วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 99 เงินซื้อเมล็ดฝ้าย

                 เมื่อวานนี้เกือบทั้งคืน   เหลียนฟางโจวและบุรุษผู้นั้นคุมตัวนายท่านและนาง   บังคับให้พวกเขาเขียนหนังสือรับสารภาพและให้คำรับรอง  มีการประทับลายนิ้วมือ  พร้อมทั้งมอบหมายให้นางติดตามคนทั้งสองมาในวันนี้   ตามคำสั่งของพวกเขา
                  มีมีดจ่อคอหอยพวกนางอยู่   จะให้ไม่เชื่อฟังย่อมเป็นไปไม่ได้
                  นางมิเคยนึกฝันเลยว่าเหลียนฟางโจว  เด็กสาวที่ไม่มีทั้งบิดาและมาราดา ไม่มีเงิน ไม่มีคนหนุนหลัง  พูดได้ว่าเป็นเด็กสาวกำพร้าที่สู้ชีวิตเพียงลำพัง   ช่างเป็นคนที่เคี้ยวได้ยาก  ทั้งแข็งกร้าวอย่างน่าประหลาดใจยามที่ต้องเจรจารอมชอมกันเรื่องที่กระทำไปในวันนี้   เป็นเพราะนางถูกบังคับ!

