คนทั้งบ้านเหลียนฟางโจวตื่นนอนกันแต่เช้ามืด ทุกคนแต่งกายในชุดใหม่เอี่ยมสีสันสดใส
ต่างพูดคุยหัวเราะกันไม่หยุด
พอกินมื้อเช้าที่เตรียมอย่างง่ายๆเสร็จ
พวกเขาจึงเริ่มติดกระดาษคำกลอนคู่ แขวนโคมสีแดง เนื่องจากทุกๆบ้านต่างแขวนโคมแดง
ติดกระดาษคำกลอนคู่สีแดงเพลิง คำอวยพร และภาพวาดเทศกาลปีใหม่ เพียงพริบตาเดียว ทุกหนแห่งในหมู่บ้านดูคล้ายเปลี่ยนไปจากเดิมลิบลับ
ทำให้เห็นบรรยากาศเฉลิมฉลองรื่นเริงรายล้อมรอบตัว
ทำให้เห็นบรรยากาศเฉลิมฉลองรื่นเริงรายล้อมรอบตัว
โดยทั่วไปหลังกินมื้อเช้า และติดกระดาษคำกลอนคู่เสร็จแล้ว แต่ละบ้านจะเริ่มทำอาหารมื้อเย็นสำหรับวันสิ้นปีเพื่อกินกันในครอบครัว
เป็นธรรมดาที่การกินอาหารมื้อเย็นสำหรับวันสิ้นปีจะเริ่มเร็วกว่าอาหารมื้อเย็นตามปกติ
โดยจะเริ่มกินมื้อเย็นกัน ราวๆปลายยามเซิน(13:00-15:00 น) หลังมื้อเย็นผ่านไปแล้ว พวกผู้ใหญ่ก็จะพากันไปพบปะสังสรรค์กับบรรดาญาติสนิทมิตรสหาย
ส่วนเด็กๆก็ชวนกันไปเล่น ในหมู่บ้านจะคึกคักไปด้วยเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวมีชีวิตชีวา
ถึงจะมีการตรียมการมาตั้งแต่เช้า
ทว่าเนื่องจากในวันนี้ กับข้าวที่จะทำในมื้อนี้มีมากมายเป็นพิเศษ อีกทั้งยังหรูหราปราณีตนัก
ดังนั้นจึงต้องใช้เวลามากขึ้นเป็นเงาตามตัว
คนทั้งบ้านพากันยุ่งหัวหมุนเดินขวักไขว่ไปมาไม่หยุด เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะดังให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลา
บรรยากาศดูคึกคักยิ่งนัก
ส่วนกับข้าวสำหรับมื้อเย็นนี้ เหลียนฟางโจวได้ปรึกษาหารือกับอาสามจนได้ข้อสรุปเมื่อสามวันก่อนหน้า
กับข้าวที่จะทำก็มี ขาหวงหยางตุ๋น กุนเชียงนึ่ง
ปลาหลี่ราดซอสเปรี้ยวหวาน หมูสามชั้นนึ่งผักกาดดองแห้ง ไก่ผัดหน่อไม้เห็ดหอม
ซี่โครงหมูผัดซอสเต้าเจี้ยว เต้าหู้ยัดไส้
ฟักยัดไส้ มีการเตรียมผักสีเขียวหลายชนิด ผักกาดขาว ฮ่วยซัว ฟองเต้าหู้ วุ้นเส้น ตับหมู เซี่ยงจี๊ เนื้อแดงและส่วนประกอบอื่นๆพักไว้ด้วย
โดยตั้งใจทำเป็นหม้อไฟลวกจิ้มในน้ำแกงกระดูกแพะกินกันเย็นนี้ จะได้กินอาหารที่ปรุงสดร้อนๆ เพราะในฤดูหนาวกับข้าวต่างๆที่ปรุงมาจะเย็นชืดเร็วนัก
ปลหลี่ราดซอสเปรี้ยวหวาน |
หมูนึ่งผัดกาดดองแห้ง |
ปลาหลี่นั้นเมื่อวานได้ถูกเอาไปคลุกเคล้าแป้งนำไปทอดทั้งตัวแล้ว
หลังนำไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษพร้อมไก่ต้มแล้ว จึงนำมาปรุงเป็นกับข้าว
