วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ภรรยาข้าผู้ร้ายกาจเจ้าเล่ห์ -บทที่ 16 ไร้คุณธรรมจริงหรือ

         ที่หน้าทางเข้าหอคณิกาไป่หัว  มีโคมไฟขนาดใหญ่สองดวงส่องสว่าง  ทำให้ถนนทั้งสายเต็มไปด้วยสีสัน  ขับใบหน้าของหญิงคณิกาให้เรืองรองยามส่งแขกผู้ใช้บริการ และต้อนรับแขกผู้มาใหม่  ทั้งเครื่องประทินโฉมยังมีส่วนช่วยให้ใบหน้าส่องประกายยิ่งขึ้น
            เมื่อมู่หรงหยุนชูและผู้ติดตามอีกสองคนมาถึงหน้าประตู  เหล่าหญิงคณิกาต่างส่งสายตาเชิญชวนไปที่คนทั้งสาม  เอ่ยถ้อยคำอ่อนหวานเอาอกเอาใจ  “นายท่านทั้งสามเชิญเข้ามาข้างในเลยเจ้าคะ?” 

            มู่หรงหยุนชูยกยิ้ม  เดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสบายๆ  เฟิ่งหลิงส่งยิ้มกระโดดเข้ามาด้วยท่าทางงามสง่า   ส่วนนี่ฉิงมีสีหน้าเย็นชาคอยแกะมือที่ยื่นเข้ามาเกาะแขนเขาไม่หยุด  แสดงสีหน้าจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่สุดราวกับได้มายังแดนนรก  ลังเลที่จะย่างก้าวผ่านประตูเข้าไป
            เมื่อแม่เล้าฉวนเห็นมู่หรงหยุนชูเดินเข้าประตูไปด้วยรอยยิ้มหว่านเสน่ห์  สีหน้านางพลันมืดครึ้ม  จากนั้นถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจ “ท่าน...เข้ามาจากด้านนอกได้อย่างไร?”
            มู่หรงหยุนชูมีสีหน้าสงบเยือกเย็น  เดินเข้ามาพลางกล่าวว่า “ท่านเป็นผู้มีวรยุทธ์  ควรรู้ว่าในใต้หล้านี้มีสิ่งที่เรียกว่ามิติลึกลับ”
            แม่เล้าฉวนยิ่งประหลาดใจมากขึ้น  หากแต่ความเยือกเย็นนิ่งสงบที่มีอยู่ในตัวหญิงสาว  ทำให้ดูน่าเชื่อว่าเป็นไปได้   อย่างไรก็ตาม  ในใจของแม่เล้าฉวนยังเต็มไปด้วยความงุนงงสงสัย  สายข่าวแจ้งว่ามู่หรงหยุนชูไม่เป็นวรยุทธ์อย่างแน่นอน
มู่หรงหยุนชูมาถึงห้องพักในที่สุด  ภายในห้อง  ยุ่งเหยิง  มีข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อน
  “พวกเจ้าทำงานให้ใคร?” มู่หรงหยุนชูนั่งลงบนเก้าอี้ตำแหน่งประธาน  โดยมีนี่ฉิงและเฟิ่งหลิง ยืนขนาบข้างหญิงสาวทั้งซ้ายและขวา   วางท่าราวกับเปิดศาลพิจารณาคดี
            “อ๋องเสี่ยวเหลียง”  แม่เล้าฉวนผู้ไม่กลัวที่จะพูดความจริง  ภายในใจมีเพียงความสงสัยมากมาย  ทำให้นางนึกถึงเสือขึ้นมา  คนธรรมดาทั่วไปถ้าเจอสถานการณ์เช่นนี้คงเผ่นหนีไปไกลแล้ว  ไหนเลยจะกลับมาสู่สถานที่อันตรายได้   มู่หรงหยุนชูผู้นี้มีเบื้องหลังเบื้องลึกไม่ธรรมดาจริงๆ   
            “มีเป้าหมายอันใด?”
