วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 123 อาหารมื้อกลางวัน

                 “ข้าก็นึกว่าจะขนมาพรุ่งนี้เสียอีก!”  เหลียนฟางโจวถามยิ้มๆ   ทุกคนในที่นั้นช่วยกันขนรากไม้กิ่งไม้ลงจากรถกันคนละไม้คนละมือ   เพียงไม่นานเศษไม้ทั้งหมดบนรถเกวียน  ก็ถูกขนลงมากองไว้ ตรงมุมหนึ่งในลานบ้าน
                  “จริงสิ  วันนี้คนงานถางที่ดินเสร็จหรือไม่?  เหลียนฟางโจวอดถามมาขึ้นไม่ได้
             อาเจี่ยนนิ่งคิดสักครู่  แล้วเอ่ยขึ้น  “ยังไม่เสร็จ   ข้าประมาณไว้ว่า   คงต้องขุดถอนรากไม้ที่เหลือและทยอยขนเศษรากไม้กลับราว 5-6  คันรถจึงจะหมด!  พรุ่งนี้อาจกันคนงานบางส่วนมาถางพื้นที่ที่เหลือต่อ   ส่วนคนงานที่เหลือให้มาเริ่มงานไถพรวนหน้าดินเสียแต่เนิ่นๆไปเลย!”

