วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 194 นายหญิงจ้าวหรูเชิญพบ 1


 “เสี่ยวเอ้อร์!! บะหมี่พวกข้าล่ะ ไฉนยังไม่ยกมาอีก..ห๊ะ? ข้าหิวแล้วนะ หิวจะตายอยู่แล้ว! หิวโว้ย! รีบมาให้ไวเลย!”  จู่ๆเหลียนเซ่อก็ตบโต๊ะดังเปรี้ยง  พลางร้องตวาดเสียงดังลั่นร้าน
“ว้าย” ซีเชวี่ยสะดุ้งโหยงร้องอุทานด้วยความตกใจ  ขณะนางกำลังเอามือลูบอกตนเองป้อยๆ  ได้หันไปค้อนตาขวับใส่เหลียนเซ่อคราหนึ่ง
เหลียนเซ่อจ้องหน้าท้าท้ายสาวใช้ผู้เย่อหยิ่งกลับ พลางสแยะยิ้มแยกเขี้ยวใส่
ซีเช่วี่ยเมื่อเห็นเช่นนั้น  ทำให้ความรังเกียจบนใบหน้านางเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ  หัวคิ้วของสาวใช้ตระกูลจ้าวขมวดมุ่นเป็นปม  เผลอขยับถอยหลังออกไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว

สาวใช้ผู้เย่อหยิ่งกำลังจะเปิดปากตอบโต้  เหลียนเซ่อพลันร้องตวาดขึ้นอีกเป็นคำรบสอง “เสี่ยวเอ้อร์  บัดซบนัก!  ยังไม่รีบยกมาอีกรึ!  พวกข้าหิวจนตาลายแล้วนะ!  ไหนยังจะต้องรีบไปทำธุระต่ออีกตั้งพะเรอเกวียน!”
ซีเชวี่ยลอบก่นด่าในใจ ไอ้พวกไร้การศึกษา  ครั้นแล้วจึงเอ่ยเร่งเร้าชายหนุ่มหญิงสาวตรงหน้าว่า “มะ...แม่นางเหลียน พี่เจี่ยน นายหญิงข้ารอพวกท่านไปคุยอยู่นะ  รีบเดินไปกับข้าเร็วเข้าสิ  อย่าปล่อยให้นายข้ารอนาน  รีบๆไปเร็วเข้า!”
ฉินเฟิงและซูจื่อต่างแลกเปลี่ยนสายตากัน   ชายทั้สองขมวดคิ้วนิ่วหน้า แอบรำพึงในใจว่า ดูท่าท่านเจี่ยนคงมิได้ผูกสมัครรักใคร่กับสาวใช้ตระกูลใหญ่ผู้นี้อย่างที่เคยทึกทักเอาไว้เสียแล้ว! สาวใช้นางนี้นี่ก็กระไร กิริยามรรยาทช่างสถุลสุดๆ!  ใครเป็นนายหญิงของนางกันนะ? คนอะไร ช่างเย่อหยิ่งจองหองนัก! แม่นางเหลียนและท่านเจี่ยนหาได้เป็นข้าทาสของตระกูลนางเสียหน่อย จะเชิญผู้อื่นไปทั้งที  มาทำท่าพูดจาจิกหัวคนแบบนี้ได้อย่างไร?  นับว่าแม่นางเหลียนและท่านเจี่ยนนี่ เป็นคนใจเย็นไม่เบา...
 “ข้าละอายใจจริงๆ”  เหลียนฟางโจวระบายยิ้ม  เอ่ยกับซีเชวี่ยอย่างสุภาพ “รบกวนแม่นางซีเชวี่ยไปแจ้งแก่นายหญิงจ้าวว่า  พวกข้ายังมีธุระต้องไปจัดการอีกมาก ช่วงนี้ท้องฟ้ามืดเร็ว ไหนยังจะต้องรีบเดินทางกลับบ้านอีก! มิหนำซ้ำ พวกข้าก็มิเคยติดต่อธุระอันใดกับนายหญิงจ้าว มาดว่าคงไม่มีเรื่องสลักสำคัญอันใดที่ต้องรีบเร่งเจรจา พวกข้าไม่ไปรบกวนนายหญิงจ้าวละกัน!”
ซีเชวียเมื่อได้ยินวาจาดังกล่าว ก็ตกตะลึงตาค้าง นางถลึงตาใส่เหลียนฟางโจว พลางตวาดแว๊ดออกมา “เจ้าพูดจาอะไรเนี่ย? นายหญิงข้าเรียกพวกเจ้าไปคุย พวกเจ้ากล้าไม่ไปรึ! เจ้ารู้หรือไม่ว่า มีแต่คนอยากเข้าพบนายหญิงข้าตั้งเท่าไร นายหญิงข้ายังปฏิเสธไม่สนใจ!  บุญหัวจ้าเท่าใดแล้ว ที่นายข้าเรียกเข้าพบเนี่ย!”
ใบหน้าเหลียนฟางโจวขรึมลง  หญิงสาวเปิดปากด้วยน้ำเสียงติดจะเย็นชา “นี่เจ้ากำลังสั่งสอนข้ารึ?”
ซีเชวี่ยแค่นเสียงเย็นใส่หญิงสาว
เหลียนฟางโจวเลิกคิ้วขึ้น “ข้ามีเหตุผล ประการแรก ข้าหาใช่บริวารของจวนสกุลจ้าว ประการที่สอง ข้าหาได้เช่าที่ดินของสกุลจ้าวทำนา ประการที่สาม ข้าหาได้เป็นหนี้เงินทองสกุลจ้าว เจ้าเป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่งของสกุลจ้าว  แต่กล้าบังอาจมาสั่งสอนข้ารึ! หึหึ  ข้าไม่รู้เลยว่า  สกุลจ้าวจะชอบใช้กำลังบังคับขู่เข็ญผู้อื่นด้วย!”
ยามนี้มีเสียงคนกำลังถกเถียงเสียงดังยกใหญ่ขึ้นที่นี่  แล้วอย่างนี้...บรรดาลูกค้าในร้านบะหมี่จะไม่สนใจเฝ้าดูได้อย่างไร?
เมื่อได้ยินที่เหลียนฟางโจวกล่าว บรรดาแขกทั้งหลายต่างอดกระซิบกระซาบกันไม่ได้  ถ้อยคำที่ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์กันนั้น หาได้ตำหนิซีเชวี่ยเพียงคนเดียว แต่ยังลามปามไปถึงตระกูลจ้าวด้วย
เพราะฐานะของตระกูลที่นางรับใช้อยู่นั้นสูงส่ง  ดังนั้นซีเชวี่ยจึงพลอยหยิ่งยะโสไปด้วย  ไม่ว่าจะอยู่ในจวนหรือนอกจวน  ไม่ว่าใคร เห็นนางหยาบคายใส่สามส่วน  ก็ยิ่งแสดงความนบนอบให้นางเพิ่มอีกสามส่วนทั้งสิ้น?
มิต้องพูดถึงเรื่องที่ผู้คนนบนอบให้เกียรตินางเลย  แม้แต่คนที่คอยเพียรประจบประแจงนาง เพื่อหวังผล นางก็มิเคยคนพวกนั้นเห็นอยู่ในสายตา!
