วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 1133 คนไร้ยางอาย

 

บทที่ 1133 คนไร้ยางอาย

 

“เจ้าก็ยังคงโกรธข้าอยู่ดีสินะ!” หรงซื่อจื่อถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “หยุนเอ๋อร์ เจ้า—”

“หรงเฟยอวี้ หุบปากของท่านเสีย!” สวีอี้หยุนโกรธจัด ใบหน้าของนางแดงก่ำไปด้วยความโกรธและความตื่นเต้น นางตวาดเสียงดัง “ท่านตามหาข้าเพราะเหตุใดกันแน่? ถ้าท่านไม่พูด ข้าจะไปแล้ว!”

หรงซื่อจื่อดูมีท่าทีลำบากใจเล็กน้อย เขาเดินเข้าหานาง สวีอี้หยุนพยายามถอยหลัง แต่เขากลับรวดเร็วกว่า ยื่นมือคว้าข้อมือของนางไว้แน่น ดึงนางเข้ามาใกล้ตัวเขา สายตาของเขาลึกซึ้ง น้ำเสียงต่ำทุ้มแฝงเสน่ห์น่าหลงใหลเอ่ยขึ้นว่า: “หยุนเอ๋อร์ เจ้าผ่านอะไรมาบ้างกันแน่? ทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้? ข้าคือพี่หรงของเจ้านะ! หยุนเอ๋อร์ ข้าคิดถึงเจ้ามาโดยตลอด เจ้าไม่เคยคิดถึงข้าบ้างเลยหรือ? ข้า—”

หรงซื่อจื่อเอ่ยคำพูดด้วยอารมณ์อันอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยความรัก ขณะที่สวีอี้หยุนดิ้นรนและตะโกนว่า “ปล่อยข้า!”

แต่กลับไม่อาจสู้แรงของหรงซื่อจื่อได้เลย

ทันใดนั้นเอง

“ปล่อยนาง!”

เสียงหนึ่งดังขึ้นจากที่ห่างไกล แต่เปี่ยมไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ราวกับฟ้าผ่าลงกลางพื้นดิน ทำให้ทั้งสองคนสะดุ้งเฮือก และหันมองไปตามเสียงพร้อมกัน

ชายหนุ่มในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม ปอยผมดำขลับราวน้ำหมึกแนบไปกับใบหน้า เขากัดฟันแน่น ดวงตาดำสนิทดุจรัตติกาลที่แผ่รังสีเย็นเยียบจับจ้องมายังทั้งสองอย่างไม่ลดละ คนผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เหลียนเจ๋อ!

“นายท่านสอง!”

สวีอี้หยุนรู้สึกราวกับฟ้าผ่าในสมอง นางตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง หัวเข่าของนางอ่อนแรงจนไม่อาจพยุงตัวเองไว้ได้ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านเหมือนเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกดูดหายไป นางแทบจะล้มลงในทันที

เขามาที่นี่ได้อย่างไร! เขามาที่นี่ได้อย่างไร!

“นายท่านสอง! นายท่านสอง!”

สวีอี้หยุนตื่นตระหนกจนร้องไห้ออกมา นางมองเหลียนเจ๋อพร้อมกับส่ายหน้าสุดกำลัง ไม่รู้ว่านางเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน แต่กลับดิ้นหลุดจากมือของหรงซื่อจื่อได้ นางโซซัดโซเซวิ่งตรงไปหาเหลียนเจ๋อ

“นายท่านสอง! ไม่ใช่อย่างที่ท่านเห็น! ไม่ใช่อย่างที่ท่านเห็น! ฟังข้าก่อน! ท่านต้องฟังข้าอธิบายนะ!” สวีอี้หยุนพูดทั้งน้ำตา พลางจับแขนของเหลียนเจ๋อแน่น น้ำตาของนางไหลพรากลงมาไม่หยุด หัวใจของนางเต็มไปด้วยความกังวล คำพูดมากมายติดอยู่ในลำคอ แต่เมื่อพยายามจะพูดออกมา กลับไม่มีคำใดหลุดออกมา มีเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลไม่ขาดสาย