                  เหลียนฟางโจวพยักเห็นด้วยทันที “อื้ม”
             เหลียนเซ่อโพล่งขึ้น “พี่ใหญ่   พรุ่งนี้จะจ้างเจ้าของกับวัวมาไถพรวนดินแล้วรึ?
             “ใช่”  เหลียนฟางโจวหัวเราะ “พวกพี่ตกลงกันแล้วว่า  จะใช้วัวสัก 12 ตัว  เอ...ที่ท่านบอกว่าต้องถางพื้นที่ที่เหลือให้เสร็จสิ้น  อาจต้องใช้เวลาราว 3-4 วันใช่หรือไม่?
                  เหลียนฟางโจวหันกลับไปถามอาเจี่ยน
             อาเจี่ยนนิ่งคิด ผงกศีรษะแล้วหัวเราะ “เพียงสามวันก็น่าจะพอ!  อย่างไรเสียการไถพรวนต้องทำให้ดี  จนดินอ่อนตัวและละเอียดลงเสีย 1 รอบ   รอบแรกอาจกินเวลาราว 2-3 วัน”
                  เรื่องของเรื่องก็คือ  การใช้วัวไถพรวน   คือการเปิดหน้าดิน   การไถพรวนจะพลิกดินขึ้นมาเป็นก้อนใหญ่ๆ   หากอยากหว่านเมล็ดปลูกพืชผล   ย่อมต้องใช้จอบสับดินก้อนใหญ่พวกนั้นให้ละเอียดลงจนได้ขนาด   จึงจะง่ายต่อการหว่านเมล็ดเพื่อเพาะปลูก
                  เพราะนี่คือการพลิกฟื้นที่ดินรกร้างผืนมหึมา   เมื่อไถพรวนจนหน้าดินทั้งหมดละเอียดสม่ำเสมอเท่ากันดีแล้ว   หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง  ก็ถอนหญ้า หรือวัชพืชอื่นๆที่อาจพบ  กำจัดทิ้งเสียให้สิ้น   หาไม่แล้วรากของหญ้า หรือวัชพืชเหล่านั้นจะทำให้ดินค่อยๆจับตัวกันแน่นได้อีก
                  “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน!”  เหลียนฟางโจวพยักหน้าหัวเราะ   กำลังสงสัยว่าจะต้องจ้างคน หรือไม่ต้องจ้างคนเพิ่มดี
                  ขณะที่หญิงสาวยังคิดไม่ตก   อาเจี่ยนก็เอ่ยขึ้น “แล้วที่ดินผืนตรงทางแยกถนนเล่า  ข้าเกรงว่าท่านคงต้องจ้างคนงานเพิ่มสักสองสามคนแล้ว”
                  “ข้าเองก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน!”  เหลียนฟางโจวเอ่ยพลางหัวเราะ
                  “พี่ใหญ่  พวกเราตามไปช่วยงานในไร่ได้หรือไม่    เห็น
พี่เจี่ยนบอกว่ายังต้องขนไม้ฟืนใส่รถกลับมาอีกนี่นา!”  เหลียนเช่อและเหลียนฟางฉิงถามขึ้น
                  เหลียนฟางโจวมองกองรากไม้  และรถเกวียนอันว่างเปล่า  เพราะขนรากไม้ลงไปเสร็จแล้ว   และเห็นเหลียนเช่อและเหลียนฟางฉิงมีสีหน้ากระหายอยากไปนัก  จึงเบนสายตาไปทางอาเจี่ยน
        เด็กทั้งสองเอ่ยรบเร้าไม่ยอมหยุด   พลันเบนสายตาอ้อนวอนไปหาอาเจี่ยนด้วย
                  อาเจี่ยนมักเป็นคนพูดจาถนอมน้ำใจคน   ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “เช่นนั้นก็ไปกันให้หมดเลย!  แต่เวลาไปถึงที่โน่น  ห้ามซนนะ!”
                  เหลียนเช่อและเหลียนฟางฉิงรับปากเสียงดังด้วยความร่าเริง  เด็กทั้งสองหัวเราะเฮฮายามได้ปีนขึ้นรถเกวียน
        “พวกเราไปก่อนนะ!”  อาเจี่ยนหันไปพยักหน้าให้เหลียนฟางโจว
                  เหลียนฟางโจวยิ้มร้อง “อื้ม”  แล้วเดินไปช่วยเปิดประตูรั้ว   พลางเฝ้ามองพวกเขาที่นั่งรถเกวียนออกไปจนลับตา
                  อาเจี่ยนขับรถเกวียนขนรากไม้กิ่งไม้ไปกลับระหว่างบ้านและที่ไร่  ราวสองสามเที่ยวก่อนจะจบงานในวันนั้น    ยามนี้ที่มุมหนึ่งของลานบ้างมีกองรากไม้กิ่งไม้ท่วมสูงเป็นภูเขาเลากา
                  ตามที่อาเจี่ยนคำนวณไว้  เกรงว่าหากขนกลับมาหมดทั้งไร่  คงจะมากกว่าที่เห็นนี้ ราวสองสามเท่า
                  จากที่ป้าสามออกปาก   กองไม้เหล่านี้คงใช้เป็นฟืนหุงต้มให้ที่บ้านได้เป็นปีเลย
