วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 97 ผลสรุป (1)

                 ครั้นแล้วลุงสามแซ่จางจึงกล่าวว่า “เจ้าไม่ตีอกชกหัวแล้วรึไม่ส่งเสียงร้องแล้วรึ  ไยไม่ทำท่าแบบเมื่อกี้ต่อเล่า!  หมู่บ้านต้าฟางของเราไม่เคยประสบเรื่องราวร้ายกาจปานนี้มาก่อนพวกเด็กๆเขาหาเลี้ยงตัวเอง  ไม่ได้ขอข้าวขอปลาเจ้ากิน  ไม่ได้ขอเสื้อผ้าเจ้าใส่  พวกเขาเป็นหลานแท้ๆของเจ้า  พอญาติผู้ใหญ่ของสกุลออกปากว่าจะขายหลานสาว  แล้วก็เอาไปขายได้เลยทันทีอย่างนั้นรึ   ยังมีเรื่องอื่นใดอีกไหมที่เจ้าไปก่อปัญหาเอาไว้  แล้วยังไม่ปรากฏออกมา?   และก็เพราะยายแก่ตัวดีเช่นเจ้า พวกเด็กๆถึงต้องไปทุบประตูรั้วบ้านเจ้าขอเข้าไป   เพราะไม่รู้ว่าเจ้าจับพี่สาวเขาขังไว้ในบ้านเพื่อรอขายหรือไม่หากเรื่องนี้ถูกร่ำลือออกไป  คนหมู่บ้านอื่นจะมองหมู่บ้านเราเป็นอย่างไร!”   