ขนาดสาวใช้ยังหยิ่งจองหองปานนี้ แล้วตัวนายหญิงจะขนาดไหนเล่า? นายหญิงอยากพบผู้ใด ใครจะไม่ดีอกดีใจรีบคว้าโอกาสหมับหรอกหรือ?  ที่ผ่านๆมา ฝ่ายที่นางเรียกพบ ล้วนเป็นคนร่ำรวยมีเกียรติเท่านั้น  เพราะเหตุดังนี้  เมื่อนางให้เกียรติผู้ใดให้เข้าพบแล้ว? ผู้นั้นจะไม่ยอมไปพบได้อย่างไรกันเล่า!
สถานการณ์เช่นในวันนี้นั้น  นางเพิ่งเคยเจอกับตัวเป็นครั้งแรก
พอเห็นชาวบ้านต่างสุมหัวซุบซิบนินทากันและมองมาที่นางเป็นตาเดียว  ซีเชวี่ยก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความกระสับกระส่าย  หญิงสาวใบหน้าแดงก่ำ  อับอายจนโมโห  นางจึงชี้หน้าเหลียนฟางโจว พลางร้องตวาดใส่ “เจ้า..ช่างขวัญกล้านัก!  ถึงได้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
เพลานี้  มิต้องให้เหลียนฟางโจวพูดอันใดแล้ว  มีเสียงฮือฮาดังระงม  ด้วยแขกในร้านทุกคนต่างพากันส่ายหน้าถอนหายใจ
 “สกุลจ้าวนี่ช่างเผด็จการเอาเสียจริงๆ!”
 “ไม่ใช่แค่นั้นนา  แม้แต่สาวใช้ยังบ้าอำนาจ  คอยออกมากดขี่รังแกผู้อื่นในที่แจ้งเลย!”
 “ไหนยังจะเรียกผู้อื่นไปคุยอีก  หากเขาทำงานให้จวนตระกูลจ้าว ก็ว่าไปอย่าง?”
 ฮิฮิ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เหตุใดนายหญิงจ้าวอายุปูนนี้แล้ว ถึงยังมิได้แต่งออกเรือนไปเลย...”
 “ก็อย่างว่าแหละ ใครจะกล้าเอาเล่า!”
ซีเชวี่ยไม่เพียงหน้าตาแดงก่ำ  ซ้ำยังมีน้ำตาคลออยู่ที่สองหน่วยตาอีกด้วย หญิงสาวกรีดร้องเสียงดัง “พวกเจ้า...หุบปากเดี๋ยวนี้นะ! ข้าบอกให้หุบปากไง!”
 “เกิดอันใดกันขึ้นนี่? นายหญิงใช้ให้เจ้ามาเชิญคนสองคน ไยถึงได้หายไปนานขนาดนี้?”  เสียงบ่นของฟู่เหรินวัยกลางคนผู้หนึ่งดังแหวกอากาศเข้ามา
ทุกคนมองออกไปนอกร้าน  ปรากฏภาพฟู่เหรินเกล้าผมมวยแบน เสียบปิ่นเงินทรงสี่เหลี่ยมและปิ่นหยกเขียวที่มวยผม  ลักษณะรูปร่างสันทัด สวมชุดเสื้อติดกระดุมแขนแคบยาวสีแดงพุทราค่อนข้างใหม่เอี่ยม และกระโปรงผ้าไหมจับจีบสีแดงเข้ม  สตรีผู้นั้นมีใบหน้ายาวหน้าผากสี่เหลี่ยม ดวงตาเรียวยาว สายตาอันเครียดขมึงจับจ้องทะลุผ่านเข้ามาในร้าน  เมื่อเห็นแวบแรก สตรีผู้นั้นคือแม่นมผู้เจนจัด มีอำนาจจัดการงานภายในของจวนตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง
 “แม่นมซุน ท่านมาพอดีเลย!”  น้ำเสียงของซีเชวี่ยคล้ายโล่งใจ  สาวใช้เพียงกระพริบตาถี่ๆ น้ำตาก็ไหลรินออกมาจากหน่วยตา  หญิงสาวรีบสืบเท้าตรงเข้าไปหาฟู่เหรินผู้นั้น พลางคร่ำครวญว่า “นังหญิงบ้านนอกไม่รู้ดีรู้ชั่ว ไม่เพียงไม่ยอมไป  นางยังมาดูถูกเหยียดหยามข้าอีก!  มิหนำซ้ำยังลามปามดูถูกไปถึงจวนสกุลจ้าวของพวกเราด้วยเจ้าค่ะ!”
คิ้วของแม่นมซุนเลิกสูง  ดวงตาคมปลาบ จับจ้องเหลียนฟางโจวเขม็ง
เหลียนฟางโจวแย้มยิ้มบางคราหนึ่ง  สีหน้านิ่งสงบ  จ้องแม่นมซุนกลับ
แม่นมซุนชะงักไปนิดหนึ่ง  พลางสาวเท้าเข้าไปหาเหลียนฟางโจวด้วยใบหน้ามีคิ้วขมวดมุ่น ครั้นแล้วจึงเอื้อนเอ่ยขึ้นว่า “แม่นางเหลียน  ไยเรื่องถึงเป็นเช่นนี้?”
 “ท่านนี้คือแม่นมซุนใช่หรือไม่?  ท่านคิดว่าข้า...หญิงบ้านนอก จะไร้เหตุผล และขวัญกล้าเทียมฟ้าเช่นนั้นรึ?”  เหลียนฟางโจวอยากจะเอ่ยตอบอีกหลายคำ แต่แล้วก็ลังเล  จึงได้แต่ฝืนยิ้มอย่างนึกปลง
อาเจี่ยนได้ช่อง  จึงเอ่ยตามมาอย่างมาชัดถ้อยชัดคำ “ต่อให้พวกเราพูดอันใดไป เกรงว่าท่านคงไม่เชื่อด้วยซ้ำ  มิสู้ขอให้ทุกท่านในที่นี้ได้เป็นผู้เล่าว่าเมื่อครู่เกิดเรื่องราวอันใดขึ้นบ้างดีหรือไม่!”
