วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 229 วันสิ้นปี(2)


           คนทั้งบ้านเหลียนฟางโจวตื่นนอนกันแต่เช้ามืด  ทุกคนแต่งกายในชุดใหม่เอี่ยมสีสันสดใส ต่างพูดคุยหัวเราะกันไม่หยุด
            พอกินมื้อเช้าที่เตรียมอย่างง่ายๆเสร็จ  พวกเขาจึงเริ่มติดกระดาษคำกลอนคู่  แขวนโคมสีแดง เนื่องจากทุกๆบ้านต่างแขวนโคมแดง ติดกระดาษคำกลอนคู่สีแดงเพลิง คำอวยพร และภาพวาดเทศกาลปีใหม่ เพียงพริบตาเดียว  ทุกหนแห่งในหมู่บ้านดูคล้ายเปลี่ยนไปจากเดิมลิบลับ  
ทำให้เห็นบรรยากาศเฉลิมฉลองรื่นเริงรายล้อมรอบตัว

โดยทั่วไปหลังกินมื้อเช้า  และติดกระดาษคำกลอนคู่เสร็จแล้ว  แต่ละบ้านจะเริ่มทำอาหารมื้อเย็นสำหรับวันสิ้นปีเพื่อกินกันในครอบครัว  เป็นธรรมดาที่การกินอาหารมื้อเย็นสำหรับวันสิ้นปีจะเริ่มเร็วกว่าอาหารมื้อเย็นตามปกติ  โดยจะเริ่มกินมื้อเย็นกัน ราวๆปลายยามเซิน(13:00-15:00 น) หลังมื้อเย็นผ่านไปแล้ว พวกผู้ใหญ่ก็จะพากันไปพบปะสังสรรค์กับบรรดาญาติสนิทมิตรสหาย ส่วนเด็กๆก็ชวนกันไปเล่น ในหมู่บ้านจะคึกคักไปด้วยเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวมีชีวิตชีวา
ถึงจะมีการตรียมการมาตั้งแต่เช้า ทว่าเนื่องจากในวันนี้ กับข้าวที่จะทำในมื้อนี้มีมากมายเป็นพิเศษ อีกทั้งยังหรูหราปราณีตนัก ดังนั้นจึงต้องใช้เวลามากขึ้นเป็นเงาตามตัว  คนทั้งบ้านพากันยุ่งหัวหมุนเดินขวักไขว่ไปมาไม่หยุด เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะดังให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลา  บรรยากาศดูคึกคักยิ่งนัก
ส่วนกับข้าวสำหรับมื้อเย็นนี้  เหลียนฟางโจวได้ปรึกษาหารือกับอาสามจนได้ข้อสรุปเมื่อสามวันก่อนหน้า  กับข้าวที่จะทำก็มี ขาหวงหยางตุ๋น  กุนเชียงนึ่ง  ปลาหลี่ราดซอสเปรี้ยวหวาน หมูสามชั้นนึ่งผักกาดดองแห้ง  ไก่ผัดหน่อไม้เห็ดหอม ซี่โครงหมูผัดซอสเต้าเจี้ยว  เต้าหู้ยัดไส้  ฟักยัดไส้  มีการเตรียมผักสีเขียวหลายชนิด ผักกาดขาว  ฮ่วยซัว ฟองเต้าหู้ วุ้นเส้น  ตับหมู เซี่ยงจี๊ เนื้อแดงและส่วนประกอบอื่นๆพักไว้ด้วย โดยตั้งใจทำเป็นหม้อไฟลวกจิ้มในน้ำแกงกระดูกแพะกินกันเย็นนี้  จะได้กินอาหารที่ปรุงสดร้อนๆ  เพราะในฤดูหนาวกับข้าวต่างๆที่ปรุงมาจะเย็นชืดเร็วนัก
ปลหลี่ราดซอสเปรี้ยวหวาน
หมูนึ่งผัดกาดดองแห้ง
ปลาหลี่นั้นเมื่อวานได้ถูกเอาไปคลุกเคล้าแป้งนำไปทอดทั้งตัวแล้ว หลังนำไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษพร้อมไก่ต้มแล้ว จึงนำมาปรุงเป็นกับข้าว สำหรับหมูนึ่งนั้น  ตอนเชือดหมูเมื่อวานซืน ได้บรรจงแล่ก้อนเนื้อหมูสามชั้นชิ้นที่ดีที่สุดเอามาทำ  จากนั้นจึงเอาเนื้อหมูดังกล่าวมาล้างให้สะอาดเกลี้ยงเกลา คลุกผงเครื่องเทศห้าชนิด หมักพร้อมเกลือ หลังหมักจนได้ที่แล้ว จึงนำก้อนหมูที่ทาน้ำผึ้งที่ผิวจนทั่ว  ไปทอดในกะทะ แล้วกลับก้อนหมูไปมาหลายๆครั้งจนเหลืองสวย และแน่ใจว่าก้อนหมูนั้นแห้งหนังกรอบไม่มีไขมันและน้ำมันเหลืออยู่ พอถึงวันนี้จึงเอาผักดองแห้งที่ซอยบางๆมารองจาน แล้วเอาก้อนหมูที่หั่นเป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกเต๋ามาวางข้างบน นำไปนึ่งจนได้กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่ว