                  ฮูหยินเฉียวก้มหน้าลง ไม่กล้าปริปากพูดสักแอะ
                  เหลียนลี่รีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฟู่เหรินผู้นี้เป็นคนโง่งมหาสาระไม่ได้   เหล่าท่านลุงผู้ใหญ่และพี่ชายที่เที่ยงธรรมทั้งหลายได้โปรดอย่าได้สนใจนางเลย!   สำหรับเรื่องนี้  พวกท่านอยากสั่งให้พวกข้าทำอะไร  พวกข้าก็จะรีบปฏิบัติตามทันทีพวกข้าพร้อมจะยอมรับคำบัญชาของเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย  และยินดีปฏิบัติตามทุกประการ  โดยไม่มิมีบิดพริ้ว!”
                  ลุงสามแซ่จางและเหล่าผู้อาวุโสต่างครางฮือออกมาพร้อมส่งสายตาแลกเปลี่ยนกัน   ใบหน้าพวกเขาปรากฏความพึงพอใจขึ้นมาหลายส่วน
                  ลุงใหญ่แซ่จางรอให้บางคนอารมณ์เย็นลงก่อน แล้วเอ่ยว่า “ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงบัดนี้พวกเราก็ยังสรุปผลไม่ได้กันเลยใช่ไหม?  เหลียนเฉียวซี่คุกเข่านอกศาลบรรพบุรุษหนึ่งวันหนึ่งคืนก่อน เพื่อทบทวนความผิดของตน  และให้แน่ใจว่าจากนี้ไปจะไม่ฝ่าฝืนกระทำความผิดอีก  ต่อไปพวกเจ้าสองคนผัวเมียจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันคิดอ่านเพื่อดูแลฟางโจวและน้องๆของนาง!”
                  “ตกลง ตกลง!  พวกเราจะทำตามที่ท่านบอกอย่างเคร่งครัด!”  เหลียนลี่รีบพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเป็นการตอบรับ
                  “ท่านลุงผู้อาวุโส ท่านลุงเจิ้ง!” เหลียนฟางโจวคุกเข่าต่อหน้าจางลี่เจิ้งและเหล่าผู้อาวุโส เอ่ยอย่างขึงขังว่า “ที่ท่านทั้งหลายได้สรุปว่า ให้ลุงและป้าใหญ่เป็นผู้ดูแล  ความตั้งใจดีของท่านลุงผู้อาวุโสและท่านลุงเจิ้ง  ตัวข้าซาบซึ้งยิ่งนัก   แต่ถึงกระนั้นข้ามิกล้ารับไว้จริงๆ!”
                  “ฟางโจว  เจ้าจะทำอันใด !”  เหลียนลี่รีบเอ่ยออกมา “เจ้าลุกขึ้นเร็วเข้า! เจ้าวางใจเถิดว่า  จากนี้ไปลุงจะดูแลพวกเจ้าและน้องๆอย่างดี    จะตั้งใจดูแลพวกเจ้าประดุจดูแลตนเองจะไม่ทำให้พวกเจ้าต้องทุกข์ใจจากความไม่เป็นธรรมอีก!”
                  ฮูหยินเฉียวพอได้ยินเช่นนั้น  อดเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้  พลางเบิกตากว้างตวัดสายตามองเหลียนลี่   ทว่าไม่กล้าคัดค้านอะไร
                  นางไม่รู้ว่าเหลียนลี่คิดคำนวณอันใดอยู่  เหลียนลี่ยามนี้ไม่มีท่าเป็นฝ่ายตั้งรับแล้ว   คงจะตรึกตรองเรื่องนี้ไว้อยู่นานแล้ว   การดูแลเหลียนฟางโจวและน้องๆ   จริงๆแล้วนับว่าไม่เลวเลยนี่อาจจะเป็นหนทางที่นางจะได้อ้างสิทธิ์ความเป็นญาติผู้ใหญ่  เอาที่นาของเด็กพวกนั้นมาดูแลเองแถมยังได้รับส่วนแบ่ง  จากการเข้าร่วมหุ้นเผาถ่านกับพวกสุกลหลี่  ซ้ำยังได้คนไว้ช่วยงานอีกด้วย....
                  เพียงให้เรื่องที่กำลังเผชิญอยู่นี้ผ่านไปก่อน  รอให้เรื่องซาลง   แล้วลงแรงจัดการเรื่องของพวกเด็กๆสักเล็กน้อย  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องปกปิดไม่ทิ้งหลักฐานอันใดไว้ให้คนจับได้  แล้วใครหน้าไหนจะรู้เล่า?
                  ทุกคนล้วนยุ่งวุ่นวายอยู่กับชีวิตตนเอง   คงมิอยากสิ้นเปลืองเวลามาจ้องจับผิดพวกนางนักหรอก มิหนำซ้ำหากสามารถปิดบังเรื่องชีวิตความเป็นอยู่  ไม่ให้รั่วไหลออกไปภายนอกได้  จะมีใครรู้อะไรเล่า?
                  ฝ่ายเหลียนฟางโจวยังคงขะมักขเม้น  คอยสอดส่องสายตาดูว่า  จางลี่เจิ้งและบรรดาผู้อาวุโสจะตำหนิอะไรนางหรือไม่?   เพียงกลัวว่าหากนางยังเรื่องมากเช่นนี้  ก็ไม่จำเป็นให้พวกเขามาช่วยเจรจาให้เสียแต่ทีแรกแล้ว!
