วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 84 ทีมงานสมบูรณ์แบบ

                  พอเธอได้ยินป้าสามเอ่ยว่า “ดอกมู่เหมียน? ดอกหลูเว่ย?”  จึงพยายามเดาด้วยความตื่นต้นไปด้วย  พลันนางฉุกคิดขึ้นมาได้ “ข้าว่าน่าจะเป็นไหมนะ!”
                  “ใช่แล้วเป็นไหมจริงๆด้วย!”  ป้าสามอดลูบไล้ดูอีกครั้งไม่ได้  พลางถอนหายใจด้วยความอิจฉา “แต่ก่อน...ข้าเคยได้ยินมาว่า พวกเศรษฐีจะบุผ้านวมด้วยไหม  มิหนำซ้ำแพรพรรณและขนสัตว์มากมายหลากชนิดล้วนบุด้วยไหม  เกิดมาจนโตป่านนี้..ข้าเองยังไม่เคยเห็นสักที  ที่แท้หน้าตาเป็นเช่นนี้นี่เอง!  อุ๊ย ดูสิอุ่นจังเลย!  แถมยังเบา  และนุ่มอีกด้วยอย่างนี้ไงเล่า...พวกเศรษฐีเขาถึงชื่นชอบกันนัก!”

ดอกหลูเว่ย
   
ดอกมู่เหมียน(งิ้ว)
                   เหลียนฟางโจวมองเลยไปอีก  เห็นผ้าขนสัตว์อีก 5 ผืน  ล้วนบุด้วยไหมจนหนาอีกเช่นกัน  ซ้ำยังมีผ้าตัดชุดเป็นคู่ๆด้วย  มีผ้าสีฟ้า  สีน้ำเงิน  สีดอกเซ่วชิง  ซึ่งจะเข้าคู่กับผ้าลายตารางเฉดสีเดียวกันแต่เข้มกว่าซึ่งปักลวดลายไปทั่วทั้งผืน  หญิงสาวจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “เช่นนี้พวกเราก็มีผ้าตัดชุดใส่ในเทศกาลปีใหม่แล้ว!  เปี๋ยวเจี่ยฟางช่างคิดเผื่อพวกเราจริงๆ!”
ดอกเซ่วชิง
                  มิหนำซ้ำผ้าตัดชุดเหล่านี้  มีถึง 5-6 พับ เอาไปเย็บเป็นผ้าเช็ดหน้า และถุงใส่เงินได้หลายขิ้น  ช่างเหมาะกับชีวิตชาวบ้านชนบทมาก  นอกจากนี้ยังมีจี้มงคลอวยพรให้มีอายุยืนยาวและโชคดี 2 ชิ้น  และกำไลเงิน 2 คู่  ชุดเครื่องเขียน 1 ชุด—คงเตรียมมาให้โดยเฉพาะ  จากที่ได้ยินมาว่าปีหน้าเธอจะส่งเหลียนเช่อไปเรียนที่สำนักศึกษา 
จี้มงคลและกำไลเงิน

