วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 2 มาราวีถึงหน้าประตู (รีไรท์)

เสียงแหลมบาดหูดังมาจากหน้าประตู  จั่วเหมยอดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟัง...
                        ใบหน้าเด็กหนุ่มบึ้งตึงขึ้นหลายส่วน   พลันหันหน้าไปรอบๆและเอ่ยขึ้นว่า ข้าจะไปจัดการหญิงผู้นั้นเอง
                        “รอก่อน!”  จั่วเหมยดึงตัวเขากลับ พลางเงี่ยหูฟังต่อไป
                        ยิ่งเธอฟังนานขึ้นเพียงใด   คิ้วเธอก็ขมวดมากขึ้นเท่านั้น
                        ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหญิงสาวนางนั้นตายเพราะความคับแค้นใจ   ถ้อยคำเหล่านั้นที่ฮูหยินหลิวพรั่งพรูออกมาช่างขยะแขยงน่ารังเกียจเกินจะทนฟังจริงๆ   วาจาชุ่มไปด้วย ความชิงชังมุ่งร้าย ชั่วช้า ต่ำทราม  ทั้งเสียงด่าทอหยาบคายอย่างร้ายกาจ

                        ถึงคนที่ประสบเหตุการณ์นี้จะไม่ใช่หญิงสาวคนนั้น  ทว่า..แม้แต่ตัวจั่วเหมยเองได้ฟังแล้วยังอดไม่ได้ที่จะมีโทสะพลุ่งพล่าน  และเริ่มเบื่อหน่ายรำคาญ
                        เธอยืนขึ้นทันใด หยิบอ่างน้ำที่อยู่บนโต๊ะ  พรวดพราดออกไปพร้อมกับเสียง โครม..ซู่” พลางเขวี้ยงอ่างน้ำใส่ฮูหยินหลิวจนเปียกโชกด้วยความสะใจ
                        หญิงสาวยืนเท้าสะเอวหน้าบ้านสกุลเหลียน  เพื่อเผชิญเสียงตะโกนด่า และการถ่มน้ำลายไปทั่วบริเวณ   อ่างใส่น้ำเย็นตกลงบนตัวหญิงวัยกลางคนโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า  ทันใดนั้น...นางเริ่มส่งเสียงกรีดร้อง ว๊ายยย....”   เป็นผลให้น้ำทั้งหมดไหลเข้าตา ปาก และจมูก ทำให้แสบตาและสำลักอย่างรุนแรง
                        อีกทั้งอากาศยามนี้อยู่ในช่วงปลายเดือนเก้าที่หนาวเย็น  ทำให้เสี่ยงเป็นหวัดได้ง่ายดาย
                        ใคร ใคร มันบังอาจทำเรื่องชั่วร้ายกับข้า...ฮัดเช้ย! ฮัดเช้ย!”  ฮูหยินหลิวตกใจและโกรธเกรี้ยว   นางลูบน้ำที่เหลือบนใบหน้าออก
                        “ป้าแกไง!”  จั่วเหมยวางอ่างน้ำบนพื้น  เธอชึ้หน้าฮูหยินหลิว  พลางตวาดกลับ  นางสุนัขเดนตาย กล้ามาอาละวาดถึงธรณีประตูบ้านข้ารึ!  คราวหน้าไม่ใช่แค่น้ำเย็น  แต่ได้เจอขี้วัวแน่!   แม้ว่ามันจะยังไม่เหม็นเน่าเท่าปากท่าน!”
                        “เจ้า เจ้า เจ้า...ฮูหยินหลิวประหลาดใจจนตาค้าง  ไม่อยากเชื่อเลยว่าหญิงสาวตัวน้อยท่าทางยโสโอหังตรงหน้าเธอยังมีชีวิตอยู่
                        นั่นใช่ธิดาคนโตของสกุลเหลียนที่ขี้อายหรือ?   หรือสายตาเธอมองผิดไปใช่ไหม?