                  บรรดาผู้อาวุโสและจางลี่เจิ้งไม่คิดเลยว่าเหลียนฟางโจวจะปฏิเสธ!
                  “ได้...ฟางโจว เจ้าวางใจเถิด  พวกเราจะไตร่สวนเรื่องนี้ให้จบเชื่อว่าหลังจากวันนี้ไป   พวกเขาจะได้รับบทเรียน คงไม่กล้าทำอะไรล้ำเส้นผู้อื่นอีกต่อไป!   ทว่าบ้านของพวกเจ้าไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่คอยจัดการดูแลเรื่องในบ้านเลย  ย่อมไม่ดีแน่!   ลุงสามแซ่จางเอ่ยออกมา หลังจากหารือกับผู้อาวุโสท่านอื่นๆ
                  “ลุงผู้อาวุโสและลุงลี่เจิ้งช่างมีความปรารถนาดีนัก  ทว่าพวกเราอยากดูแลตัวเองจริงๆ !”  เหลียนฟางโจวกำลังจะเปิดปากกล่าวอีกครั้ง  เหลียนเซ่อจึงรีบคุกเข่าข้างกายพี่สาว เอ่ยว่า  “ดังที่พี่สาวของข้าได้กล่าวไปแล้วลุงและป้าใหญ่พวกเขาทั้งสอง  ต่างต้องส่งเสียลูกชายซึ่งเป็นญาติผู้พี่ให้ศึกษาเล่าเรียน  ข้าและพี่สาวมีอายุไม่น้อยแล้ว  สามารถทำงานและดูแลน้องๆได้อย่างแน่นอน พวกเราจะไม่เพิ่มภาระอันใดให้กับลุงและป้าใหญ่!”
                  “ถูกต้องไม่เพียงเท่านั้น  ฟางโจวมีคำขอร้องที่ออกจะอวดดีสักหน่อย   ให้ท่านลุงผู้อาวุโสทั้งหลายได้โปรดรับฟัง   วันนี้ข้าขอประกาศให้ชัดแจ้งไปเลยว่า  จากนี้ไป ไม่ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น  พวกเราบ้านรองจะดูแลเรื่องของบ้านรองด้วยตนเอง   และจะไม่นำเรื่องพวกนี้มาให้ลุงและป้าใหญ่ต้องรับผิดชอบเลยแม้แต่น้อยแม้พวกเราไม่มีผักจะกิน หรือไม่มีข้าวจะกินจนถึงกับอดตายก็ตาม    พวกเรายินดีทำด้วยความเต็มใจ!”
                  ระหว่างที่เหลียนฟางโจวกล่าวออกมา  เธอก็ไม่ลืมที่จะเหลือบสายตาไปมองฮูหยินเฉียวด้วย    คนผู้นั้นยอมรับอย่างเสียไม่ได้   ซ้ำยังมีสีหน้าดื้อดึงและไม่พอใจให้เห็นอยู่
                  แท้จริงหาได้มีเหลียนฟางโจวผู้เดียวที่สังเกตุท่าทางฮูหยินเฉียว   ยามที่ฮูหยินเฉียวได้ยินว่าเหลียนลี่ยอมรับจะดูแลเหลียนฟางโจวและน้องๆ   เหล่าผู้อาวุโสและจางลี่เจิ้งต่างก็จับตาดูอยู่ด้วย            
                  ยามนี้เมื่อได้ฟังเหลียนฟางโจว  กล่าวถ้อยแถลงออกมาเสียมากมาย  ก็จำได้ว่าก่อนหน้านี้ฮูหยินเฉียวเคยกล่าววาจาเหล่านี้ออกมาจริง  อย่างเรื่องผักนี่ก็แปลก  เหลียนฟางโจวไม่ยอมให้นางไปเก็บผักที่สวนของหญิงสาว  แต่กลับเป็นตัวตั้งตัวตีส่งถ่านไปให้บ้านฮูหยินเฉียว  ส่วนฮูหยินเฉียวกลับบอกผู้คนว่าคนบ้านรองคิดไม่ซื่อวางกับดักนาง......
                  มิหนำซ้ำยังได้ยินมาแว่วๆว่า  แต่ก่อนสองผัวเมียคู่นี้เสแสร้งทำเป็นช่วยพวกเด็กๆเก็บเกี่ยวข้าวตอนฤดูใบไม้ร่วง  แล้วแทบจะขนย้ายข้าวเปลือกเกือบทั้งหมดไปไว้ในห้องใต้หลังคาของบ้านตนเอง  และก็ยังมีอีก ฮูหยินเฉียวอยากได้เงินที่ฟางโจวได้รับจากสกุลหยางเป็นค่าชดเชยที่ยอมถอนหมั้น   ยังไม่นับรวมเรื่องเล็กน้อยๆที่ได้ยินมาประปรายอีก!
                  เหล่าผู้อาวุโสของหมู่บ้านและจางลี่เจิ้ง  อดทอดถอนใจออกมาอย่างปลงสังเวชมิได้  คนผู้นี้ช่างโฉดชั่วเกินเยียวยา!  ไม่สงสัยเลยว่าไฉนเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ  กระหายจะหลีกหนีให้ไกลจากป้าคนนี้นัก!
                  เมื่อประจักษ์ชัดเช่นนี้แล้ว  หากยอมให้สองผัวเมียคู่นี้ดูแล  เกรงว่าในภายภาคหน้า  พี่สาวและน้องๆกลุ่มนี้  คงโดนกดขี่ข่มเหงไม่เลิกเป็นแน่!