                  ทว่าในลานบ้านไม่อาจรองรับกองไม้ฟืนทั้งหมดได้พอ
                  โชคดีที่ นอกลานบ้านใกล้ๆกัน มีที่ว่างผืนใหญ่ที่หนึ่ง  เหลียนฟางโจวและอาเจี่ยนจึงมาตกลงกันภายหลัง  ว่าคราวหน้าเป็นต้นไป ให้ขนรากไม้กิ่งไม้กลับมากองไว้ที่ลานว่างนอกบ้านตรงนั้นแทน
   หลังมื้อเช้าในวันรุ่งขึ้น  อาเจี่ยน  เหลียนฟางโจว  และเหลียนเซ่อออกไปที่ลานหินด้วยกัน
                  วันนี้   บรรดาคนงาน ในมือพวกเขาแบกคันไถสำหรับไถพรวน   อีกมือถือจอบเข้ามาในบริเวณที่ดิน  พวกเขามารวมตัวกัน  ระหว่างรอก็สนทนากันไปด้วย   พอเห็นเจ้าของที่ดินทั้งสามมาถึง  บรรดาคนงานต่างสาวเท้าเข้ามาหา  พลางหัวเราะและร้องทักว่า นายท่าน  เอ่ยถามว่างานวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง?  
คันไถ
        เหลียนฟางโจวและอาเจี่ยน จึงร่ายยาวแผนการทำงานของวันนี้ทั้งหมด  
             โดยให้บังคับคันไถและวัว ทำการไถพรวน เพื่อเปิดหน้าดินให้กระจายตัวออกเป็นแนวร่องยาว  ทั้งไปและกลับรวมทั้งหมด 2 รอบ เพื่อพรวนดินให้ละเอียด
                  พื้นที่บริเวณใด  ที่วัวยังไถไปไม่ถึง   ก็ให้คนงานบางส่วนที่จ้างมาใช้จอบขุดดินไปก่อน
การไถพรวน
        สำหรับกำลังคน  จะทิ้งคนงาน 5 คนให้ทำงานถางพื้นที่รกที่ยังเหลือต่อเนื่องจากเมื่อวาน  ส่วนคนงานที่เหลือจะแบ่งออกเป็นหลายๆกลุ่ม  เพื่อบังคับคันไถที่วัวลาก  ตามวิธีการที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว  และแยกไปไถพรวนคนละเส้นทาง
                  บ้านสกุลเหลียนนั้นมีอาหารมื้อกลางวันเลี้ยงคนงาน   จ่ายค่าจ้างก็ตรงเวลาไม่ตุกติก   มิต้องให้เอ่ยปากทวง    ส่วนคนงานกลุ่มใหญ่นั้นล้วนขยันขันแข็งดีทีเดียว   เมื่อแบ่งงานกันเสร็จแล้ว   ต่างน้อมรับคำสั่งด้วยเสียงหัวเราะอารมณ์ดี   พลางลงมือทำงานด้วยความกระตือรือร้น
                  อาเจี่ยน เหลียนเซ่อ และเหลียนฟางโจวแยกย้ายกันไปดูงานอยู่พักหนึ่ง   จากนั้นอาเจี่ยนและเหลียนเซ่อจึงจัดการขนรากไม้กิ่งไม้ที่จะทำฟืนกลับมาบ้าน   ส่วนเหลียนฟางโจวนั้นขอตัวกลับบ้านไปก่อนหน้านั้นแล้ว  
                  วันนี้  มีคนงานที่จะมากินมื้อกลางวันเพิ่มขึ้นอีก 12 คน  หญิงสาวจึงต้องกลับไปช่วยงานป้าสาม
                  เมื่อกลับถึงบ้าน   ป้าสามกำลังทำกับข้าวมือเป็นระวิง   ป้าสามหลังจากตื่นขึ้นมาและทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว  ก็ก้มหน้าก้มตานึ่งหมั่นโถว  จากนั้นจึงไปจี่เล่าปิ่ง   เหลียนฟางฉิงช่วยล้างผัก  ส่วนเหลียนเช่อช่วยติดเตาไฟ
                  วันนี้  ต้องเพิ่มวัตถุดิบและส่วนผสม  ไม่ว่าจะใช้ทำหมั่นโถวหรือเล่าปิ่งอีกเกือบครึ่ง    ไม่ใช่งานน้อยๆเลย
                  พอเห็นเหลียนฟางโจวกลับมาถึง   ป้าสามที่กำลังอารมณ์ดี   เอ่ยขึ้นทันใด  “ฟางโจวเอ๋ย วันนี้  ไม่มีน้ำแกงตุ๋นกระดูกหมูหรอกนะ  หมูสามชั้นก็เหลืออยู่นิดเดียวแล้ว  เช่นนั้น..เที่ยงวันนี้ส่งเป็นน้ำแกงตุ๋นกะหล่ำปลีไปดีหรือไม่?   อันที่จริง...เก็บเซียงไช่ที่เหลืออยู่เล็กน้อยไว้ก่อนดีกว่าอากาศหนาวๆแบบนี้   ได้ซดน้ำแกงกะกล่ำปลีร้อนๆ  ดีกว่าอะไรทั้งหมดเลย!”
                  เหลียนฟางโจวหัวเราะ “เมื่อวานนี้ ข้าไมได้ซื้อไก่มาให้ 2 ตัวหรือ?  เราฆ่าไก่ 2 ตัวนั่นแล้วกัน!   แล้วบ้านเราไม่มีเห็ดตากแห้งอยู่มากหรือไรเอาเห็ดตากแห้งมาตุ๋นกับน้ำต้มกระดูกไก่ทำเป็นน้ำแกง   ไว้รอบ่ายนี้ข้าจะเข้าเมืองไปสักรอบ  จะได้ไปซื้อกระดูกหมูกับเนื้อหมูกลับมาเพิ่มอีก!” 