ชุดเครื่องเขียน
                  ฝ่ายป้าสามพอได้ยินว่าจะตัดชุดใส่ปีใหม่  เลยอดเบนสายตาไปยังเหลียนฟางโจวด้วยสายตาคาดหวังไม่ได้
                  เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “เรามาสรุปกันก่อน  ว่าใครอยากได้อะไรจะดีกว่า อย่างน้อยทุกคนควรได้ตัดชุดใหม่ใส่คนละชุด!”
                  “สามารถทำได้แน่นอน  ผ้าตัดเสื้อนี่มีมากมายเหลือเฟือเลย!”  ป้าสามปลื้มอกปลื้มใจมาก  เอ่ยว่า “หากจะเอาอย่างหรูนะ  ก็เข้าเมืองไปเลยพร้อมผ้าสีสดใสสัก 2 พับ จะได้ตัดเสื้อคลุมตัวนอก   ทันได้ใส่ในเดือนแรกของปีเลยนะ!”
                  นัยน์ตาของเหลียนฟางโจวพลันมืดหม่น  พลางถอนหายใจออกมา “นั่นอาจไม่ถูกต้อง   ป้าสาม..ท่านคงยังไม่ลืมใช่ไหม? พวกเราสี่พี่น้องยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์อยู่นะ!”
                  พอกล่าวจบ ป้าสามรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย  ใบหน้าของเหลียนเซ่อและน้องๆพลันปรากฏสีหน้าเศร้าสร้อย
                  “ไม่คิดเลยว่าท่านพ่อและท่านแม่  จะจากพวกเราไปได้กว่าครึ่งปีแล้ว  รู้สึกเหมือนว่าผ่านมายาวนานมากแล้ว!”  เหลียนเซ่อถอนหายใจออกมา
                  เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยเสียงนุ่ม  “ไม่ว่าท่านพ่อท่านแม่จะอยู่ที่ใด  พวกท่านยังคงคิดถึงพวกเราเสมอ  และคาดหวังในตัวพวกเรา  ดังนั้นพวกเราทุกคนต้องประพฤติตนให้ดี  ให้พวกท่านหมดห่วง!”
                  “พี่ใหญ่  ข้าจะตั้งใจเรียนให้เก่งๆอย่างแน่นอน  จะให้เก่งกว่าญาติผู้พี่ชายให้ได้!  คราวหน้าคราวหลังจะได้ไม่มีใครกล้ารังแกพี่ใหญ่ และน้องเล็กอีกแล้ว!”  เหลียนเช่อเอ่ยออกมา
                  “พี่ใหญ่ ข้าจะเป็นเด็กดีจะช่วยแบ่งเบาภาระ  จะไม่ทำให้พี่ใหญ่ต้องเป็นห่วง!” เหลียนฟางฉิงเอ่ยขึ้นอีกคน
                  ใจของเหลียนฟางโจวพลันอบอุ่น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อืม พี่ใหญ่รู้ว่าพวกเจ้าเป็นเด็กดีสักวันหนึ่งพวกเราจะมีชีวิตที่สุขสบายขึ้นและดีขึ้นอย่างแน่นอนมาเถิด  มาดูขนมที่เปี๋ยวเจี่ยฟางฝากมาให้พวกเราลองชิมกัน!”
                  เหลียนฟางโจวไม่ต้องการคุยเรื่องเคร่งเครียดอีกต่อไป  จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
                  ช่างเป็นของกินเล่นระหว่างมื้อ  ที่เด็กบ้านนอกหาโอกาสกินได้ยากอะไรเช่นนี้  กว่าจะได้กินต้องรอกันเป็นปีๆ  ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นขนมที่ต้องเป็นคนระดับเศรษฐีและคนมีชาติตระกูลเท่านั้น  ถึงจะได้มีโอกาสลิ้มลอง  เหลียนฟางฉิงจ้องมองด้วยดวงตาเป็นประกาย แล้วปรบมือ  เอ่ยชื่นชมด้วยรอยยิ้ม  ส่วนเหลียนเช่ออดมองอย่างตื่นตาตื่นใจไม่ได้
                  กล่องขนม 2 กล่องเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดมาตรฐาน  กล่องหนึ่งบรรจุขนมหวานหลากสีสัน  มีขนมหม่าตี๋  ขนมไป๋ถัง  ขนมกุ้ยฮัว  ขนมเปี๊ยะลู่ตู้   และขนมที่ทำจากนมวัว ส่วนอีกกล่องหนึ่งมีผลไม้แห้ง  และลูกกวาดหลากหลายชนิด ได้แก่ ลูกกวาด  ผลซิ่งแห้ง  ลูกเต๋าแห้ง   พุทราแห้ง  องุ่นแห้ง  และถั่วตัด แต่ละอย่างทำออกมาได้อย่างปราณีตมาก
ขนมหม่าตี้
ขนมไป๋ถัง



