้อเลียนให้
                  จิตใจของหยางหวายชานที่รุ่มร้อนเริ่มเยือกเย็นลง  พลันเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาเล็กน้อย
                  เมื่อเขาช้อนตาขึ้นมาอีกครั้ง  รถม้าที่นางโดยสารมาซึ่งเคลื่อนตัวเชื่องช้า ก่อนหน้านั้นเป็นนาน ได้หายไปจากคลองจักษุเสียแล้ว
                  หยางหวายชานลอบถอนหายใจออกมาเงียบๆ   หันกลับไปชักม้าเดินหน้าต่อไป  เสียงหัวเราะเฮฮาของฝูงชนที่ลอยเข้าสู่โสตประสาท  ฉับพลันได้เลือนหายไป  คล้ายว่าค่อยๆแว่วออกไปไกลจากตัวเขาขึ้นเรื่อยๆ....
                  รถม้าวิ่งมาด้วยความเร็วอย่างสม่ำเสมอ  เป็นนานจนกระทั่งถึงบ้านเหลียนฟางโจวในที่สุด
                  จากในบ้าน ป้าสาม เหลียนเช่อ และเหลียนฟางฉิงได้ยินเสียงล้อบดถนนและฝีเท้าม้า  จึงได้เห็นคนทั้งสามลงจากรถม้า  ใบหน้าคนที่บ้านปรากฏรอยยิ้มต้อนรับทันที  เหลียนฟางฉิงดีใจยิ่งนัก ตะโกนร้องเสียงดัง “พี่ใหญ่พี่รองพี่เจี่ยน!” แล้ววิ่งออกมาเป็นคนหน้าสุด
                  “คิดถึงพี่ใหญ่ไหมจ๊ะ?”  เหลียนฟางโจวกางแขนออกมารับเหลียนฟางฉิงที่ยิ้มร่าโผลเข้ามาด้วยความรักและเอ็นดู   สองดรุณีพี่น้องกอดกันกลมและยิ้มให้กัน
                  “อื้ม! พี่ใหญ่ไม่อยู่บ้าน  ตอนกลางคืนข้านอนไม่หลับเลย!”  เหลียนฟางฉิงผงกหัวขึ้น มองแล้วมองอีก  ปากเล็กๆส่งเสียงออดอ้อน
                  “พี่ใหญ่ ท่านคิดถึงข้าหรือไม่น้องฉิงคนนี้รักพี่ใหญ่ที่สุดเลยจ้ะ!”  เหลียนฟางโจวหยิกแก้มใสๆของน้องสาวด้วยความหมั่นเขี้ยว  พลางส่งยิ้มทักทายป้าสาม และเหลียนเช่อไปด้วย
                  “โอ้โฮ  ของฝากเต็มเลยมา..เข้ามาเร็วเข้า!”  ป้าสามสังเกตุเห็นอาเจี่ยน และเหลียนเซ่อกำลังยกห่อและกล่องของฝากที่อยู่บนรถม้าลงมา  ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้า  รีบยื่นมือไปช่วยยกของ
                  เหลียนฟางโจวดึงมือเหลียนฟางฉิง  ไปทักทายสารถีรถม้า  พลางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม  “ลำบากพี่ชายแล้วเข้ามาในบ้านข้าก่อนสิ  มารับน้ำชาสักถ้วย  บ้านช่องข้าไม่ค่อยเรียบร้อย  ไม่มีสิ่งให้ความสำราญใดๆ  ถ้ายังไงก็ขออภัยด้วยนะ!”
                  คนขับรถม้าอยากรีบกลับ  จึงส่งยิ้ม ลูบถุงหนังบรรจุน้ำ แล้วเอ่ยว่า “น้ำมีอยู่นี่แล้ว  ข้าคงไม่อาจกลับสายได้!  ไม่จำเป็นต้องเกรงใจไป..แม่นางเหลียนข้าน้อยคงต้องขอตัวก่อนล่ะนะ!”
                  เหลียนฟางโจวเห็นเช่นนั้นแล้ว จึงไม่ฝืนรั้งเขาไว้อีกต่อไป จึงค้อมศีรษะเล็กน้อย พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “เช่นนั้น ข้าก็ไม่บังคับท่านแล้ว!”  พอกล่าวจบก็ล้วงเงินออกมา 3-4 เฉียน ยื่นให้คนขับรถม้า  พลางส่งยิ้มให้ “รบกวนท่านมากแล้ว เงินนี่...ท่านโปรดนำไปซื้อสุราไว้ดื่มอบอุ่นร่างกายเถิด!”
                  สารถีรถม้าชะงักไปเล็กน้อย   นึกไม่ถึงจริงๆว่าเหลียนฟางโจวจะให้เงินเขาเป็นสินน้ำใจ  จึงรู้สึกเก้อกระดากเล็กน้อย  ปฏิเสธอ้อมแอ้มพอเป็นพิธี  ก่อนจะรับเงินจากอีกฝ่าย  พร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณมาก แม่นางน้อยแม่นางโปรดกลับเข้าข้างในเถิด  ตัวข้านี้คงต้องขอตัวลาไปก่อน!”