น้ำแกงตุ๋นเห็ด
                  อะไรนะ?”  ป้าสามตกตะลึง  ชะงักมือซึ่งจับตะหลิวที่กำลังพลิกแป้งเล่าปิ่ง   ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน  พลางถามขึ้น “เจ้าบอกว่าให้ฆ่าไก่รึ?
                  ถูกแล้ว!” เหลียนฟางโจวหัวเราะ “เลาะเอาเนื้อไก่มาหั่นพร้อมหมูสามชั้น  แล้วเอามาผัดรวมกัน!  เท่านั้นแหละ  เราจะได้มีอาหารดีๆกินเป็นมื้อเย็นด้วยสองวันนี้พวกเราเหน็ดเหนื่อยกันมามากแล้ว!”
             ป้าสามอดไม่ได้ร้องออกมาอย่างไม่พอใจทันที  “ไอ้หยา  เจ้านี่จริงๆเลยช่างเป็นคนใจป้ำดีแท้ นั่นมันไก่ตัวโตๆ 2 ตัวเลยนะ  หาใช่ลูกเจี๊ยบไม่  ข้ารึอุตส่าห์ชมว่าเจ้าซื้อไก่ได้เก่งนัก  ไม่ต้องสิ้นเปลืองอาหารขุนเลี้ยงมัน  ไม่ต้องให้มันออกไข่  กลายเป็นว่าจะเอามาฆ่ากินเสียนี่!”
                  เหลียนฟางโจวหัวเราะ “ท่านผู้อาวุโส อย่าได้เสียใจไปเลยนะ   ข้ารับประกันได้เลยว่าพี่คนงานตัวยักษ์ปักหลั่นพวกนั้น  พึ่งพาได้จริงๆสองวันนี้พวกเขาทำงานกันได้เยี่ยมยอดมาก   พวกเราประหยัดเวลาและความคิดไปได้ไม่น้อยเลย!  นับว่าคุ้มนัก!” 
                  “อืม...คุ้มจริงๆ!”  ปากป้าสามสบถรอดไรฟัน  ประชดอย่างไม่เห็นด้วย  ทั้งยังพ่นลมออกมาด้วยความโมโห  นางไม่เห็นจะรู้สึกว่าคุ้มค่าอันใดเลย
                  สุดท้ายป้าสามได้แต่ถอนหายใจเบาๆ “พอแล้วๆ  เจ้าพูดมาเสียยืดยาวขนาดนี้   แล้วข้าจะพูดอะไรได้เล่าแล้วพวกไก่น่ะ  จะฆ่าเลยไหม  เช่นนั้น..ก็ต้องต้มน้ำสักหม้อหนึ่ง  ด่วนจี๋เลย!” 
                  เหลียนฟางโจวพอเห็นสีหน้าป้าสามทั้งเสียดาย  ทั้งปวดใจ  จึงรู้สึกขำจนหลุดหัวเราะกิ๊กออกมา  จากนั้นเธอจึงจุดเตาไฟ   เอาน้ำมาเติมในหม้อต้ม   ทั้งยังเรียกเหลียนเช่อให้มาช่วยดูต่อ  ส่วนหญิงสาวคว้าตระกร้าไปเก็บเห็ดตากแห้ง
                  พอต้มน้ำจนเดือด    จึงไปเอาเห็ดตากแห้งแช่ในอ่างไม้
                  เหลียนฟางฉิงตรงเข้ามาช่วย  ยิ้มแป้นแล้วเอ่ยว่า “พี่ใหญ่   ยามนี้ข้าจะถอนขนหางไก่  เอาไปทำลูกขนไก่ได้หรือไม่?
      เรื่องนี้ไยจะทำไม่ได้เล่าเหลียนฟางโจวหัวเราะอนุญาต   และจะใช้น้ำร้อนลวกขนไก่  ก่อนจะให้น้องสาวถอนขนด้วย    เหลียนฟางฉิงดีใจ  ไชโยโห่ร้องทันที
        เด็กบ้านนอกคอกนา  ไม่ค่อยมีอะไรให้ความบันเทิงนัก  แค่มีเพียงมีดเล่มเล็กๆสักเล่ม  ไว้ลอกเนื้อไม้ไผ่ จนได้เส้นตอกไผ่   หรือจะเอาไม้ไผ่มาเหลาเป็นขลุ่ย  เอาไม้มาเหลาเป็นลูกข่าง  หรือเอาขนหางไก่มาทำเป็นลูกขนไก่     เท่านี้ก็ได้ของเล่นที่ดีมากแล้ว
เส้นตอกไผ่
ลูกขนไก่่จีน
                  อย่างไรก็ดี  ปีหนึ่งฆ่าไก่ได้แค่ 2 ตัว   การจะได้ขนหางไก่ตัวผู้ที่ยาวสลวยและมีสีสันสดใสเงางามมิใช่เรื่องง่าย   หากมีเด็กซุกซนไปจับไก่ตัวผู้ตัวโต  เพื่อถอนขนหางอันยาวสลวยสวยงามของมันมา  แน่นอน  มีทางเลือกแค่สองทาง  คือหนีให้พ้น   มิฉะนั้นก็ต้องโดนฆ่า 
             เห็นได้ชัดว่าเรื่องแบบนี้  เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อ  จะไม่ลงมือทำแน่
     ------------------------------------------------------------------------
    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ ^-^





