วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -ผลสรุป (2)

                 ยามอยู่ต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโสและจางลี่เจิ้งเหลียนฟางโจวอดยิ้มออกมาไม่ได้ เอ่ยว่า “ข้าน้อยก็หมายความตามนั้นเช่นกัน   ในเมื่อเป็นดังนี้แล้วต่างฝ่ายต่างก็ควรไปมีชีวิตของตนเองเถิด!”
                  เหลียนลี่อยากจะก่นด่าฮูหยินเฉียวสักสองสามคำ   ทว่าสิ่งที่เขาทำได้  คือการยิ้มฝืดเฝื่อนให้เหลียนฟางโจวและน้องชาย  พลางถอนหายใจออกมา  “ไยพวกเจ้าต้องฟังนางด้วย!   อันที่จริงสกุลของเรา  ไม่น่าถึงกับต้องแบ่งแยกชัดเจนถึงเพียงนี้เลย  โอว!  แล้วพวกเจ้า...จะให้ลุงใหญ่เอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”   เหลียนลี่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย

                  เหลียนฟางโจวแค่นเสียงในใจ   ขืนให้ป้ากับลุงคู่นี้หวนกลับมาอีก   ในภายหน้าเธออยากสลัดพวกเขาออกไป   คงทำได้ไม่ง่ายเช่นนี้อีก   ลุงของเธอคนนี้  ช่างเป็นคนที่จัดการได้ยากจริงๆ!   
                  การที่เหลียนลี่กลายเป็นคนเลว  เป็นเพราะผู้อื่นทำทั้งนั้น   มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่เป็นคนดี ดูสิ..ในภายภาคหน้าตัวเขาไม่อาจดูแลหลานๆได้อีกแล้ว  เขาแสดงท่าทีโศกเศร้าและหมดอาลัยตายอยากในชีวิตออกมา!  เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อไม่เข้าใจเขาเลย   ทั้งยังไม่ยอมให้อภัยเขาอีกด้วย   ช่างเป็นเด็กที่ไม่มีสำนึกดีชั่วเอาเสียเลย !
                  “ลุงไม่ได้ทำอะไรผิด  แล้วลุงจะกลัวสิ่งใดกัน?  สำหรับพวกเราพี่น้องรู้ซึ้งในเรื่องนี้ดี  ไหนเลยจะกล้าตำหนิลุงได้เล่า?   ไหนๆข้อตกลงนี้ก็ได้ถูกเขียนขึ้นมาแล้วด้วยวิธีนี้ป้าใหญ่คงจะเบาใจได้ขึ้นมาบ้างกระมัง!”
                  เหลียนฟางโจวยิ้มกว้างขวางให้เหลียนลี่เพื่อแสดงความจริงใจ
                  ไหนๆก็จะเสแสร้งเล่นละครกันแล้ว   เช่นนั้นพวกเราก็มาเล่นด้วยกันเถิด!
                  “โอว เจ้าเด็กคนนี้!”
                  “ลุงใหญ่  มิใช่ว่าพวกเราจะไม่เข้าใจท่าน!  ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด !”
                  ทั้งสองฝ่ายต่างก็พูดจาชิงไหวชิงพริบกันด้วยท่าทีถ้อยทีถ้อยอาศัย  ส่งผลให้จางลี่เจิ้งและบรรดาผู้เฒ่าของหมู่บ้านต่างลอบแลกเปลี่ยนสายตากันไปมา  ในไม่ช้าเอกสารสัญญาก็ถูกเขียนเสร็จสิ้น!
                  เอกสารสัญญาถูกเขียนขึ้นอย่างถูกต้องครบถ้วนกระบวนความ  จางลี่เจิ้งได้อ่านข้อความในเอกสารให้ทุกคนที่นั่นฟังอีกครั้งหนึ่ง  ในเมื่อทั้งสองฝ่ายไม่มีข้อคัดค้านใดๆ   ครั้นแล้วก็ประทับลายนิ้วมือบนเอกสารเป็นหลักฐาน   ฝ่ายจางลี่เจิ้งและเหล่าผู้อาวุโสของหมู่บ้านต่างก็ ประทับลายนิ้วมือในฐานะพยานด้วย
                  เอกสารสัญญาถูกจัดทำขึ้นเป็น 3 ฉบับ ทั้งสองฝ่ายต่างเก็บไว้คนละฉบับ  ส่วนฉบับที่เหลือจางลี่เจิ้งเป็นฝ่ายเก็บไว้  และแล้วเรื่องราวก็ดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายในที่สุด
                  ฮูหยินเฉียวยืนขึ้นจากพื้น   แค่นเสียงเฮอะใส่เหลียนฟางโจวและน้องชายนับไม่ถ้วน   ราวกับได้กำจัดภาระอันหนักอึ้งออกไปได้เสียที   จงใจมองผ่านหลานทั้งสองราวกับเป็นอากาศธาตุ
                  เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็วโดยไร้ซึ่งคำพูดใดๆ  ป้าใหญ่จะแสดงท่าทีดีๆกับพวกเขาสักหน่อยไม่ได้เลยหรือไร   ไยถึงได้หันหลังให้กันโดยสิ้นเชิงเช่นนี้เล่า?   นี่คงเป็นธาตุแท้ของนางสินะ!