                  เหลียนฟางโจวแย้มยิ้ม  มองสารถีขับรถม้าเลี้ยวออกไป  อาเจี่ยน เหลียนเซ่อและคนที่เหลือจึงกลับเข้าบ้าน
                  “เมื้อกี๊เจ้าให้เงินเขาไปเท่าไปไรกัน?”  สิ่งที่ป้าสามเห็น คือเหลียนฟางโจวให้เหรียญเงิน ไม่ใช่เหรียญอีแปะ จึงอดอิจฉาไม่ได้  ก่อนจะรวบถามทีเดียวเป็นชุดออกไป  “เจ้าได้เจอญาติหรือไม่?  เขาให้ยืมเงินไหมสกุลซู่เป็นอย่างไรบ้างพวกเขารวยเป็นเศรษฐีใช่หรือไม่?”
                  “พวกเรากลับเข้าบ้านก่อนเถิดค่อยๆคุยกันอีกที!”   เหลียนฟางโจวเอ่ยแย้มยิ้ม
                  ป้าสามไม่พอใจที่เหลียนฟางโจวพูดมาอย่างเห็นได้ชัด  พึมพำอยากจะพูดอะไรออกมา  เหลียนเซ่อเลยเอ่ยปากว่า “ป้าสาม  ญาติที่ชื่อฟางฉิงให้ของฝากมามากมายเลยนะ!”
                  “โอ จริงด้วย  ข้าต้องไปดูเสียหน่อยแล้ว  ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กทั้งสองแกะห่อของฝากเสียเละทะหรือยัง !”  ป้าสามรีบก้าวเดินเข้าบ้านอย่างเป็นกังวล
                  เมื่อครู่ก่อนเหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อถือกล่องของฝากเข้ามาในบ้าน
                  เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม พลางโคลงศีรษะ  “พวกเราเข้าไปข้างในกันเถิด!”
                  ข้าวของที่หอบกลับมาด้วย  กองอยู่บนโต๊ะ  ป้าสามประเดี๋ยวก็ลูบกล่องนั้นดูที  กล่องนี้ดูทีพร้อมทั้งอุทานออกมา “แหม...พวกคนรวยนี่..เขาช่างแตกต่างจากพวกเราจริงๆนะ  แค่กล่องใส่ของฝากก็ยังดูงดงามมากแล้วไม่รู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ข้างในบ้างฟางโจว เปิดดูได้หรือยังเอ่ย?”
                  ป้าสามโดยปกติ  แม้ว่าจะปากกล้า ชอบบ่นพึมพำเสียเป็นกระบุง  แต่จิตใจนั้นกลับเกรงบารมีเหลียนฟางโจวนัก  เมื่อเหลียนฟางโจวไม่เอ่ยปาก  นางจึงไม่กล้าขยับ
                  “เปิดได้เลยเปี๋ยวเจียบอกข้าว่า ของฝากมีผ้าตัดชุด  อยู่ทางด้านขวานั้น  แล้วก็กล่องขนมหวาน 2 กล่องด้วย!”  เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
                  ป้าสามจึงตอบรับถ้อยคำเหล่านี้ทันที  “ได้” แล้วช่วยเหลียนฟางโจว รื้อของออกมาดู  โดยเหลียนฟางโจวยืนอยู่ด้านหนึ่ง  แล้วเริ่มแกะกล่องและห่อของฝากหลายๆอัน
                  “นี่มันผ้าต่วนนี่  เนื้อผ้าหนาจังเลย อุ๊ยยังมีอีกหลายผืนซุกอยู่ตรงนี้!”  ป้าสามตื่นเต้นดีใจ  ในมือคว้าผ้าที่มีสีเทาเงินและสีน้ำตาลซึ่งซุกอยู่ด้านล่าง  คลี่ออกมา และลูบไล้อย่างทะนุถนอม  เอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “นี่มันขนกระต่าย  ขนแกะ  และขนหนูหิมะนี่นา  ว๊าว เอามาทำเป็นกุ๊น  และเสื้อกั๊กไม่มีแขนได้  ยามหน้าหนาวก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกันแล้ว!”
                  “ข้างในนี้ยัดอะไรไว้เนี่ย  ช่างนุ่มมือจัง!”  เหลียนฟางฉิงเอามือลูบและขยี้ผ้าพิมพ์ลายฝักถั่วสีเข้มแล้วโพล่งขึ้น
                  เหลียนฟางโจวและป้าสามลองลูบไล้ดู  ป้าสามเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ  “โอ นี่ใช่ผ้าตัดชุดจริงๆรึไฉนถึงได้หนาเช่นนี้  ข้างในบุสิ่งใดไว้เนี่ย?  นุ่มอะไรเช่นนี้?”