                        เสียงเฮลั่นดังขึ้นคราหนึ่งจากกลุ่มชาวบ้านที่เฝ้ามุงดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ  ซึ่งมามุงดูการเผชิญหน้าอันหน้าตื่นเต้นโดยมิได้นัดหมาย   เสียงหัวเราะและถ้อยคำล้อเลียนมากมายต่างพุ่งเป้าไปที่ฮูหยินเหลียวผู้ซึ่งพบว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก   ชาวบ้านบางคนลอบมองจั่วเหมย  พลางกระซิบกระซาบกันด้วย
พวกเขาชมชอบที่เห็นฮูหยินหลิวตกใจกลัวยิ่งนัก
แม่นางเหลียน วันนี้   นิสัยใจคอช่างเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง!
อย่างไรก็ตาม  แม้แต่พระพุทธรูปปั้นก็ยังประกอบด้วยดินถึง3ส่วน!   หากใครที่สมควรโดนตำหนิ   เช่นนั้น..ควรเป็นฮูหยินหลิวผู้ซึ่งมีวาจาต่ำช้าเลวทรามมากกว่า
เจ้า กล้าสาดน้ำใส่ข้ารึ!”  เพื่อชิงความได้เปรียบหญิงวัยกลางคน  ส่งเสียงร้องกรี๊ดและกล่าวหาจั่วเหมย
ทว่า...หญิงสาวตั้งท่าเตรียมพร้อม  พลางลอบยิ้มเย็น
ใครจะคิดว่า  ในขณะเดียวกัน  น้องชายคนโต กลัวว่าพี่สาวจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ  จึงลากคอน้องเล็กทั้งสองไปหาท่อนไม้และถือไม้กวาดวิ่งพรวดพราดออกมาจากบ้าน  พลางร้องตะโกนว่า อย่ารังแกพี่สาวข้านะ!”   พวกเขาวิ่งเข้าไปหาฮูหยินหลิวพร้อมกันทั้งสามคน
ฮูหยินหลิวอยู่ในอาการตื่นตระหนก  ถอยหลังไป1ก้าว เพื่อป้องกันตัว  โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว    นางลื่นไถลส่งเรียงร้อง โอ๊ยล้มก้นกระแทกลงไปในแอ่งน้ำขังซึ่งเกิดจากน้ำที่เคยสาดใส่เธอ  โคลนเประเปื้อนทั่วร่าง
“ว๊า ฮ่า ฮ่า ฮ่า....”  ความขายหน้าปรากฏอีกครั้งทำให้ผู้คนในเหตุการณ์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกคำรบหนึ่ง
จั่วเหมยและน้องๆอดหัวเราะออกมาไม่ได้ด้วย   โดยเฉพาะฟางฉิง ซึ่งหัวเราะได้ครื้นเครงที่สุด   เสียงหัวเราะของนางกังวานใสนัก
ฮูหยินหลิวรู้สึกอับอายและเจ็บแค้นนัก   ใบหน้าแบนๆราวกับขนมเปี๊ยะของเธอเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ  เมื่อนางเตรียมจะลุกขึ้น  นางเห็นจั่วเหมยยืนอยู่เบื้องหน้า  เด็กสาวท่าทางแช่มช้อยกล่าวเสียงเยียบเย็นว่า หยุดทำให้ประตูบ้านบ้านข้าเลอะเทอะได้แล้ว และก็ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”   ยกเลิกการหมั้นหมายไม่ใช่เรื่องใหญ่ เข้าใจหรือไม่?  นำสินสอดกลับไป แล้วรีบไสหัวไปอย่างเร็วเลย!”
หน้าฮูหยินผู้นั้นเปลี่ยนสีสลับไปมาระหว่างแดงและม่วง  นางสำลัก หายใจแทบไม่ออก ในขณะเดียวกันนางนึกอยากเป็นตัวเองดังครั้งก่อน  ด่าทออย่างชั่วร้าย  ทารุณนังเหลียนฟางโจวน่ารำคาญคนนั้น  ทว่า..ลิ้นเธอกลับแข็งค้าง  นางไม่อาจเปล่งเสียงด่าว่าออกมาแม้สักครึ่งคำเลย
ในที่สุด ด้วยพยายามอย่างยากลำบาก เธอพยุงตัวเองขึ้นมาและเปล่งเสียงรอดไรฟันออกมา เจ้า..คอยดูเถอะ!” และวิ่งหนีจากไป
เหลียนฟางโจวเผชิญหน้ากับสายตาชาวบ้านที่ดูแตกตื่นไม่สร่าง  พลางโค้งคำนับไปรอบๆ ลุง ป้า พี่ น้องชายหญิงทั้งหลาย  เป็นฮูหยินหลิวผู้นั้นที่รังแกผู้อื่นอย่างต่ำช้า  เราพี่น้องไม่มีทางเลือกใดนอกจากโต้ตอบกลับ   หากสกุลหัวมาก่อความเดือดร้อนให้อีก  ได้โปรดช่วยเป็นพยานให้พวกเราด้วย