ขนมกุ้ยฮัว

ขนมเปี๊ยะลู่ตู้
                  “ช่างงดงามน่ากินจริงๆมันต้องอร่อยมากแน่ๆ!”  เหลียนฟางฉิงคลี่ยิ้มพลางหรี่ตามอง
                  ป้าสามอดสูดปากไม่ได้ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “พวกเรานี่..ช่างมีลาภปากได้กินของดีๆทั้งนั้นเลย!”
                  ส่วนเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ ทั้งสองคนไม่ชอบกินขนมระหว่างมื้ออาหาร  ทว่าเหลียนฟางฉิงกลับโปรดปรานอย่างที่สุด  รวมทั้งป้าสามด้วย  สองคนนี้ช่างชอบกินอะไรเหมือนๆกัน  ส่วนเมล็ดฟักทองและเม็ดเกาลัดที่เหลือ  ค่อยเก็บไว้กินในตอนเช้า
                  ดังนั้นเหลียนฟางโจว เหลียนเซ่อ และคนอื่นๆจึงลองชิมขนมเพียงแค่สองชิ้น  เหลือไว้ให้เหลียนฟางฉิงเก็บไว้กินนานๆ  เหลียนฟางโจวเรียกอาเจี่ยนให้มากินขนมด้วยกัน
                  อาเจี่ยนหัวเราะ “ข้าไม่ชอบกินของหวาน  ให้ฉิงกับเช่อกินกันเถิด!”
                  เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้มออกมา  แอบคิดในใจว่า  มีแต่คนพื้นๆที่ไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองของหวาน  เรื่องของเรื่องก็คือน้ำตาลหาใช่ของราคาถูกไม่  มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่ชอบกินจริงๆ  อาเจี่ยนย่อมไม่พูดปดแน่  เขาบอกว่าเขาไม่ชอบกิน  นั่นก็เพราะเขาไม่ชอบกินโดยนิสัย  เห็นได้ชัดว่าพื้นเพครอบครัวของบุรุษผู้นี้  เกรงว่าจะไม่ใช่คนต่ำศักดิ์....
                  “ได้”  เหลียนฟางโจวเลิกคิดต่อไปโดยปริยาย  เพราะจู่ๆก็โดนป้าสามสะกิดสีข้าง  ป้าสามดึงเธอให้มายืนอีกด้านหนึ่ง  กระซิบถามเบาๆ  “เป็นอย่างไรบ้าง?    เขาให้ยืมเงินหรือไม่?”
                  เหลียนฟางโจวตั้งใจจะไม่บอกป้าสามแน่นอนว่า เธอยืมเงินมา 10,000 ตำลึง  เพราะมันเป็นเงินก้อนใหญ่มาก  กลัวว่าป้าสามอาจเกิดอยากได้ เพราะอดใจไม่ไหว
                  เงินก้อนใหญ่อาจทำให้คนสติแตกได้  ไม่บอกป้าสามตั้งแต่แรกจะดีกว่า  นางจะได้ไม่ฟุ้งซ่านคิดละโมบ  หากนางเผลอหลุดปากออกมาเพราะความตื่นเต้น  รังแต่จะสร้างปัญหายุ่งยากตามมา  ปัญหาประการแรกสุดเลยก็คือ  ลุงและป้าใหญ่ที่จะเข้ามาก่อกวนพัวพันให้สลัดไม่หลุด
                  “อืม ก็ให้ยืมแค่เพียงพอเอาไปใช้”  เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “คืนนี้พวกเราก็มาหารือกันให้กระจ่าง  ป้าสาม...ครานี้ท่านขัดข้าไม่ได้แล้วนะ
