เหลียนฟางโจวเอ่ยว่า
“ไม่ทราบว่าค่าครอบครองสิทธิ์ในที่ดินเป็นเงินเท่าไร? หากยึดตามราคาที่ดินของทางการ จะใช้วิธีคำนวณเงินอย่างไร เวลาซื้อและขายที่ดิน? ท่านพอจะมีข้อมูลเหล่านี้อยู่หรือไม่ พอดีว่าข้ายังไม่ทราบราคาขายของทางการเลย”
หลิวเจี่ยหัวเราะ “แม่นางเหลียนช่างเป็นคนที่หลักแหลมจริงๆ หากมีคำถามใดๆ
ก็จงถามมาเถิด! ค่าครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน 1 มู่ คิดเป็นเงิน 1 เฉียน ทางการกำหนดราคาที่ดินไว้ คือ ที่ดิน 1 มู่ มีราคา 2 ตำลึง คหบดีสกุลหวางตั้งราคาเป็น 3 ตำลึง ต่อ ที่ดิน 1
มู่
เจ้าที่ดินสกุลหยางก็ให้ราคาไม่ต่างกัน
ดังนั้น ราคาที่ดินทั้งหมดล้วนไม่เกินจากที่กล่าวมานี้ ทว่าก็ไม่มีทางต่ำกว่า 2 ตำลึง ต่อที่ดิน 1
มู่แน่ๆ ! ข้าเกรงว่าอาจต้องมีจ่ายเพิ่มให้
ฮูหยินของคนเหล่านั้นบางส่วนด้วย!”
เหลียนเซ่อเบิกตากว้างเมื่อได้ยิน
ลอบคิดตามในใจ เขาคิดคำนวณตามที่หลิวเจี่ยบอก
แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าต้องจ่ายเป็นเงินจำนวนเท่าไรกันแน่ รู้เพียงแต่ว่าเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย!
เหลียนฟางโจวก้มหน้าลงเล็กน้อย พลางคำนวณในใจอย่างรวดเร็ว ก็น่าจะต้องจ่ายเงินราวๆ 3,500 ตำลึง ขาดหรือเกินจากนี้ไม่มาก
หลิวเจี่ยพยายามอ่านสีหน้าของเด็กสาว เชื่อว่านางคงคิดว่าแพงแน่ๆ จึงยิ้มออกมา “ทางราชสำนักมักส่งเสริมให้ประชาชนบุกเบิกที่ดินเพื่อถือครองกรรมสิทธิ์เสมอ หากครั้งแรกท่านซื้อที่ดินไม่ต่ำกว่า 600-700
มู่ ก็สามารถต่อรองขอส่วนลดได้ ! อย่างน้อยก็ประหยัดไปได้เป็นร้อยตำลึง
และแน่นอน หากท่านไม่เต็มใจเสียเงินก้อนใหญ่ จะเปลี่ยนไปซื้อที่ดินผืนเล็กๆก็นับว่าไม่เลวเลย! ท่านดูแล้วคิดเห็นเป็นเช่นไร!”
เหลียนฟางโจวตวัดสายตาไปทางอาเจี่ยน
แล้วจึงเบนสายตากลับมาหาหลิวเจี่ยอีกที
พลางคลี่ยิ้ม “เรื่องนี้ พูดกันปากเปล่า พวกเราไม่รู้ว่าที่ดินที่ท่านกล่าวถึง สภาพของจริงนั้นเป็นเช่นไร ท่านสามารถพาพวกเราไปดูได้หรือไม่?”
“ได้อยู่แล้ว! หากพวกท่านมีความประสงค์เช่นนั้น
ข้าจะพาพวกท่านไปดูเอง! เรื่องสำคัญขนาดนี้ ข้าไม่กล้าโป้ปดมดเท็จหรอก! ที่ดินพวกนั้นมีอยู่จริงอย่างแน่นอน แค่มองแวบเดียว ก็เจอแล้ว!” หลิวเจี่ยเอ่ยขึ้นด้วยความยินดี
นี่แสดงว่าเป็นความจริง
เหลียนฟางโจวหัวเราะ
“แน่นอน เราอยากซื้อ! หากที่ดินนั้นน่าสนใจ ท่านก็พาพวกเราไปดูวันนี้เถิด!”