สำหรับการทำเต้าหู้ยัดไส้และฟักยัดไส้นั้น วัตถุดิบที่ใช้ทำเป็นไส้ยามนี้ได้ถูกสับจนละเอียดแล้ว เหลียนฟางโจวกับอาสามช่วยกันทำไส้ไว้สามชนิด ไส้สองชนิดแรกมีเนื้อหวงหยาง และเนื้อสันคอหมูเป็นส่วนประกอบหลัก แล้วใส่กระเทียมและคึ่นไช่สับละเอียดลงไปเล็กน้อย ส่วนไส้ที่เหลือเป็นผักกาดขาว วุ้นเส้น ฟองเต้าหู้ และผักอื่นๆเป็นส่วนประกอบหลัก เติมเนื้อลงไปเล็กน้อยเพื่อชูรส
ซี่โครงหมูผัดซอสเต้าเจี้ยว
ฟักยัดไส้หมู
เหลียนฟางโจวและอาสามแต่ละคนยุ่งวุ่นวายมิหยุดหย่อน  โดยเหลียนฟางฉิงคอยป้วนเปี้ยนเข้ามาช่วยเป็นลูกมือเป็นครั้งคราว  มีเพียงอาเจี่ยนเท่านั้นที่ไม่ได้แตะงานในครัวกับใครเขา พอให้อาหารพวกวัวกับลาเสร็จแล้ว  ชายหนุ่มจึงเข้ามานั่งอุ่นตัวในบ้าน มองดูคนที่เหลืออย่างสบายอารมณ์ด้วยใบหน้าระบายยิ้ม
ไก่ผัดหน่อไม้เห็ดหอม
หลังพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษผ่านไปแล้ว  จึงได้ฤกษ์ประกอบอาหารอย่างเป็นทางการ  โดยเอาไก่ต้มมาสับเป็นชิ้นๆ  เอาปลาหลี่ลงไปทอดอีกครั้ง  ต่อมาจึงเอากระทะที่มีน้ำมันทอดปลามาทำซอสเปรี้ยวหวาน ซี่โครงหมูหมักเกลือและซอสเต้าเจี้ยวข้น กำลังรอลงผัดในกระทะ  ส่วนน้ำแกงกระดูกแพะ ก็ตุ๋นมานานจนได้ที่แล้ว ฟักยัดไส้และหมูสามชั้นนึ่งผักกาดดองแห้งก็กำลังนึ่งอยู่ในซึ้งนึ่งแยกชั้นกัน
หม้อไฟ
รอจนกับข้าวทุกอย่างทำเสร็จ  และจุดประทัดแล้ว  ถึงจะลงมือรับประทานอาหารได้
แต่แล้วเหลียนไห่ได้มาเยือนถึงบ้านอีกครา เขายิ้มแย้มและกล่าวอวยพรปีใหม่ และเข้ามาสนทนาเปี่ยมไมตรีจิตกับเหลียนฟางโจวพี่ใหญ่ และเหล่าน้องๆเล็กน้อย  จากนั้นจึงเดินเข้ามากระซิบถามเหลียนฟางโจวว่านางอยากกินมื้อเย็นฉลองวันสิ้นปีด้วยกันอย่างครึกครื้นหรือไม่?
หากพิจารณากันโดยทั่วไป เหล่าพี่น้องบ้านเหลียนฟางโจวต่างกำพร้าบิดามารดา สมควรที่สองครอบครัวจะร่วมรับประทานอาหารเย็นของวันสิ้นปีด้วยกัน ทว่าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ขัดแย้งระหว่างบ้านสกุลเหลียนสายหลักและสายรอง   คิดว่าไม่จำเป็นเลย
หากได้เผชิญหน้ากับเฉียวชื่อ เหลียนฟางโจวเชื่อแน่ว่าเหล่าน้องๆของเธอทั้งหมด คงจะพาลกินอะไรไม่ลง  ซ้ำคงไม่ได้ฉลองวันขึ้นปีใหม่  คงมีแต่ความทุกข์ไม่สบายใจมาแทน
หญิงสาวจึงบอกปฏิเสธอย่างสุภาพนิ่มนวลด้วยรอยยิ้ม