สำหรับหมูนึ่งนั้น ตอนเชือดหมูเมื่อวานซืน
ได้บรรจงแล่ก้อนเนื้อหมูสามชั้นชิ้นที่ดีที่สุดเอามาทำ จากนั้นจึงเอาเนื้อหมูดังกล่าวมาล้างให้สะอาดเกลี้ยงเกลา
คลุกผงเครื่องเทศห้าชนิด หมักพร้อมเกลือ หลังหมักจนได้ที่แล้ว จึงนำก้อนหมูที่ทาน้ำผึ้งที่ผิวจนทั่ว
ไปทอดในกะทะ แล้วกลับก้อนหมูไปมาหลายๆครั้งจนเหลืองสวย
และแน่ใจว่าก้อนหมูนั้นแห้งหนังกรอบไม่มีไขมันและน้ำมันเหลืออยู่ พอถึงวันนี้จึงเอาผักดองแห้งที่ซอยบางๆมารองจาน
แล้วเอาก้อนหมูที่หั่นเป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกเต๋ามาวางข้างบน
นำไปนึ่งจนได้กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่ว
สำหรับการทำเต้าหู้ยัดไส้และฟักยัดไส้นั้น วัตถุดิบที่ใช้ทำเป็นไส้ยามนี้ได้ถูกสับจนละเอียดแล้ว
เหลียนฟางโจวกับอาสามช่วยกันทำไส้ไว้สามชนิด ไส้สองชนิดแรกมีเนื้อหวงหยาง
และเนื้อสันคอหมูเป็นส่วนประกอบหลัก แล้วใส่กระเทียมและคึ่นไช่สับละเอียดลงไปเล็กน้อย
ส่วนไส้ที่เหลือเป็นผักกาดขาว วุ้นเส้น ฟองเต้าหู้ และผักอื่นๆเป็นส่วนประกอบหลัก
เติมเนื้อลงไปเล็กน้อยเพื่อชูรส
ซี่โครงหมูผัดซอสเต้าเจี้ยว |
ฟักยัดไส้หมู |
เหลียนฟางโจวและอาสามแต่ละคนยุ่งวุ่นวายมิหยุดหย่อน
โดยเหลียนฟางฉิงคอยป้วนเปี้ยนเข้ามาช่วยเป็นลูกมือเป็นครั้งคราว
มีเพียงอาเจี่ยนเท่านั้นที่ไม่ได้แตะงานในครัวกับใครเขา
พอให้อาหารพวกวัวกับลาเสร็จแล้ว ชายหนุ่มจึงเข้ามานั่งอุ่นตัวในบ้าน
มองดูคนที่เหลืออย่างสบายอารมณ์ด้วยใบหน้าระบายยิ้ม
ไก่ผัดหน่อไม้เห็ดหอม |
หลังพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษผ่านไปแล้ว จึงได้ฤกษ์ประกอบอาหารอย่างเป็นทางการ โดยเอาไก่ต้มมาสับเป็นชิ้นๆ เอาปลาหลี่ลงไปทอดอีกครั้ง ต่อมาจึงเอากระทะที่มีน้ำมันทอดปลามาทำซอสเปรี้ยวหวาน
ซี่โครงหมูหมักเกลือและซอสเต้าเจี้ยวข้น กำลังรอลงผัดในกระทะ ส่วนน้ำแกงกระดูกแพะ ก็ตุ๋นมานานจนได้ที่แล้ว
ฟักยัดไส้และหมูสามชั้นนึ่งผักกาดดองแห้งก็กำลังนึ่งอยู่ในซึ้งนึ่งแยกชั้นกัน
หม้อไฟ |
รอจนกับข้าวทุกอย่างทำเสร็จ และจุดประทัดแล้ว ถึงจะลงมือรับประทานอาหารได้
แต่แล้วเหลียนไห่ได้มาเยือนถึงบ้านอีกครา
เขายิ้มแย้มและกล่าวอวยพรปีใหม่ และเข้ามาสนทนาเปี่ยมไมตรีจิตกับเหลียนฟางโจวพี่ใหญ่
และเหล่าน้องๆเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินเข้ามากระซิบถามเหลียนฟางโจวว่านางอยากกินมื้อเย็นฉลองวันสิ้นปีด้วยกันอย่างครึกครื้นหรือไม่?