“ตกลง เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถิด! แม่นางช่างเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ!” หลิวเจี่ยตบต้นขาทีหนึ่ง พลางหัวเราะออกมา
หลิวเจี่ยมีรถเกวียนเทียมลา ให้พวกเหลียนฟางโจวโดยสารเดินทางไปด้วย ในไม่ช้าก็ถึงที่ดินที่ว่า
ที่ดินผืนนั้นอยู่ห่างจากถนนราวๆ
2 ลี้ เป็นเช่นนี้ก็ดี หากเป็นที่ดินติดถนนใหญ่เลย จะทำให้จัดการดูแลยากไปด้วย
เมื่อถึงเวลาก็แค่ทำเส้นทางเข้าเล็กๆ
พอให้รถเกวียนเทียมลาผ่านเข้ามาในพื้นที่ได้
ในภายภาคหน้าจะทำให้สะดวกในการเดินทางและขนของอีกด้วย
สภาพโดยทั่วไปเท่าที่เห็น เป็นที่ดินผืนใหญ่มาก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ
และมีช่วงที่เป็นเนินสูงต่ำอยู่บ้าง ส่วนทางด้านฝั่งทิศตะวันตกเป็นเนินเขาทั้งลูก กะดูด้วยสายตาคร่าวๆแล้ว บริเวณเนินเขาน่าจะกินเนื้อที่ประมาณ 5-6 มู่ (2.5 ไร่)
หลิวเจี่ยพาพวกเขาเดินลงสำรวจพื้นที่จนทั่ว ชี้ให้ดูแต่ละจุด พลางอธิบายพร้อมท่าทางประกอบไปด้วย เหลียนฟางโจวถามคำถามเป็นครั้งคราว ยิ่งหญิงสาวได้เดินดูสภาพพื้นที่เท่าใด ก็ยิ่งปรากฏสีหน้าพึงพอใจมากขึ้นเท่านั้น ผู้คนที่เป็นเจ้าของที่ดิน โดยปกติแล้ว มักฉวยโอกาสยึดครองผืนดินทิ้งร้าง
หรือผืนดินที่ยังไม่มีคนจับจอง หลายร้อยมู่ มาเป็นของตนเอง แล้วทิ้งไว้สักหลายๆปี จึงค่อยหาคนมาทำการหักร้างถางพง และปรับปรุงพื้นที่ พอเข้าฤดูใบไม้ผลิ ก็สามารถหว่านเมล็ดเพาะปลูกพืชผลได้เลย
ที่ดินผืนนี้
มีตาน้ำอยู่ 2 แห่ง สามารถปรับพื้นที่ ขุดเป็นคูน้ำเล็กๆได้ ต่อไปจะไม่มีปัญหาในการทดน้ำเข้าพื้นที่เลย
เดิมทีหลิวเจี่ยมักเป็นคนค่อนข้างคิดอะไรเกินจริงอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองผู้นี้ย่อมรู้จำนวนเงินรายรับที่จะได้จากค่านายหน้าทั้งจากฝั่งผู้ซื้อและฝั่งผู้ขายที่ดิน ยิ่งมีรายการซื้อขายที่ดินมากเท่าใด เขาก็จะหาเงินได้มากขึ้นเพียงนั้น!
หากการค้าครั้งนี้ตกลงกันได้ เขาลองคำนวณดูคร่าวๆแล้ว
ก็รอรับเงินเข้ากระเป๋าเหนาะๆ 5-6
ตำลึงเงินเลยเชียว นี่ก็ใกล้จะถึงช่วงเทศกาลฉลองปีใหม่แล้ว ไฉนตัวเขาจะไม่ทุ่มสุดตัวเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าพึงพอใจเล่า?
แต่ทว่าพอเห็นเหลียนฟางโจวถามคำถามละเอียดยิบ ซ้ำยังตรวจสภาพเม็ดดินที่เหยียบย่ำ ประหนึ่งกำลังตรวจหาความบริสุทธิ์ของทองคำ ด้วยท่าทางราวกับผู้ทรงคุณวุฒิมาเอง ใจเขาให้รู้สึกหนาวยะเยือก ไหนเลยจะกล้าฝันหวานเล่า? คงสามารถทำได้แต่เพียงทุ่มเทตอบคำถามด้วยความตั้งใจ และใช้ความจริงใจเข้าสู้เพียงเท่านั้น!