เหลียนไห่รู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว เดิมทีเขาก็คาดการณ์อยู่แล้วว่าจะผลจะออกมาเช่นนี้  ชายหนุ่มจึงระบายยิ้ม แล้วกล่าวชักชวนอีกสองสามคำพอเป็นพิธี  ครั้นแล้วจึงแค่บอกว่าหลังกินมื้อเย็นที่บ้านเสร็จ ตนเองจะเข้ามาสนทนาปราศรัยกับพวกเขาอีกที เหลียนฟางโจวย่อมยินดีต้อนรับ
ขณะกำลังรอทยอยเอาอาหารวันสิ้นปีออกมาจากกะทะและหม้อหมดทุกจาน  ก็ได้ยินเสียงประทัดดังขึ้นในหมู่บ้านจากทุกทิศทางเป็นระยะๆ  ดูท่าเวลามื้อเย็นของแต่ละบ้านจะเริ่มขึ้นพร้อมๆกันเสียแล้ว!
เหลียนฟางโจวจึงร้องสั่งเหลียนเซ่อซึ่งรอท่าอยู่แล้วด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เร็วเข้า รีบไปเอาประทัดพวงใหญ่ที่บ้านเราซื้อมาออกมาเร็ว! พวกเราควรจุดประทัดกันได้แล้ว!”
นี่คือของที่บรรดาเด็กผู้ชายโปรดปรานเป็นที่สุด เหลียนเซ่อและเหลียนเช่อต่างร้องรับคำสั่งกันเสียงดังฟังชัด พวกเขาเอาประทัดพวงใหญ่ที่เตรียมไว้เนิ่นนานแล้วมาจับแขวนอย่างว่องไว
แน่ล่ะเหลียนฟางโจวย่อมรู้สึกวางใจ เมื่อกันพวกเขาให้มายืนห่างๆ  จากนั้นหญิงสาวจึงจัดวางสายประทัดสีแดงสดวางพาดบนพื้นจนแล้วเสร็จ อาเจี่ยนจึงถือธูปที่ติดไฟยื่นเข้าไปแตะที่ปลายสาย
เสียงประทัดดังลั่นสนั่นปังๆไปทั่วทั้งบริเวณลานบ้าน เศษประทัดสีแดงสดสาดกระจายไปทั่ว ควันและกลิ่นดินปืนฟุ้งกระจายเต็มไปหมด  เหลียนฟางฉิงยกมืออุดหูแล้วโถมตัวเข้าสู่อ้อมกอดของเหลียนฟางขณะหัวเราะคิกคักไปด้วย  ฝ่ายเหลียนเซ่อ และเหลียนเช่อซึ่งยืนดูอยู่ข้างๆเป็นนาน รอจนเสียงประทัดที่ดังต่อเนื่องสงบลงแล้ว พวกเขาจึงพากันไปเก็บประทัดอันที่เหลือรอดไม่ติดไฟเอามาจุดเล่นกันต่อ
 มีเสียงประทัดดังลอดเข้ามาในรั้วบ้านอีกหลายๆครั้ง  ทั่วทั้งหมู่บ้านมีเสียงประทัดดังขึ้นแล้วเงียบ แล้วดังขึ้นอีกสลับไปมาอย่างต่อเนื่อง  นี่คือช่วงเวลาที่คึกคักมีชีวิตชีวาที่สุดของปีเลยทีเดียว
“เอาล่ะ เอาล่ะ! มั่งคั่งโชคดี! มั่งคั่งโชคดี! ทุกคนรีบกลับเข้าเรือนได้แล้ว ถึงเวลากินข้าวแล้วนะ !”  อาสามหน้าตายิ้มแย้มหัวเราะร่า เลื่อนสายตากวาดมองเหลียนเซ่อและเหลียนเช่อที่ยังอิดออดเล่นอยู่บนพื้น  นางเหลือบมองพวกเขาแวบหนึ่งพลางกล่าวขึ้นอย่างหงุดหงิด “รีบกลับเข้าเรือนไปกินมื้อเย็นก่อนเถอะ ประทัดพวกนี้มันยังรอให้พวกเจ้าไปเก็บได้อีก  ไม่มีทางงอกขาแล้วเดินหนีไปไหนแน่! แถมฟ้ายังไม่มืดเสียหน่อย!”
พอกล่าวจบทุกคนก็หัวเราะกันครืน  แล้วพากันเดินกลับเข้าเรือนไปด้วยกัน
“ฟางโจว! อาสาม! พวกเจ้ายังไม่ได้กินข้าวกันใช่ไหม!” ป้าจางกับหลี่จวนผู้เป็นบุตรสาวเดินยิ้มแฉ่งเข้ามาจากข้างนอก
“ป้าจาง! อาจวน! “  เหลียนฟางโจวร้องทักทันที  แล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “กำลังเตรียมจะกินกันพอดีเลย! แล้วพวกท่านล่ะ?”
“อ้อ นับว่าพวกข้ายังไวอยู่!” ป้าจางระบายยิ้ม ในมือหิ้วตระกร้าใบหนึ่งมาด้วย แล้วจึงเอ่ยแย้มยิ้ม “ข้าทำกับข้าวมาหลายอย่างมาให้พวกเจ้า เลือกมาแต่กับข้าวที่พวกเจ้าไม่ได้ทำ !  เนี่ยเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆมาให้พวกเจ้าลองชิมดู!”
เหลียนฟางโจวและอาสามรีบขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม แล้วเชิญทั้งสองคนเข้าไปในเรือน อาสามจึงไปเอาตักกับข้าวในครัวใส่ชามพร้อมทั้งนำชามเปล่าออกมา
สองครอบครัวที่มีสัมพันธภาพอันดี มักจะทำเช่นนี้กันบ่อยๆ
ป้าจางเปิดฝาตระกร้า แล้วเทอาหารทั้งหมดในตระกร้าลงในชามเปล่าหลายใบที่อาสามนำมาให้ มีหมูชุบแป้งทอด หมูสามชั้นผัดผัก กระเพราะหมูหนึ่งพร้อมเครื่องในอื่นๆ
ส่วนเหลียนฟางโจวก็เอาชามที่มีเต้าหู้ยัดไส้เป็นอันมาก และซี่โครงหมูผัดซอสเต้าเจี้ยววางลงในตระกร้าให้ป้าจาง  เมื่อสนทนาปราศรัยด้วยรอยยิ้มอีกสองสามประโยค ป้าจางและบุตรสาวจึงขอตัวกลับ
อีกสักประเดี๋ยว เหลียนไห่ก็นำกับข้าวมาส่งอีกคน มีขาหมู  เนื้อขาหมูรมควัน รวมทั้งไข่ยัดไส้
เหลียนฟางโจวส่งยิ้มกล่าวขอบคุณ แล้วเอากับข้าวสองสามอย่างที่เท่าเทียมกันใส่ในตระกร้าให้เหลียนไห่เอากลับไป
เพียงแต่  บรรยากาศที่ได้แลกเปลี่ยนข้าวทั้งสองฝั่งนั้นแตกต่างกันลิบ  เหลียนฟางโจวไม่ได้นึกหรือตระหนักเลยว่ายามที่เหลียนไห่เอากับข้าวมาส่ง สีหน้าของเฉียวชื่อบึ้งตึงมากเพียงไหน จะกล่าววาจาไม่น่าฟังออกมามากเท่าไร
หากลุงใหญ่และป้าใหญ่มีแก่ใจจะส่งกับข้าวมาให้จริงๆ  ผู้ที่เอามาจะต้องเป็นเฉียวชื่อ หาใช่เหลียนไห่ไม่
ทว่าหากเพียงต้องการประสบแต่โชคดี ก็ไม่ควรให้เฉียวชื่อมา หาไม่แล้ว  คงได้มีผลกระทบกับบรรยกาศการเฉลิมฉลองปีใหม่ทั้งหมด เช่นนั้นให้ถือเสียว่า เมื่อไม่ได้ยินทุกอย่างย่อมดีทั้งนั้น
ยามนี้ก็ไม่มีเรื่องอันใดให้ทำอีก สมาชิกทุกคนในบ้านต่างอบอุ่นร่างกายโดยนั่งล้อมวงรอบโต๊ะและเริ่มรับประทานมื้อเย็นกันอย่างครึกครื้นเฮฮา
การรับประทานอาหารที่วางรายรอบบนโต๊ะกลมในวันนี้  หมายถึงการได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ขาโต๊ะที่รับน้ำหนักพื้นโต๊ะรูปวงกลม แท้จริงเป็นโครงสี่เหลี่ยมสองอันที่เอามาประสานกันเป็นแฉกสี่ด้าน บนโต๊ะตรงกลางมีฝาไม้กระดานรูปวงกลมขนาดเท่ากับก้นอ่างล้างมือวางอยู่  ซึ่งเปิดออกได้ แล้วเอาเตาเล็กๆวางลงไปบนช่องซึ่งจะวางอยู่เหนือจุดประสานของโครงฐานสี่เหลี่ยมเหล่านั้นพอดี  เมื่อวางเสร็จ เตาเล็กๆนั้นจะอยู่ในระนาบพอดีกับพื้นผิวโต๊ะ เมื่อตั้งหม้อน้ำแกงบนเตานั่น ก็จะไม่สูงเกินไป
ในเตานั้นใส่ถ่านแดงร้อนลงไป  น้ำแกงกระดูกแพะที่อยู่ในหม้อใบเล็กก็จะเดือดตลอดเวลา หม้อไฟนั้นล้อมรอบด้วยกับข้าวทุกอย่างที่เอามาจัดวางเรียงบนโต๊ะ นอกจากนี้เหลียนฟางโจวยังตั้งใจเปิดสุราสองไห ไหหนึ่งเป็นสุราที่อาเจี่ยนอยากลิ้มลอง อีกไหคือสุราผลไม้ที่ซื้อมาจากสวนผลไม้บ้านสกุลหลิน
------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^

