วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 127 คิดว่าตนเองถูกต้อง (1)

               ด้วยชุยเฉ่าซีเห็นแก่เหลียนฟางโจว    จึงพลอยนับถือเหลียนลี่ประหนึ่งญาติผู้ใหญ่ไปด้วย  ยามที่นั่งฟังลุงของหญิงสาวพูดพร่ำออกมา  ย่อมต้องให้หน้า  คอยตอบรับเออออห่อหมกเป็นระยะๆ  หาได้ขัดขวางการบรรยายสรรพคุณของชายอาวุโสกว่าไม่
                  ทำเช่นนี้..มิต้องสงสัยเลยว่ายิ่งช่วยกระพือความฮึกเหิมของเหลียนลี่ให้ลุกโชนขึ้น   ดวงตาของชายสูงวัยเปล่งแสงเจิดจ้า  ยิ่งพูดยิ่งออกรสออกชาติ
                  แรกๆชุยเฉ่าซียังพออดทนฟังได้    แต่พอเห็นเหลียนลี่ที่ยิ่งพูด ก็ยิ่งคล้ายจะพ่นถ้อยคำออกมาเป็นคุ้งเป็นแคว   ดูไม่มีทีท่าว่าจะหุบปากลงเสียที   ตัวชายหนุ่มเองชักเริ่มจะทนไม่ไหวขึ้นมาแล้ว