เขาลอบสังเกตุสีหน้าของเหลียนฟางโจว เห็นนางซ่อนความพึงพอใจไว้อย่างมิดชิด หลิวเจี่ยจึงหัวเราะออกมา “แม่นางเหลียน จะไม่ลองเดินขึ้นไปดูบนเนินเขาลูกนี้ดูบ้างหรือ? ผืนดินบริเวณนี้ยังไม่มีการบุกเบิก หากท่านซื้อที่ดินแปลงนี้ ข้าจะแถมเนินเขาลูกนี้ให้ด้วย!”
เหลียนฟางโจวสนใจทันที จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ๆ เช่นนั้นพวกเราไปดูกันเถิด!”
“เอาล่ะ แม่นางเหลียนเชิญ!” หลิวเจี่ยผายมือนำทาง
ไม่มีเส้นทางขึ้นเนินเขา มีเพียงพุ่มวัชพืชมากมายขึ้นหนาแน่นขวางทางเต็มไปหมด แต่ละคนที่ขึ้นมาถึงบนยอดเนินเขา ล้วนหอบหายใจ
เหลียนเซ่อกวาดตาดูไปรอบๆเนินเขา แล้วจึงเลิกสนใจ พลางยกยิ้ม ไม่สงสัยในใจอีกต่อไปแล้วว่า ไฉนถึงได้แถมให้! เนินเขาลูกนี้แคบมาก จะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้ ทางด้านทิศตะวันตกมีหินก้อนใหญ่มากมาย ไม่รู้ว่าจะมีใครวอนหาเรื่องมาขอซื้อหรือไม่!
เมื่ออยู่บนยอดเนินเขา สามารถเห็นทิวทัศน์ทุ่งนารอบๆได้ทั่ว เนื่องจากเนินเขาลูกนี้ยกตัวตั้งขึ้นสูงตระหง่าน ยามยืนอยู่บนยอดเนิน จึงสามารถเห็นทิวทัศน์รอบทิศได้สบายๆ
บนยอดเนินมีพื้นที่ราบสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ หลิวเจี่ยย่อมคว้าโอกาสนี้คอยชี้ให้เห็นถึงข้อดีของทุกๆบริเวณ พลางสาวเท้าเดินเคียงข้างไปกับเหลียนฟางโจว เพื่อพูดอธิบายตลอดทางที่เดินผ่าน
อันที่จริง
ถึงเขาไม่บอกออกมา เหลียนฟางโจวก็นึกชอบอกชอบใจอยู่แล้ว และเนินเขาลูกนี้ก็ดีมากเกินกว่าที่คาดไว้อีกด้วย!
แม้ว่าเนินเขาลูกนี้ไม่อาจปลูกพืชที่นางวางแผนไว้ได้ ทว่าก็ยังสามารถปลูกผลไม้หลายหลายชนิดได้ ใช่แล้ว ! แค่ปลูกประเภทละ 2-3 ต้น ก็เพียงพอสำหรับให้ครอบครัวใหญ่ๆได้บริโภคแล้ว
น่าจะเอารั้วมาล้อมให้รอบ สร้างรั้วให้เป็นตารางตาถี่หน่อย ก็สามารถเลี้ยงไก่ได้ พอถึงปีหน้าก็ขายไก่และไข่เป็นรายได้อีกทางหนึ่ง
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เนินเขาลูกนี้สามารถสร้างกระท่อมเล็กๆได้สัก
2-3 หลัง ในช่วงที่ฝ้ายเจริญเติบโตเต็มที่ ย่อมต้องหาคนมาดูแลไร่ฝ้าย กั้นห้องเสียหลายๆห้อง ก็จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเฝ้าดูแลด้วย
และไหนจะเครื่องมือทำการเกษตรทั้งหลายทั้งแหล่ และเครื่องใช้ไม้สอยอื่นๆอีกเล่า ล้วนสามารถเอามาเก็บไว้ที่นี่ได้ !