13 ความคิดเห็น:

  1. ของคุณค่ะทั้งบรรยายและมีภาพประกอบด้วยได้ความฟินมโนถึงรสชาติอาหารเลย น้ำลายแทบหกด้วยความอยาก ฮี่...ฮี่...

    ตอบลบ
  2. ชอบบรรยากาศปีใหม่

    ตอบลบ
  3. อ่านไปน้ำลายสอไปด้วยเลยค่ะ

    ตอบลบ
  4. บรรยากาศแบบนี้อบอุ่นมากๆเลยค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ

    ตอบลบ
  5. ไรท์แปลได้ดีมากๆๆๆๆเห็นถึงบรรยากาศเทศกาลฉลองปีใหม่เลยอ่านไปยิ้มไปค่ะเหมือนเข้าไปอยู่บ้านฟางโจวด้วยเลย

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ29 กรกฎาคม 2562 เวลา 20:30

    เห็นรูปประกอบแล้วหิวเลยค่ะ

    ตอบลบ
  7. พลาดแล้ว...อ่านตอนกลางคืน

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ30 กรกฎาคม 2562 เวลา 01:25

    หิวเลย

    ตอบลบ
  9. พลาดมากที่อ่านตอนนี้ตอนสามทุ่ม น้ำลายสอเลย ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  10. ขอบคุณมากค่ะ
    อ่านไปยิ้มไป อิ่มใจกับบรรยากาศปีใหม่ ท้องร้องอยากกินข้าวด้วยค่ะ

    ตอบลบ
  11. ขอบคุณคะ ชอบคะ ได้ความรู้สึกดีๆ ของปีใหม่ ที่อบอุ่นในครอบครัวนางเอกเราคะ

    ตอบลบ