                  “ฟางโจว  อาเซ่อ!   ไยพวกเจ้าถึงไม่ไว้ใจลุงของพวกเจ้าเล่ากล่าววาจาเช่นนี้ให้ลุงได้ยิน   ลุงรู้สึกเศร้าใจมากจริงๆ !”  เหลียนลี่ทั้งชิงชังทั้งขมขื่น
                  เหลียนฟางโจวและน้องชายต่างหันมาสบตากัน  เหลียนเซ่อเอ่ยว่า “ลุงลี่...พวกเรามีอะไรอยากจะบอก  เป็นความในใจที่เก็บเอาไว้ลึกลึกมานานแล้วพวกเราสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว   จึงไม่ต้องการพึ่งพาความช่วยเหลือของลุงอีกต่อไป !”
                  เหลียนฟางโจวพูดต่อว่า “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  วันนี้ขอพูดให้หมดเปลือกไปเลย  จะได้ไม่มีอะไรค้างคา  เพียงหวังว่าลุงและป้าใหญ่จะลองตรึกตรองดูในภายภาคหน้าจะไม่มีใครหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดกันอีกต่อไป   ซ้ำยังไม่มีเหตุผลที่ใครๆจะตำหนิพวกท่านว่าไม่ดูแลพวกเราด้วย  ลุง...ท่านจงเบาใจเถิดว่า  จะมิมีสิ่งใดมากระทบชื่อเสียงของครอบครัวลุงได้!”
                  เหลียนลี่ร่ำๆจะเปิดปากพูดอีกครั้ง  ฮูหยินเฉียวก็โพล่งขึ้นมา “นี่เจ้าพูดกับปากเองนะต่อหน้าผู้คนเหล่านี้  พวกเจ้าไม่อาจกลับคำได้แล้วนะ!”
                  “ไม่กลับคำแน่นอน!”  เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ  อยากเป็นฝ่ายกล่าวประโยคนี้ออกมามากกว่า
                  เหลียนฟางโจวเพิ่มเติมว่า “ไม่ว่าอะไรก็ตาม  หากมีใครอยากกลับคำ ย่อมไม่สามารถทำได้ท่านลุงผู้อาวุโสของหมู่บ้านและท่านลุงลี่เจิ้งจะเป็นผู้ชี้ขาด!”
                  “เนื่องจากฟางโจวผู้พี่สาวและน้องชาย ได้กล่าวออกมาเช่นนี้แล้ว   เหลียนเฉียวซี่ก็เห็นพ้องด้วยเหมือนกันก็ขอให้เรื่องนี้เป็นไปตามข้อตกลงนี้!  เหลียนลี่  ขอให้เจ้าวางมือเสีย และห้ามยืนกรานคัดค้านเด็ดขาด!   ข้าพิจารณาดูแล้วว่าฟางโจว และ อาเซ่อ อายุอานามไม่น้อยแล้ว  สามารถดูแลชีวิตครอบครัวตนเองได้ ภรรยาของเจ้าก็เป็นเสียอย่างนี้   ครอบครัวทั้งสองย่อมมีปากมีเสียงกัน  ย่อมหาความสงบมิได้  บ้านทั้งสองต่างไม่ลงรอยกัน  ทั้งไม่ดีต่อกัน! เจ้าว่าใช่หรือไม่?  จางลี่เจิ้งกล่าวออกมา
                  ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างพยักหน้าเห็นพ้อง
                  ส่งผลให้เหลียนลี่น่าเสีย  เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง  ครั้นแล้วจึงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก  พลางถอนหายใจออกมา  “หากเป็นเช่นนี้    ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วโอ! เด็กพวกนี้  ลุงเจ้าอับอายนัก!”
                  เหลียนลี่ถอนหายใจ  ทั้งชิงชังขมขื่น  ทั้งยังอับอายขายหน้า  ซ้ำยังไม่กล้าพูดกับใครแม้แต่เพียงครึ่งคำ   คิดย้อนไปก็เห็นจริงตามนั้น   เขาไม่เคยอยากดูแลเหลียนฟางโจวและน้องชายอย่างจริงใจเลย   ซ้ำยังคอยแต่จะหาทางปองร้าย   แสร้งทำเพื่อหวังผลประโยชน์   นับแต่นี้ต่อไป  เขาย่อมไม่มีสิทธิ์พูดอ้างหลักการดีงามใดๆมาหว่านล้อมผู้คน   ให้สนับสนุนเขาเป็นผู้จัดการผลประโยชน์ของผู้อื่น  หมดสิ้นโอกาสฉกฉวยแล้ว
                  “ลุงลี่...ท่านอย่าได้เป็นเช่นนี้เลย!”  เหลียนฟางโจวมีท่าทีนอบน้อมมาก เอ่ยอย่างกระดากใจ “แค่ปากพูด ย่อมไม่มีข้อพิสูจน์   เมื่อถึงตอนนั้นหากมีใครหยิบยกเรื่องนี้มาทำลายชื่อเสียงของลุงและป้าใหญ่   พวกเขาย่อมขาดหลักฐานอันน่าเชื่อถือ....