บรรดาผู้คนทั้งหลายจะไม่ชอบจุ้นเรื่องของชาวบ้านได้อย่างไร?  นี่คือโอกาสทอง ที่จะได้แสดงออกถึงอุดมการณ์รักความยุติธรรมอันหาได้ยากยิ่ง   ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ จะได้ถือโอกาสระบายความคับข้องใจที่โดนจวนสกุลจ้าวกดขี่อยู่เนืองๆ  นี่ไม่ใช่เวลาแห่งความสะใจหรอกหรือ?  ตามปกติการให้ทำเรื่องพวกนี้  พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
แทบจะทันทีที่สิ้นเสียงอาเจี่ยน  แขกทุกคนในร้านต่างพากันเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างอึงคะนึง  ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วคงหลีกเลี่ยงการใส่สีตีไข่เพิ่มเข้าไปไม่พ้น  ทุกคนล้วนพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าซีเชวี่ยเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน
ใบหน้าซีเชวี่ยประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวขาว  สาวใช้ตระกูลใหญ่คอยร้องตวาดว่าพวกชาวบ้านพูดจาเหลวไหลไม่ได้หยุด   ทว่าถ้อยคำจากปากของเธอผู้เดียว ไหนเลยจะแข่งกับคนเป็นอันมากได้?  หญิงสาวน้ำตาคลอหน่วยตาด้วยความหวาดหวั่น  สุดท้ายจำต้องหุบปากลง  มีเพียงน้ำตาที่พรั่งพรูเป็นสายไหลรินออกมา  ขณะที่สองตาจับจ้องอาเจี่ยนด้วยแววตาตัดพ้อและระทมขมขื่นอย่างหาใดเปรียบ
อาเจี่ยนย่อมสังเกตเห็นสีหน้าเช่นนี้ของซีเชวี่ยในที่สุด  ชายหนุ่มให้นึกเอือมระอาในใจ และแล้วจึงหันหน้าหนีด้วยความชิงชัง
เมื่อเหลียนเซ่อเห็นเหตุการณ์เข้า  ก็ให้รู้สึกรำคาญไปด้วย เด็กหนุ่มเลยร่วมผสมโรงร้องตะโกนเล่าไปพร้อมกับฝูงชน “ยาโถวนางนี้เป็นคนของสกุลจ้าวของท่านใช่หรือไม่?  นางเอาแต่จ้องบุรุษตาเป็นมันเช่นนี้ได้อย่างไร!
ซีเชวี่ยทั้งอับอาย ทั้งโกรธแค้นระคนกระอักกระอ่วน  ขณะหูของสาวใช้ได้ยินเสียงอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์ แต่สมองกลับว่างเปล่า ไม่รับรู้อันใดมาตั้งแต่แรกแล้ว
กระทั่งเสียงร้องตะโกนของเหลียนเซ่อนี้ด้วย นางก็ยังไม่ได้ยิน  นางได้ยินแต่เพียงเสียงดังหึ่งๆ  สองตาเอาแต่จับจ้องอาเจี่ยนด้วยดวงตาร้าวราน
ทุกคนในที่นั้นเมื่อได้ฟังแล้ว  ต่างอดหันไปมองสาวใช้นางนั้นไม่ได้  ผู้คนพลันระเบิดหัวเราะดังก้อง  ทั้งหมดต่างพูดอะไรต่อมิอะไรออกมาจนฟังไม่ได้ศัพท์
 “เจ้า..ยาโถวนางนี้ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่วเลยจริงๆ!”  แม่นมซุนหน้าซีดด้วยโทสะ  ตรงเข้าไปลากซีเชวี่ยแล้วเอ่ยตำหนิ “นายหญิงสั่งเจ้าให้มาเชิญคน เจ้าดันมาทำอวดเบ่ง ใครให้เจ้ากล้ากัน!  ช่างไม่รู้จักสำนึก  แน่ะ..ยังมาทำจ้องบื้ออะไรที่นี่! รีบไปขอโทษแม่นางเหลียนและคุณชายเจี่ยนเร็วเข้า!”
แม่นมซุนไหนเลยจะไม่เกิดโทสะ?  หากอาเจี่ยนไม่รีบเอ่ยถ้อยคำพวกนั้นออกมาเสียก่อน  นางคงได้แล่นตามซีเชวี่ย แล้วเอ่ยตำหนิเหลียนฟางโจวไปยกใหญ่  ลงท้ายคงจะต่อรองอันใดกับหญิงสาวไม่ได้อีก  แล้วภายหลังจะเชิญเหลียนฟางโจวกับอาเจี่ยนไปได้อย่างไร   นางทำเช่นนี้เพื่อว่า จะได้ไม่มีคนมาฟื้นฝอยหาความจริงของเรื่องนี้อีกครั้งในภายหลัง สุดท้ายยังเป็นการรักษาหน้าตาของจวนสกุลจ้าวไว้อีกด้วย
ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้  ยามที่ซีเชวี่ยกล่าวหาเหลียนฟางโจว  นางไม่เพียงไม่ตำหนิเหลียนฟางโจว  ซ้ำยังช่วยยาโถวบ้านนอกด่าว่าซีเชวี่ยอีกต่างหาก!
--------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^