                  มิหนำซ้ำความง่วงงุนอย่างหนักจากไหนก็ไม่รู้   จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาโจมตีเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว   ขณะที่ชายตรงหน้าก็สามารถจริงๆ   เอ่ยยกยอตนเองได้ไม่รู้จักจบจักสิ้น    แล้วอย่างนี้เขาจะทำอย่างไรต่อไปดีเล่า?  
             ในหัวของชุยเฉ่าซียามนี้ครุ่นคิดคำนึงเพียงเหลียนฟางโจวเท่านั้น   หาได้สนใจสิ่งที่เหลียนลี่คุยโม้ไม่   ชายหนุ่มจำต้องกัดฟันฝืนฟังอย่างอดทน
        แต่เห็นได้ชัดว่า เหลียนลี่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจ้อ   พร้อมๆกับความอดทนของชุยเฉ่าซีใกล้จะมาถึงจุดสิ้นสุดเต็มที   ในที่สุดเขาไม่อาจฝืนทนทรมานได้อีกต่อไป  จึงเบนสายตาไปหาชุยอวี้
                  ชุยอวี้เองก็ฝืนทนฟังมานานพอแล้วเช่นกัน   แถมยังแอบส่งสายตาดูแคลนไปให้เหลียนลี่เสียหลายรอบ   พอได้รับสัญญาณจากสายตาของนายตนเองที่ส่งมา  อีกทั้งตนเองไม่มีกะจิตกะใจจะมองหาจังหวะเหมาะสมอีกแล้ว   จึงโพล่งขึ้นเสียงดังลั่น “คุณชาย!”  ยังผลให้การบรรยายเป็นต่อยหอยของเหลียนลี่สะดุดกึกทันที
   เสียงพูดหึ่งๆต่อเนื่องยาวนานของเหลียนลี่มลายไปสิ้น   ชุยเฉ่าซีลอบพรูลมหายใจด้วยความโล่งอก   รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น  ประหนึ่งโลกทั้งใบได้กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง   จึงจงใจชะโงกหน้า  พลางเลิกคิ้วมองชุยอวี้
                  เหลียนลี่ย่นหัวคิ้วเล็กน้อย  ค่อนข้างขัดใจนัก  ทว่าไม่กล้าตำหนิบ่าวรับใช้ผู้นี้ต่อหน้าชุยเฉ่าซี    จึงได้แต่ยิ้มแล้วมองตาม 
             “คุณชาย  อา... พวกเรารีบไปกันเถิด!  ยามนี้สายแล้ว  เราต้องเร่งรีบเดินทางกลับจวนสกุลชุยกันแล้ว!”  ชุยอวี้กระแอมขึ้นก่อนเปิดปากเอ่ย
             ชุยเฉ่าซีไม่สนเรื่องธรรมเนียมมรรยาทใดๆอีกต่อไปแล้ว   รีบลุกขึ้นยืน พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าลืมไปเลย  ท่านลุง ท่านป้า  ข้าคงต้องขอตัวก่อน!  ไว้คราวหน้าค่อยหาโอกาสมาเยี่ยมพวกท่านใหม่!”
             ในจังหวะหยุดไป  ชุยเฉ่าซีมิได้เอ่ยถึงชื่อเหลียนฟางโจวเลย    แม้ว่าเขาอยากพบหน้าเหลียนฟางโจวมากเพียงใด  ทว่า.. การมาถามหาหญิงสาว  ต่อหน้าญาติผู้ใหญ่ของนาง  เรื่องนี้  ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกัน!
             ชุยเฉ่าซีลอบถอนหายใจ    ให้หดหู่ผิดหวังเหลือจะกล่าว