                  “เจ้า..” ป้าสามอยากถามว่าเขาให้หลานสาวยืมเงินมาเท่าไร?  เหลียนฟางโจวกลับตอบคำถามนางไม่หมด  ไม่ยอมบอกจำนวนเงินจริงๆแก่นาง  ป้าสามจึงไม่ถามตรงๆแล้ว  แต่ไพล่ไปถามอ้อมๆแทน “เจ้ายังไม่ยอมยกเลิกความหวังปลูกฝ้ายอีกรึอย่างที่ข้าเคยบอกไป  นอกจากซื้อเมล็ดพันธุ์แล้ว  เจ้ายังต้องหาเงินมาซื้อที่ดินดีๆด้วยนะ? !”
                  “ท่านอย่าได้กล่อมข้าให้เปลี่ยนใจเลย  ถึงอย่างไร..ข้าก็ยังอยากลองดูก่อน!”  เหลียนฟางโจวโคลงศีรษะ เอ่ยว่า “เรื่องปลูกฝ้าย...ข้าคิดว่าข้าสามารถลองดูก่อนได้ เอ่อ..และอาจต้องกู้เงินเพิ่มด้วย!”
                  “ยังต้องกู้เงินเพิ่มอีกหรือ? “  ป้าสามร้องออกมาด้วยความผิดหวัง เอ่ยว่า “สกูลซู่  คงไม่ใช่เศรษฐีใหญ่โตกระมัง   หลังจากมารดาของญาติเจ้าได้ถึงแก่กรรม  มารดาเจ้าเคยได้ช่วยเหลือญาติผู้นี้นะยามนี้นางกลับลังเลที่จะช่วยพวกเจ้าพี่น้องเสียแล้ว....”
                  เหลียนฟางโจวจึงรีบเอ่ย  “ญาติผู้นี้เป็นคนดีจริงๆ  ข้าขอยืมเงิน  เขาก็ให้ยืมโดยไม่อิดออด  แต่ข้าไม่อยากติดหนี้นางมากเกินไปไม่แน่ปีนี้ อาจมีคนใจบุญเต็มใจให้เรายืมเงินเพิ่มก็เป็นได้!”
                  “เจ้าคิดเช่นนั้นรึ!” ป้าสามยิ้ม รู้สึกคลายความขุ่นข้องหมองใจลง                                                      หลังมื้อเย็น  เหลียนฟางโจวเลือกของฝากห่อเล็กๆมา 1 ห่อ เพื่อนำไปฝากครอบครัวป้าจางให้ลองชิมดู  ทั้งยังถือโอกาสคุยเรื่องเผาถ่านไปด้วย
                  ช่วงเวลานี้เธอต้องซื้อที่ดิน  รวมทั้งยังต้องซื้อข้าทาส  จ้างคนงาน  และซื้อปุ๋ยอีก จะต้องจัดการเรื่องทั้งหมดให้แล้วเสร็จ   เพราะปีหน้าเป็นช่วงเหมาะแก่การหว่านเมล็ดพันธุ์  ดังนั้นคงไม่อาจร่วมงานเผาถ่านได้อีกต่อไป 
                  เธอเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือนจึงไม่สะดวกกับการออกไปทำงานนอกบ้าน  ส่วนอาเจี่ยนนับว่าเป็นผู้เหมาะสมมากที่สุด   ทว่ากลับไม่เหมาะที่จะออกไปไหนมาไหนด้วยกันมากที่สุด
                  หากพูดกันตรงๆ  อาเจี่ยนเป็นบุรุษหนุ่มแน่น  ด้วยรูปร่างหน้าตาทำให้ใครเห็นก็รู้สึกเชื่อถือและไว้วางใจ  มิหนำซ้ำยังเปี่ยมด้วยวรยุทธ์ล้ำเลิศ  ไม่ว่ามองมุมไหนก็เหมาะเป็นผู้ออกหน้าไปทำงาน  อย่างน้อยที่สุด  เขาคงจะไม่ทำให้เหลียนฟางโจวขาดทุนเป็นแน่
                  แต่ดูอีกทีก็นับว่าไม่ถูกต้องนัก  บรรดาคนไร้บ้าน  เด็กกำพร้า  แม่หม้าย นับว่าเป็นกลุ่มที่ขยับตัวทำอะไรไม่ใคร่สะดวกนัก  เพราะเสี่ยงต่อการวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมได้                                         ดังนั้น  จึงต้องมีเหลียนเซ่อเข้ามาร่วมด้วยอีกคน
                  หากออกหน้าไปพร้อมๆกัน 3 คน ย่อมสมบูรณ์แบบที่สุด