            “พาตัวท่านไปเมืองฉู่”
            มู่หรงหยุนชูคลี่ยิ้ม  “อ๋องเหลียงต้องการสังหารข้า   ส่วนอ๋องเสี่ยวเหลียงต้องการให้ข้ามีชีวิตต่อไป    ดูเหมือนว่าอ๋องเสี่ยวเหลียงจะมองการณ์ไกลกว่า  บางทีเขาอยากให้ข้าสนับสนุนเขาให้ขึ้นเป็นฮ่องเต้”  เมื่อได้ยินดังนี้  นี่ฉิงสีหน้าพลันมือครึ้ม  เริ่มได้กลิ่นตุๆ   ทั้งความรู้สึกไม่จงรักภักดีและการก่อกบฏ  แวบเข้ามาในหัว
            แม่เล้าฉวนรู้สึกพอใจนัก  “หากข้ารู้แต่เนิ่นๆว่าแม่นางมู่หรงให้ความร่วมมือเช่นนี้   ข้าก็ไม่จำเป็นต้องเสียแรงวางยาพิษกลืนวิญญาณกับท่าน”
“ท่านใช้ยาพิษกลืนวิญญาณกับพี่มู่หรงรึ?”  เฟิ่งหลิงร้องออกมา  มีสีหน้าหวาดกลัว
            ทันทีที่มู่หรงหยุนชูได้ยินคำว่า ยาพิษกลืนวิญญาณ  ‘  ชื่อนี้  หัวใจพลันเย็นเฉียบไปครึ่งหนึ่ง  เมื่อได้ยินเฟิ่งหลิงอุทาน ด้วยเสียงหวาดหวั่นอีกครั้ง  หัวใจจึงเย็นเยียบไปทั้งดวง  นางไม่ปรารถนาจะเข้ามาข้องเกี่ยวกับโลกของยุทธภพเลย  “ยาของพี่ชายเจ้ารักษาข้าได้ไหม? ” 
            เฟิ่งหลิงส่ายหัว “เพราะในอดีตพี่ชายช้าไม่สามารถรักษาพิษของพี่สาวคนโตที่น่าสงสารได้   พี่ฉู่ที่แค้นฝังลึก   จึงทำโทษโดยกักตัวเขาไว้ที่เขาฮั่วโตวเป็นเวลาสามปี  ยกเว้นให้ลงจากเขามาเข้าร่วมในช่วงเทศกาลประลองยุทธ์ได้   นับแต่นั้นมา เขาก็ไม่อาจฝึกฝนการรักษาได้อีกเลย”
            ฉู่ฉางเกอ ครั้งหนึ่ง...เคยโกรธแค้นอย่างที่สุด?  มู่หรงหยุนชูรับรู้ถึงความรู้สึกแปลกๆวาบเข้ามาในอก  รู้สึกจุกแน่น  หายใจได้ยากลำบาก  ไม่อาจพูดออกมาได้แม้ครึ่งคำ  ผ่านไปสักครู่จึงควบคุมตัวเองได้   นางถามแม้เล้าฉวนทันใด  “ท่านตั้งใจจะให้ยาถอนพิษแก่ข้าอย่างไร?”
            “ยาถอนพิษอยู่ในมือของอ๋องเสี่ยวเหลียง  การให้ยาถอนพิษขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพระองค์”
            “หากไม่มียาถอนพิษ  ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าใด?”
            “คงเพียงแค่หนึ่งวัน  หรืออาจเป็นหนึ่งปี  หรืออาจเพียงชั่วอึดใจเดียว  เอาสั้นๆ แค่ให้ผ่านคืนนี้ไปให้ได้  ก็เป็นตัวชี้ชัดแล้ว  ตัวท่านเองอาจจะไม่มีอาการแสดงออกไดๆก็ได้
            มู่หรงหยุนชูเริ่มเข้าใจในทันที เม้มริมฝีปากเล็กน้อย   สีหน้าพลันคลายลงพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการมีชีวิตปกติธรรมดาเลย  คนทั่วไปก็มีชีวิตอยู่โดยไม่รู้ว่าจะตายเมื่อใดเหมือนกัน
            แม่เล้าฉวนนิ่งอึ้ง  เริ่มรู้สึกกระจ่างขึ้นมาเล็กน้อย  ว่าเหตุใดอ๋องเสี่ยวเหลียงจึงต้องการให้หญิงสาวผู้นี้มีชีวิตอยู่   ในตัวหญิงสาวผู้นี้ มีรังสีแห่งความเยือกเย็น  สามารถทำให้ใจผู้คนสงบลงได้
            “แม่เล้าฉวน  หากท่านยังเห็นค่าชีวิตของตนเอง  ข้าอยากให้ท่านเกลี้ยกล่อมอ๋องเสี่ยวเหลียงให้มอบยาถอนพิษแก่พี่มู่หรงโดยเร็ว!”  เฟิ่งหลิงจ้องเขม็งอย่างโกรธเกรี้ยวไปที่แม่เล้าฉวนพลางกล่าวว่า “ท่านคงเคยได้ยินมาบ้างว่า เมื่อสามปีก่อน  พี่ฉู่ได้สังหารคนในตระกูลถังจนหมดสิ้น เพื่อแก้แค้นให้กับพี่ฉีจี้ ? หากครานี้  พี่มู่หรงต้องตายขึ้นมา   พี่ฉู่คงจะปลิดชีพทุกชีวิตในตระกูลเหลียงจนหมดสิ้นเป็นแน่!”