หากพิจารณากันโดยทั่วไป เหล่าพี่น้องบ้านเหลียนฟางโจวต่างกำพร้าบิดามารดา
สมควรที่สองครอบครัวจะร่วมรับประทานอาหารเย็นของวันสิ้นปีด้วยกัน ทว่าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ขัดแย้งระหว่างบ้านสกุลเหลียนสายหลักและสายรอง
คิดว่าไม่จำเป็นเลย
หากได้เผชิญหน้ากับเฉียวชื่อ
เหลียนฟางโจวเชื่อแน่ว่าเหล่าน้องๆของเธอทั้งหมด คงจะพาลกินอะไรไม่ลง ซ้ำคงไม่ได้ฉลองวันขึ้นปีใหม่ คงมีแต่ความทุกข์ไม่สบายใจมาแทน
หญิงสาวจึงบอกปฏิเสธอย่างสุภาพนิ่มนวลด้วยรอยยิ้ม
เหลียนไห่รู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว เดิมทีเขาก็คาดการณ์อยู่แล้วว่าจะผลจะออกมาเช่นนี้
ชายหนุ่มจึงระบายยิ้ม แล้วกล่าวชักชวนอีกสองสามคำพอเป็นพิธี
ครั้นแล้วจึงแค่บอกว่าหลังกินมื้อเย็นที่บ้านเสร็จ
ตนเองจะเข้ามาสนทนาปราศรัยกับพวกเขาอีกที เหลียนฟางโจวย่อมยินดีต้อนรับ
ขณะกำลังรอทยอยเอาอาหารวันสิ้นปีออกมาจากกะทะและหม้อหมดทุกจาน ก็ได้ยินเสียงประทัดดังขึ้นในหมู่บ้านจากทุกทิศทางเป็นระยะๆ ดูท่าเวลามื้อเย็นของแต่ละบ้านจะเริ่มขึ้นพร้อมๆกันเสียแล้ว!
เหลียนฟางโจวจึงร้องสั่งเหลียนเซ่อซึ่งรอท่าอยู่แล้วด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เร็วเข้า รีบไปเอาประทัดพวงใหญ่ที่บ้านเราซื้อมาออกมาเร็ว! พวกเราควรจุดประทัดกันได้แล้ว!”
นี่คือของที่บรรดาเด็กผู้ชายโปรดปรานเป็นที่สุด
เหลียนเซ่อและเหลียนเช่อต่างร้องรับคำสั่งกันเสียงดังฟังชัด พวกเขาเอาประทัดพวงใหญ่ที่เตรียมไว้เนิ่นนานแล้วมาจับแขวนอย่างว่องไว
แน่ล่ะเหลียนฟางโจวย่อมรู้สึกวางใจ เมื่อกันพวกเขาให้มายืนห่างๆ จากนั้นหญิงสาวจึงจัดวางสายประทัดสีแดงสดวางพาดบนพื้นจนแล้วเสร็จ
อาเจี่ยนจึงถือธูปที่ติดไฟยื่นเข้าไปแตะที่ปลายสาย
เสียงประทัดดังลั่นสนั่นปังๆไปทั่วทั้งบริเวณลานบ้าน
เศษประทัดสีแดงสดสาดกระจายไปทั่ว ควันและกลิ่นดินปืนฟุ้งกระจายเต็มไปหมด เหลียนฟางฉิงยกมืออุดหูแล้วโถมตัวเข้าสู่อ้อมกอดของเหลียนฟางขณะหัวเราะคิกคักไปด้วย
ฝ่ายเหลียนเซ่อ และเหลียนเช่อซึ่งยืนดูอยู่ข้างๆเป็นนาน
รอจนเสียงประทัดที่ดังต่อเนื่องสงบลงแล้ว พวกเขาจึงพากันไปเก็บประทัดอันที่เหลือรอดไม่ติดไฟเอามาจุดเล่นกันต่อ
มีเสียงประทัดดังลอดเข้ามาในรั้วบ้านอีกหลายๆครั้ง
ทั่วทั้งหมู่บ้านมีเสียงประทัดดังขึ้นแล้วเงียบ
แล้วดังขึ้นอีกสลับไปมาอย่างต่อเนื่อง
นี่คือช่วงเวลาที่คึกคักมีชีวิตชีวาที่สุดของปีเลยทีเดียว
“เอาล่ะ เอาล่ะ! มั่งคั่งโชคดี! มั่งคั่งโชคดี! ทุกคนรีบกลับเข้าเรือนได้แล้ว ถึงเวลากินข้าวแล้วนะ !” อาสามหน้าตายิ้มแย้มหัวเราะร่า เลื่อนสายตากวาดมองเหลียนเซ่อและเหลียนเช่อที่ยังอิดออดเล่นอยู่บนพื้น
นางเหลือบมองพวกเขาแวบหนึ่งพลางกล่าวขึ้นอย่างหงุดหงิด
“รีบกลับเข้าเรือนไปกินมื้อเย็นก่อนเถอะ ประทัดพวกนี้มันยังรอให้พวกเจ้าไปเก็บได้อีก ไม่มีทางงอกขาแล้วเดินหนีไปไหนแน่! แถมฟ้ายังไม่มืดเสียหน่อย!”