             “นี่จะไปกันแล้วหรือ?”  เหลียนลี่ยังไม่อยากให้ชายหนุ่มจากไปตอนนี้   เขายังพูดสิ่งที่อยู่ในใจไม่หมดเลย   ก็จะไปกันแล้วหรือเขาฝืนหัวเราะ  พลางผงกศีรษะ  “ท่านคงมีธุระยุ่ง  ไม่ต้องสงสัยเลย!  เอาเถิด  ข้าไม่รั้งท่านไว้แล้ว!  ไว้คราวหน้าพวกเราค่อยคุยกันใหม่ ! ฮ่าฮ่าฮ่า”
             “ได้!  ได้!” ชุยเฉ่าซีรีบรับปากส่งๆ   พาชุยอวี้ออกจากเรือน  แล้วรีบควบม้าจากไปอย่างรวดเร็ว
        ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเค่อ  พวกเขาก็สลัดตัวหลุดพ้นมาได้สำเร็จ   ข้างฝ่ายเหลียนฟางโจว  อาเจี่ยน  และเหลียนเซ่อง่วนอยู่กับการตระเตรียมอาหารกลางวันให้คนงาน  โดยบรรจุลงในตระกร้าสานไม้ไผ่   แล้วยกขึ้นรถเกวียนเทียมลา  เร่งขับรถไปยังที่ดินที่ลานหิน   พลางพูดคุยหัวเราะกันไปตลอดการเดินทาง    
                  พอพ้นเขตหมู่บ้านต้าฟาง  ชุยเฉ่าซีอดหันไปมองข้างหลังไม่ได้   พลางพรูลมหายใจเบาๆ
                  นี่เรียกได้ว่ามาเสียเที่ยว   ชายหนุ่มไม่อยากจะยอมรับเลยจริงๆ!   ไม่อาจทำใจยอมรับได้เมื่อนึกขึ้นมา
                  ชุยอวี้ได้แต่นิ่งเงียบ  มิได้เอื้อนเอ่ยคำใด   ได้เพียงแต่กรอกตาไปมา   ในใจลึกๆอดนึกเห็นใจไม่ได้  ท่านชายช่างน่าสงสารนัก.......
                  หลังชุยเฉ่าซีจากไปแล้ว  เหลียนลี่และภรรยายังจมอยู่ในความตื่นเต้นมิคลาย 
        โดยเฉพาะเหลียนลี่  ถูไม้ถูมือเดินกลับไปกลับมาในเรือนไม่หยุด   บางครั้งก็หัวเราะฮาฮาออกมา    ดวงตาของเขาลุกโชน  เห็นแต่ภาพเงินทองมากองเป็นภูเขาตรงหน้า   ซ้ำยังรู้สึกว่าแทบจะเอื้อมคว้ามาอยู่ในมือได้จริงๆ   ไม่เห็นหรอกหรือ  ว่าคุณชายซูให้ความสำคัญกับเขามากมายเพียงใดตั้งใจฟังคำพูดเขาอย่างจริงจัง  พยักหน้ายิ้มให้เขาเรื่อยๆ!
                  “ไอ้หยา!  มาดูผ้าตัดเสื้อพวกนี้สิ  จุ๊ๆๆ  ทั้งนุ่มทั้งลื่นมือขนาดนี้   แถมเนื้อผ้ายังหนาอีกด้วย   ยังลายผ้านี่อีก   ทำออกมาได้เลอเลิศจริงๆ!   หากได้เอามาตัดชุดใส่นะ  ในหมู่บ้านนี้ ไม่มีใครเทียบพวกเราได้แน่!”  ฮูหยินเฉียวคว้าเอากล่องของขวัญที่ใหญ่ที่สุดออกมา  ข้างในมีผ้าตัดชุด  จึงเอามือลูบไล้ไม่หยุด   ทั้งตื่นเต้นดีใจนัก 
             นางแทบจะคอยไปแกะของขวัญกล่องอื่นๆที่เหลืออยู่ไม่ไหว   ส่วนใบชานั่นนางบอกไม่ได้หรอกว่าเป็นของดีหรือเลว  ทว่าใบชาบรรจุอยู่ในกระป๋องชาสีเงินแวววาว  ประดับด้วยลวดลายที่วาดไว้อย่างวิจิตรบรรจง  ก็คงจะบอกคุณภาพที่คัดสรรมาได้    แค่นี้ก็เพียงพอให้ฮูหยินเฉียวร้องกรี๊ดกร๊าดออกมาอย่างตื่นเต้นแล้ว
             ดอกไม้ผ้าไหมกลีบบางนั้นเล่า  ก็ทำให้นางแทบวางไม่ลง  อดไม่ได้ประเดี๋ยวก็หยิบปิ่นดอกไห่เถียนทำด้วยผ้า  สีแดงบ้าง  สีทองบ้าง ขึ้นมาประดับมวยผมตนเอง  ยกมือขึ้นลูบไล้  ยิ้มกว้างจนตาหยี