                  ไม่เพียงแต่โดนบังคับ   ซ้ำยังลากนายท่านมาลงน้ำโคลนด้วย
                  ทั้งชีวิตของนายท่านผู้นี้เกรงว่า คงไม่เคยเจอประสบการณ์โดนเอามีดจี้คอมาก่อน   ครานี้เกรงว่านายท่านคงจะไม่ยกโทษให้เธอง่ายๆเป็นแน่!
                  เมื่อกลับไปถึงคฤหาสน์แล้ว  นางต้องใคร่ครวญหาวิธีดีๆ  เพื่อสลายความโกรธเกรี้ยวของนายท่าน....
                  ในใจของหัวจินเต๋ากู่ร้องด้วยความเศร้าเสียใจหากนางมิได้มัวแต่จะคิดชิงดีชิงเด่น  จู่ๆ ริก่อเรื่องขึ้นมา  นายท่านคงไม่ต้องเคราะห์หามยามซวยไปด้วย   และเรื่องน่าอับอายพวกนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้น!
                  นางได้รับความโปรดปรานอย่างมากมาโดยตลอด   ซ้ำยังคอยเพียรพยายามเอาอกเอาใจนายท่านอย่างดีมาเป็นนานสองนาน  แล้วไฉนถึงกลายเป็นการก้าวล่วงนายท่านไปได้นี่มิเท่ากับส่งตัวเจ้าสาวให้เขา แถมยังต้องเสียกองทัพไปด้วยหรอกหรือ(พยายามใช้เล่ห์กลกับศัตรู  แต่กลับพ่ายแพ้เป็นสองเท่า)กลายเป็นการสูญเสียครั้งมโหฬารจริงๆ !
      ***       
                  พอเหลียนฟางโจว เหลียนเซ่อ  และอาเจี่ยนสามชีวิตกลับถึงบ้าน  ป้าสาม เหลียนเช่อ และเหลียนฟางฉิงต่างออกมายืนรอต้อนรับ
                  “เป็นอย่างไรบ้างเรียบร้อยหรือไม่?”  ป้าสามรีบไถ่ถาม
                  น้องเล็กทั้งสองต่างร้องเรียกเสียงดัง “พี่ใหญ่!” พลางโถมตัวเข้ามาหา
                  เหลียนฟางโจวโอบประคองเหลียนเช่อและเหลียนฟางฉิงอย่างทะนุถนอม  พยักหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรียบร้อยดี ต่อไปก็มิต้องกังวลสิ่งใดแล้ว!”
                  “ไม่มีเรื่องอันใดแล้ว...เช่นนั้นก็ดี!”  ป้าสามเห็นอาเจี่ยนพยักหน้าให้   จึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มา เข้าบ้านไปกินอาหารกันเร็วข้าทำอาหารสำหรับพวกเจ้าเสร็จแล้ว  ยังร้อนๆอยู่ในครัวโน่นแหนะ!”
                  “ดีข้ากำลังหิวอยู่พอดีเลย!” เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม  ทุกคนต่างเข้าสาวเท้าเข้าไปในบ้าน
                  หลังจากกินอาหารกันไปพักหนึ่ง  อาเจี่ยนก็เอ่ยเสียงเนิบ “ท่านยุ่งวุ่นวายมาทั้งวัน  เย็นนี้คงเหนื่อยมากแล้ว  เช่นไร..ควร รีบกลับเข้าห้องไปพักผ่อนเถิดหากมีเรื่องอันใดไว้ค่อยจัดการพรุ่งนี้   คงไม่เสียเวลาเท่าไดหรอก  อาเซ่อ...เจ้าก็ไปพักด้วยนะ!”
                  ยามนี้เหลียนฟางโจวเหนื่อยล้าจริงๆนั่นแหละ  จึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “อุตส่าห์พูดเตือนพวกเรา  ท่านก็เหมือนกัน  เรื่องเมือคืนวาน  ถือว่าข้าโชคดีมากจริงๆ  มิเช่นนั้น...ข้าไม่รู้เลยจริงๆว่าจะมีชะตากรรมเช่นไร  สรุปว่า  ครานี้ต้องขอขอบคุณท่านมากจริงๆ!”
                  เรื่องราวจริงๆเบื้องลึกนั้น  เหลียนฟางโจวและอาเจี่ยนมิได้บอกเล่าในรายละเอียดกับใคร  ป้าสามและคนอื่นๆรู้เพียงว่า  เหลียนฟางโจวถูกฮูหยินเฉียวตีจนสลบแล้วถูกเอาไปขาย  เหลียนเซ่อรู้ดีว่า  เรื่องจริงๆไม่ใช่แค่นั้น
                  อาเจี่ยนเอ่ยเสียงเรียบรื่น “คำว่า ขอบคุณสองคำนี้   เจ้ารู้หรือไม่ว่าได้กล่าวออกมาหลายหนหลายคราแล้ว   ตั้งแต่ข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่เลย   อย่างไรย่อมเป็นเรื่องที่ข้าต้องทำตามหน้าที่อยู่แล้ว   เจ้าอย่าได้เกรงใจไป!”
                  “พี่ใหญ่” เหลียนเซ่อเอ่ยขึ้นอย่างสลดหดหู่ใจ  “ข้าจะพยามฝึกฝนวรยุทธ์อย่างหนัก ภายภาคหน้า จะได้ปกป้องพี่ใหญ่ได้!”
                  เรื่องที่เกิดในคืนเมื่อวานนี้  กระทบจิตใจของเหลียนเซ่ออย่างจัง  ทำให้เขาสำนึกได้  หากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของพี่เจี่ยน  เขาคงไม่มีปัญญาไปง้างปากป้าใหญ่และลุงลี่ให้พูดความจริงออกมาได้    นับประสาอะไรกับการไปช่วยเหลือผู้อื่นเล่า!
                  เป็นคราแรกที่เขาเกลียดตนเองยิ่งนัก  เกลียดการไร้ความสามารถของตัวเอง!   หากวิเคราะห์ให้ถ้วนถี่แล้ว  นั่นเป็นเพราะเขายังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ
                  “อาเจี่ยนบอกข้าว่าเจ้าทำได้ดีมาก  เหลียนฟางโจวยิ้มเอ่ยเสียงนุ่ม “เจ้าโตขึ้นแล้วนะ  พี่ใหญ่รู้สึกเบาใจนัก!”
                  อาเจี่ยนพยายามปลอบโยนเด็กหนุ่ม “เจ้าได้พยายามอย่างเต็มกำลังแล้ว  ตราบใดที่ยังไม่ยอมถอดใจ   สักวันหนึ่งเจ้าจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งและน่าเกรงขามเป็นแน่!”
                  เหลียนเซ่อพยักหน้าแรงๆ “อื้ม”
                  หลังมื้อเย็น  เหลียนฟางโจวอยากไปบ้านสกุลจางลี่  เพื่อนำเงินสำหรับซื้อเมล็ดฝ้ายไปให้   พร้อมทั้งปันเมล็ดถูเต้ากลับมาบางส่วนด้วย
                  ใครจะรู้ว่าพอเธอพูดว่าจะออกไปข้างนอก   เหลียนเซ่อ เหลียนเช่อ และเหลียนฟางฉิง ต่างโพล่งขึ้นราวกับนัดกันไว้ก่อน  “ข้าจะไปกับท่านด้วย!”
                  เมื่อเห็นดวงตากลมใหญ่ 3 คู่เรืองวาบ  เหลียนฟางโจวจึงยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว  เธอรับรู้ได้ว่าพวกน้องๆห่วงใยเธอยิ่งนัก
                  “เจ้าสองคนอยู่บ้านเถอะ  พี่ใหญ่...ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่านเอง   จากนี้ไป  เมื่อใดที่ท่านจะออกไปทำธุระในตอนเย็น  ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่านเอง!”  พอเหลียนเซ่อพูดจบ  ก็หันมากำชับน้องเล็กทั้งสอง  “มีข้าไปก็พอแล้ว  ตอนเย็นไม่อนุญาติให้พวกเจ้าออกไปข้างนอกเด็ดขาด!”
                  เหลียนฟางฉิงและเหลียนเซ่อร้องคราง   ทว่าก็ไม่กล้ารบเร้าขอออกไปด้วยอีก          
                  เหลียนฟางโจวรู้ว่าเหลียนเซ่อมีปมในใจกับเรื่องที่เขาไม่แข็งแกร่งพอจะช่วยเหลือพี่สาว   หากปล่อยให้เขาได้ลงมือปกป้องเธอด้วยตนเองบ้าง  บางทีเขาอาจรู้สึกดีขึ้น  คิดได้แล้วจึงพยักหน้ายิ้มให้  “เช่นนั้นก็ดี!  ไม่รู้ว่าจะได้เมล็ดถูเต้ากลับมามากหรือไม่เจ้าร่างกายแข็งแรง  ก็ช่วยถือให้พี่ด้วยแล้วกัน!”        
                  คำพูดนี้ทำให้เหลียนเซ่อกลับมาฮึกเหิมขึ้นอีกครั้ง   เด็กหนุ่มพยักหน้า  พลางเอ่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า  “พี่ใหญ่วางใจเถิด  ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง
                  “ข้าคงไม่ไปด้วย   ท่านรีบไปเถิดจะได้กลับมาแต่เนิ่นๆ!” อาเจี่ยนเข้าใจเจตนาของเหลียนฟางโจวดี   จึงพยักหน้าเอ่ยขึ้น
                  เหลียนฟางโจวค้อมศีรษะน้อยๆ พลางส่งยิ้มให้  แล้วออกข้างนอกไปกับเหลียนเซ่อ
                  ครานี้เธอพกเหรียญอีแปะทั้งหมดที่มีอยู่ไปด้วย   ถุงผ้าที่ใส่เงินเหรียญอีแปะนั้นทั้งใหญ่ และหนักอึ้ง
                  เงินเหล่านี้ เตรียมไว้จ่ายค่าเมล็ดพันธุ์ให้กับคนในหมู่บ้าน  เมล็ดพันธุ์ทั้งหมดล้วนเก็บรักษาไว้ที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านมาเป็นเวลานานแล้ว  รออีกสัก2-3วัน  จึงค่อยไปหาเจ้าหน้าที่ทางการเพื่อจ่ายค่าของ  แล้วขนเมล็ดดังกล่าวกลับมาภายหลัง
                  เมื่อจางลี่เจิ้งเห็นพี่สาวและน้องชายสกุลเหลียนปรากฏตัวขึ้น  จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อ้าว... พวกเจ้ามากันแล้วหรือ  ข้าก็ตั้งใจว่าจะไปถามพวกเจ้าอยู่พอดี!”
                  เรื่องที่จะถาม  ย่อมเป็นเรื่องที่หญิงสาวยังอยากได้เมล็ดพันธุ์อยู่อีกหรือไม่!   เพราะเห็นเพิ่งจะเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนั้นมาหยกๆ   จางลี่เจิ้งเป็นผู้ที่มักทำอะไรด้วยความรอบคอบเสมอ  จึงคิดว่าควรต้องไปถามไถ่หญิงสาวดูก่อน  ใครจะรู้เล่าว่าเหลียนฟางโจวจะมาหาถึงบ้าน  เรื่องนี้ทำให้ใจเขาชื่นชมหญิงสาวเพิ่มขึ้นอีกสองส่วนโดยไม่รู้ตัว   เด็กสาวผู้นี้ไม่ว่าจะทำสิ่งใดล้วนไคร่ครวญมาเป็นอย่างดี มิหนำซ้ำยังมีปัญญาหลักแหลมและไม่สั่นคลอน   ไม่ว่าสิ่งใดก็มิอาจทำให้นางเปลี่ยนใจได้ 