    

15 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณค่ะ ภาพประกอบนเยายน่ารักมากค่ะเป็นกำลังใจให้นะค่ะ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณค่ะ...อ่านสนุกแล้วยังมีภาพประกอบด้วย ดีจังค่ะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณค่ะ เข้ามาหลายรอบ กำลังลุ้นว่าะอัพไม๊

    ขอบคุณที่สละเวลามาแปลให้อ่าน แถมยังหารูปประกอบที่เข้ากับเนื้อหาอีกด้วย ขอบคุณมากๆ ค่ะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณค่ะ///มีความสงสัยนางเอกเราปลูกฝ้ายเป็นจำนวนมากนางจะไปขายให้ใครเพราะดูเหมือนคนในประเทศนี้พรึ่งจะได้รู้จักกับฝ้าย

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณมากค่ะ...ทำงานอย่างมีความสุขกันทั้งบ้านเลย

    ตอบลบ
  6. มารอทุกวันเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะแปลดีมากเลยค่ะ

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณค่ะ ลูกขนไก่น่ารักจัง

    ตอบลบ
  8. งานนางล้นมือจริงๆ

    ตอบลบ
  9. ขอบคุณค่ะ. มีภาพประกอบด้วยช่วยให้เข้าใจมากขึ้นค่ะ

    ตอบลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ1 กันยายน 2560 เวลา 01:35

    ขอบคุณมากคะ

    ตอบลบ
  11. ไม่ระบุชื่อ2 กันยายน 2560 เวลา 13:07

    ขอบคุณมากค่ะ ชอบเรื่องนี้มาก แม้จะเฉื่อยๆไปบ้างแต่ก็สนุกดี ขอบคุณที่เสียสละเวลาแปลนิยายดีๆให้อ่านนะคะ ว่าแต่เมื่อไหร่แม่ทัพความทรงจำจะกลับมาคะนี่

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณค่ะ
    รอทุกวันเลย

    ตอบลบ
  13. ป้าสามคือทำกับข้าวทั้งสันเลย คนงานเยอะขึ้นเรื่อยๆ 555

    ตอบลบ