ชาวบ้านทั้งหลายต่างพยักหน้าตอบรับ   แล้วก็มีเสียงซุบซิบไปทั่วว่าพี่น้องเหล่านั้นไม่ใช่ฝ่ายที่ถูกรังแกง่ายๆอีกแล้ว
ฟางโจว ไม่ต้องกังวลไป  รังแกเด็กกำพร้าบิดามารดา  ผู้ทรงความยุติธรรมไม่ยอมปล่อยไว้แน่  หากข่าวลือเช่นนั้นแพร่สะพัดออกไป   ชื่อเสียงหมู่บ้าต้าฟางของเราย่อมถูกทำลายย่อยยับ!  หากพวกเขากล้ากลับมา และสร้างปัญหาอีก  ทุกคนจะช่วยกันเป็นปากเป็นเสียงแทนพวกเจ้าเอง!”
หญิงวัยกลางคนสวมชุดสีแดงเข้มสีซีดกล่าวออกมา  ชาวบ้านคนอื่นๆพลันเห็นพ้องต้องกันว่า  นางกล่าวได้ถูกต้องแล้ว  จากนั้นจึงได้ยินเสียงสุภาพสตรีท่านหนึ่งสลายฝูงชนที่มามุงดูกัน  อ้าว จบแล้ว เรียบร้อยแล้ว  ทุกท่านกลับไปยุ่งกับธุระตนเองเถิด!”
ป้าจาง ขอบคุณท่าน!”  เหลียนเซ่อ  โค้มหัวคารวะหญิงผู้นั้นอย่างนอบน้อม
อา,เด็กน้อย,นอบน้อมมากไปแล้ว!”  นางรีบหยุดยั้งเขาจากการคารวะและเปล่งเสียงอุทานว่า เอาล่ะๆ,พวกเจ้าก็รีบกลับเข้าบ้านได้แล้ว! ,ไปทำธุระที่คั่งค้างของพวกเจ้าเถิด,หากต้องการให้ข้าช่วยเหลืออันใด,เพียงมาหาข้าที่บ้าน   พูดคุยกัน   อย่าได้ลังเลนะ
ป้าจาง,ท่านได้ช่วยเรามามากแล้ว  ในภายภาคหน้าเราจะตอบแทนท่านและลุงหลี่อย่างแน่นอน”  เหลียนเซ่อเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง
ป้าจางถอนใจพลางกล่าวอย่างอ่อนโยนเด็กโง่เอ๋ย  พูดจาเหลวไหลใหญ่แล้ว! ตอนบิดามารดาเจ้ายังมีชีวิตอยู่  พวกเขาไม่ได้ช่วยพวกเราหลายครั้งหลายหนหรือ?  เราต่างเป็นคนบ้านเดียวกัน  อย่าได้คิดว่าตัวเองเป็นคนอื่นคนไกลเลย!”
ขณะพูดนางหันไปทางจั่วเหมย...คาดว่าเหลียงฟางโจวคงอยากกล่าวสิ่งใด  นางจับมือฟางโจว และเอ่ยต่อไปว่า สาวน้อยคนดี  อย่าได้เศร้าเสียใจไปเลย!  ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร  ก็จงมีชีวิตอยู่ต่อไปนะเจ้าเป็นพี่สาวคนโต  เช่นนี้แล้ว พวกเราอย่าได้สนใจคำพูดของผู้อื่นเลย  ดูแลเอาใจใส่น้องๆของเจ้าให้ดี  เจ้าต้องเข้มแข็งไว้นะ!”
หัวใจของเหลียนฟางโจวพลันอบอุ่น  เธอพยักหน้าแย้มยิ้ม พลางเอ่ยว่า ป้าจาง ขอบคุณท่าน  ข้าจะจดจำไว้  จากนี้ไป  คงไม่มีใครกล้าแม้แต่คิดรังแกพวกเราพี่น้องแล้ว!”
ป้าจางนึกถึงพฤติกรรมที่แข็งกร้าวของฟางโจวเมื่อครู่  พลันยิ้มและกล่าวว่า เยี่ยมมากที่เจ้ารู้จักคิดคาดการณ์สิ่งต่างๆ!”  แต่นางก็ยังอดกล่าวไม่ได้ว่า เจ้าแน่ใจหรือ  ที่สัญญาไปว่าจะถอนหมั้น?”
ป้าจาง”  เหลียงฟางโจวหัวเราะพลางกล่าวว่า ท่านอย่าได้ถามเลยว่าข้าแน่ใจหรือไม่  อีกฝ่ายได้แสดงเจตจำนงชัดถึงหน้าประตูบ้านแล้ว  แล้วเหตุใดข้าจะต้องทนทุกข์กับเรื่องกวนใจพวกนี้ด้วยเล่า