                  เหลียนฟางโจวหัวเราะเบาๆ “ข้าก็คิดอยู่ว่าจะมาชี้แจงให้ท่านลุงคลายความกังวลเช่นกันท่านวางใจเถิดเรื่องที่เคยตกลงกันไว้  ยังเหมือนเดิม  นี่คือเงิน 1,300 อีแปะ ท่านโปรดรับไปก่อน  คอยข้าเข้าเมืองไปแลกเหรียญอีแปะเพิ่มในวันพรุ่งนี้   แล้วพรุ่งนี้ตอนเย็นข้าจะเอาเงินส่วนที่เหลือมาให้กับท่านอีกครา เงินหนึ่งในสิบส่วนเป็นของท่าน  ข้าไม่รู้ว่าจะคิดเงินผิดไปหรือไม่”
                  ครั้นแล้วจางลี่เจิ้งพยักหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้น  พวกเราก็มานับกันอย่างโปร่งใสเถิด  เจ้ารอสักครู่  ข้าจะเป็นฝ่ายนับให้เอง!”  จากนั้นจางลี่เจิ้งก็เริ่มนับเงินแบบออกเสียง  ต่อหน้าเหลียนฟางโจวผู้พี่สาวและเหลียนเซ่อผู้น้องชาย
                  นับแล้วได้จำนวนครบถ้วนไม่ขาดไม่เกินแม้แต่นิด  ทั้งสองฝ่ายต่างรับรู้ตรงกัน  จางลี่เจิ้งบอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะออกไปแจ้งข่าวกับคนในหมู่บ้านให้  เหลียนฟางโจวกล่าวขอบคุณ   และเพื่อเป็นการขอบคุณกับการแจ้งข่าว  เหลียนฟางโจวจึงซื้อเมล็ดถูเต้าไป 40 ชั่ง คิดเป็นเงิน 80 อีแปะ
                  เมื่อจ่ายเงินครบถ้วนแล้ว   พี่สาวและน้องชายต่างพากันขนเมล็ดถูเต้ากลับไป
                  หนิวซื่อมองเงินถุงใหญ่บนฝ่ามือ  พลางเขย่าได้ยินเสียงดังกึ้งกึ้ง  อดเกิดความละโมบขึ้นมาในใจไม่ได้   แม้จะรู้ทั้งรู้ว่านี่คือเงินที่เหลียนฟางโจว  ให้สามีไว้จ่ายค่าซื้อเมล็ดพันธุ์จากคนในหมู่บ้าน  หาใช่เงินของตนเองไม่  ทว่าใครก็ตามพอมีเงินมาตกอยู่ในมือแล้ว  ก็อยากเอาไว้ใช้เสียเอง  ทำให้จู่ๆนางก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา
                  หนิวซื่อซู้ดปาก  แม้ว่าจะรู้สึกอิจฉา  ทว่านางก็ไม่เลอะเลือนแสดงความในใจให้ผู้อื่นล่วงรู้   ตระหนักดีว่าเงินนี้ไม่อาจยักยอกเอาไปได้
                  ทันใดนั้นหนิวซื่อฉุกคิดขึ้นมาได้  พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตาแก่  เราเอาเมล็ดฝ้ายของบ้านเราไปขายทั้งหมดเลยดีหรือไม่ถึงเราจะถูกบังคับให้ทดลองปลูก  ท่านมิสู้เก็บไว้ปลูกสักเล็กน้อยก็พอหรืออย่างไรก็มีมากกว่าหนึ่งพันชั่ง   ก็แค่เก็บไว้สักไม่กี่ชั่งพอให้ไม่เป็นที่ผิดสังเกตุก็ได้นี่!”
                  “เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอันใด!”  จางลี่เจิ้งเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์  “อย่าได้เอานิสัยอยากโกงเพื่อผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆของเจ้ามาเปลี่ยนใจข้าเชียวนะ  ข้าขอเตือนเจ้าไว้  หากในภายหน้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา  อย่าได้ต่อว่าข้าที่ไม่เข้าไปช่วยออกรับแทนเจ้าเด็ดขาด!”
                  ด้วยวาจาของฮูหยินเฉียวที่ได้ยินวันนี้  ทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมา  วันนี้มีคนอย่างเฉียวซื่อ  ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะมีจางซื่อ  หลีซื่อ ตามมาด้วยหรือเปล่าโชคดีที่เรื่องทำนองนี้นับว่าเป็นครั้งแรก   เรื่องที่เหลียนฟางโจวส่งถ่านมาให้จึงมีคนพูดถึงไม่มากนัก  หากปล่อยให้เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นมาอีก   กลัวว่าคงไม่อาจหาคำพูดมาแก้ต่างให้กระจ่างได้ง่ายๆแล้ว!
 ----------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับ การติดตาม คอมเมนต์ และความห่วงใยที่ส่งมาให้นะคะ
-หลังจากจบเรื่องราวปัญหากับญาติทั้งมวลแล้ว  ทีมนางเอกจะได้เริ่มต้นสร้างธุรกิจเสียที




      

13 ความคิดเห็น:

  1. แปลได้รื่น สละสลวยมากค่ะ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

    ตอบลบ
  3. สนุกมากค่ะ
    นางเอกใกล้จะได้ปลูกแล้ว ^ ^

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณคะ...คิดถึงไรท์ทุกวัน

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณค่า

    ตอบลบ
  6. สนุกมากครับดูแล สุขภาพด้วยครับ เรื่องเดินไปดีมากๆเลย

    ตอบลบ
  7. จะไปได้สวยรึเปล่านะ

    ตอบลบ