ใบหน้าของเหลียนเจ๋อเรียบนิ่ง สายตาก็ไร้ความรู้สึกใด ๆ ราวกับปราศจากเนื้อหาและจิตวิญญาณโดยสิ้นเชิง ทั้งร่างของเขาเหมือนกลายเป็นเพียงเปลือกว่างเปล่าที่ไร้ซึ่งวิญญาณ

เขาได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง บอกว่าภรรยาของเขากำลังนัดพบกับคนรักเก่าในหุบเขาที่เนินเขาซิงฮวาก่างทางตอนเหนือของเมือง หากเขาไปทันเวลา บางทีเขาอาจได้เห็นภาพนั้นด้วยตาตัวเอง

เขาโกรธจัด และไม่เชื่อสิ่งที่เขียนในจดหมายนั้นเลย

ถึงแม้ว่าภรรยาของเขาจะยังไม่ได้มีสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับเขา แต่เขาก็มั่นใจว่านางไม่ใช่คนเช่นนั้น!

เขาฉีกจดหมายฉบับนั้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ขยำมันจนเป็นก้อนแล้วโยนลงในถังขยะ ก่อนจะหัวเราะออกมาราวกับไม่ใส่ใจ

ทว่าภายในใจของเขากลับไม่อาจสงบลงได้เลย ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใดก็ตาม

สุดท้ายเขาคิดว่า อย่างไรเสียก็ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรในตอนนี้ การไปดูให้เห็นกับตาเสียหน่อยจะเป็นอะไรไป?

เขาไม่คาดคิดเลยว่า เขาจะได้เห็นมันจริง ๆ

ชายคนนั้น เขารู้จัก เพราะเคยพบกันมาก่อน อีกทั้งยังเป็นสามีของสวีอี้เจิน จึงทำให้เขาจำได้ทันทีว่าเป็นหรงซื่อจื่อแห่งจวนซิ่นหยางโหว

เหลียนเจ๋อมองใบหน้าของสวีอี้หยุนที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ใจของเขาอ่อนลงและปวดร้าวในเวลาเดียวกัน เขายกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัว ค่อย ๆ ลูบแก้มของนางอย่างแผ่วเบา เช็ดน้ำตาออกไปทีละหยดด้วยความอ่อนโยน น้ำเสียงแหบพร่าของเขาเอ่ยขึ้นว่า:  “เจ้าพูดมาเถอะ ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร ข้าก็เชื่อทุกคำ”

"นายท่านสอง! นายท่านสอง!" สวีอี้หยุนถึงกับนิ่งอึ้ง หัวใจเต็มไปด้วยความเสียใจ เจ็บปวด วุ่นวาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีความดีใจปะปนอยู่ นางอดไม่ได้ที่จะโผเข้ากอดเขา ซบใบหน้าลงที่อกของเขาและร้องไห้ออกมาด้วยเสียงสะอื้นระคนความสับสน พลางพูดซ้ำไปซ้ำมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "ขอบคุณเจ้าค่ะ ขอบคุณ! นายท่านสอง! นายท่านสอง..."

เหลียนเจ๋อชะงักไปชั่วขณะ เขายกมือขึ้นลูบหลังของนางเบา ๆ ทว่าในทันใดนั้นเอง เขาส่งเสียงอึดอัดออกมา ร่างกายแข็งทื่อ และสายตาเบิกกว้างจ้องมองตรงไปข้างหน้าอย่างตกตะลึง

"นายท่านสอง?" สวีอี้หยุนตะลึงงัน ร่างของนางที่โอบกอดเขาไว้เริ่มสั่นเทิ้ม นางขยับมือลงไปแตะที่ด้านหลังของเขาด้วยความร้อนรน และทันใดนั้นเอง นางสัมผัสได้ถึงของเหลวเหนียวชุ่มที่มือของตน

นางชะงักงันไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง และสิ่งที่ปรากฏในสายตาก็ทำให้นางรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหวน้ำแข็ง