            ใจของมู่หรงหยุนชูเต้นแรง   หลังจากได้ยินเฟิ่งหลิงเล่าเรื่องโศกนาฏกรรมของฉู่ฉางเกอในอดีต  ยามนี้นางเข้าใจแล้วว่า เหตุใดผู้คนจึงหวาดกลัวฉู่ฉางเกอผู้ที่มีรูปลักษณ์แบบคุณชายผู้สง่างาม  มากกว่านักฆ่ากระหายเลือดกันนัก  และเหตุใดคนทั่วไปจึงพูดกันว่าเขาเป็นพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่  จริงๆแล้วนางเห็นเพียงแค่คนที่ดื้อดึงไม่อยู่ในกฎเกณฑ์  ชอบดันทุรังทำเรื่องแปลกๆ  ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะชายหนุ่มสูญเสียหญิงในดวงใจนี่เอง  เมื่อมีคนผู้หนึ่งพบกับความผิดหวังที่สุดในชีวิต จะแสดงสิ่งสุดโต่งออกมาสองแบบ  แบบแรกจะยอมรับชะตากรรมอย่างเงียบๆ  แบบที่สองจะต่อต้านชะตากรรมอย่างโกรธเกรี้ยว  แบบแรกคือเทพเซียน  แบบหลังคือมารกระหายเลือด  ทว่าเหตุใดความโกรธแค้นและความผิดหวังจึงทำให้เขารู้สึกเศร้าโศกอย่างลึกซึ้ง
            ยามนั้นเขาคงอยากทำลายใต้หล้าให้สิ้น  เพื่อระบายความแค้น  ยอมถูกคนทั่วหล้าประณาม  ยอมเป็นปฏิปักษ์กับใต้หล้า   ดวงตาของมู่หรงหยุนชูวูบไหว  รู้สึกผิดหวังขึ้นมาในใจเงียบๆ
            “ตระกูลถังนั้นเป็นส่วนหนึ่งของโลกยุทธภพ  อีกทั้งเป็นการยากที่ฉู่ฉางเกอจะล้มล้างราชวงศ์ได้  เขาจะเอาชนะกองทัพราชวงศ์เหลียนได้อย่างไรแม้แต่เชื้อพระวงศ์คนเดียวเขาก็ไม่สามารถปลิดชีพได้!”  แม่เล้าฉวนยิ้มเยาะ
            “เจ้า....”  เฟิ่งหลิงรำพึง ทั้งกลัดกลุ้มและโกรธแค้น
            มู่หรงหยุนชูกล่าวพร้อมรอยยิ้ม  “แม่เล้าฉวน   ท่านเคยได้ยินไหมว่าลิ้นท่านอาจถูกน้ำร้อนลวกได้  การพูดจาอย่างไม่ระวัดระวังรังจะสร้างแต่ปัญหา “
            แม่เล้าฉวนหัวเราะออกมา “เจ้าคิดว่าฉู่ฉางเกอจะยอมสังหารคนในราชวงศ์เหลียงเพื่อคนเช่นเจ้าจริงๆรึ?”  
แท้จริงแล้วมู่หรงหยุนชู  ลองเชิงเพื่อตรวจสอบดูว่า วัตถุประสงค์ของแม่เล้าฉวนคืออยากให้ฉู่ฉางเกอเป็นศัตรูกับอ๋องเหลียง เพื่อให้อ๋องเสี่ยวเหลียงได้ประโยชน์ใช่หรือไม่?
            มู่หรงหยุนชูอ่านสีหน้าแม่เล้าฉวนโดยไม่ยอมคลาดสายตา “ฉู่ฉางเกอเขาไม่แก้แค้นเพื่อข้าหรอก  ทว่าเขาสามารถสังหารอ๋องเหลียง  อ๋องเสี่ยวเหลียงหรือแม้แต่ฮ่องเต้ได้อย่างง่ายดาย  รวดเร็วกว่าแมวเลียขนตัวเองเสียอีก หากเขาต้องการ”
            “ข้าก็อยากเห็นฉู่ฉางเกอลองพยายามและล้มเหลวในการสังหารคนในราชวงศ์ยิ่งนัก”  แม่เล้าฉวนเอ่ยด้วยสายตากร้าว
            “แม่เล้าฉวน  เจ้าแน่ใจรึว่า สามารถจับข้าเป็นตัวประกันได้?