                  “ในเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว  พวกเราก็กลับกันเถิด!  มาทำให้ท่านจางลี่เจิ้งและเหล่าท่านลุงอาวุโสของหมู่บ้านต้องเปลืองแรงเปลืองเวลามากมายเสียแล้ว  พวกเราขอถือโอกาสลากลับก่อนนะ  หวังว่าท่านทั้งหลายคงไม่ตำหนิ! “เหลียนลี่สาวเท้าเข้ามาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
                  เนื่องจากผู้อาวุโสแต่ละท่านต่างเดินทางกันมาเพื่อช่วยแก้ปัญหา  ไม่ได้มาเพื่อสังสรรค์เฮฮา  โดยธรรมเนียมแล้ว  ควรมีของขวัญตอบแทนให้ด้วย
                   ท่านปู่หลี่ต้า..หนึ่งในผู้อาวุโส  แสดงท่าทีไม่พอใจ!
                  เมื่อปีที่แล้วท่านปู่หลี่ต้าป่วยหนัก เกือบเอาชีวิตไม่รอด!   หนำซ้ำทั้งสภาพร่างกายและอายุล้วนชราภาพมากแล้ว    ย่อมต้องหลีกเลี่ยงคำพูดต้องห้ามต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความตาย   ยามที่ยืนอยู่นอกรั้วบ้านเหลียนลี่  พอได้ยินฮูหยินเฉียว  ตะโกนคำพูดว่า   ตาแก่ตายยาก   ซึ่งแทงใจดำเขาเป็นพิเศษ   พาให้ไฟโทสะของเขาลุกท่วมร่าง!
                  ไหนเลยท่านปู่หลี่ต้าจะปล่อยฮูหยินเฉียวไปง่ายๆเล่า?
                  “จะเสร็จเรียบร้อยได้อย่างไรกัน?”  ลุงลี่ต้าครางฮึ่ม  จับจ้องฮูหยินเขม็ง  พลางสืบเท้าเข้ามาอย่างไม่เร่งร้อน  แล้วเอ่ยขึ้น “การลงโทษครั้งนี้อาจไม่เพียงพอให้หลาบจำ  หากโทษทัณฑ์ไม่รุนแรง   คนอื่นๆอาจเอาเป็นเยี่ยงอย่างในภายหน้า   อันจะทำให้ชื่อเสียงของหมู่บ้านต้าฟางของเราพลอยเลวร้ายไปด้วยเหลียนเฉียวซี่  เนื่องจากฟางโจวและเหล่าพี่น้อง  พวกเขาไม่ต้องการให้เจ้าดูแล   ดังนั้นการลงโทษให้คุกเข่านอกศาลบรรพบุรุษหนึ่งวันหนึ่งคืนนับว่ายังน้อยเกินไป  อืม...ข้าเห็นว่าควรเพิ่มโทษ  โดยปรับเป็นเงิน 10 ตำลึงเข้าบัญชีกลางของหมู่บ้านด้วย  เจ้าดูแล้วคิดเห็นเป็นเช่นไร?”
                  สีหน้าฮูหยินเฉียวเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง   เบิกตากว้างจ้องหน้าปู่หลี่ต้า   อยากจะพูดอะไรออกมาแต่พูดไม่ออก   ได้แต่เบนสายตาขุ่นเคืองไปทางเหลียนลี่
                  “ข้าก็เห็นดีด้วย!”
                  “ดี  งั้นเอาตามนี้ เหลียนลี่...เจ้ามีถ้อยคำอันใดจะกล่าวหรือไม่?”
                  สำหรับการลงโทษเพิ่มครั้งนี้...เหล่าผู้อาวุโสของหมู่บ้านย่อมไม่คัดค้านอยู่แล้ว
                  ยามนี้ใจของเหลียนลี่เต็มไปด้วยความขมขื่น   แน่นอน..เขาไม่อยากเสียเงิน   ทว่ายามนี้ตัวเขาจะพูดอะไรได้เล่า ทุกอย่างย่อมอยู่นอกเหนืออำนาจเขา!
                  “ตกลง! ตกลง!”  เหลียนลี่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “พอกลับไปถึงบ้านแล้ว  ข้าจะรีบส่งเงินมาให้แน่นอน.....”
                  “อืม”  ลุงใหญ่แซ่จางเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นก็ดี เจ้าจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยอะไรให้กับพวกเราแล้ว!
                  พอฟังจบ  ส่งผลให้ริมฝีปากของเหลียนลี่กระตุกด้วยความโมโห   รู้สึกถึงความขมฝาดผุดขึ้นมาในลำคอทันที !
                  เหลียนลี่เลียริมฝีปาก  พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไฉนจะไม่ได้เล่า? แน่นอนที่สุดข้าย่อมต้องชดใช้  ฮ่าฮ่าฮ่า ! นี่คือผลที่ข้าต้องได้รับอยู่แล้ว!”
                  “เจ้าไม่ต้องมากพิธีไป!” ลุงใหญ่แซ่จางยิ้ม ไม่ยึดยื้ออีกแล้ว
                  เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อพยายามกลั้นยิ้ม   ทั้งหมดที่ลุงใหญ่แซ่จางกล่าวออกมาช่างฉลาดแยบยลนัก  มิหนำซ้ำยังจัดการได้ถูกต้องลงตัว  ทั้งยังมีการเอาคืนเล็กๆน้อยๆอีกด้วย   เหลียนลี่รีบกุลีกุจอเป็นคนพาชายชราไปส่งที่ประตูรั้วด้วยตนเอง   ลุงใหญ่แซ่จางจะทำอันใดได้เล่า?  ก็ทำได้แต่เพียงสาวเท้าเดินออกไปโดยมีเหลียนลี่ตามส่งอย่างนอบน้อม