หรงซื่อจื่อยืนอยู่ด้านหลังของเหลียนเจ๋อ ใบหน้าของเขาเย็นชาเยี่ยงอสรพิษ มือที่ยกขึ้นถือมีดสั้นเล่มหนึ่ง ใบมีดนั้นเปื้อนเลือดสด แดงฉานตัดกับแสงอาทิตย์บนคมมีดที่ส่องประกายเจิดจ้า ราวกับภาพแห่งความตายที่แผ่ซ่านไปทั่ว นางตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

"หรงเฟยอวี้! หยุดเดี๋ยวนี้!" สวีอี้หยุนกรีดร้องเสียงแหลม ขณะที่เหลียนเจ๋อใช้มือข้างหนึ่งโอบนางไว้ ดึงร่างนางหลบไปด้านข้างสองก้าว พร้อมจ้องมองหรงซื่อจื่อด้วยสายตาแข็งกร้าว ทว่าเท้าของเขากลับเซไปอย่างเห็นได้ชัด

"นายท่านสอง! นายท่านสอง!" สวีอี้หยุนร้องเรียกด้วยเสียงอันสั่นเครือ ใบหน้าซีดขาวราวหิมะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้นางตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างรุนแรง ร่างทั้งร่างของนางสั่นเทาไม่หยุด

นางยึดตัวเหลียนเจ๋อไว้แน่น ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างเด็ดเดี่ยวว่า "หรงเฟยอวี้! หากเจ้ามีความแค้นใดก็ลงที่ข้าเอาเถิด! ชีวิตของข้า เจ้าจะเอาไปก็ได้ แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำร้ายเขาเด็ดขาด!"

"หยุนเอ๋อร์..." เหลียนเจ๋อเอ่ยด้วยความเจ็บแค้น ดึงสวีอี้หยุนมากอดไว้ที่ไหล่ เขาแทบต้องพึ่งพานางเพื่อประคองร่างให้ยืนอยู่ได้ ความเจ็บปวดที่กลางหลังบ่งบอกเขาอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งเดียวที่เขาโล่งใจคือ หรงซื่อจื่อคนนี้ไม่มีความชำนาญในการสังหาร ไม่เช่นนั้น หากคมมีดพุ่งตรงสู่หัวใจ ตอนนี้เขาคงกลายเป็นศพไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม บาดแผลนี้ลึกและรุนแรงเกินไป เลือดสดไหลออกมาไม่หยุด เขาเริ่มรู้สึกเวียนหัว แรงของเขาค่อย ๆ หมดลงทีละน้อย เขาไม่แน่ใจว่าจะทนได้นานแค่ไหน

เป็นเพราะเขาประมาท!

เขาจ้องมองหรงซื่อจื่อด้วยสายตาเย็นชา เต็มไปด้วยความแค้นตัดพ้อ ความคิดเดียวในใจคือ เขาจะยอมตายด้วยน้ำมือของคนเช่นนี้ได้อย่างไร!

"เจ้า...รีบไปเสีย..." เหลียนเจ๋อรวบรวมลมหายใจที่เหลืออยู่ ก่อนเอ่ยทีละคำช้า ๆ

"นายท่านสอง! เป็นข้าเองที่ทำให้ท่านต้องเป็นเช่นนี้! เป็นความผิดของข้า!" สวีอี้หยุนร่ำไห้ น้ำตาไหลพราก นางสะอื้นจนไม่อาจเปล่งคำพูดออกมาได้ชัดเจน ได้แต่ส่ายหัวซ้ำ ๆ

หรงซื่อจื่อหัวเราะเสียงดังลั่น ใบหน้าหล่อเหลาแฝงไปด้วยความโหดร้าย เขาเย้ยหยันพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา: "คิดจะหนีรึ? ไม่มีทาง! พวกเจ้าจะไม่มีใครรอดไปได้เลย! เหลียนเจ๋อ เจ้าเป็นฝ่ายยื่นคอตัวเองเข้ามาเอง อย่าได้โทษข้า! แต่ไม่ต้องห่วงไป ข้าจะไม่ฆ่านาง เพราะนางเป็นคนรักของข้า ทั้งใจและสายตาของนางล้วนมีแต่ข้าเพียงคนเดียว! เพราะเรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ข้าจะไม่ฆ่านาง และยิ่งไปกว่านั้น ข้าจะดูแลนางอย่างดีในอนาคต! ข้ายังจะให้นางคลอดลูกของเจ้าออกมาเพื่อสืบทอดทรัพย์สมบัติอันมหาศาลของตระกูลเหลียนอีกด้วย! ว่าไงล่ะ ข้าเป็นคนใจกว้างและคิดแทนเจ้าใช่หรือไม่? ฮ่าฮ่าฮ่า!"