                  ซึ่งเหลียนฟางโจวจะต้องรีบไปอธิบายป้าจาง  ลุงหลี่ และคนอื่นๆ ให้เข้าใจถึงความจำเป็นนี้โดยด่วน
   -----------------------------------------------------------------------------------
 ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ และทุกการติดตามนะคะ
 บทนี้ รูปเยอะไปหน่อย  จึงพยายามคัดเลือกลงแต่ของที่นึกภาพไม่ออกค่ะ

 แปลแล้วรู้สึกชะตารันทดมาก บ้านนางเอกเป็นที่รวมของผู้ด้อยโอกาสจริงๆ  ตอนนี้ก็ถึงเวลานางเอก ฟอร์มทีมงาน 3 ทหารเสือแล้ว  เตรียมพร้อมอย่างนี้ รับรองสำเร็จแน่ค่ะ ^-^




15 ความคิดเห็น:

  1. ยังดีค่ะ ที่นางเอกยังเป็นที่พึ่งให้ทุกคน 55

    ตอบลบ
  2. ลุ้นให้นางเอกตั้งตัวได้ไวๆ ตอนเผาถ่านนึกว่าจะได้แล้ว ตอนนี้มาลุ้นปลูกฝ้ายอีก ไม่รู้จะเจออุปสรรคอะไรบ้าง

    ตอบลบ
  3. สนุกค่ะ แปลได้สละสลวยขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  4. ถึงแม้เรื่องจะไม่ได้เน้นเรื่องความรัก พระ-นาง แต่ก็ยังน่าติดตาม ชอบการดำเนินชีวิต การฝ่าฟันอุปสรรคขิงีรอบครัวนางเอกน่ะค่ะ ขอบคุณที่แปลนิยายสนุก แหวกแนวจากนิยายอื่นฟ

    ตอบลบ
  5. ถึงแม้เรื่องจะไม่ได้เน้นเรื่องความรัก พระ-นาง แต่ก็ยังน่าติดตาม ชอบการดำเนินชีวิต การฝ่าฟันอุปสรรคขิงีรอบครัวนางเอกน่ะค่ะ ขอบคุณที่แปลนิยายสนุก แหวกแนวจากนิยายอื่นฟ

    ตอบลบ
  6. ลุ้นให้นางทำได้ ^ _ ^

    ตอบลบ
  7. มีรูปประกอบสวยๆอีกแล้ว ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  8. เอะ มีเรารู้สึกแปลกไปคนเดียวไหม รู้สึกว่านางเอกมีน้องสามคนไม่ใช่หรอเด็กผู้ชายอีกคนอ่ะ หายไปไหนแล้วอ่ะ มีอยู่ในบทแค่น้องสาวเองน่ะ

    ตอบลบ
  9. ขอบุณค่ะไรท์///ชอบรูปประกอบมากเลย

    ตอบลบ
  10. พูดถึงอยู่นะคะ แต่น้องผู้ชายชื่อคล้ายกัน ชื่อเหลียน
    'เซ่อ'กับเหลียน 'เช่อ' ค่ะ คุณSunder Deeอาจจะอ่านแล้วคิดว่าเป็นคนเดียวกันก็ได้ อาเจี่ยนก็พูดถึงอยู่ที่ว่า “ข้าไม่ชอบกินของหวาน ให้ฉิงกับเช่อกินกันเถิด!”
    ส่วนน้องเช่อก็พูดว่า - “พี่ใหญ่ ข้าจะตั้งใจเรียนให้เก่งๆอย่างแน่นอน จะให้เก่งกว่าญาติผู้พี่ชายให้ได้! คราวหน้าคราวหลังจะได้ไม่มีใครกล้ารังแกพี่ใหญ่ และน้องเล็กอีกแล้ว!” เหลียนเช่อเอ่ยออกมา -
    แต่น้องๆนางเอกก็น่ารักกันมากเลย

    ตอบลบ
  11. ชอบจัง เบาๆน่ารัก อ่านจอมนางหน่วย11 เครียดช๊าา

    ตอบลบ
  12. งั้นเผาถ่านก็มอบให้บ้านนู่นทำอย่างเดียวหรอ แอบเสียดาย

    ตอบลบ
  13. ขนมน่ากินมากเลยโดยเฉพาะขนมกุ้ยฮัว

    ตอบลบ
  14. เราชอบที่มีรูปประกอบให้ดูแบบนี้มาก ๆ เลยค่ะ
    ไม่ต้องเสียเวลาไปเสิร์จหาดูเองด้วย

    ตอบลบ