                  “ดี! ดี! ทุกๆคนแยกย้ายกันไปได้แล้ว!”  จางลี่เจิ้งพยักหน้าให้เหล่าผู้อาวุโสของหมู่บ้าน พลางเอ่ยขึ้น
                  ยามนี้หัวจินเต๋าโพล่งขึ้นด้วยรอยยิ้ม  “ในเมื่อฟางโจวไม่ต้องการเงิน 5 ตำลึงนี้แล้ว  ป้าเฉียว...ท่านก็เอาเงินมาคืนให้ข้าซะดีๆ!   ข้าจะถือโอกาสเดินกลับบ้านไปพร้อมกับท่านเสียเลย! ถึงแม้จะเป็นเงินไม่มาก  แต่นี่ก็คือเงินที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของนายท่าน  คงไม่อาจเอาไปทิ้งขว้างอย่างไม่ระวังได้!”
                  ฮูหยินเฉียวโกรธจนหน้ามืด  จ้องหน้าหัวจินเต๋าด้วยสายตาชิงชัง ครางเสียงฮึ่ม ไม่เอื้อนเอ่ยอะไรสักคำ
                  ถึงอย่างไรเงินนี้ก็ไม่ใช่ของนางอยู่แล้ว  นางไม่อาจบอกปฏิเสธได้!
                  จางลี่เจิ้งเห็นว่าเหล่าผู้อาวุโสต่างทยอยกลับกันไปตามลำดับแล้ว  จึงเบนสายตามามองเหล่าคนสกุลเหลียนด้วยรอยยิ้ม “ผลการไตร่สวน  ได้ถูกตัดสินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  พวกเจ้าก็กลับกันไปเถิด!” พอกล่าวจบก็ปรายตานิ่งที่ฮูหยินเฉียวโดยเฉพาะ  เป็นนัยว่าต่อไปอย่าได้ปากมากอีก
                  “นางเด็กสมควรตาย!  พวกเจ้าไม่ตายดีแน่!”  พอเดินไปถึงประตูรั้ว ฮูหยินเฉียวขยับริมฝีปากถ่มน้ำลายรดพื้นแรงๆ  “เพ่ย!”  แล้วถลึงตาใส่เหลียนฟางโจวและน้องชาย
                  “เจ้าหุบปากเสียหยุดได้แล้ว!” เหลียนลี่ที่ยืนข้างๆตวาดใส่ฮูหยินเฉียว  เบนสายตามายังเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อด้วยแววตาเข้มลึกเล็กน้อย  เอ่ยเสียงเบา “ป้าใหญ่ของพวกเจ้าเป็นคนเจ้าอารมณ์  อย่าได้ถือสานางเลย!”
                  โดนตะโกนด่าปาวๆซึ่งๆหน้า   เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่ออึ้งไปเล็กน้อย  นี่แหละป้าใหญ่ของพวกเขา!
                  “ลุงลี่คิดมากไปแล้ว  ป้าใหญ่ป็นคนพูดจาโผงผางพวกเราไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงด้วยหรอก!”  เหลียนฟางโจวยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ได้ยินว่าญาติผู้พี่ชายจะเข้าสอบเป็นซิ่วไฉ(การสอบเป็นบัณฑิตของส่วนกลางระดับเมืองหรืออำเภอ) ปีหน้า  ในภายภาคหน้า อนาคตต้องไปไกลแน่  เพียงกลัวว่าในภายหน้า  พวกเราเดาว่าป้าใหญ่น่าจะพูดจาโผงผางกับพวกเราหนักข้อขึ้น ทั้งยังดูถูกเหยียดหยามพวกเราไม่เลิกอีกด้วย!”
                  พอกล่าวจบ เหลียนฟางโจวก็ส่งสัญญาณให้อาเจี่ยนกับเหลียนเซ่อออกเดิน
                  ใจของเหลียนลี่ดิ่งลง  จ้องหน้าฮูหยินเฉียว   อยู่ต่อหน้าหัวจินเต๋า  จะให้เขาพูดตอบโต้อันใดได้เล่า
                  หัวจินเต๋าปิดปาก หัวเราะ คิกคัก เลิกคิ้วขึ้น “ลุงเหลียน ป้าเฉียว ไปกันเถิดจะได้รีบไปเอาเงิน   ข้ายังต้องรีบกลับเข้าเมืองอีกนะ!”
                  ฮูหยินเฉียวมองหน้าหัวจินเต๋า  ในใจคิดว่าถึงอย่างไรหัวจินเต๋าตอนนี้อยู่ในเมืองก็นับว่าเป็นเศรษฐี  นางจึงจำต้องอดกลั้นไม่กล้าเปิดปากด่า   ขณะลอบคิดในใจ  คอยดูไปก็แล้วกัน  ในภายภาคหน้าพอลูกชายข้าได้เป็นขุนนางใหญ่ระดับสูง   ข้าก็จะมีหน้ามีตาเหมือนเจ้านั่นแหละ!’
                  หัวจินเต๋าได้เงินกลับคืนมาแล้ว  จึงขึ้นรถม้าเดินทางกลับ
                  พอเข้ามานั่งในรถม้า  สีหน้าของนางพลันดิ่งลงทันใด  พลางกัดริมฝีปากแน่น
   ----------------------------------------------------------------------------
 ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ และการติดตามนะคะ