หรงซื่อจื่อหัวเราะอย่างได้ใจ เสียงหัวเราะของเขาดังลั่นด้วยความภาคภูมิใจ

"เจ้า! ไร้ยางอาย!" เหลียนเจ๋อโกรธจนหายใจติดขัด ลมหายใจหนักหน่วงจนหน้าอกเขาไหวขึ้นลง เท้าของเขาเซไปเล็กน้อย ร่างกายโอนเอนไปมาเกือบล้มลง

"นายท่านสอง! นายท่านสอง!" สวีอี้หยุนตัวสั่นสะท้านขณะที่ประคองเขาไว้แน่น นางร้องไห้พลางพูดว่า: "นายท่านสอง อย่าไปเชื่อเขา! อย่าเชื่อคำพูดของเขา! ถึงข้าจะรู้จักเขา แต่ทุกอย่างระหว่างข้ากับเขามันจบลงไปนานแล้ว ข้าไม่เคยทรยศต่อนายท่านสอง! ท่านต้องเชื่อข้า! ได้โปรด เชื่อข้านะ!"

แววตาของเหลียนเจ๋ออ่อนลงเมื่อมองนาง ความรู้สึกตกใจปนความดีใจฉายชัดในดวงตาของเขา

สวีอี้หยุนมองดูเขา ยิ่งทำให้หัวใจของนางเจ็บปวดราวกับถูกบีบเค้น อวัยวะภายในทั้งหมดเหมือนบิดเป็นเกลียว นางรู้สึกเหมือนตนเองอยากตายไปเสียให้พ้นจากความทุกข์นี้

"หรงเฟยอวี้!" นางจ้องเขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยความแค้น แทบจะมีเปลวไฟพุ่งออกมาจากดวงตาของนาง นางตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า: "เจ้าปีศาจ! เจ้าคนไร้ยางอาย! เลิกฝันกลางวันเสียเถอะ! ข้าจะไม่มีวันทิ้งนายท่านสองให้ต้องอยู่เพียงลำพัง ข้าจะไม่ยอม! ฮ่า ๆ ๆ เจ้าอยากจะฮุบสมบัติของตระกูลเหลียนอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ! ฝันไป!"

แววตาของเหลียนเจ๋อเปล่งประกาย ราวกับเขาเข้าใจทุกอย่างในชั่วพริบต ที่แท้...ก็เป็นเช่นนี้เอง!

สวีอี้หยุนเพิ่งจะเข้าใจถึงจุดประสงค์ของหรงเฟยอวี้จากคำพูดที่เขาเอ่ยออกมาเมื่อครู่ ที่แท้เขากลับมีเจตนาเช่นนี้! เขาพยายามล่อลวงนางก็เพื่อหวังจะฮุบสมบัติของตระกูลเหลียน!

ชายผู้นี้ ที่ภายนอกดูเหมือนมนุษย์แต่หัวใจกลับเหมือนสัตว์เดรัจฉาน นางรู้สึกว่าตัวเองตาบอดและโง่เขลามาตลอดหลายปี ที่หลงเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนดี!

สวีอี้หยุนไม่เคยรู้สึกเกลียดตัวเองเท่านี้มาก่อนในชีวิต!

นางได้ทำอะไรลงไปบ้าง! นางได้ทำอะไรลงไปบ้าง!

 

 

 

 

 

 

 

1 ความคิดเห็น:

  1. ตื่นซะทีกว่าจะรู้ ลุ้นต่อว่าใครจะเข้ามาช่วย ขอบคุณคะ

    ตอบลบ