20 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณค่ะ งานนี้สาวใช้ซีเซวี่ยตายแน่ๆรอบสองละที่นางทำเกือบเสียเรื่อง

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณ ค่ะ ที่สละเวลามาแปลให้

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ25 กันยายน 2561 เวลา 16:41

    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  4. นึกว่าฟางโจวจะไม่ตอบโต้ซะแล้ว

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณค่ะ ค้างงง อยากอ่านต่อมากกกก

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณคะ...นึกจินตยาการหน้าซีเซี่ยะแล้วทำให้นึกขำ...555

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณค่ะ อย่าบอกนะ นายหญิงก็อยากได้อาเจี่ยนเป็นสามี

    ตอบลบ
  8. สนุกค่ะสนุกทุกตอนไม่เบื่อเลยขอบคุณไรท์นะคะ

    ตอบลบ
  9. บ้านนี้จะใหญ่แค่ไหนเชียว ชิ

    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  10. สาวใช้คนนี้ต้องหน้าตาน่ารักแน่ๆ

    ตอบลบ
  11. ขอบคุณค่ะยากรู้แม่นางจ้าวนี่ใช่คู่แข่งที่จะมาแย่งอาเจี่ยนจากฟางโจวในแบบอยากได้เป็นสามีหรือเปล่า

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. พอดีอ่านสแกน ข้ามๆค่ะ ดูเหมือน ตัวละครนี้ จะแข่งขันชิงดีชิงเด่น กับนางเอกในเรื่อง การทำธุรกิจมากกว่า และตอน 196 พอพบกัน ดูจะไม่สนใจพระเอกด้วย่ค่ะ เอาเป็นว่านางเล่นงานนางเอกแรงมาก ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

      ลบ
  12. ขอบคุณ​แอดมากนะคะ

    ตอบลบ
  13. ขอบคุณค่ะ
    มวลชนไม่ว่าชาติไหน ก็ล้วนนิยมจุ้นเรื่องของชาวบ้านเสมอ ๆ

    ตอบลบ
  14. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  15. คนใช้ยังขนาดนี้ เจ้านายจะขนาดไหนเนี่ย

    ตอบลบ
  16. พอดีเห็นมาหลายตอนแล้วค่ะ​ คือสงสัยว่าคำว่า​ มรรยาท​(มัน-ยาด)​คือคำว่า​ มารยาท(มา-ระ-ยาด)​มั้ยคะ

    ตอบลบ