ใจของเหลียนฟางโจวพลันมืดครึ้มลง  ครุ่นคิด แต่งงานรึ? เธอคร้านที่จะอยากได้การแต่งงานที่น่าเบื่อหน่ายรำคาญ!  หากเธอสามารถยกเลิกการหมั้นหมายนั้นได้,เช่นนั้น...เธอถือว่าโชคดีหากทำไม่ได้มันคงเป็นโชคร้าย!
พูดได้ดี!” ป้าจางอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้ ช่างมีความมุ่งมั่นแรงกล้าดี!  ในที่สุดเจ้าก็สามารถปลงตกแล้วบิดามารดาของเจ้าที่อยู่บนสวรรค์ คงนอนตายตาหลับ!”
พอกล่าวถึงบิดามารดา  สีหน้าของเหล่าพี่น้องพลันสลดหดหู่
ป้าจางกล่าวอ่อนโยนด้วยความจริงใจว่า อย่าได้เศร้าเสียใจไปเลย  ไม่ช้าก็เร็วพวกเจ้าจักต้องเผชิญหน้ากับมัน!  มันคือความจริงของชีวิต  สำหรับพวกเราคนยากจน  สิ่งสำคัญที่สุดคืออยู่กับความจริง  อดทนอีกนิดแล้วมันจะผ่านไป!  เข้าใจหรือไม่  ป้าคนนี้คงต้องกลับแล้ว  เลยเวลามามากแล้ว  คงต้องรีบกลับบ้านไปเตรียมอาหารเย็นก่อน  ข้าได้บอกอาจวนให้เก็บถั่วไว้ และยังฟักเขียวอีก  อีกสักครู่ คงต้องกลับบ้านและไปเอาผักพวกนั้น
เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อรีบกล่าวขอบคุณ
เมื่อเห็นป้าจางจากไปแล้ว  สี่พี่น้องจึงพากันกลับเข้าบ้าน
บ้านของสี่พี่น้องมี3ห้อง เป็นห้องโถงใหญ่และห้องนอน2ห้อง  ข้างบนมีห้องใต้หลังคาซึ่งไว้ใช้เก็บเสบียงอาหาร   ส่วนครัวสร้างไว้นอกบ้านซึ่งอยู่ ใต้ชายคาตรงหัวมุมบ้าน
ภายนอกเรือนบางส่วนก่อสร้างด้วยหิน  ทว่าเนื่องจากผ่านกาลเวลามานาน   กระเบื้องหลังคาจำนวนครึ่งหนึ่งได้ถูกแทนที่ด้วยฟางหนา
ในขณะที่ภายใน นอกจากจะมีเครื่องเรือนไม้หยาบเก่าๆ เพียงไม่กี่ชิ้น และชุดถ้วยชาที่ไม่ครบชุดแล้ว ก็ยังขาดแคลนสิ่งทั้งหลายอีกมาก
ดูเหมือนว่าเหลียนฟางโจวไม่ได้เป็นคนหนักเอาเบาสู้   ด้วยเหลียนเซ่อที่เป็นเพียงเด็กโต  เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อที่เป็นเด็กเล็ก   ภายในบ้านจึงสกปรกรกรุงรัง  ช่างดูไร้ระเบียบจริงๆ
พี่ใหญ่  พักสักครู่เถิด  ข้าจะไปหุงข้าว จากนั้นอีกพัก จะไปเก็บผักในสวน  อาเช่อ...เจ้าไปดูเตาไฟให้หน่อย   ฟางฉิงไปดูซิว่าแม่ไก่แก่2ตัวกลับมาหรือยัง   โปรยอาหารให้มันกินด้วย  แล้วรีบไปปิดเล้าไก่ซะ  แต่ประหยัดหน่อยนะ  อย่าให้อาหารมันมากไปนัก
เหลียนเซ่อสั่งงานอย่างคล่องแคล่ว  น้องๆตัวน้อยพลันรับคำทันที
เหลียนฟางโจวลูบหน้าผากตนเองเบาๆ  เธอไม่ใช่พี่สาวคนโตหรอกหรือ?  เธอไม่ควรเป็นคนออกคำสั่งหรือ? และ...

แล้วพี่เล่าพี่ควรทำสิ่งใดเล่า?”  เหลียนฟางโจวอดถามออกมาไม่ได้

5 ความคิดเห็น:

  1. พี่หญิงจะจัดการเองแล้ววว

    ตอบลบ
  2. แหม๋ น่าจะสาดน้ำให้มากกว่านี้ สมน้ำหน้าาาาอิอิ

    ตอบลบ
  3. ตามมาจากเด็กดีค่ะ(เคยอ่านในเด็กดี) กลับมาเริ่มอ่าน บทที่1 ใหม่สนุกมาก ขอบคุณมากค่ะ🌸😊

    ตอบลบ
  4. ตามจากเด็กดีเหมือนกันค่ะ พี่สาวเริ่มหางานละ

    ตอบลบ
  5. นิสัยนางเอกท่าทางจะใช้ได้เลย

    ตอบลบ