                  “เช่นนั้นก็เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ เขียนไว้จะได้ไม่มีข้อกังขา  จากนี้ไปทั้งสองบ้านจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน    ข้าขอรับประกันว่า  จะไม่ไปเหยียบประตูบ้านเจ้าเด็ดขาด !”   จู่ๆฮูหยินเฉียวก็พูดโพล่งขัดจังหวะเหลียนฟางโจวขึ้นมาทันใด
------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ และการติดตามค่ะ ^-^



24 ความคิดเห็น:

  1. ตัดขาดกันเลยดีสุด

    ตอบลบ
  2. รู้สึกเป็นตอนที่ดีที่สุดตั้งแต่อ่านมาในช่วงหลังเลยค่ะ 555 ที่สองลุงป้านั่นจะไม่มายุ่งได้อีก แต่ก็ต้องยอมรับว่าสองคนนั้นเก่งกาจในเรื่องฉกฉวย คงมาวุ่นวายอีกเป็นแน่
    รออ่านตอนต่อไปค่ะ มาอัพไวๆ นะคะ สู้ๆ

    ตอบลบ
  3. คนแบบนี้ตัดขาดไปได้จะดีที่สุด

    ตอบลบ
  4. หวังว่าจะหลุดจากลุงป้าคู่นี้ได้จริง ๆ นะ

    ตอบลบ
  5. ตัดขาดลุงป้าคู่นี้ไปให้พ้น ๆ ดีที่สุดแล้ว

    ตอบลบ
  6. ตัดให้ขาดไปเลยจะได้ไม่เอาความเป็นญาติผู้ใหญ่มาหาทางเอาเปรียบฟางโจวกับน้องได้อีกแต่โดนลงโทษแค่คุกเข้ารีดว่ามันน้อยไป

    ตอบลบ
  7. ปลาติดกับ ชอบใจความไม่คิดของฮูหยินเฉียวก็ตอนนี้เเหละ

    ตอบลบ
  8. เขียนมาเลยยยจะได้เป็นไทเสียที ห่านนนน

    ตอบลบ
  9. เยสสส!! ทั้งสองบ้านไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ป้าพูดเองนะได้เสียใจกับคำพูดตัวเองแน่นอน 5555 มีหนังสือด้วย 5555 ไส้เขียวแน่

    ตอบลบ
  10. จริงๆแล้วป้าเฉียวก็ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่นะ

    ตอบลบ
  11. ตัดเลยตัดเลยค่า😊😊🤣🤣

    ตอบลบ
  12. ตั้งแต่พูดคุย คำพูดฮูหยินเฉียวที่ให้เขียนสัญญาว่าจะไม่ข้องเกี่ยวเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นประโยคที่พูดแล้วเข้าหูที่สุด นางช่างคิดน้อย ใจร้อน ถามจริงเถอะว่า ใครเบียดเบียนใครกันแน่

    ตอบลบ
  13. ตัดให้ขาดไปเลย...ลุงป้านิสัยยังกับแร้งกาชอบฉกฉวย
    รังแกเบียดเบียนกันขนาดนี้ ///โอ้ย...อิน

    ตอบลบ
  14. อย่ามาเหยียบนะแกรรรร

    ตอบลบ
  15. รู้มั๊ย...ฉันมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ

    ตอบลบ
  16. รีดรอไรท์อยู่นะค่ะ

    ตอบลบ
  17. รอนะคะะ

    ตอบลบ
  18. มารอทุกวันเลยใจจะขาด

    ตอบลบ
  19. คุณEmpty Mindขาาาา คิดถึงทั้งผู้แปลทั้งงานแปลนะคะ เป็นอะไรรึเปล่าคะ เป็นห่วงนะ

    ตอบลบ
  20. เข้าทางนางเอกสิค่ะ เขียนเลยยยย

    ตอบลบ
  21. ต้องบอกว่าไม่สะใจเลย แต่ตัดขาดกับลุงป้ามหาลัยได้ก็ดีเหมือนกัน

    ตอบลบ