เมื่อเหลียนฟางโจวครุ่นคิดแผนการใช้ประโยชน์บนที่ดินผืนใหญ่นี้ ก็ให้รู้สึกพอใจเป็นที่สุด! ช่างลงตัวอะไรเยี่ยงนี้
“น้าหลิว
พอข้าได้มายืนดู และได้ห็นอะไรมากมาย ที่ดินผืนนี้นับว่าไม่เลวเลยจริงๆ
“ ในระหว่างนั้นเมื่อหลิวเจี่ยเอ่ยถามอีกครั้ง เหลียนฟางโจวจึงยอมเปิดปากในที่สุด
แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หน้าหลิวสบายใจได้เลย
ข้าอยากจะบอกว่า ที่ดินผืนนี้มันดีเสียยิ่งกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก น้าหลิวไปเตรียมการติดต่อเจ้าของที่ดินให้ข้าได้เลย ที่ดินผืนนี้ ข้าตกลงใจจะซื้อ!”
“ตกลง! ที่ราคานี้นะ ท่านจะซื้อที่ราคานี้โดยไม่ต่อเลยหรือ?” หลิวเจี่ยที่กำลังดีอกดีใจ รีบเอ่ยถามขึ้น
“แล้วอย่างไรเล่า
“ เหลียนฟางโจวเหลียบมองหลิวเจี่ย แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เพียงแค่ข้าได้มาที่นี่ ข้าก็ได้ประจักษ์ความสามารถของน้าหลิวแล้ว! และสำหรับตัวข้า แน่นอน ยิ่งท่านจัดการได้สมเหตุสมผลเท่าไร ข้าก็ยิ่งพร้อมตกลงเพียงนั้น!”
หลิวเจี่ยชักอยากจะสอบถามเหตุจูงใจ
ที่มาซื้อที่ดินของเด็กสาวผู้นี้เสียแล้ว
แต่ดูท่าทางแล้ว นางคงไม่ยอมบอกอะไรแน่ ทว่าดูแล้วนางหาใช่คนหยาบกระด้างหรือไร้เหตุผลไม่
นางเพียงขอแต่ “ความสมเหตุสมผล” มากกว่า “ยิ่งราคาถูกยิ่งดี”
เหลียนฟางโจวเชื่อว่าหลิวเจี่ยจะรับรู้ถึงความต้องการของเธอแน่
แน่นอน หลิวเจี่ยเมื่อได้รับรู้ความในใจที่เธอกล่าวออกมา จึงพยักหน้า แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตกลง! แม่นางเหลียน มั่นใจได้เลย ข้าจะลองเจรจา ให้แม่นางเหลียนได้ราคาดีแน่ๆ”
“ขอบคุณ หน้าหลิว! ที่ช่วยเป็นธุระให้
“ แต่ข้ายังมีเรื่องขอร้องสักอย่าง
น้าหลิว ก่อนอื่นท่านอย่าเพิ่งบอกว่าคนซื้อเป็นข้า
จะได้หรือไม่?”
นี่ไม่ใช่เรื่องยากอันใด
อันที่จริง แต่ก่อนเขาพบผู้ซื้อมากมายที่ขอเช่นนี้ จึงพยักหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา!”
เหลียนฟางโจวมองไปทางทิศตะวันตก เห็นดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงๆ
ใกล้จะแตะเส้นขอบฟ้าแล้ว เธอแย้มยิ้ม
แล้วเอ่ยขึ้น “เย็นมากแล้ว และวันนี้ก็เพิ่งมาเป็นครั้งแรก! คงจะต้องมาอีกหลายครั้ง ข้าไม่รู้ว่ายังมีที่ดินที่ไหนที่น่าสนใจอีกบ้าง?
พรุ่งนี้คงต้องรบกวนน้าหลิวพาพวกเราไปดูที่อีก! ท่านจะพาพวกเราไปดูสถานที่อีก อย่างนั้นใช่หรือไม่ วันนี้ได้หารือเรื่องที่ดินผืนนี้จนพอใจแล้ว ไม่ทราบว่าท่านอยากได้ค่าป่วยการสักเท่าไร?”
หลิวเจี่ยคิดแล้วคิดอีก แล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เอาเป็นว่าข้าขอไม่รับเงินค่าป่วยการ ขอแต่เงินค่ามัดจำที่ดินจากแม่นางก็พอ เมื่อแม่นางให้เงินมัดจำล่วงหน้ามา หากมีใครมาสนใจขอซื้อที่ดินผืนนี้ ข้าจะได้ปฏิเสธไป เอ่อ..ค่ามัดจำสัก 100 ตำลึงดีไหม หากแม่นางเตรียมเงินมา ที่รถข้ามีพู่กัน หมึก
กระดาษพร้อม ข้าจะเขียนใบรับเงินเป็นหลักฐานให้แม่นาง หากแม่นางไม่ได้พกเงินติดตัวมา ข้ายินดีไปเอาเงินกับแม่นางที่บ้านได้ เอ้อ ไม่ไกลจากที่นี่ใช่หรือไม่!”