                  ซ้ำขนมกินเล่นนั่นเล่า   เห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเป็นของดีเยี่ยมมีราคาค่างวด  นางหยิบขนมรูปดอกกุหลาบสีแดงชิ้นหนึ่งที่แทบจะบางใสเข้าปาก  พอได้ลิ้มรสชาด  แทบไม่กล้ากลืนลงคอเลย 
                  เหลียนลี่หันไปมองภรรยาทีหนึ่ง  เห็นนางร่าเริงเบิกบาน   วุ่นวายหยิบโน่นดูนี่  ทำอะไรไม่ถูก  เมื่อได้พบได้เห็นของดีๆเหล่านี้    ใจเขาย่อมปลื้มปิติไปด้วย   ทั้งยังอดไม่ได้ขึงตาใส่ฮูหยินเฉียว  พลางเอ่ยว่า  “มองเสียตาแทบถลนเลยนะ  ไม่เคยเห็นของดีหรือไร!” 
        ฮูหยินเฉียวหัวเราะคิกคัก เอ่ยว่า “ตาแก่  ท่านพูดได้ถูกต้องนัก  ก็มันของดีๆทั้งนั้น  ข้าย่อมไม่เคยเห็นอยู่แล้ว!  ฮึ่ม...นังเด็กปีศาจฟางโจวขี้ตืดนั่น  คราวที่แล้วนางกลับมาจากจวนสกุลซู  คงจะนำของดีๆมามากมายเลยละสิ   ไม่แคล้วคงจะอึ้งตะลึงเหมือนข้า  ไม่ยอมส่งมาให้พวกเราบ้างเลย!  นังเด็กน่าตายช่างไม่เห็นญาติผู้ใหญ่อยู่ในสายตา!”
             ฮูหยินเฉียวเอาแต่ก่นด่าเหลียนฟางโจวถ่ายเดียว   ซ้ำไม่นำพาถึงเรื่องที่ชุยเฉ่าซีบอกไว้ชัดว่าของขวัญเหล่านี้  ต้องส่งให้บ้านเหลียนฟางโจวครึ่งหนึ่งด้วย
             เหลียนลี่แค่นเสียงเบาๆ เอ่ยว่า “นังเด็กนิสัยเสียเช่นนั้น   จะไปบ่นถึงนางหาอะไร!  ฮึ่ม ในภายภาคหน้าตราบใดที่เราเกาะสกุลซูได้    ไม่มีทางขาดแคลนของพวกนี้หรอก  เรื่องนี้นับเป็นอะไรได้!   พวกเราไม่ต้องเสียเวลาไปทุ่มเถียงกับนางหรอก!”
                  “ใช่!  ใช่! สกุลซูนั่นร่ำรวยอู้ฟู่จริงๆ!  คุณชายซูบอกว่าคราวหน้าจะมาเยี่ยมเราใหม่  ไม่รู้ว่าพวกเขาจะนำของมาฝากเราอีกเมื่อใด!  ข้าเห็นคุณชายซู กับตาแก่เช่นท่านพูดคุยเข้าขากันดีมาก   ดูคล้ายว่าเขาให้ความสำคัญกับท่านมากทีเดียวนะ!”  ใบหน้าฮูหยินเฉียวฉายแววตื่นเต้น เปล่งประกายเจิดจ้า  
                  เหลียนลี่หัวเราะชอบใจ  เอ่ยเสียงเนิบ “คุณชายซูช่างมีสายตากว้างใกลนัก!   ยามนี้สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือ   ไปยึดเงินที่สกุลซูหยิบยื่นให้นังเด็กน่าตายนั่นกลับมา!  เพียงเงินแค่เงินก้อนนั้น   ไม่แน่..ก็พอให้พวกเรามีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตแล้ว!”
                  ฮูหยินเฉียวถึงกับอึ้งกิมกี่   “ไม่ใช่หรอกกระมัง! เรื่องนี้ไหนเลยจะเป็นไปได้!”
                   “ไยจะเป็นไปไม่ได้เล่า?”  เหลียนลี่โพล่งขึ้น  “ เจ้าได้เห็นนางตอนนี้หรือไม่   แค่เมล็ดฝ้ายเป็นพันชั่ง  ยังน่าสงสัยไม่พออีกหรือ  ซ้ำยังที่ดินนั่นอีก  ซื้อทีเป็นพันหมู่  เงินตั้งมากเชียวนะ!  และถ้าข้าเดาไม่ผิด  ในมือนางยังมีเงินมากกว่านั้นอีกแน่....” 
                  ฮูหยินเฉียวพอได้ยิน  ถึงกับใจเต้นระส่ำไม่หยุด  ซ้ำยังเจ็บปวดใจไม่เลิกด้วย  คล้ายว่าเหลียนฟางโจวเอาเงินที่เดิมทีควรเป็นของนางไปใช้   “ไอ้หยา”  นางร้องครางด้วยความเสียใจ “ช่างน่าเสียดายอะไรเช่นนี้  เมื่อครู่ก่อน  น่าจะถามคุณชายซูแห่งบ้านสกุลซูว่าแท้จริงแล้ว  ให้เงินนังเด็กไปมากเท่าใด!”
                  เหลียนลี่พลันตระหนักขึ้นมาทันใด  พลางตบหน้าผากตัวเอง “ไอ้หยา” ร้องออกมาด้วยความเดือดดาล  “ทีแรกข้าควรพาคุณชายซูไปหานังเด็กน่าตายนั่น  คุณชายซูจะใด้ให้นังเด็กเวรนั่นเอาเงิน และโฉนดที่ดินที่ซื้อไปออกมาให้ดู  จริงๆเลย!  ข้ามัวแต่ตื่นเต้นดีใจ  เลยลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ไปเสียสนิท!”
        ผัวเมียคู่นี้ต่างย่ำเท้า บ่นออกมาด้วยความเสียดาย
                  เหลียนลี่เอ่ยอีกว่า “เคราะห์ดีนัก  ที่คุณชายซูฝากคำพูดเอาไว้  ว่าให้ข้าเข้ามาจัดการดูแลเรื่องธุรกิจฝ้ายนี้!”
                  ฮูหยินเฉียวที่ทีฮึกเหิมดีใจ   เพียงไม่นานก็อดเอ่ยด้วยความกังวลไม่ได้ “ถึงจะพูดอย่างนั้น  ถ้าหากว่า นังเด็กน่าตายนั่นมันปฏิเสธไม่ยอมเล่า  เราจะทำอย่างไรกันดี?
  