            “แน่นอน  ข้าสามารถวางยาพิษ  ตัวประกันผู้หญิงที่ปกป้องตัวเองไม่ได้
            “เจ้าช่างยโสโอหังยิ่งนัก  ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าพาตัวพี่มู่หรงไปได้...อา..”  เฟิ่งหลิงกล่าวพลางลูบอกตนเอง   สีหน้าเจ็บปวดพลางเอ่ยว่า “เจ้าวางยาพิษอันใดกับตัวข้า?” 
            “เจ้าไม่ใช่น้องสาวร่วมสายเลือดของเฟิ่งเฉิงรึเหตุใดเจ้าจึงกลัวแค่ยาพิษเล็กน้อยเช่นนี้?” แม่เล้าฉวนยิ้มเย้ยหยัน
            “ใครบอกเจ้ารึว่าน้องสาวร่วมสายเลือดของหมอคนหนึ่งจะสามารถแก้พิษได้แม่เล้าฉวนเจ้าเปิดหอคณิกา  แล้วหมายความว่าเจ้าต้องนอนกับแขกด้วยรึ?”
            นี่ฉิงปัดแขนแม่เล้าฉวน   ที่เงื้อมมือหมายจะตบหน้าเฟิ่งหลิง  ทำให้นางเสียการทรงตัวและล้มลงบนพื้น     
            “เจ้าหน้าที่นี่ฉิง  ในที่สุดท่านก็ดูคล้ายชายชาตรีขึ้นมาแล้ว “  มู่หรงหยุนชูหยอกเย้าพลางยิ้ม  เขาดูคล้ายชายชาตรีรึ?  ก็เขาเป็นชายชาตรีจริงๆนี่!  นี่ฉิงรอจนใครบางคนอารมณ์สงบลง  จึงจ้องหน้าแม่เล้าฉวน  พลางแบมือยื่นออกมา เอ่ยว่า “ยาถอนพิษล่ะ?
            “ไม่มี!” แม่เล้าฉวนพุ่งตัวจากพื้น  พลางสกัดจุดนี่ฉิงไม่ให้เคลื่อนไหว  “แค่เผลอไปหน่อยเดียว  เลยปล่อยเจ้ามาลอบกัดได้  เจ้าแค่คนเดียว  กล้ามาบีบบังคับเอายาถอนพิษจากข้ารึ?”
            นี่ฉิงมองแม่เล้าฉวนด้วยสายตาอาฆาต
            มู่หรงหยุนชูยิ้ม เบี่ยงเบนความสนใจ  เหยียดนิ้วชีเรียว  ชี้ไปที่เตียงนอนพลางกล่าวอย่างสบายๆว่า  “เจ้าคิดว่าเขาคนนี้มีคุณสมบัติเพียงพอ  จะมาเอายาถอนพิษจากเจ้าได้หรือไม่?”
            แม่เล้าฉวนหันกลับไปยังทิศของเตียง  ยังไม่มีโอกาสได้ประหลาดใจใดๆ  ก็โดนหม้อทุบหัว  จนสลบล้มลงในทันที
            “ท่านผู้อาวุโส  ช่างเก่งกาจนัก” มู่หรงหยุนชูปรบมือพลางกล่าวชื่นชม
            “ขอบคุณ  เป็นเพราะหม้อของข้าดี?”  ชายอายุเกินห้าสิบปีกระโดดลงมาจากเพดานอย่างกระฉับกระเฉง 
            เฟิ่งหลิงเห็นคนที่ปรากฏกายชัดเจน  จ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง  อย่างไม่อยากเชื่อสายตา ชี้หน้าชายชรา พลางกรีดร้องว่า “ผู้อาวุโส  ท่านคือ ฟาฉีเจิ้งยี่  ที่แปลว่า หม้อปีศาจผู้ไร้คุณธรรม ‘   ใช่ไหม!”

            มู่หรงหยุนชูคลี่ยิ้มออกมา  มีแต่คนเพี้ยนที่ตั้งชื่อลูกตนเองเช่นนั้น....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น