-------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
-ถึงเวลาที่นางเอกจะได้แสดงฝีมือของนักวิจัยดีกรีปริญญาทางด้านการเกษตรเสียที
-นางเอกซื้อที่ดิน หลักๆเพื่อเอาไว้ปลูกฝ้ายค่ะ ส่วนมันฝรั่งแค่ปลูกเป็นตัวแถมเฉยๆ
ขอสปอยนิดหนึ่ง
นางเอกจะเป็นผู้ริเริ่มนำฝ้ายมาตัดเย็บเครื่องนุ่งห่มในยุคที่นางทะลุมิติเข้ามาเป็นคนแรกค่ะ
^-^
-ช่วงนี้ไรท์กำลังปรับปรุงหน้าเว็บ เพิ่มเติมเมนู เพราะอยากแปลบทความที่น่าสนใจด้านอื่นๆ
มาแบ่งปันให้อ่านเพิ่มเติมด้วย
รีดทุกท่านไม่ต้องตกใจไปนะคะ
เมนูหน้านิยายยังเข้าได้เหมือนเดิมค่ะ ^-^
ขอบคุณค่ะ ประทับใจมากเช่นเคย
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากๆเลยค่ะ
ตอบลบสนุกจัง ^^
ตอบลบขอบคุณมากๆครับ
ตอบลบสนุกมากเลย
ถ้าฝั่งป้านางเอกรู้เรื่องเข้าคงอกแตกตาย ว่านางเอกมีเงินเป็นหมื่นตำลึง อิอิ
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ อ่านแล้วประเทืองสติปัญญา ฉลาดตามนางเอกและคนแปล
ตอบลบนานๆจะเจอคนดีซักที
ตอบลบขอบคุณนะคะ
ชอบเวลานางทำธุรกิจจริงๆ
ตอบลบขอบคุณค่ะ ชอบๆ
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบว๊าว! ฝ้าย! อืมๆๆๆ อนาคตเศรษฐีแหงๆ แต่ก่อนหน้านั้นต้องลำบากสักหน่อย หวังว่าท่านแม่ทัพจะอยู่ช่วยไปนานๆ 555+
ตอบลบนางเริ่มลงมือทีละนิด
ตอบลบเตรียมพร้อมการเพาะปลูก
^ ^
เย้ๆๆๆในที่สุดก้ออ่านทันแล้วสนุกมากๆๆๆ. คงใกล้ได้เห็นท่านแม่ทัพไถนาพลิกฟื้นผืนดินเพื่อปลูปฝ้ายแล้ว
ตอบลบสอบถามผู้แปลค่ะถ้าไม่รู้ภาษาจีนเลยจะทำยังไงถึงจะดำน้ำได้อยากแอบรู้ตอนต่อๆไป แต่ยังตามอ่านนะคะเพราะชอบสำนวนการแปลมากค่ะ
ขอบคุณค่ะไรท์
ตอบลบขอบคุณคะ
ตอบลบขอบคุณครับ หนทางสู่เศรษฐีอยู่ไม่ไกลแล้ว
ตอบลบสุดยอดจริงๆ ขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณนะคะ เราชอบเรื่องนี้มากเลย
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ ตามมาจากเด็กดีนึกว่าจะไม่มีการแปลต่อแล้ว เรื่องนี้สนุกดีค่ะ อ่านได้เรื่อยๆเพลินดี
ตอบลบลุ้นว่า หวังว่าจะไม่มีอุปสรรคอะไรมาขัดขวางนะค่ะ
ตอบลบชอบจริงๆค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ...สนุกมากรอตอนต่อไปนะค่ะ
ตอบลบขอบคุณผู้แปลมากสนุกจริงๆ
ตอบลบขอบคุณมากๆๆ สนุกมากคะ
ตอบลบอ่านได้ลื่นไหล...สนุกน่าติดตามมากๆ ค่า ♥
ตอบลบ