 -ต้องขอโทษรีดทุกท่านด้วยนะคะ  ที่หายไปพักใหญ่ ไม่แจ้งข่าว เนื่องจากญาติผู้ใหญ่ที่บ้านหกล้ม สะโพกหัก เลยต้องคอยดูแล ที่ ร.พ.  จึงไม่มีเวลาแปลเลยค่ะ  ตอนนี้เริ่มเข้าที่เข้าทาง  พอมีเวลาแปลบ้างแล้วค่ะ





23 ความคิดเห็น:

  1. ค่ะ ต้องดูแลตัวเองแล้วก็คนที่เรารักก่อนดีแล้วค่ะ คุณผู้แปลหายไปไอเราก็คิดว่าเป็นอะไรหนักมากไหม ขอให้ญาติหายไวๆนะคะ รอได้เสมอค่ะ

    ตอบลบ
  2. ค่ะ ต้องดูแลตัวเองแล้วก็คนที่เรารักก่อนดีแล้วค่ะ คุณผู้แปลหายไปไอเราก็คิดว่าเป็นอะไรหนักมากไหม ขอให้ญาติหายไวๆนะคะ รอได้เสมอค่ะ

    ตอบลบ
  3. แค่มาแปลให้อ่านก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณมากค่ะ ที่แปลให้อ่าน

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณค่ะ ดูแลคนป่วยแล้วก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ ด้วยนะคะ (ในฐานะที่เคยดูแลหลานสาวที่ป่วยเรื้อรัง ญาติคนไข้ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีด้วย เพราะต้องใช้พลังงานมากที่สุดในการดูแลคนไข้ ญาติจึงห้ามป่วยค่ะ)
    ด้วยความห่วงใยค่ะ ขอให้ญาติผู้ใหญ่หายในเร็วนะคะ

    ตอบลบ
  6. สนุกมาก ขอบคุณค่ะ สู้ๆ นะคะ

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณมากๆนะ รอได้คะ พักผ่อนเยอะๆๆนะ

    ตอบลบ
  8. รอได้ค่า ขอบคุณนะคะ
    ขอให้ญาติหายไวๆนะคะ

    ตอบลบ
  9. ขอให้ญาติหายป่วยไวๆนะค่ะ///ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  10. หายไวไวนะคะ รอได้ค่ะขอบคุณที่แปลให้อ่าน

    ตอบลบ
  11. ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ตามตลอดค่ะ

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  13. เปนลุงป้ามหาภัยจริง

    ตอบลบ
  14. ขอบคุณที่กลับมาค่ะ

    ตอบลบ