พอกล่าวจบทุกคนก็หัวเราะกันครืน แล้วพากันเดินกลับเข้าเรือนไปด้วยกัน
“ฟางโจว! อาสาม! พวกเจ้ายังไม่ได้กินข้าวกันใช่ไหม!” ป้าจางกับหลี่จวนผู้เป็นบุตรสาวเดินยิ้มแฉ่งเข้ามาจากข้างนอก
“ป้าจาง! อาจวน! “ เหลียนฟางโจวร้องทักทันที แล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “กำลังเตรียมจะกินกันพอดีเลย! แล้วพวกท่านล่ะ?”
“อ้อ นับว่าพวกข้ายังไวอยู่!” ป้าจางระบายยิ้ม ในมือหิ้วตระกร้าใบหนึ่งมาด้วย
แล้วจึงเอ่ยแย้มยิ้ม “ข้าทำกับข้าวมาหลายอย่างมาให้พวกเจ้า เลือกมาแต่กับข้าวที่พวกเจ้าไม่ได้ทำ
! เนี่ยเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆมาให้พวกเจ้าลองชิมดู!”
เหลียนฟางโจวและอาสามรีบขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม แล้วเชิญทั้งสองคนเข้าไปในเรือน
อาสามจึงไปเอาตักกับข้าวในครัวใส่ชามพร้อมทั้งนำชามเปล่าออกมา
สองครอบครัวที่มีสัมพันธภาพอันดี มักจะทำเช่นนี้กันบ่อยๆ
ป้าจางเปิดฝาตระกร้า แล้วเทอาหารทั้งหมดในตระกร้าลงในชามเปล่าหลายใบที่อาสามนำมาให้
มีหมูชุบแป้งทอด หมูสามชั้นผัดผัก กระเพราะหมูหนึ่งพร้อมเครื่องในอื่นๆ
ส่วนเหลียนฟางโจวก็เอาชามที่มีเต้าหู้ยัดไส้เป็นอันมาก และซี่โครงหมูผัดซอสเต้าเจี้ยววางลงในตระกร้าให้ป้าจาง เมื่อสนทนาปราศรัยด้วยรอยยิ้มอีกสองสามประโยค
ป้าจางและบุตรสาวจึงขอตัวกลับ
อีกสักประเดี๋ยว เหลียนไห่ก็นำกับข้าวมาส่งอีกคน
มีขาหมู เนื้อขาหมูรมควัน รวมทั้งไข่ยัดไส้
เหลียนฟางโจวส่งยิ้มกล่าวขอบคุณ แล้วเอากับข้าวสองสามอย่างที่เท่าเทียมกันใส่ในตระกร้าให้เหลียนไห่เอากลับไป
เพียงแต่
บรรยากาศที่ได้แลกเปลี่ยนข้าวทั้งสองฝั่งนั้นแตกต่างกันลิบ เหลียนฟางโจวไม่ได้นึกหรือตระหนักเลยว่ายามที่เหลียนไห่เอากับข้าวมาส่ง
สีหน้าของเฉียวชื่อบึ้งตึงมากเพียงไหน จะกล่าววาจาไม่น่าฟังออกมามากเท่าไร
หากลุงใหญ่และป้าใหญ่มีแก่ใจจะส่งกับข้าวมาให้จริงๆ ผู้ที่เอามาจะต้องเป็นเฉียวชื่อ หาใช่เหลียนไห่ไม่
ทว่าหากเพียงต้องการประสบแต่โชคดี ก็ไม่ควรให้เฉียวชื่อมา
หาไม่แล้ว คงได้มีผลกระทบกับบรรยกาศการเฉลิมฉลองปีใหม่ทั้งหมด