                  คราแรกเหลียนฟางโจวคิดว่าคงบุด้วยใยฝ้าย  แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เมื่อคิดได้ว่า...มันเป็นไปไม่ได้
  --------------------------------------------------------
 ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
    นอกจากพระรองแล้ว  ไรท์รู้สึกสงสารอดีตคู่หมั้นของนางเอกอีกคน  ที่รักนางเอก แต่ขี้ขลาดเกินไป ภายหลัง ขนาดแต่งไปแล้ว ยังแอบมาด้อมๆมองๆให้นางเอกปวดหัวเล่นอยู่เรื่อยๆ
    ส่วนน้องสาวนางเอกว่าที่ฮองเฮานั้น เขามีบทคู่กับฮ่องเต้คนใหม่ อยู่ในนิยายเรื่องนี้ล่ะค่ะ แต่เป็น        ตอนท้ายๆเรื่อง  แหมก็พี่เขยนางเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเชียวนะ  
     ส่วนนิยายทั้งสองเรื่อง ไรท์แปลจากเว็บจีนโดยตรงค่ะ ^-^

21 ความคิดเห็น:

  1. แปลโหดโคตร จากจีนดโดยตรงเลย นับถือๆ

    ตอบลบ
  2. เก่งมากกกกก ขอบคุณนะคะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณไรท์มากที่เสียสละเวลาแปลนิยายให้อ่านนะค่ะแปลออกมาอ่านแล้วลื่นไหลไม่สะดุดยิ่งอ่านก็ยิ่งติดแปลเก่งมากเลยค่ะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณค่ะ แปลเรื่อยๆ อย่าทิ้งค้างนะคะ

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณค่ะที่เสียสละแปล อ่านลื่นมากค่ะ ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  6. สุดยอดเลย...ขอบคุณนะค่ะที่แปลเรื่องสนุกๆ ให้ได้อ่าน ♥

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณมากค่ะ สำหรับเวลาอันมีค่าของผู้แปล

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกที่แปลออกมาได้ดีมีคุณภาพมากๆ ยังไงก็สงสารพระเอกที่บทน้อยแถมยังทำตัวจืดจางอีก รอวันที่ท่านแม่ทัพปังปังนะ

    ตอบลบ
  9. ชอบการแปลมากค่ะ แปลลื่นไหล สำนวนดี ขอบคุณมากๆนะคะ

    ตอบลบ
  10. ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ เราชอบเรื่องนี้มากเลย

    ตอบลบ
  11. มารออ่านตลอดเลยนะคะ ขอบคุณที่แปลเรื่องนี้มาให้เสียดายบทนึงสั้นนิดเดียวยัง อ่านไม่ทันอิ่มเลยอ้าว..จบซะละ^^

    ตอบลบ
  12. มารออ่านตลอดเลยนะคะ ขอบคุณที่แปลเรื่องนี้มาให้เสียดายบทนึงสั้นนิดเดียวยัง อ่านไม่ทันอิ่มเลยอ้าว..จบซะละ^^

    ตอบลบ
  13. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  14. ขอบคุณค่ะ ตามทันแล้วว เย๊ ข้างบนพิมพ์ผิดค่ะ 555

    ตอบลบ
  15. เห็นความตั้งใจของไรท์ในการแปล นอกจากจะแปลจากภาษาจีนแล้วยังขยันหาภาพประกอบสวยงามและน่ากินด้วย ขอบคุณที่สละเวลาค่ะ

    ตอบลบ
  16. กับอดีตคู่หมั้นถือว่าสิ้นวาสนากันแล้ว ถึงจะชักม้ากลับไปหาฟางโจวนางก็ไม่คืนดีด้วยหรอก

    ตอบลบ
  17. ขอบคุณไรท์ที่แปลให้อ่านนะคะ :)

    ตอบลบ
  18. ควรร้องเพลง
    "ก็เลิกกันแล้ว" ของพี่เบิร์ด
    ให้อดีตคู่หมั้นฟัง ^ ^

    ตอบลบ
  19. ขอบคุณค่ะ...สนุกมากค่ะรอตอนต่อไปนะค่ะ

    ตอบลบ
  20. อ๊ายยยยย มีความฟิน

    ตอบลบ
  21. ขอบคุณผู้แปลจริงๆค่ะ ที่ทำให้ได้อ่านนิยายสนุกๆอย่างนี้ ขอบคุณนะคะ 😍

    ตอบลบ