      -------------------------------------------------
       ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^-^

       ไปกันใหญ่แล้ว ลุงป้าคู่นี้   ส่วนพระรองมาหานางเอกครั้งนี้นอกจากจะนกแล้ว  ยังขาดทุนย่อยยับเลยทีเดียว   ซ้ำยังพาความซวยมาให้นางเอกด้วย  ภายหลังเจอหน้านางเอก คงจะโดนมิใช่น้อย




15 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณค่ะรอตอนต่อไปค่ะ

    ตอบลบ
  2. ดำเนินเรื่องช้าแต่สนุก

    ตอบลบ
  3. คุณชายมาทิ้งระเบิดแล้วก็จากไป จดใส่บัญชีแค้นฟางโจว

    ตอบลบ
  4. อย่าอ้วกใส่2คนนี้จริงแล้วนะเนี่ย เดือด!

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ14 กันยายน 2560 เวลา 15:50

    เมื่อไรจะผ่านสองผัวเมืยนี้ไปเสียที คลื่นไส้มากกกกก พระรองก็จริงๆเลย มิน่าถึงชวดก็เล่นเจอมนต์ดำเข้าไปนี่เอง

    ตอบลบ
  6. พระรองตาไม่มีแวว ก็จะวืดไปนาจาาาาา

    ตอบลบ
  7. มิน่าถึงนก...น่าจะส่งมาสืบความบ้านนางเอกก่อน
    น่าสงสารจริมๆ

    ตอบลบ
  8. ยิ่งอ่านยิ่งเกลียด ลุงกะป้านางเอก

    ตอบลบ
  9. โอ๊ยยยย อ่านแล้วหงุดหงิดสุดๆไปเลย พระรองก็นก โชคนี่ติดลบเท่าไหร่คะเนี่ย ทำไมไม่สืบเรื่องบ้านนางเอกก่อนมาซักหน่อยน้อ.. ส่วนลุงป้านี่ก็หื้มมม ฟ่ดาหวงฟยไย

    ตอบลบ
  10. ความซวยมาเยือนนางเอกโดยไม่ทันตั้งตัวจริงๆ ลุงป้าแกว่างหนักวันๆคิดแต่หาวิธีมาจัดการทรัพย์ของหลาน

    ตอบลบ
  11. อ่านแล้วคับแค้นใจจริงๆๆ

    ตอบลบ
  12. คิดจะมาเอาเงินจากฟางโจวเหลอฝันไปเถอะ

    ตอบลบ
  13. =_= จะสงสารรึยังไงดีเนี่ย ไม่แปลกใจถ้าฟางโจวจะเตะนายออกจากตัวเลือก วันหลังก็ดูให้มันดีๆหน่อยนะ จะได้ไม่แห้วขนาดนี้ หน้าก็ไม่ได้เจอ เรื่องไร้สาระก็ต้องฟัง เฮ้อ

    ขอบคุณผู้แปลนะคะ อ่านลื่นไหลมากเลยค่ะ

    ตอบลบ
  14. ไม่ระบุชื่อ17 กันยายน 2560 เวลา 18:44

    สนุกมากค่ะ ไม่รู้สึกเลยว่าเรื่องนี้น่าเบื่อ ขอบคุณผู้แปลอย่างมากที่กรุณาแปลเรื่องนี้ให้ได้อ่าน จะติดตามต่อไปนะคะ

    ตอบลบ
  15. นี่คงเป็น​ตัวละครที่มาสร้างปัญหา​ให้นางเอกละมั้ง​ โง่สมเป็น​พระรองจริงๆ​ ไม่สังเกตหรือสะกิดใจอะไรเล้ย

    ตอบลบ