เช่นนั้นให้ถือเสียว่า เมื่อไม่ได้ยินทุกอย่างย่อมดีทั้งนั้น
ยามนี้ก็ไม่มีเรื่องอันใดให้ทำอีก สมาชิกทุกคนในบ้านต่างอบอุ่นร่างกายโดยนั่งล้อมวงรอบโต๊ะและเริ่มรับประทานมื้อเย็นกันอย่างครึกครื้นเฮฮา
การรับประทานอาหารที่วางรายรอบบนโต๊ะกลมในวันนี้
หมายถึงการได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ขาโต๊ะที่รับน้ำหนักพื้นโต๊ะรูปวงกลม
แท้จริงเป็นโครงสี่เหลี่ยมสองอันที่เอามาประสานกันเป็นแฉกสี่ด้าน บนโต๊ะตรงกลางมีฝาไม้กระดานรูปวงกลมขนาดเท่ากับก้นอ่างล้างมือวางอยู่
ซึ่งเปิดออกได้ แล้วเอาเตาเล็กๆวางลงไปบนช่องซึ่งจะวางอยู่เหนือจุดประสานของโครงฐานสี่เหลี่ยมเหล่านั้นพอดี เมื่อวางเสร็จ เตาเล็กๆนั้นจะอยู่ในระนาบพอดีกับพื้นผิวโต๊ะ
เมื่อตั้งหม้อน้ำแกงบนเตานั่น ก็จะไม่สูงเกินไป
ในเตานั้นใส่ถ่านแดงร้อนลงไป น้ำแกงกระดูกแพะที่อยู่ในหม้อใบเล็กก็จะเดือดตลอดเวลา
หม้อไฟนั้นล้อมรอบด้วยกับข้าวทุกอย่างที่เอามาจัดวางเรียงบนโต๊ะ นอกจากนี้เหลียนฟางโจวยังตั้งใจเปิดสุราสองไห
ไหหนึ่งเป็นสุราที่อาเจี่ยนอยากลิ้มลอง อีกไหคือสุราผลไม้ที่ซื้อมาจากสวนผลไม้บ้านสกุลหลิน
------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^
ของคุณค่ะทั้งบรรยายและมีภาพประกอบด้วยได้ความฟินมโนถึงรสชาติอาหารเลย น้ำลายแทบหกด้วยความอยาก ฮี่...ฮี่...
ตอบลบชอบบรรยากาศปีใหม่
ตอบลบอ่านไปน้ำลายสอไปด้วยเลยค่ะ
ตอบลบบรรยากาศแบบนี้อบอุ่นมากๆเลยค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ
ตอบลบไรท์แปลได้ดีมากๆๆๆๆเห็นถึงบรรยากาศเทศกาลฉลองปีใหม่เลยอ่านไปยิ้มไปค่ะเหมือนเข้าไปอยู่บ้านฟางโจวด้วยเลย
ตอบลบเห็นรูปประกอบแล้วหิวเลยค่ะ
ตอบลบพลาดแล้ว...อ่านตอนกลางคืน
ตอบลบหิวเลยยยย
ตอบลบหิวเลย
ตอบลบพลาดมากที่อ่านตอนนี้ตอนสามทุ่ม น้ำลายสอเลย ขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบอ่านไปยิ้มไป อิ่มใจกับบรรยากาศปีใหม่ ท้องร้องอยากกินข้าวด้วยค่ะ
ขอบคุณคะ ชอบคะ ได้ความรู้สึกดีๆ ของปีใหม่ ที่อบอุ่นในครอบครัวนางเอกเราคะ
ตอบลบอ่านไปก็อบอุ่นใจ
ตอบลบ